บทที่ 80 ประกบตัว
บทที่ 80 ประกบตัว
คืนนั้น ที่ประตูทางทิศเหนือของเมืองเทียนหยุน
ฉื่อหยาน ฮันเฟิงและ กู่หลงที่กำลังแอบออกไปทางประตูเมืองอย่างลับๆ
และเขาก็เห็นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับมาอีกสี่ตัวกำลังจอดรออยู่ เป็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ และมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างเหม่อลอย
ตอนนั้นเองก็มีคำสั่งออกมาจากรถม้า
มีหมอกลอยล้อมรอบไปทั่วสุสาน และมีแสงสีเขียวสลัวๆอยู่ข้างๆป่าทำให้บรรยากาศอึมครึมอย่างมากในคืนที่มืดมิดเช่นนี้
" นั่นตระกูลซั่ว . " กู่หลงที่อยู่ตรงเนินที่ฝังศพ ก็พูดออกมาหลังจากการเหลือบมองจากที่ไกลๆ
ฉื่อหยานพยักหน้าและพูดอย่างไม่แยแส " ดูเหมือนว่าเราจะมาสายนะ "
ชายชราได้ยินฉื่อหยานพูดเช่นนั้น เขาก็ถอนสายตาของเขากลับมาและมองไปข้างหน้าของตนเอง เขายกแส้ในมือของเขาและฟาดลงไป
เมื่อได้รับสัญญาน ฉื่อหยานกับอีกสองคนก็เดินเข้าไปใกล้
" คุณหนู คุณชายจากตระกูลฉื่อได้มาถึงแล้ว " ชายชรารายงานไปที่รถม้าอย่างระมัดระวังด้วยเสียงเบาๆ
" ดูเหมือนพวกเขาจะมาสายนะ " เป็นเสียงของซั่วฉื่อที่พูดออกมามาจากรถม้า
หญิงงดงามคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากรถม้าอย่างเงียบๆ นางมองไปที่ฉื่อหยาน และกล่าวกับ ซั่วฉื่อด้วยรอยยิ้ม " ดูเหมือนคนรักของเจ้าจะมาแล้วสินะ "
" ไม่ใช่ ! ! " ซั่วฉื่อร้องเสียงหวานออกมาด้วยความโกรธเคือง " ข้าก็บอกท่านแล้ว มันไม่มีอะไรระหว่างเราเสียหน่อย หยุดแกล้งข้าได้แล้ว ! "
" ฮ่าๆ ก็ได้ ก็ได้ . . . " ผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะคิกคัก และโบกมือให้กับฉื่อหยาน ที่ยืนอยู่ข้างๆรถม้า เมื่อฉื่อหยานเข้ามาใกล้ นางก็กล่าวว่า " คุณชายหยาร ท่านทั้งสามไม่ได้มารถม้าหลอกรึ ? "
" มันจะสะดุดตาเกินไปหากเราใช้วิธีนั้นออกจากทางเหนือของเมือง ซู่หลาย " ฉื่อหยานดูไม่แยแส เขาก็เหลือบไปที่หญิงสาวและ ชมมองอย่างลับๆ แล้วเดินก้าวสบายไปทางรถมา และพูด " ซั่วฉื่อ นี่เป็นเกราะเต่ามังกรของปู่เจ้า ข้านำมันมาคืนให้ "
" ดีมาก " ซั่วฉื่อตอบรับและพูดกลับไป " โชคดีที่เจ้าไม่ใช่คนเนรคุณ "
ฉื่อหยานถอนหายใจออกมาด้วยรอยยิ้มของเขา " เจ้าเคยบอกข้าว่า ใครก็ตามที่สวมเกราะเต่ามังกรก็จะดูเหมือนเต่า แล้วข้าเองก็ไม่อยากเป็นเต่า "
" ฮ่า ฮ่า "
ซั่วฉื่อที่นั่งอยู่ในรถม้าช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา " เจ้านี่ความจำดีจริง ๆ นั่นสินะ ? ข้าพูดเช่นนั้นไปเพราะต้องการให้ปู่ของข้าโกรธและยกเกราะนั่นให้เจ้า เพราะเจ้าเป็นคนช่วยไขความลับของกระเต่านั่น เจ้าสมควรได้รับมันนะ”
" แค่จิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อก็เพียงพอแล้วสำหรับการป้องกัน ข้าไม่ต้องการเกราะนั่นหลอก " ฉื่อหยานส่ายหน้า
" คุณหนู ไปกันเถอะ " นักรบจากตระกูลซั่วขึ้นไปบนหลังม้าและ โบกแส้ของเขาและพูดออกมาเบาๆ
" ตกลง ไปกันเถอะ "
" เดี๋ยวก่อน ข้าขอแนะนำตัวก่อน นี่คือ ชื่อ ซู่ปิง อยู่ในนภาแรกของระดับรู้แจ้ง ส่วนข้าชื่อ หวูหยุนเหลียน " ผู้หญิงที่สง่างามบนรถม้าก็ยิ้มขึ้นและพูดกับฮันเฟิง " พี่ฮันนั้นข้ารู้จักแล้ว แล้วอีกท่านหละ ? " นางมองไปที่กู่หลง
" ข้ากู่หลง อยู่ในนภาแรกของระดับรู้แจ้ง " กู่หลงแนะนำตัวเองอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับเกาหัว " ข้าอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้เท่านั้น และก็พึ่งกลับมาจากงานประลอง ฮ่าฮ่า เช่นนั้นเราจึงไม่มีโอกาสเจอกัน "
" งั้นท่านก็เป็น พี่กู่หลงสินะ ! " หวูหยุนเหลียนพยักหน้า " มันเป็นเกียรติสำหรับข้านักที่จะได้ทำงานร่วมกับพี่ฮั่นและพี่กู่หลง ! ข้าขอฝากตัวด้วย "
" เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว . " ฮันเฟิงและ กู่หลงพูดออกมาพร้อมกัน
หญิงสาวที่งดงามนั้น อยู่ในนภาแรกของระดับรู้แจก นางเป็นนักรบจากหุบเขาเมฆา
ตั้งแต่ที่นางได้รับการช่วยเหลือจากชิเสี่ยว นางก็ได้มารับใช้ตระกูลฉื่อตามคำสั่งของชิเสี่ยว นางค่อนข้างจะสนิทสนามกับซั่วฉื่อนัก
ฮันเฟิงและ กู่หลงรู้อยู่แล้วว่านางนั้นอยู่ในสถานะใด ดังนั้นพวกเขาจึงสุภาพกับนาง
" งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ . " ฉื่อหยาน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แต่ก็มีรอยย่นคิ้วของเขาเขาชี้ที่ไปยังจุดดำๆบนท้องฟ้า " หืม ? , นั่นอะไร ? "
ซู่ปิง ฮันเฟิง หู่หลง และหวูหยุนเหลียน ยกศีรษะของพวกเขาขึ้นมองพร้อมกัน
" อินทรีเมฆา "
สีหน้าของฮันเฟิงก็เปลี่ยนไปหลังจากที่เขาตะโกน " มันเป็นของตระกูลเป่ยหมิง ! อินทรีเมฆามีสายตาที่แหลมคมมาก มันสามารถเห็นผู้คนบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน ! "
" ตระกูลเป่ยหมิงกำลังติดตามเราอยู่งั้นรึ ? " กู่หลงรู้สึกสับสน " หรือว่าพวกมันจะรู้แล้วว่าเรากำลังจะออกจากเมือง "
" ข้าก็ไม่แน่ใจว่า " ซู่ปิงแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาจ้องมองออกไป ที่นกอินทรีย์ และกล่าวว่า " บางทีมันอาจกำลังบินกลับไปที่ตระกูลเป่ยหมิงหลังจากไปที่ตระกูลอื่นมาก็ได้ และมันก็คงไม่รู้ว่าเราจะทำสิ่งใดและตามเรามาที่น่หลอก "
" แต่เราควรระวังไว้เช่นกัน " หวูหยุนเหลียน ถอนหายใจเบาๆ " เราต้องเดินทางกันอย่างรวดเร็ว ทำให้ตระกูลเป่ยหมิงไล่จับได้เพียงเงาของเราเท่านั้น มันจะหาเราเจอไม่ได้ง่ายๆแน่ หากพวกเราระมัดระวัง .
" ตกลง "
. . . . .
ในคืนนั้นเอง ในห้องเยือกแข็งของตระกูลเป่ยหมิง
" ท่านพ่อข้าได้ข่าวมาว่า คนจากตระกูลซั่วและตระกูลฉื่อแอบหนีไปจากประตูทิศเหนือ และตระกูลฉื่อก็ได้ส่งฮันเฟิงและกู่หลงติดตามฉื่อหยานไป ส่วนตระกูลซั่วได้ส่ง ซู่ปิงกับหวูหยุนเหลียนติดตามซั่วฉื่อไป และมีอีกคนหนึ่งที่ข้าไม่รู้จักมันก็ได้ติดตามซั่วฉื่อไปเช่นกัน "
เป่ยหมิงเชียรีบกลับมายังห้องเยือกแข็ง และบอกข่าวล่าสุดแก้เป่ยหมิงชาง
เป่ยหมิงเช้อเองก็ อยู่ในห้องเยือกแข็งด้วยเช่นกัน เขากำลังฝึกฝนโดยใช้ความหนาวเย็นในอากาศของห้องเยือกแข็ง . เมื่อมันได้ยินเช่นนั้น มันก็เปิดตาของเขาและร้องออกมา " มันต้องเป็นตระกูลฉื่อและตระกูลซั่วแน่ๆ ! "
เป่ยหมิงชาง ดูมืดมน มันนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับความเย็นชาที่ปรากฏขึ้นในสายตา
หลังจากผ่านไปสักพัก เป่ยหมิงชางก็พูดขึ้น " แผ่นที่อีกส่วนต้องอยู่ในมือพวกมันแน่ มันต้องชิเสี่ยวแน่นอนที่ไปชกชิงแผ่นที่อีกส่วนจากหญิงสาวศาลาหมอก เจ้าเล่ห์นัก ! นางจงใจทำให้เราสนใจไปที่โม่ตั่ว หากไม่ใช่ว่าข้ารอบคอบและส่งอินทรีเมฆาออกไป พวกเราก็คงถูกหลอกแล้ว .
" ท่านพ่อ เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี ? "
" จะให้ข้ากับเช้อเอ๋อ , ตามพวกมันไป เพื่อดูว่ามันไปที่ใดหรือไม่ ? "
" เช้อเอ๋อด้วยงั้นรึ ? "
" ไม่นานมานี้เมืองเทียนหยุนกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ช้าจะให้กุ้ยหยินและจิ่วฉานไปกับเขาด้วยในครั้งนี้ มันจะไม่ปลอดภัยหากให้เช้อเอ๋อ ออกจากเมืองเพียงลำพัง " เป่ยหมิงชางสั่ง " ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วไปบอกแก่ผู้คนว่า ข้ากำลังบ่มเพราะอย่างสันโดษอยู่ และไม่ต้องการให้ใครมารบกวน. "
" ได้ขอรับ "
" ท่านปู่ ตระกูลซั่วและตระกูลฉื่อต้องตกลงอะไรบางอย่างกับศาลาหมอกแน่ หากหญิงลึกลับกับชิเสี่ยวร่วมมือกัน ท่านจะไม่เสียเปรียบหลอกรึหากประมือกับพวกมัน ? "
เป่ยหมิงเช้อสูดลมหายใจเข้าและพูดออกไปอย่างไม่แยแส " เช่นนั้นแล้ว ข้าจะเตรียมการบางอย่างเอง . "
ตาของมันก็ส่องประกายออกมา
" จักพรรดิ์แห่งโลกมืดส่งข้อความมาเมื่อวันก่อน ว่า มันนั้นต้องการมู่หยู่เตี๋ย แต่ข้าก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป " เป่ยหมิงชางคิดว่าสักพักและมองไปที่เป่ยหมิงเช้อ " มันเป็นนักรบในระดับนภาหากได้รับการร่วมมือจากมัน ชิเสี่ยวและหญิงสาวลึกลับนั่นจะต้องไม่ใช่คู่มือของเราแน่นอน บางทีมันอาจจะร่วมมือกับเราเรื่องของประตูสวรรค์ด้วยเช่นกัน "
" จักพรรดิ์แห่งโลกมืด "
เป่ยหมิงเช้อ ก็ตกใจ แต่ก็เศร้าด้วยเช่นกัน เขากระซิบหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น " ท่านปู่ ท่ายหมายความว่าไง ? "
" จิตวิญญานของมู่หยู่เตี๋ยนั่นวิเศษเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา จะดีกว่าหากได้ครอบครองจิตวิญญานเช่นเดียวกับของตี่ย่าหลาน . " เป่ยหมิงชางจ้องไปที่เขาและพูดออกมา " นางก็เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง เจ้าไม่สามารถตัดใจจากนางได้งั้นรึ "
เป้ยหมิงเช้อขมวดคิ้วและส่ายหัว " ไม่ใช่ ข้าก็แค่ . . . แค่คาดไม่ถึงว่าท่านจะยอมสละทุกอย่างได้เพื่อตระกูลเป่ยหมิง”
" ดี เป็นเจ้าเองที่จะได้รับมรดกของตระกูงเป่ยหมิง อย่าได้กังวลไป " เป่ยหมิงชางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและสบายใจ " เจ้าจงต้องการหญิงสาวที่ช่วยส่งเสริมจิตวิญญานของเจ้าก็พอ อย่าได้สนใจว่านางยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ เอางี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าสองคนพูดคุยกันก่อนเป็นเวลา 3 วัน ก่อนที่ข้าจะส่งนางให้จักพรรดิ์โลกทมิฬ "
" ขอบคุณครับ ท่านปู่ " เป่ยหมิงเช้อตาเป็นประกายอีกครั้ง .
" เจ้าจงแยกมู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลานออกจากกันสะ แล้วเมื่อเจ้าทำเช่นนั้นแล้วว เราก็จะส่งนางให้กับจักพรรดิ์โลกทมิฬด้วยไม่ให้ ตี่ย่าหลานรู้"เป่ยหมิงชางพูดออกมา
" หลานเข้าใจแล้ว "
. . . . .
เป็นหมิงเช้อเดินออกจากห้องเยือกแข็งมา และไม่คิดสิ่งใดอีก มันเดินตรงไปที่เกราะทะเลสาบทันที
มู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลาน นั้นยังคงไม่หลับ และกำลังฝึกฝนกันอยู่
เมื่อเห็นว่าเป่ยหมิงเช้อมา นางทั้งสองก็ลุกขึ้นและต้อนรับเขา
เป่ยหมิงเช้อแววตาเป็นประกาย " เตรียมตัวเถอพ พวกเราต้องออกจากเมืองก่อนฟ้าสาง "
" เกิดอะไรขึ้น ? " มู่หยู่เตี่๋ยก็แปลกใจ
" ตอนนี้เราได้พบแผนที่ของประตูสวรรค์ที่สมบูรณ์แล้ว แล้วเราก็พบว่ามีใครบางคนกำลังออกตามหามัน เราจะแอบตามมันไป " เป่ยหมิงเช้อพูดไปที่มู่หยู่เตี๋ยอย่างจริงจัง " เสี่ยวเตี๋ย มีทรัพย์สมบัติมากมายนักในประตูสวรรค์ และปู่ของข้าก็ต้องการให้พวกเจ้าได้รับบางอย่างจากมันเช่นกัน บางทีพวกเจ้าอาจจะเก็บเกี่ยวได้มากมายจากมันนัก นี่เป็นโอกาสที่เกิดขึ้นในรอบพันปี . พวกเจ้าไม่ควรพลาด ! "
มู่หยู่เตี๋ยและตี่ย่าหลานดวงตาสว่างขึ้นพร้อมกัน
" ขอบคุณท่านมาก คุณชายเช้อ " มู่หยู่เตี๋ยมองไปที่เขาพร้อมกับปรากฏลักยิ้มใกล้กับรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กๆของนาง " ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านแน่นอน หากข้าสามารถเก็บเกี่ยวบางสิ่งได้จากประตูสวรรค์ "
" เจ้ากำลังจะพูดอะไร ? ! ! ! " เป่ยหมิงเช้อแกล้งทำเป็นโกรธ " เจ้าคิดว่าพวกข้าต้องการอะไรเช่นนั้นรึ ? "
" นี่ ข้าอภัยข้าไม่ได้ตั้งใจจะบอกแบบนั้น เช่นนั้น ข้าขอไปเตรียมตัวก่อน " มู่หยู่เตี๋ยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง
" ตกลง ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ข้างนอก อย่าได้ช้านักหละ จำไว้ อย่าได้เปิดเผยตัวเองเด็ดขาด เราจะเดินทางกันอย่างเงียบๆ " เป่ยหมิงเช้อกล่าวเตือนและเดินออกมาจากทะเลสาบด้วยรอยยิ้ม
" เอ่อ … เสียวเตี๋ย ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ . . . . . . . " ตี่ย่าหลานใบหน้าซีดลง " แผนที่อีกส่วนนั้นอยู่ในมือของ ติงหยาน แล้วตอนนี้มันได้รวมกันสมบูรณ์แล้ว ข้าเกรงว่า บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา . . . . . . . "
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่หยู่เตี๋ยก็เปลี่ยนเป็นเศร้าโศกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางกับรู้สึกโล่งใจขึ้น เมื่อคิดถึงสมบัตในประตูสวรรค์
" อย่าได้กังวลไป เขาจะต้องปลอดภัยแน่นอน พวกเขาต้องการแค่แผนที่เท่านั้น ไม่ใช่ชีวิตของเขาเสียหน่อย พี่สาวหลาน เราต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะ บางทีเราอาจจะโชคดีได้รับบางอย่าง เพื่อจะช่วยเหลือเราในการแก้แค้นก็ได้ ! " มู่ยูเตี๋ยกล่าวอย่างทะเยอทะยาน พร้อมกับกำ กำปั้นของนาง
" เฮ้อ ข้าก็หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร " ตี่ย่าหลานถอนหายใจออกมาด้วยความกัวล
" เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว เราต้องวางแผนให้ดีเพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากมันให้มากที่สุด ! " มู่หยู่เตี๋ยกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
แล้วนางก็นึกถึงการแก้แค้นโลกทมิฬในอนาคต เมื่อนางคิดว่าได้แก้แค้นพวกมัน นางก็กลายเป็นโล่งใจ
นางค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมากมากทุกครั้งที่นางคิดถึงฉากที่นางไปแก้แค้นพวกมัน––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ