GE265 สระมังกร มุ่งสู่ดินแดนแห่งเมฆา [ฟรี]
สระมังกรคือเขตหวงห้ามของเผ่าลั่วหยุน
บริเวณนั้นปกคลุมด้วยหมอกสีดำ ไร้ซึ่งพืชพรรณ ของเหลวภายในสระคือโลหิต
เพียงสูดดมหมอกสีดำเข้าไปก็ทำให้หนิงฝานรู้สึกราวกับปราณอสูรของตนได้ยกระดับ ปราณอสูรที่หนาแน่นเช่นนี้ อาจช่วยให้บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณใน 100 ปีได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องแช่อยู่ภายในสระตลอดเวลา
ด้วยปราณอสูรที่ทรงพลังจนเกินไป มีอสูรหลายตนที่มาฝึกฝนที่นี่และไม่อาจทนปราณไหวจนสิ้นใจไปก็มาก เลือดเนื้อของอสูรเหล่านั้นได้หลอมรวมเติมเต็มให้สระแห่งนี้อยู่ไม่ขาด
หนิงฝานขมวดคิ้ว โลหิตภายในสระมังกรเป็นสีดำสนิท มองไม่เห็นก้นสระ สระแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญของเหล่าอสูรแห่งเผ่าลั่วหยุน ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะยกระดับตนเป็นอสู่ขอบเขตตัดวิญญาณ แต่หากผู้ที่ผิดพลาดก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสระแห่งนี้
อันตราย และ โอกาส นั่นคือสิ่งที่สระมังกรมี
“สระมังกรแห่งนี้ลึกจนดูราวกับไร้ก้นหลุม แต่ภายในสระมีปราณอสูรที่หนาแน่นมาก มันช่วยย่นระยะเวลาในการฝึกฝนได้ไม่น้อย… สระแห่งนี้กว้าง 9000 จ้าง ลึก 9000 จ้าง มีอสูรมากมายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน และเหตุที่มันเรียกว่าสระมังกรนั้นก็เพราะ ในอดีตมีมังกรได้สิ้นใจลงที่นี่ เลือดเนื้อของมันได้ผสานเชื่อมต่อกับเส้นชีพจรพิภพ ทำให้มีปราณจากธรรมชาติหล่อเลี้ยงที่นี่อยู่ตลอดเวลา”
“รายละเอียดของมันข้าก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่ยามที่ข้าจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ข้าลงไปในสระลึกกว่าพันจ้าง อยู่ในนั้นเป็นเวลา 100 ปี... ในอดีตมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดตายในสระนี้มากมาย พวกมันกระทำเกินกำลัง ลงลึกจนเกินไป เมื่อปราณอสูรเริ่มกั่นกร่อนร่างกาย อสูรทมิฬ ในสระก็ลอบจู่โจม… ลู่เป่ย เจ้าจำไว้ให้ดี อย่าได้ทำอะไรจนเกินตัว!”
“อืม...” หนิงฝานหลับตา ก่อนจะลงไป เขาต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน จึงยืนนิ่ง มือไพล่หลังอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 3 วัน
เมื่อร่างกายและจิตใจพร้อม เขาก็กระโดดลงไปในสระทันที เขาลงไปลึกกว่าพันจ้าง ปราณในระดับความลึกนี้รุนแรงมาก จนทำให้เขายกระดับพลังได้เร็วกว่าข้างนอกเกือบ 3 เท่า
หากเป็นภายนอก เหล่าอสูรต้องสั่งสมปราณอสูรนานกว่า 300 ปีก่อนจะพร้อมทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ
แต่ที่นี่ไม่นานขนาดนั้น บางทีแค่ไม่กี่ปี่ก็อาจทะลวงขอบเขตได้แล้ว
ยามนี้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตราย เขารู้สึกราวกับมีบางสิ่งจับจ้องตนเองอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นอสูรทมิฬเหมือนอย่างที่ชายชรากล่าว
เขาลองแผ่นสัมผัสกระบี่ไปรอบกาย แต่ก็แผ่ออกไปได้แค่ 100 จ้างเท่านั้น
ดูเหมือนที่นี่จะต้องกันสัมผัสเทพ แต่ถึงหนิงฝานจะแผ่ออกไปได้เพียง 100 จ้าง หากเป็นคนอื่นจะแผ่ออกไปได้เพียง 3 จ้างเท่านั้น ที่สำคัญ คนเหล่านั้นก็ไม่มีสัมผัสกระบี่เหมือนหนิงฝาน
หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้ปราณอสูรบริเวณนี้จะหนาแน่น แต่เขายังทนกับมันได้ จึงได้ลงลึกยิ่งกว่าเดิม ในระดับ 2000 จ้าง… 3000 จ้าง… และ 9000 จ้าง!
ตำแหน่งที่หนิงฝานอยู่ในยามนี้ ดูคล้ายกับบริเวณที่ถูกตัดแบ่ง สีของโลหิตต่างจากทั่วไป ความหนานแน่นของปราณทำให้ยกระดับได้รวดเร็วกว่าทั่วไป 6 เท่า หากอยู่ที่นี่ 50 ปี อาจทำให้บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณได้
ความหนาแน่นของปราณทำให้หนิงฝานรู้สึกอึดอัด แต่เมื่อพลังจากขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 ของตน ก็ขับความรู้สึกเหล่านั้นออกไปได้
“ถ้าข้าอยู่ที่นี่ 40 ปี ข้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ แต่ข้าให้เร็วกว่านั้น...”
ยิ่งลึกลงไปในสระหนิงฝานยิ่งรู้สึกได้ถึงสายตาจำนวนมากของสัตว์ทมิฬที่กำลังจับจ้อง
ไม่นานแสงสีดำสายหนึ่งก็ตรงเข้าหา มันมุ่งหมายเข้าจู่โจมตันเถียน
แสงสีดำนั้นดูเหมือนเป็นวิชาอสูร
“เกราะ!” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา ทั่วร่างปกคลุมคลุมด้วยเกราะสีเงิน เมื่อแสงสีดำสายนั้นเข้าถึงตัว ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่แสงสายนั้นยังไม่อาจทะลวงผ่านเกราะเข้าไปได้
เมื่อสังเกตุดีๆ แสงสีดำนั่นคือสัตว์อสูรขนาดเล็ก มีเขี้ยวเป็นพิษแหลมคม ที่แผ่นหลังของมันมีปีกขนาดเล็ก
สัตว์อสูรเหล่านี้อยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่พวกมันทรงพลังและรวดเร็วเป็นพิเศษ ไม่แปลกที่อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดจะตายเพราะพวกมันไปมากมาย
มันคาดไม่ถึงว่าเกราะของหนิงฝานจะทรงพลังจนไม่อาจสัมผัสกาย ดังนั้นมันจึงคิดหลบหนี
แต่เมื่อมันขยับตัวได้เพียงเล็กน้อย หนิงฝานเร่งโคจรปราณอสูร แล้วคว้าจับตัวมันอย่างรุนแรงจนแทบจะทำให้มันตายคามือ
เขาขมวดคิ้ว ถึงสัตว์อสูรตัวนี้จะอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่บางทีที่นี่อาจมีขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง สูง และสูงสุดอยู่ หากโดนพวกมันจู่โจมต่อเนื่อง เกราะของเขาคงเอาไม่อยู่… บริเวณนี้อันตรายมาก
หากจะนำผู้คุ้มกันอย่างทหารศิลาและเหว่ยเหลียงออกมา เขากลัวว่าทั้งสองจะต้านทานปราณอสูรที่หนาแน่นไม่ได้ จนอาจทำให้ทั้งสองถึงแก่ความตาย
“ดูเหมือนข้าต้องระวังตัวเอง”
ในขณะนั้น อสูรทมิฬเปล่งพิษที่รุนแรงทั่วร่าง เพื่อพยายามดิ้นให้หลุดจากหนิงฝาน
ทันใดนั้น รถเพลิงทองคำที่อยู่ในกระเป๋าหนิงฝานก็เกิดปฏิกริยาบางอย่าง
“ขุมทรัพย์มังกรทมิฬ! กลิ่นอายแบบนี้ต้องเป็นขุมทรัพย์มังกรทมิฬไม่ผิดแน่! รีบให้ข้าออกไป ข้าสัมผัสได้ว่าที่นี่มีขุมทรัพย์มังกรทมิฬ ที่นี่เหมาะให้ข้ายกระดับพลังมาก ให้ข้าออกไปเถอะ!”
หนิงฝานประหลาดใจ มังกรทมิฬกล่าวว่าที่นี่มีขุมทรัพย์มังกรทมิฬ!
การที่มีมังกรทมิฬเป็นผู้รับใช้ก็ไม่นับว่าแย่ อย่างน้อยมันก็อยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง หากได้มันเป็นผู้คุ้มกัน เขาก็ไม่ต้องกังวลกับอสูรทมิฬในนี้
เขาสัมผัสกระเป๋า นำรถเพลิงทองคำออกมา
เมื่อมังกรทมิฬได้ออกมา แววตาของมันเผยความตื่นเต้น มันอยากออกจากรถเพลิงทองคำเพื่อดูดซับปราณอสูรและก่อร่างขึ้นมาใหม่
แต่น่าเสียดายที่หนิงฝานได้ทำให้มันกลายเป็นดวงจิตของรถเพลิงทองคำแล้ว หากเขาไม่อนุญาติ มันก็ออกมาจากรถไม่ได้
“ให้ข้าออกไปเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะได้รับพลังจากสุสานมังกรทมิฬแล้วทะลวงขอบเขต ข้ารู้ว่าเจ้าจะอิจฉา แต่ปล่อยข้าออกไปเถอะ ไม่งั้นข้าจะโกรธจริงๆนะ เวลาโกรธข้าน่ากลัวมากนะ”
“หนวกหู!”
หนิงฝานกระตุ้นตราประทับวิญญาณ ทำให้มังกรทมิฬร้องลั่น และกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้วนานท่าน!”
“ถ้าครั้งหน้าจะกล้าทำแบบนี้อีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ตอบมาว่าขุมทรัพย์มังกรทมิฬคืออะไร?”
เมื่อครู่มันดีใจจนเกินไป และบอกเล่าถึงความไม่ธรรมดาของขุมทรัพย์
เรื่องขุมทรัพย์คือความลับของเผ่าพันธุ์มังกรทมิฬ มันไม่มีทางบอกหนิงฝานอย่างแน่นอน
“ข้าก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอก...”
“ข้าให้เวลา 3 ลมหายใจ! หากไม่พูดความจริง...ตาย” หนิงฝานกล่าวอย่างจริงจัง
หนึ่งลมหายใจ
สองลมหายใจ
เมื่อถึงลมหายใจที่สาม มังกรทมิฬกัดฟันกล่าว “ก็ได้ๆ บอกก็ได้… มันคือขุมทรัพย์ของเผ่าพันธุ์มังกรทมิฬ ผู้อื่นไม่ค่อยได้ประโยชน์จากมันนักหรอก” มันคิดว่าโชคชะตาของมันเลวร้ายมาก ทั้งโดนตัดกรงเล็บ โดยผสานเป็นส่วนหนึ่งของรถเพลิงโบราณ แต่สุดท้าย การที่มันได้ประสบโชคชะตาเช่นนั้น ก็ทำให้มันได้พบขุมทรัพย์มังกรทมิฬ
“บอกมาได้แล้ว!” หนิงฝานซัดฝ่ามือใส่รถเพลิงทองทำ
“เดี๋ยวสิ ข้ายังไม่ได้เริ่มเลย! จริงๆแล้วขุมทรัพย์มังกรทมิฬคือสุสานของราชามังกรทมิฬ ท่านตายที่นี่ แต่ด้วยเพราะภูมิประเทศที่พิเศษของที่นี่ ทำให้ร่างของท่านผสานกับเส้นชีพจรพิภพ ทำให้ร่างกายของท่านไม่เน่าสลาย โลหิตยังคงอยู่ แต่ผู้ที่จะดูดซับได้นั้น มีเพียงมังกรทมิฬทีมีพรสวรรค์เท่านั้นที่จะดูดซับโลหิตของท่านได้ หากดูดซับได้หมดนั้น อย่างน้อยๆก็จะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง” มังกรทมิฬกล่าว
“ราชามังกรทมิฬ...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว จากจารึกอสูรที่ได้อ่าน มังกรนั้นมีหลายสายพันธุ์ แต่ยามนี้ สายพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดคือมังกรอัสนี
แต่ก่อนที่เผ่าพันธุ์มังกรจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ มังกรทมิฬแข็งแกร่งที่สุด
นั่นหมายความว่า สระมังกรแห่งนี้คงอยู่มาก่อนที่ลานสวรรค์โบราณจะล่มสลาย?
และที่นี่ก็มีซากร่างของมังกรทมิฬโบราณอยู่
แม้แดนที่สองแห่งนี้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันกลับซ่อนสิ่งที่น่าตื่นตะลึงเอาไว้
“เจ้ามีวิธีจัดการกับอสูรทมิฬหรือเปล่า?” หนิงฝานกล่าวถาม
“อสูรทมิฬ? พวกมันเนี่ยนะ แค่ข้าปรากฏตัวพวกมันหนีนางจุกก้นแล้ว!” มังกรทมิฬกล่าว
“ดี! งั้นข้าจะให้เจ้าทำหน้าที่คุ้มกัน ข้าจะยกระดับปราณที่นี่ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น ข้าจะกระตุ้นตราประทับสังหารเจ้าทันที!”
หนิงฝานโคจรสัมผัสเทพ มังกรทมิฬหลุดออกมาจากรถ
หนิงฝานเก็บรถเพลิงทองทำและสั่งมังกรทมิฬ “ไปอยู่ตรงนั้น”
“ได้! ไม่มีปัญหา”
มังกรทมิฬยิ้มอย่างมีความสุข
“ที่นี่คือขุมทรัพย์มังกรทมิฬ ดี… ดีจริงๆ! หากข้าดูดซับโลหิตของผู้อาวุโสได้ ข้าต้องทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงแน่ หากข้าบรรลุขอบเขตที่สูงมากเมื่อไหร่ ข้าก็จะหลุดจากพันธนาการ!”
ยามนี้ มังกรทมิฬตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
มันมุ่งลึกลงไปใต้ก้นสระ ลงลึกไปนั้นมีกระดูกของอสูรมากมายกองพะเนิน บริเวณนั้นมีร่างของมังกรทมิฬอยู่ด้วย
หากดูจากโลหิตที่ยังไหลเวียน ก่อนตายมังกรทมิฬตัวนี้สมควรอยู่ในขอบเขตกิ่งไร้ดัดแปลง
แต่แล้วความฝันของมังกรทมิฬก็ต้องสลายไปชั่วพริบตา
“ศพมังกรในขอบเขตตัดวิญญาณ! ไม่ใช่ขอบเขตเซียน!! เป็นไปได้ยังไง! ต่อให้ข้าดูดซับจนหมด อย่างมากก็บรรลุแค่ตัดวิญญาณขั้นสูงสุด!”
“โลหิตมังกรเป็นของข้า!!”
หนิงฝานยิ้มพลางดิ่งเข้าหาซากร่างมังกรทมิฬ จากนั้นเริ่มดูดกลืนโลหิตของมัน
ฝันของมังกรทมิฬสูญลายในพริบตา
“ข้าอุตส่าห์ตั้งใจจะดูดซับโลหิต เพื่อทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่เจ้ากลับแย่งข้า ฮึ่ม! อย่างมากเจ้าก็บรรลุได้แค่ของเขตตัดวิญญาณขั้นสูงท่านั้นแหละ!”
“เรื่องของข้า!” หนิงฝานกระตุ้นตราประทับ จนทำให้มังกรทมิฬร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
แท้จริงแล้ว สระมังกรไม่ได้ลึกแค่ 9000 จ้าง ตำแหน่งที่เป็นก้นสระของมันอยู่ลึกลงมากว่า 3 หมื่นจ้าง ปราณของที่นี่หนานแน่นกว่าภายนอกถึง 30 เท่า หากไม่ใช่ผู้ที่บรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 ก็ไม่อาจทนกับความเข้มข้นของปราณได้
แต่ถึงมังกรทมิฬไม่อาจดูดซับโลหิตมังกรได้ ยังเหลือร่างของมังกรที่มันกินเพื่อยกระดับพลังได้
หากกินร่างเข้าไปทั้งหมด มันสมควรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง หากมันไล่กินอสูรทมิฬในนี้มากพอ มันอาจทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง!
มันหันมองไปยังบริเวณหนึ่ง ที่นั่นมีอสูรทมิฬขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่ออสูรเหล่านั้นสังเกตุเห็นสายตาของมังกรทมิฬ พวกมันหวาดกลัวและเร่งซ่อนตัว
ด้วยแรงกดดันของมังกรทมิฬ ทำให้อสูรทมิฬสามารถเปล่งพลังได้แค่ 9 ส่วน
ดูเหมือนการจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณใน 10 คงไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อหนิงฝานสังเกตุเห็นว่า อสูรทมิฬหวาดกลัวมังกรทมิฬ เขาก็วางใจ
หากมันจะหลุดจากตราประทับวิญญาณได้ มันต้องทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง ดังนั้นตอนนี้มันจึงยังไม่กล้าขัดขืน
การมีมังกรทมิฬทำหน้าที่คุ้มกัน ทำให้วางใจเรื่องความปลอดภัยได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มันจะกินอสูรทมิฬมากเกินไปจนทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง
“ไม่เป็นไร! โลหิตของอสูรทมิฬที่เป็นพิษ ไม่ใช่โลหิตที่มังกรทมิฬจะดูดซับและกลั่นได้ง่ายๆ ไว้มันดูดซับและกลั่นปราณของอสูรทมิฬได้มากพอ ข้าค่อยไปดูดซับปราณจากมันอีกที แบบนั้นก็จะป้องกันเรื่องที่มันจะยกระดับมากเกินไปได้...”
หนิงฝานหันมองมังกรโลหิตและกระตุ้นตราประทับเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของมังกรทมิฬเอาไว้ จากนั้นนำหญ้าเพลิงฟ้าและโลหิตทองคำออกมาดูดซับร่วมกัน
โลหิตทองคำ 13 หยด โลหิตที่หนิงฝานมียามนี้อาจจะเป็นโลหิตของอสูรไร้ดัดแปลงที่หลงเหลืออยู่
เมื่อหนิงฝานนำโลหิตทองคำออกมา มังกรทมิฬที่เห็นถึงกับตาลุกวาว
“โลหิตอสูรไร้ดัดแปลงจำนวนมาก! สุดยอดไปเลย...”
มันไม่รู้ว่าหนิงฝานไปได้โลหิตมากจากไหน แต่ยิ่งจ้องมอง น้ำลายมันยิ่งไหล มันพยายามข่มความต้องการไว้ เพราะยามนี้ มันไม่สามารถดูดซับโลหิตทองคำได้
“ช่างเถอะ… เจ้าดูดซับไปเลย ข้ากินอสูรทมิฬเอาก็ได้!”
หนิงฝานใช้เวลา 3 เดือนในการดูดซับโลหิตทองคำทั้ง 13 หยด ในระหว่างดูดซับ เขาไม่สนใจสิ่งใด ทุ่มเทไปกับการดูดซับโลหิต จนทำให้ปราณอสูรของเขาค่อยๆเข้าใกล้ขอบเขตตัดวิญญาณอย่างช้า
เมื่อดูดซับโลหิตจนหมด ปราณอสูรของหนิงฝานบรรลุ 10147 เกราะ!
ปราณอสูรของเขาล่วงเข้าไปในขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว หนิงฝานลืมตา ร่างกายเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าชั่วขณะก่อนที่แสงจะกลับเข้าสู่ร่าง
“ปราณอสูรบรรลุ 10000 เกราะแล้ว… ถึงเวลาที่ต้องทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว...”
หนิงฝานนำโอสถทะลวงปราณ โอสถโลหิต โอสถแบ่งแยกและหลอมรวม ออกมา โอสถทั้งหมดล้วนเป็นโอสถผันแปรที่ 4
นอกจากนี้หนิงฝานยังได้โอสถก่อเมฆาที่ลู่ตู้เฉินให้มา มันช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ 1 ใน 10 ส่วน
โอสถผันแปรที่ 4 จำนวน 3 ชนิดเพิ่มโอกาส เกือบ 4 ใน 10 ส่วน ปราณอสูรมากกว่าหมื่นเกราะ หากนำทั้งหมดมารวมกันแล้วหนิงฝานยังไม่อาจทะลวงขอบเขตได้ คงเสียหน้าอย่างที่สุด
หลังจากหนิงฝานลงไปในสระมังกรได้ 4 เดือน ว่านเอ๋อร์หลอมสร้างปีกหงส์เพลิงจนเสร็จ นางจึงเร่งมาที่สระมังกรเพื่อรอให้หนิงฝานทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ
สนมอสูรก็แวะเวียนมาบ้าง เพราะนางต้องการแผนที่ไปยังแดนสาม
ลู่ตู้เฉินเองก็ใช้วิชาทำนาย จนรู้ว่าหนิงฝานลงไปถึงใต้ก้นสระที่ลึกถึง 3 หมื่นจ้าง นั่นทำให้ชายชราตกตะลึง
ชายชราไม่รู้ว่าหนิงฝานทำได้ยังไงถึงลงไปได้ลึกขนาดนั้น หากเป็นชายชราจะไม่ลงไปที่นั่น เพราะกลัวอสูรทมิฬ
“เด็กนั่นเก่งกว่าที่ข้าคาดไว้ซะอีก… ยังเด็กอยู่มากก็จริง แต่ดูเหมือนน่าจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณได้ใน 10 ปีจริงๆ”
1 ปี… 2 ปี… 3 ปี…
เมื่อเวลาล่วงเลยถึงปีที่ 7 เผ่าเพลิงได้ออกล่าสังหารอสูรกว่าแสนตน เพื่อนำมาใช้บูชายัญเปิดทางข้ามมิติ!
ปีที่ 8 ท้องนภาเหนือเมืองลั่วหยุนปรากฏประตูมิติที่เปล่งแสงเจิดจ้า สตรีผู้งดงามในอาภรณ์ม่วงกว่า 10 นางปรากฏกาย
ในปีที่ 9 สงครามได้ลุกลามไปทั่วทั้งแดนสอง องค์ชายอสูรที่มาจากแดนสวรรค์ ยกทัพถล่มเอาชนะ 3 เผ่า สนมอสูรจื่อที่มาจากตำหนักราชาอสูรยกทัพเอาชนะ 2 เผ่าเพื่อชิงแผนที่เข้าสู่แดนสาม
สนมอสูรวู่หยานได้ออกรับหน้าทางหนิงฝานและลู่ตู้เฉิน ทำให้สนมอสูรจื่อไม่ชิงแผนที่จากทั้งสองชั่วคราว
เมื่อถึงปีที่ 10 เผ่าเพลิงคิดจะบุกเมืองลั่วหยุน… 10 ปีที่ผ่านมานี้ แดนสองได้กลายเป็นสนามรบทั่วทุกหนแห่ง
ด้านหนิงฝานเองก็จดจ่ออยู่การฝึกฝน เขาพยายามทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
และยามนี้ ในที่สุดหนิงฝานก็ทะลวงจุดตีบตันได้ เขาก้าวสู่อีกดินแดน ดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลหมอก
บนยอดเขามีรูปปั้นขนาดยักษ์อยู่ 3 รูปปั้น บนตัวรูปปั้นมีชื่อของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทุกคนสลักอยู่
ใต้ฐานรูปปั้นทั้งสามมีเด็กอายุราว 9 ขวบนั่งอยู่ เมื่อเห็นหนิงฝานเดินเข้ามา นางก็กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย
“หืม? คนจากโลกพิรุณ… ‘ก้าวข้ามโลกีย์ กำเนิดใหม่ในจุดเริ่มต้นของเซียน’... รูปปั้นทั้งสามนั้นคือจารึกสวรรค์ สีม่วงสำหรับอสูร สีครามสำหรับมนุษย์ และสีดำคือปีศาจ… ก่อนที่เจ้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เจ้าต้องทำ 3 สิ่งก่อน”
แล้วนางก็เริ่มอธิบายในสิ่งที่กล่าว
“ข้าจะเล่าแล้ว ขยับเข้ามาใกล้ๆ”
หนิงฝานขยับเข้าหา เขาต้องมองชื่อของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอสูรบนจารึก บนนั้นมีชื่อผู้เชี่ยวชาญมากมายมหาศาล
“ตงสู่พูดคือเรื่องไร… ถ้าข้าทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณแล้วต้องทำยังไง”
ยิ่งเดินเข้าใกล้ แรงกดดันที่ได้จากรูปปั้นทั้งสามก็ทรงพลังขึ้นมาก
เมื่อจ้องมองดีๆ หนิงฝานก็เห็นชื่อจำนวนมากที่มีสีที่ไม่เหมือนกัน ไล่จาก แดง ส้ม เหลือง เขียว คราม ฟ้า และม่วง แต่ละสีบ่งบอกถึงโชคชะตา ผู้คนส่วนใหญ่จะอยู่สีส้ม เหลือง และเขียว สีม่วงนั้นจะหาได้ยากมาก
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หนิงฝานสนใจ เขายังเห็นชื่อของคนที่เป็นสีดำด้วย
ดาราหยินหยาง… หานหยวนจี๋!
“อาจารย์! ชื่อของอาจารย์! อาจารย์เป็นคนสลักชื่อเอง กลิ่นอายนี้ไม่ผิดแน่!”
“แต่ทำชื่อของอาจารย์ถึงเป็นสีดำ… หรือเกิดจากการที่อาจารย์กลายเป็นปีศาจ!”
จากรายชื่อบนจารึก ทุกหลายหมื่นคน จะมีอยู่คนหนึ่งที่กลายเป็นสีดำ… หนิงฝานก้มมองเด็กสาวเงียบๆ แม้นางจะดูเหมือนเด็กมาก แต่อายุกระดูกของนางก็มากกว่าพันปีแล้ว
หนิงฝานป้องหมัดให้นางพลางกล่าว “ข้าขอถาม ทำไมบางชื่อถึงมีสีไม่เหมือนกัน”
“โอ้ นี่เจ้ามองสีบนนั้นออกด้วย” แววตานางแปรเปลี่ยน เพราะผุ้ที่จะมองเห็นสีชื่อได้นั้นไม่ธรรมดา อย่างน้อยๆผู้ที่มองเห็น สมควรเป็นผู้เชี่ยวไร้ดัดแปลง แต่หนิงฝานกลับเห็น
ทันใดนั้นเอง นางป้องหมัดและกล่าวกับหนิงฝาน
“ดวงตาสหายเต๋าเฉียบคม ไม่ธรรมดาจริงๆ! ข้าคือทาสประจำดาราเต๋าทมิฬแห่งทะเลเหนือ… ขอบทราบชื่อของสหายเต๋าด้วย”
นางอายุเพียงพันปี แต่กลับบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง นับว่านางมีพรสวรรค์มาก
เมื่อยามที่นางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ นางไม่เห็นสีบนชื่อ
ดังนั้นเมื่อทราบว่าหนิงฝานเห็น นางจึงอยากคบหาเป็นสหาย
“ข้ามีนามว่า หนิงฝาน” หนิงฝานป้องมือกล่าว
การที่จะทำให้นางยอมพูดคุยดีๆด้วยได้นั้นนับว่ายาก แต่นางก็ยอมคุยกับหนิงฝาน
“สหายเต๋านับเป็นคนพิเศษ ดูท่าข้าคงต้องขอให้ผู้อาวุโสเป่ยลี่มาช่วย...”
นางนำแผ่นหยกสีครามออกมาแล้วพึมพัม...