บทที่ 76 รูปร่างที่ระเอียดอ่อน
บทที่ 76 รูปร่างที่ระเอียดอ่อน
บนท้องฟ้าเริ่มมีแสงส่องสลัว .
ในห้องหลักที่ชั้นสามของ หอเมฆาพิรุณ เซี่ยซินหยานค่อยๆตื่นขึ้นมา
ดวงตาทั้งสองข้างที่สดใสของนางกลายเป็นสับสน นางมองไปรอบห้อง และในที่สุดนางก็มองขึ้นไปบนเตีนงที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีแดง
หัวใจของเซี่ยซินหยาน กลายเป็นสั่นไหว นางรีบลุกขึ้นนั่งบนพรม และมองไปที่เตียงด้วยความตื่นตระหนก
บนเตียงเป็นสองสาวจาก หอเมฆาพิรุณ เหยียนหยุน และ รู่เอ๋อ กำลังเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ และทั้งห้องเองก็เต็มไปด้วยกลิ่นแปลกๆ
ความคิดมากมายก็พุ่งผ่านจิตใจของเซี่ยซินหยาน นางรีบตรวจสอบร่างกายของนางเองและนางก็รู้ว่า นางนั้นยังบริสุทธิือยู่ นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นางนั้นได้ประมือกับเป่ยหมิงชางและ นางก็ได้รับบาดเจ็บมาค่อนข้างที่จะสาหัส ในขณะที่นางกำลังตกลงไปในทะเลสาบพระจันทร์ นางก็ได้กลืนเม็ดยาเข้าไป
มันเป็นเพราะฤทธิ์ของเม็ดยาบำรุงที่นางกลืนเข้าไป มันมีฤทธิ์ที่รุนแรงจนทำให้นางหมดสติและล้มลงขณะที่กำลังเดินขึ้นไปบนฝั่ง
นางนึกค้นไปที่ความทรงจำของนางก่อนที่จะหมดสติ และความทรงจำเหล่านั้นของนางก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น และนางก็จำได้ว่า เห็นฉื่อหยานยืนอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบ . . . . . . .
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่นางจำได้ก่อนที่นางจะหมดสติไป
เซี่ยซินหยานรู้สึกได้ถึงบางอย่างบนใบหน้าของนาง นางเอื้อมมือออกไปคว้ามัน และก็พบชิ้นส่วนเสื้อของฉื่อหยานที่ใช้คลุมหน้านางไว้
มันดูเหมือนผ้าขี้ริวที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงือ เซี่ยซินหยานขมวดคิ้วและกลายเป็นสับสนยิ่ขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
เซี่ยซินหยาน ลุกขึ้นยืน และจ้องมองไปยังสองสาวที่กำลังนอนบนเตียง . จากนั้นนางก็ดึงผ้าเช็ดหน้าสีขาวของนางเองออกมาจากแขนของนาง และนำมันไปปกปิดใบหน้าของนางอีกครั้ง ในที่สุด นางก็เดินไปที่ประตูและผลักเปิดมันออกไปจากนั้น ก็ตะโกนว่า " ที่นี่มีใครอยู่บ้างๆ ? "
" มาแล้วๆ ! " เสียงของเฒ่าแก่เนี๊ยตอบสนองดังออกมา
ในช่วงเวลาสั้นๆ เฒ่าแก่เนี๊ยคนเดียวกับที่ต้อนรับฉื่อหยาน ก็เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อนางมาในเข้าห้อง เฒ่าแก่เนี๊ยก็มองอย่างหงุดหงิดไปบนเตียง และก็ตะโกนด้วยความประหลาดใจ " นี่ แล้วนายท่านไปไหนงั้นรึ ? "
" นายท่าน " เซี่ยซินหยานขมวดคิ้วของนาง และเกิดประกายแสงแปลกๆในดวงตาของนาง " ที่นี่ที่ไหน ? ใครกันที่พาข้ามาที่นี่ ? "
" เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยงั้นรึ ? "
เฒ่าแก่เนี๊ยตกตะลึง ใบหน้าที่หนาเตอะของนาง เต็มไปด้วยสีหน้าแปลกๆ นางสังเกตุไปที่เซี่ยซินหยาน ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็หัวเราะออกมา " คุณหนู ไม่ใช่ว่านายท่านมาทำเรื่องอย่างว่ากับเจ้าที่นี่แล้วหนีไปงั้นรึ ? ข้าหนะไม่รู้ว่านายท่านคนนั้นเป็นใคร แต่เจ้าต้องรู้สิ "
สีหน้าของเซี่ยซินหยานชะงักไป และมือบางของนางก็ตบลงไปที่โต๊ะในห้อง
" ตูม ! "
โต๊ะไม้ที่แข็งแรงแตกระเอียด , กลายเป็นเศษไม้และขี้เรื่อยกระจายไปทั่ว
ใบหน้าของเฒ่าแก่เนี๊ยเปลี่ยนทันที นางแทบจะร้องไห้อยู่ตรงนั้น และพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ " มันไม่ใช่ความผิดของข้า ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย คุณหนู ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ! "
" ข้าถามเจ้าว่า เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่ ? แล้วใครกันแน่ที่พาข้ามาที่นี่ ? " เซี่ยซินหยาน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน .
" เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ . . . . . . . "
เฒ่าแก่เนี๊ยสะอื้น และ เต็มไปด้วยความกลัวจากนั้นก็ อธิบายทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้น นางเอาแต่สั่นศีรษะปฏิเสธ " คุณหนู ข้าไม่รู้อะไรนอกจากนี้จริงๆ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ! "
เฒ่าแก่เนี๊ยคิดว่าเซี่ยซินหยานนั้นได้ถูกข่มขืนไปแล้วแน่ๆ และนางก็คิดว่าใบหน้าภายใต้ผ้าที่ปิดอยู่เซียซินหยานกำลังเต็มไปด้วยความโกรธ นางกลัวว่าเซี่ยซินนหยานจะทำร้ายนาง ดังนั้น เฒ่าแก่เนี๊ยจึงเอาแต่ร้องไห้และขอร้องออกมา
หลังจากเห็นเฒ่าแก่เนี๊ยแสดงออกมาอย่างนั้น , เซี่ยซินหยาน ก็ตกใจและสีหน้านางก็แปลกไป
ข้าแค่ถามนางว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเองนะ ?
เขานั้นได้พาข้ามาที่หอนางโลมแห่งนี้ และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรข้า แต่เขากลับไปมีอะไรกับนางโลมแทน เขาช่างเป็นคนที่โรคจิตที่สุดในโลกจริงๆ
เซี่ยซินหยานนั้นมั่นใจในความงามของนางเองเป็นอย่างมาก
เมื่อนางได้เติบโตขึ้น ทุกๆคนต่างก็หลงไหลในความงามของนาง นางรู้จักเสน่ห์ของตัวเองดี
นั่นคือเหตุผลที่นางมักจะปกปิดใบหน้าของนาง เพื่อป้องกันคนไม่ให้มาจอแจโดยไม่จำเป็น
แต่เจ้าคนๆนั้นกลับไม่สนใจนางเลย เขาต้องเป็นคนโรคจิตแน่นอน เขาพานางมาที่หอนางโลมแต่กลับไปมีอะไรกับโสเภณีสองคน โสเภณีทั้งสองนั้นไม่ได้สวยไปกว่านางเลยสักนิด ?
แล้วทำไมเขาถึง… !! ?
ในขณะที่กำลังสับสนอยู่ เซี่ยซินหยานก็รู้สึกแค้นใจไม่น้อย
ข้าไม่ดีไปกว่านางทั้งสองจริงๆงั้นรึ ? ? เจ้าคนตาถั่ว !!
" ข้าไม่ได้ทำจริงๆ มันไม่ใช่ความผิดขอข้า... " เฒ่าแก่เนี๊ยยังคงพูดอ้อนวอนอยู่ และเอาแต่ร้องออกมา แต่นางก็ยังคงแอบสังเกตของการตอบสนองของเซี่ยซินหยาน อยู่ลับๆ ในเวลาเดียวกัน นางก็ถามออกไปด้วยเสียงสะอื้น " นายท่านคนนั้นทำอะไรท่านงั้นหรือ ? "
แววตาของเซี่ยซินหยานกลายเป็นเย็นชาและ นางก็ถลึงตามองไปที่เฒ่าแก่เนี๊ย
เฒ่าแก่เนี๊ยรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แพร่ไปทั่วร่าง ร่างของนางก็สั่นเทา และก็ไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านี้อีก
เซี่ยซินหยานคิดสักพัก และมองไปบนท้องฟ้าที่กำลังค่อยๆสว่างขึ้น จากนั้นนางก็กระโดดลงมาจากหน้าต่างบานเดียวกับที่ฉื่อหยานออกไปก่อนหน้านี้
นางกระโดลงไปบนถนน เพียงแค่เสียววิ ร่างของนางก็หายไปอย่างไร้ล่องรอย
เฒ่าแก่เนี๊ยกลายเป็นโล่งใจเมื่อนางจากไป , และแอบถอนหายใจออกมา หลังจากผ่านไปได้สักพัก นางก็บ่นกับตัวเอง " ข้าเป็นเฒ่าแก่เนี๊ยของที่นี่มาหลายปี แต่ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนงดงามเช่นนี้เลย นายท่านคนนั้นนับได้ว่าโชคดรนัก ที่สามารถเด็ดดอกฟ้าเช่นนี้ได้ "
. . . . .
ที่ตระกูลฉื่อ ในห้องหิน
ฉื่อเจี้ยน คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธ " ไปหาเขาให้พบ ! พวกเจ้าทุกคนต้องใช้ทุกอย่างของเจ้าเพื่อตามหาเขา ทุกคนๆในตระกูลโม่ ไปเดี๋ยวนี้ ! , หากพวกเจ้าค้นหาฉื่อหยานไม่พบ ! พวกเจ้าก็ไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก !! ! "
ยอดฝีมือชองตระกูลฉื่อ ฉื่อเตี่ย ฉื่อตั้ง และ ฮันเฟิงพวกเขาทั้งหมดต่างก็ลดหัวของตัวเองลง พร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย
" นายท่าน ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่สามารถปกป้องคุณชายหยานได้ ! " ฮันเฟิงก้มหัวลงและพูดยอมรับผิดแต่เพียงผูเดียว แววตาของเขาดูน่ากลัวและพูดออกมา , " ยาของเซี่ยซิ่วนั่นจะออกฤทธิ์เพียงแค่สองชั่วโมง ตอนนี้มันน่าจะหมดฤทธิ์แล้ว ข้าจะไปตามหาเซี่ยซิ่วเอง !”
" ข้าจะไม่ให้เซี่ยซิ่วออกจากเมืองเทียนหยุนทั้งๆที่มีชีวิตแน่ "
ฉื่อเจี้ยนดวงตากลายเป็นสีแดงเหมือนเลือดคล้ายกับฆาตระกรและเขาก็พูดออกมา " ตอนนี้เราไม่มีเวลาพอไปสนใจเซี่ยซิ่ว , ปัญหาาของ ฉื่อหยาน สำคัญที่สุด พวกเจ้าทุกคนจงไปตามหาสะ แม้ว่าพวกเจ้าจะต้องผลิกเมืองเทียนหยุนทั้งเมือง พวกเจ้าก็ต้องหาฉื่อหยานให้พบ ! เขานั้นได้ครอบครองจิตวิญญานต่อสู้อย่างอื่นอีกหนึ่งอย่าง เขาจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเจ้าทุกคนจงออกไปตามหาด้วยความสามารถทั้งหมดของพวกเจ้าสะ ! "
" จิตวิญญานต่อสู้อีกอย่างรึ ? "
ใบหน้าของฉื่อเตี่ย ฉื่อตั้งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้ , พวกเขาก็คิดได้ทันทีเลยว่า ทำไมฉื่อเจี้ยนจึงโกรธเพียงนี้
เพราะนักรบที่ได้ครอบครองจิตวิญญานแฝดมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น และแต่ละคนต่างก็ได้เป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น !
นี่คือเหตุผลที่ เป่ยหมิงชาง ส่งหยินกุ่ยและจิ่วฉานไปปกป้องเป่ยหมิงเช้อ
หากมีทายาทที่ได้ครอบครองจิตวิญญานแฝดเกิดขึ้นในตระกูล ถ้าในสถานการณ์ปกติ เขาก็จะได้เป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคตแน่นอน เพราะพวกเขาสามารถนำพาตระกูลให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกได้
ถ้าหากสูญเสียบุคคลเช่นนี้ไปหละก็ นับได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลเลยก็ว่าได้ !
" พี่ใหญ่ ข้าจะไปตามหาเขาเอง ! " ฉื่อเตี่ยตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ทันที ใบหน้าของเขามืดมนและออกจากห้องหินไปทันที
" นายน้อย... นายน้อยหยานกลับมาแล้ว !"
ตอนนั้นเอง ฮั่นจงก็ปรากฏตัวออกจากไหนก็ไม่รู้ เขากล่าวด้วยความตื่นเต้น " คุณชายหยานยังดูสมบูรณ์และตอนนี้เขาก็กำลังมาที่นี่แล้ว ! "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า "
ฉื่อเจี้ยน หัวเราะลั่นออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมากมาย เหมือนกับ จากพายุที่โหมกระหน่ำ กลาบเป็นแสงแดดที่อบอุ่น " ข้ารู้ดี ว่าเจ้าเด็กนั้นจะต้องไม่เป็นอะไร ! เห็นไหมละเป็นอย่างที่ข้าพูด พวกเจ้าไม่ต้องกังวล "
ฉื่อตั้ง และคนอื่นๆที่เหลือก็ทำหน้าแปลกประหลาด และคิดในใจว่า ใครกันแน่ที่กังวลเกินไป เมื่อมองไปแล้ว ท่านไม่ใช่รึที่ตื่นตระหนกอย่างกับ บิดา มารดา เสีย... ?
" เจ้าฆ่าพวกมันทั้งสองไปแล้วรึ " ฉื่อเตี่ยพูดออกมาอย่างตกใจ เค้ามองไปที่ฉื่อหยานอย่างเหลือเชื่อ และกล่าวอย่างประหลาดใจ " เจ้าจะบอกว่า เจ้าได้ฆ่าหลี่ฮันที่อยู่ในระดับมนุษย์ไปแล้วงั้นรึ ! ? "
" ถูกต้อง และข้าเองก็ได้บรรลุเข้าสู่ระดับมนุษย์เช่นกันในระหว่างการต่อสู้ จากนั้นทุกอย่างก็ช่างง่ายดาย " ฉื่อหยานยิ้มออกมาเหมือนไม่ใส่ใจ
หลังจากได้ยินดังนั้น นักรบตระกูลฉื่อมากมายที่อยู่ในห้องหินก็ตะลึงจนไม่สามารถลดขากรรไกรลงได้ และจ้องไปที่ฉื่อหยานด้วยสีหน้าแปลกๆ
ฉื่อเจี้ยน งุนงงสักครู่ จากนั้นเขารีบวิ่งไปที่ ฉื่อหยานและขว้าแขนของเขาขึ้นมา หลังจากการตรวจสอบสักพัก จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา " พระเจ้านั้นช่างทรงโปรดตระกูลฉื่อจริงๆ ! ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้านั้นเกิดมาเพื่อตระกูล ! ดี ดี ! อายุเพียงแค่ 17 ปี แต่กลับอยู่ในระดับมนุษย์ ตระกูลของเราเลี้ยงเจ้ามาไม่เสียเปล่าจริงๆ ! เจ้าต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นอย่างแน่นอน ! "
" แล้วตอนนี้โม่ตั่วเป็นเช่นไรบ้าง ? " ฉื่อเจี้ยนขมวดคิ้วและหันไปถามฉื่อเตี่ย
" ตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส ! แต่มันก็สามารถหนีกลับไปที่ตระกูลโม่ของมันได้ ด้วยวิชา [ โลหิตหลบลี้ ] [TL. ผู้แปลคิดว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ใช้กันได้ทุกคน แต่ทุกครั้งที่ใช้ก็จะเสียพลังกับได้รับบาดเจ็บสาหัส]อาการบาดเจ็บของมันอย่างน้อยก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาสามปีแน่นอน ตอนนี้มันคงจะซ่อนตัวอยู่ในตระกูลโม่และไม่กล้าออกมาสักพักหนึ่ง" ฉื่อเตี่ยแสยะยิ้ม และพูดอย่างเกรี้ยวกราดออกมา " ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายักษ์สองคนนั้นหยุดไล่ตามหละก็ โม่ตั่วคงไม่สามารถหนีได้แน่นอน แต่ก็น่าเสียดายจริงๆที่เราไม่สามารถสังหารเจ้าโม่ตั่วได้”
" เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้โม่ตั่วกำลังบาดเจ็บสาหัส และโม่ซายกับโม่ฉีก็ตายไปแล้ว อีกทั้งยังมีนักรบมากมายจากตระกูลโม่ถูกฆ่าตายไปเช่นกัน จากนี้ไป ตระกูลโม่ก็คงไม่มีอะไรสามารถเทียบเราได้อีก หึ , ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องสอนให้รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่ใหญ่กว่ากัน , เราจะไปกันเลยหรือไม่ ? " ฉื่อตั้งพูดออกมากล่าว
" ส่งคำสั่งของข้าไปยังนักรบทุกคนที่อยู่เมืองอื่น ! จากนี้ไปพวกเราจะโจมตีตระกูลโม่ ส่วนคนที่อาศัยอยู่ที่เมืองเทียนหยุนเราก็จะลงมือทันที นอกจากฐานตระกูลโม่แล้ว สถานที่อื่นๆเราจะโจมตีมันให้หมด ! " ฉื่อเจี้ยนส่งเสียงคำรามออกไป
. . . . .
ที่ตระกูลซั่ว
ในห้องลับ สีหน้าของชิเสี่ยวกลายเป็นเขินอายนิดๆบหน้าของเขามีรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจ .
เป็นซั่วชูที่กำลังจิบชาในมือ และดูเหมือนเขากำลังหงุดหงิด เขาถอนหายใจและพูดออกมาว่า " ตอนนี้ใครๆก็รู้แล้วว่ามี หญิงสาวที่เป็นนักรบในระดับนภาอยู่ที่ศาลาหมอก ตอนนี้เราคงต้องใช้แผนอื่นแล้ว . "
" จริงๆแล้วหญิงสาวนางนั้นมีระดับเพียงแค่ นภาที่สามของระดับหายนะ แต่จิตวิญญาณการต่อสู้ของนางนั้นชาสงแปลกประหลาด มันกับว่านางได้หยิบยืมพลังบางอย่างมาใช้ และมันก็ทำนางบรรลุถึงระดับนถาได้ มันช่างน่าหวาดหวั่นจริงๆ ! วิญญาณการต่อสู้นี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ดูเหมือนว่าทะเลไม่มีที่สิ้นสุดจะเป็นสถานที่ ที่วิเศษอย่างแท้จริง .
ชิเสี่ยวขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมา " ทันทีที่นางได้เพิ่มระดับของตัวเองเขาสู่ ระดับนภา คงไม่มีใครใน เมืองเทียนหยุนสามารถชกชิงแผนที่จากนางมาได่แน่นอน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่กลัวนางก็ตาม แต่ข้าก็ไม่อยากจะสู้ตกตายไปพร้อมกับนางหลอกนะ และหากเป็นเช่นนั้น ตัวตนของข้าก็จะถูกเปิดเผยแน่นอน และจิ้งจอกเฒ่า เป่ยหมิงชางจะต้องสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกตินี่แน่ๆ . "
" หวังว่าศาลาหมอกหรือคนอื่นๆจะไม่รู้ว่านั่นเป็นฝีมือของเรา นี่ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่นจริงๆ " ซั่วชูถอนหายใจออกมา
" อื้อ...แล้วตระกูลฉื่อเป็นเช่นไรบ้าง ? " ชิเสียวครางออกมาจากนั้นก็ถามออกไป
" เด๋วข้าจะติดต่อฉื่อเจี้ยนเรื่องนี้เอง หลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายลง ข้าจะส่งคนไปที่ศาลาหมอกและไปขอให้พวกเขาร่วมมือกับเรา เฮ้อ นางนั้นอยู่ในระดับนภา นี่สมควรเป็นเรื่องทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ "
" อืม นี่ก็คงเป็นหนทางเดียวจริงๆ ข้าหวังว่านางคงจะไม่โกรธแค้นข้านะ เฮ้อ ข้ารู้สึกละอายนัก ที่สู้สาวน้อยเช่นนั้นไม่ได้ "––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ