GE264 โจรน้อย [ฟรี]
หนิงฝานขึ้นไปบนหอคอยชั้น 9 ที่นั่นมีตำราโบราณอยู่มากกว่าแสนเล่ม แต่ผู้ที่มาอ่านพวกมันก็มีเพียงลู่ตู้เฉิน
ชั้นแรกของหอคอยมีอักษรอสูรทั่วไป 1079 ตัวอักษรให้ศึกษา
ชั้นที่สองจะมีตัวอักษรน้อยลง แต่ความยากในการทำความเข้าใจก็จะมากขึ้น
ที่ชั้นแปดมีจารึกอสูรอยู่กว่า 700 จารึก แต่หนิงฝานก็ดูพวกมันหมดแล้ว
ที่ชั้นเก้าจะพิเศษกว่าทั่วไป เพราะมีอักษรภาษามังกร ภาษาหงส์เพลิง และภาษาต่างๆเฉพาะเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ หลังจากได้อ่านดูคร่าวๆ หนิงฝานรู้ว่าตัวอักษรเหล่านั้นเขียนด้วยข่ายอาคมที่ซับซ้อนมาก และหากจะเรียนรู้ ต้องเป็นผู้ที่ครอบครองโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิเท่านั้น
ในระหว่างที่ลังเลจะเข้าพบสนมอสูร หนิงฝานใช้เวลาไปกับการศึกษาอักษรอสูรทั่วไปได้ถึง 7000 ตัว
แต่ในขณะที่จะเริ่มศึกษาอักษรที่ชั้น 9 กลิ่นหอมของสตรีโชยมา สตรีชุดคลุมสีครามเข้าประชิดตัวหนิงฝานจนเขาไม่มีสมาธิอ่านอักษร
“เจ้าดูพอหรือยังนายกองเป่ย?”
นางคือสนมอสูร… วู่หยาน!
“ที่แท้เป็นท่านนี่เอง ดูเหมือนท่านมีเรื่องอยากจะพูด” หนิงฝานถอยห่างจากตัวนางพลางโคจรพลังใส่สร้อยหยินหยาง
สิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ในใจของนางคือความกังวล นางกังวลที่สนมอสูรจื่อกำลังจะมา
ดังนั้น เมื่อหนิงฝานถามด้วยวิชาคารม นางจึงบอกสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ออกมา
“สนมอสูรจื่อกำลังจะลงมาจากตำหนักราชาอสูรเพื่อมาชิงดาราจักรพรรดิ ข้ากลัวว่าถ้านางได้มันไป นางจะแข็งแกร่งขึ้น สถานะในตหนักราชาอสูรก็จะยกระดับขึ้น จนอาจได้เป็นกระถางขัดเกลาชั้นยอด”
นางพูดสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมด
หนิงฝานถามอีกหลายคำถามจนรู้ว่า หากช่วงชิงนางมาจากตำหนักราชาอสูร พวกมันคงยกทัพมาถล่มโลกพิรุณ
อีกเรื่อง ผู้นำตำหนักราชาอสูรได้รับบาดเจ็บหนัก พักรักษาตัวมาหลายหมื่นปี ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าบาดเจ็บได้ยังไง สนมอสูรหลายคนที่อยู่ที่นั่น ก็ไม่มีใครเคยเห็นผู้นำมาก่อน
หนิงฝานขบคิด หากเขาคิดจะช่วงชิง ต้องกระทำอย่างลับๆโดยไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
เขาคิดจะช่วงชิงนาง และคิดจะทำให้เผ่าพันธุ์อสูรที่ทรงพลังไม่กล้ายุ่ง
แต่ในขณะที่เขาขบคิด สายตาเขากลับจดจ้องอยู่ในหน้าอกของนาง
ใบหน้านางแดงระเรื่อ นางทั้งอาจทั้งโกรธที่เขาจงใจจ้องมองหน้าอกอันงดงามของนาง
“ที่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าอยากรู้เรื่องราวของลู่ตู้เฉิน ลู่หวู่ และดาราแห่งจักรพรรดิ”
นางยิ้ม นางคิดว่าหนิงฝานโง่ที่ถาม เพราะต่อให้นางรู้นางก็ไม่บอก
นางเองก็ต้องการดาราแห่งจักรพรรดิ เหตุใดต้องบอกความลับกับผู้อื่น!
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?”
หนิงฝานไม่กล่าว เขาขบคิดพลางโคจรวิชาคารมเพื่อล้วงความลับจากนาง
แม้นางจะไม่อยากพูด แต่เมื่อหนิงฝานถาม นางก็ตอบทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
ลู่ตู้เฉินต้องการช่วยเหลือลู่หวู่ ก่อนหน้านี้มันพยายามมา 3 ครั้งแต่ก็ล้มเหลว มันต้องการโลหิตของลู่หวู่เพื่อทำให้ตนได้บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง หากบรรลุ มันจะได้ขึ้นไปยังแดนสวรรค์อสูรในนามของตำหนักราชาอสูร
ในครั้งที่ 3 ลู่ตู้เฉินพลาดการช่วยเหลือเพราะถอดใจ ต่อให้มันได้ดาราจักรพรรดิมา อย่างมากก็บรรลุได้เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
ที่ชายชราหยิบยื่นโอกาสให้หนิงฝาน ก็เพราะชายชราทำไปเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ตนเองไม่มีเท่านั้น
เรื่องของลู่หวู่ หนิงฝานทราบมาว่า จักรพรรดิแห่งลานสวรรค์โบราณมอบหมายให้มันเฝ้าคุ้มกันสวนสมุนไพร แต่จู่ๆหลังจากนั้น แดนสวรรค์โบราณก็พังทะลาย เซียนมากมายตกตาย ผู้ที่รอดก็ถูกลบความทรงจำ แต่ลู่หวู่ไม่ได้ถูกลบความทรงจำ มันนำสวนสมุนไพรหนีไป และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเวลาล่วงผ่าน โลกก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน
มันหนีมาหลบซ่อนตัวยังดินแดนแห่งนี้ อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดน แบ่งทางเข้าเป็นทั้งหมด 9 ทาง
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันซ่อนตัวอยู่ที่ใด
กระทั่งบรรพบุรุษของเผ่านปีศาจยักษ์ทำลายทางเข้าดินแดนโลกล่มสลาย จึงทำให้ได้รู้ถึงความลับและการคงอยู่ของลู่หวู่ ไม่นาน ข่าวก็แพร่ไปทั่ว ทำให้สนมอสูร หวางเซี่ยว และคนอื่นๆทะยอยเดินทางมาที่นี่
หนิงฝานขมวดคิ้ว เรื่องที่สนมอสูรกล่าวมาทั้งหมด ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขุมกำลังในทะเลส่วนใน อย่างวิหารผนึกอสูร
บางทีวิหารผนึกอสูรอาจไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด… ในวันที่หนิงฝานมาเยือนแดนสอง ลู่เป่ยได้ติดต่อกับเผ่าเพลิงและคนของวิหารผนึกอสูร ดูเหมือนเผ่าเพลิงจะติดต่อกับวิหารผนึกอสูรอย่างลับๆ
จากทั้งหมดที่นางกล่าวมา สิ่งที่หนิงฝานให้ความสนใจมากคือดาราจักรพรรดิ ถึงเวลาจะผันผ่านไปจนพลังงานเริ่มสูญสลาย แต่ในนั้นยังคงมีปราณอยู่เป็นจำนวนมาก
หากได้ดูดกลืนดาราจักรพรรดิโดยที่มันยังหลงเหลือพลังดังเก่า หนิงฝานอาจบรรลุเซียนเลยก็ได้
สนมอสูรไม่รู้รายละเอียดของวังดารา นางรู้แค่ว่าดาราจักรพรรดิอยู่ที่นั่น
สวนสมุนไพรที่ลู่หวู่รักษานั้น มีข่าวลือว่าสมุนไพรที่อยู่ในนี่นล้วนไม่ธรรมดา หากมนุษย์ได้กินจะมีชีวิตนิรันดร์ หากเป็นเซียนจะมีร่างกายที่ทรงพลัง หากได้รับบาดเจ็บจะได้รับการเยียวยา หากตายไปแล้วจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
และสวนสมุนไพรนั่นน่าจะอยู่ในแดนสามกับลู่หวู่
การที่ตำหนักราชาอสูรทำทีว่าออกมาหาดาราจักรพรรดินั้น แท้จริงแล้วพวกมันกำลังอำพรางเจตนาที่จะตามหาสวนสมุนไพร
พวกมันต้องการสมุนไพรมารักษาผู้นำตำหนักราชาอสูร
หากหนิงฝานได้สมุนไพรเหล่านั้นมา มู่เหว่ยเหลียง หนิงหงหง และคนอื่นๆอาจจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
หนิงฝานสูดหายใจลึก เขาคาดไม่ถึงว่าการล้วงข้อมูลจากสนมอสูรจะทำให้ได้รู้สึกที่น่าตกตะลึงเช่นนี้
การที่ได้พบนางนับว่าไม่สูญเปล่า
หนิงฝานยิ้มอย่างมีนัย แต่เมือนางสังเกตุเห็น นางกลับตกตะลึง
บัดซบ! ลู่เป่ยช่างกล้า!
ในขณะที่หนิงฝานขบคิดเขาก้มมองหน้าอกของนางพลางยิ้ม
ตั้งแต่ได้เข้าร่วมตำหนักราชาอสูร นางพยายามไต่เต้าจนได้เป็นสนมอสูร ไม่เคยมีบุรุษคนใดที่จ้องมองนางเช่นนี้
แม้หนิงฝานจะจ้องมอง แต่สายตาของเขาทำให้นางรู้สึกว่า หนิงฝานกำลังสัมผัสหน้าอกของนางอยู่
“ลู่เป่ย ที่เจ้าเรียกข้าออกมาก็เพราะจะล่วงเกินขึ้นเหรอ!”
นางกล่าวขึ้นเพราะอยากรู้เจตนาของหนิงฝาน
แต่การกระทำของเขากลับทำให้นางประหลาดใจ
หนิงฝานป้องมือให้นางและกล่าว
“ข้าเสียมารยาทแล้ว ข้าบรรลุในธุระที่ข้าต้องการแล้ว ขอบคุณท่านมาก!”
หนิงฝานกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะลงจากชั้น 9 ไป
“หืม… ไปแล้วเหรอ แค่นี้หน่ะเหรอ?” นางยิ้ม
หนิงฝานเข้ามา ถามคำถามนู่นนี่ แล้วจากไป
หนิงฝานคงไม่ได้หวังเรือนร่างของนางหรอก...
เพราะก่อนจะจากไป ดูเหมือนเขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
แต่ในขณะที่นางขบคิดอยู่นั้น ความคิดบางอย่างก็ค่อยๆผุดขึ้นมาในหัว
การที่สนมอสูรพบบุรุษเพียงลำพังนั้น พวกนางต้องระวังตัวอย่างที่สุด และการที่ได้พบหนิงฝานครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่นางได้พบบุรุษเป็นการส่วนตัว
อิสระ… แต่ด้วยสถานะของนางยามนี้ นางไม่มีอิสระให้ทำสิ่งใดตามใจ
นางถอนหายใจ และยืนนิ่งในหอคอยแห่งนั้นเป็นเวลานาน
แต่แล้วนางก็ค่อยนึกถึงบางสิ่งออก แววตาแปรเปลี่ยนโกรธเคือง นางปล่อยให้หนิงฝานศึกษาอักษรอสูรโดยไม่ห้าม
“แย่แล้ว! เขาอยู่ที่นี่มานาน ไม่รู้ว่าทำความเข้าใจอักษรอสูรไปมากขนาดไหนแล้ว ข้าต้องไปห้าม”
นางพับกระโปรงขึ้นและเร่งวิ่งลงไปยังชั้นล่าง เมื่อถึงชั้นที่สอง นางเห็นหนิงฝานกำลังพูดคุยกับทหารที่เฝ้าชั้น
“ท่านเป่ย... อักษรอสูรโบราณ 7154 อักษร ตำราปราณอสูร ตำราแดนอสูร ประวัติศาสตร์ของตำหนักราชาอสูร ตำราแสดงเผ่าพันธุ์อสูรนับหมื่น และจารึกอสูร ทั้งหมดอยู่ในแผ่นหยกนี้แล้ว!”
ทหารที่คุ้มกันหอคอยไม่เคยเห็นนายกองคนไหนที่ขยันศึกษาตำราเช่นนี้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่จะวุ่นอยู่กับการศึก ไม่ก็การยกระดับพลัง
แต่ลู่เป่ยกลับแตกต่าง โดยเลือกที่จะศึกษาตำราและอักษรอสูรโบราณ
“ดีมาก… เช่นนั้นข้าไปก่อน เจ้าเองก็ดูแลหอคอยดีๆ อย่าให้ใครมาเอาอักษรและตำราของเผ่าอสูรได้ ยิ่งเป็นศัตรูเรายิ่งจะปล่อยให้เอาไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ขอรับ!” ทหารนายนั้นด้วยความภาคภูมิและลุกโยนป้องมือคารวะ
สนมอสูรส่ายหน้า หนิงฝานคือมนุษย์ที่ลักลอบเข้าในแดนอสูร ทั้งเข้ามาเอาอักษรอสูรและตำราไปทั้งหมด แต่ยังมีหน้ามาบอกให้เฝ้าระวังดีๆ
มาช้าไป… ข้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง
“เจ้าโจรน้อย… ไว้ครั้งหน้ามีโอกาสเมื่อใด ข้าจะสั่งสอนเจ้า”
นางแค่นเสียงพลางกลับออกจากหอคอย เหยียบย่างนภาจากไป
แต่ในชั่วลมหายใจนั้น ควันสีดำ
ลู่ตู้เฉินที่เคยอยู่
“ว่านเอ๋อร์... ดูเหมือนวิชาของนางจะยกระดับอีกแล้ว นางมีความสามารถด้านการเสริมความสามารถให้กับสมบัติที่โดดเด่น... ตั้งแต่นางได้รู้จักได้ลู่เป่ย นางก็สนใจเรื่องบุรุษมากขึ้น ความรักคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความสามารถของนางยกระดับ หากนางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ คงได้เวลาที่นางจะลองเสริมความสามารถให้สมบัติที่มีระดับสูงกว่านี้...”
ลู่ตู้เฉินกล่าวกับตนเอง ไม่นานนัก บุรุษอาภรณ์ก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลัง
“ครบเวลา 3 วันที่ข้าจะตัดสินใจแล้ว… ข้ามีเงื่อนไขอยู่ว่า หากข้าไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ข้าจะเข้าไปในแดนสาม ที่นั่นอันตราย มีสิ่งใดไม่อาจทราบ วังดาราเองเป็นยังไงก็ไม่ทราบ!” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จริงๆแล้วหนิงฝานไม่ได้กลัวที่จะเข้าไปที่นั่น เพราะลู่หวู่ได้ตายไปแล้ว ในนั้นสมควรไม่มีผู้ใดอยู่
เขารู้ความลับมากมาย รู้เรื่องดาราจักรพรรดิ รู้เรื่องสมุนไพร รู้เรื่องราวต่างๆมากมาย และได้รู้ว่าตนเองยังแข็งแกร่งไม่พอ หากยังฝืนเข้าไปเขาจะตาย
ชายชราหันมอง ชายชราเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของหนิงฝาน และเขาจะตอบแทนชายชราอย่างแน่นอน
“ถ้าเจ้าต้องการอย่างนั้น ข้าจะช่วยอย่างสุดความสามารถ! สระมังกรคือสถานที่เหมาะสมที่สุดในการยกระดับปราณ เจ้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณใน 100 ปีอย่างแน่นอน!”
“100 ปีนานเกินไป… ข้าอยากบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณใน 10 ปี!”
หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาไม่อยากให้สู่ชุ่ยหลิงและคนอื่นๆรอนานเกินไป เพราะนางยังอยู่ได้อีกแค่ 30 ปีเท่านั้น
บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณใน 10 ปี… คนทั่วไปไม่อาจทำได้ แต่หนิงฝานที่มีโลหิตทองคำกับตัวอาจทำได้...