บทที่ 56 คัมภีร์หินลาวา และ เกราะเต่ามังกร
บทที่ 56 คัมภีร์หินลาวา และ เกราะเต่ามังกร
ซั่วฉือเดินเล่นไปรอบๆบนชั้นสาม นางรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก นางเดินไปยืนอยู่ข้างๆกระดองเต่าที่วางอยู่บนพื้นดิน ระหว่างที่รอฉื่อหยานมา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆเดินขึ้นบันไดมา เขาสวมใส่ชุดสีเขียวอ่อนค่อนข้างยาว เขาค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว
แต่ซั่วฉือเพียงแค่เหลือบมองไปที่เขาเท่านั้น แล้วจึงหันกลับไป สายตาของนางยังคงจ้องไปที่กระดองเต่า และนางก็กล่าว " ถ้าเสร็จแล้วเจ้ามาตรวจสอบมันเสียที ข้ารอเจ้ามาเป็นเวลานานแล้วนะ "
ซั่วฉือนั้นเคยเห็นผู้ชายที่ดูดีมามากมาย และคนในตระกูลซั่วก็เช่นกัน ดังนั้น ซั่วฉื่อจึงมีภูมิคุ้มกันจากพวกผู้ชายที่ดูดีอยู่บ้าง
" แม่นางน้อย เจ้าคงไม่เคยรอใครเลยสินะ ? หากเจ้าไม่ลองรอใครดูเสียบ้าง เจ้าก็ไม่มีวันรู้ว่าผู้รอนั้นลำบากเพียงใดหลอก ? "
ฉื่อหยานแสยะยิ้ม เขาไม่ได้เดินเข้าหานางทันที แต่เขากลับก็เดินไปรอบ ๆ ชั้นหนังสือแทน และใช้ความทรงจำที่ฝังรากลึกอยู่ในหัว และเขาก็หยิบหนังสือโบราณเล่มหนาที่มีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดออกมา แล้วจึงเดินไปข้างๆซั่วฉื่อ
ซั่วฉือจ้องมองอย่างแปลกใจ นางคิดว่าฉื่อหยานอาจจะสูญเสียความทรงจำบางอย่างไป เขาถึงต้องเดินคำชั้นหนังสือไปมา นางพยักหน้าเบาๆ และพูด " ที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่เคยต้องเสียเวลารอใคร ดังนั้นนี้คงเป็นความรู้สึกที่ต้องรอคอยสินะ . . . . . . . แต่น่าแปลกเหตุใด คนอื่นถึงสามารถทนรอข้าได้เป็นเวลานาน โดยไม่บ่นออกมาสักคำ และยังคุยกับข้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอีก ? "
" นั่นเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าเจ้าหน่ะสิ " ฉื่อหยานพูดออกไปตรงๆ .
" ฮ่าๆๆๆ "
ซั่วฉือหัวเราะแล้วแววตาของนางก็สดใส นางสำรวจไปที่ฉื่อหยานแล้วนางก็ยิ้มให้ และนางก็พูด " เจ้าหนะดูชั่วร้ายแถมยังต่ำต้อยกว่าพวกเขาเสียอีกนะ "
" ข้าคิดว่าเจ้านั้นไม่เหมาะกับชื่อ ซั่วฉื่อเลย , ข้าว่าเจ้าน่าจะชื่อ ซั่วซินซิน มากกว่า " ฉื่อหยานจู่ๆก็พูดออกมา
" ทำไมรึ ? "
" จากที่ข้าสังเกตุมา พวกเขามักจะตั้งชื่อเด็กตามความคาดหวังของพวกเขา เหมือนกับชื่อ จ้าวชิน ( 鑫 นั้นหมายถึงทอง ) หมายถึง ความมั่งคั่ง ( 淼 หมายถึง ท่วมท้น ) หมายถึง มากมาย ดังนั้นสมควรต้องเรียกเจ้าว่าซั่วซินซิน ( 心 ที่หมายถึง ปัญญา ) . . . . . . . " [TL. จ้าวชิน แปลว่า ความมั่งคั่งที่มากมาย ส่วน ซั่ว นั้นแปลว่า ไม่ หรือ ไม่มีวัน ซิน แปลว่า ปัญญา ดังนั้น ซั่วซินซิน จึงเป็น ไม่มีปัญญา หรือ ไม่มีวันฉลาด ประมาณนี้]
" เจ้าหนะสิไม่มีปัญญา ! เจ้าสารเลว "
" ป่าว ข้าจะบอกว่าเจ้าโง่ต่างหากหละ " ฉื่อหยานพูดออกไปอย่างราบเรียบ " ถ้าเจ้าไม่ได้สมองช้า เจ้าก็สมควรจะรู้ว่าพวกเขานั้นคิดเช่นไร ? พวกเขานั้นต้องการที่จะเอาใจเจ้า พวกเขาจึงไม่แสดงความไม่พอใจออกมา บุรุษทุกคนล้วนแต่ทำอย่างกับเจ้าเป็นสิ่งวิเศษ และมักจะทำให้ตัวเองเสียเปรียบ พวกเขาต้องการที่สร้างความประทับใจให้กับเจ้า เช่นนั้น พวกเขาคงจึงไม่เคยต่อว่าเจ้าเลยยังไงหละ ! "
" รวมถึงเจ้าด้วยงั้นรึ ? "
ดวงตาของซั่วฉื่อสดใส นางยิ้มอย่างเจ้าเลห์พร้อมกับมองไปที่เขา
" แค่ก แค่ก ข้าหมายถึงบุรุษทั่วไป แต่สำหรับข้ามันเป็นข้อยกเว้น "
ฉื่อหยานพูดออกมาพร้อมกับก้มหน้า เขาเดินไปใกล้ๆกับชิ้นส่วนของกระดองเต่าที่บนพื้นดิน มือข้างหนึ่งของเขาพลิกผ่านหน้าของหนังสือโบราณเล่มหน้า เมื่อเขาพลิกไปยังหน้าๆหนึ่ง เขาก็หยุด เขาใช้นิ้ว ชี้ไปที่ตัวอักษรโบราณเหล่านั้น
ที่ด้านหลังของกระดองเต่า นอกจากมันจะดูเก่าแก่แล้ว ยังมีตัวอักษรโบราณเขียนอยู่แปดตัว
อักษรโบราณดูไม่เหมือนกับว่ามีใครบางคนมาเขียนไว้ แต่ พวกมันดูเหมือนจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เพราะว่า : ลวดลายบนกระดองเต่า มันดูแปลกประหลาดเป็นพิเศษ
ตัวอักษรถูกสลักยาวเป็นสองบรรทัด และ ตัวอักษรแต่ละตัวก็มีขนาดเท่ากันและทำให้เขาก็รู้เย็นวาบเมื่อสัมพัสไปที่มัน
ฉื่อหยานผิวของเขารู้สึกได้ทันทีเมื่อสัมพัสไปที่ตัวอักษรพวกนั้นด้วยมือซ้าย และมือขวาของเขากำลังเปิดหน้าของหนังโบราณที่ละหน้า บางครั้ง เขาก็คิดอย่างอย่างและย่นคิ้ว บางครั้ง ตาของเขาก็ส่องประกาย และรอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากของเขา เขาเริ่มที่จะเข้าใจมันมากขึ้น เขามุ่งความสนใจไปที่การแปลตัวอักษรบนกระดองพวกนั้น
เขามุ่งความสนใจไปที่มันอย่างมาก เขาทำเหมือนกับว่าไม่ได้มีหญิงงามกำลังยืนอยู่ใกล้ๆ เลย
เป็นซั่วฉื่อผู้งดงามก็คุกเข่าลง และใบหน้าที่แสนบอบบางของนางก็เข้าไปใกล้ๆกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ฉื่อหยานแสดงความสนใจออกมาทางสีหน้าเมื่อสัมพัสไปที่กระดอง
มีคนเคยบอกนางว่า เมื่อบุรษ ตั้งใจและทุ่มเทที่จะทำสิ่งใดแล้ว เขาจะแสดงเสน่ห์ความเป็นผู้ชายออกมา
ซั่วฉือค่อนข้างชื่นชม ความตั้งใจและมุ่งมันของฉื่อหยาน นางพยักหน้าอย่างเงียบ ๆในใจของนางคิดว่า ถึงแม้เขาจะมีความคิดที่ประลาดและดื้อรั้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาทำสิ่งใดแล้ว เขาจะตั้งใจเป็นอย่างมาก "
" แกร็บบ ! แกร๊บบ ! "
ในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงของ ฉื่อหยานที่กำลังเปิดผ่านหน้าหนังสือ ซั่วฉือก็ค่อยๆคุกเข่าลงข้างๆเขา เพื่อไม่ให้รบกวนเขา
หลังจากนั้น ฉื่อหยานก็ปิดหนังสือในมือของเขาลงและใบหน้าของเขาก็จริงจัง เขากล่าวว่า " เรียบร้อย "
" ตัวอักษรทั้งแปดหมายความว่าเช่นไรรึ ? " ซั่วฉือดวงตาของนางสดใสและถามออกไป .
" เกราะเต่ามังกร คัมภีร์หินลาวา ! " ฉื่อหยาน พูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ
" เฮ้ ! "
ซั่วฉือกระซิบและชี้ไปที่กระดองเต่า และพูดด้วยความประหลาดใจ " กระดองเต่านั่นกำลังเคลื่อนไหวเพราะคำพูดของเจ้าอยู่ ! "
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ และรีบมองลงไป รูปแบบของมันเปลี่ยนไป : กระดองเต่าส่องแสงสีเขียวออกมา
ตัวอักษรทั้งแปดเหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิต มันค่อยๆ เคลื่อนไหวไปมาบนกระดองและเปลี่ยนแปลงรูปแบบของมัน
ซั่วฉือจ้องมองอย่างมึนงง .
หลังจากที่ตัวอักษรทั้งแปดเคลื่อนไหวขึ้นลงซ้ายขวาไปมาสักพัก .
บนกระดองเต่า ก็ส่องแสงสีเขียวอ่อนออกมาและมันก็กะพริบต่อเนื่องอย่างแปลกประหลาดออกมาจากกระดองเต่า อากาศในห้องถูกดึงดูดเข้าไปในกระดองเต่านั่นอย่างรวดเร็ว มันไหลไปที่กระดอง ทำให้ฉื่อหยานและซั่วฉือหายใจลำบากขึ้น
" ซั่วฉือ ข้าจะรออยู่นี่ เจ้าช่วยไปที่ห้องรับแขกทันที และเรียกท่านปู่ทั้งสองของเรามาที่นี่ที เดี๋ยวนี้ ! " ฉื่อหยาน มึนงงไปชั่วขณะ แล้วตะโกนออกไป
" ตกลง ! "
ซั่วฉือยังตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงของกระดองเต่า นางจึงไม่กล้าที่จะลังเล ร่างสูงของนางสั่นเล็กน้อยและนางก็จากไปทันที
สีหน้าของฉื่อหยานจริงจัง ดวงตาของเขาจ้องอย่างมั่นคงถาวร ไปบนกระดองเต่า
หลังจากจ้องมองกระดองเต่าสักพัก หัวใจของ ฉื่อหยานก็แทบจะหยุดเต้น เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งแปลกๆ จะเป็นเช่นไร หากเขาใส่มือของเขาเข้าไปในกระดองเต่านั่น
ทันทีที่ความคิดเช่นนี้โผล่ขึ้นมาในความคิดของเขา ฉื่อหยานไม่สามารถทนต่อไปได้ และค่อยๆยื่นมือเข้าไปในกระดองเต่า
แต่หลังจากที่มือของเขากำลังยื่นเข้าไป เขาตระหนักได้เขากำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
" ไม่ได้ ! นี่เป็นของซั่วฉื่อ ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ! "
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉื่อหยานจึงหยุดและสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาหยุดการกระทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับกระดองและ รอคอยอย่างอดทน
หลังจากผ่านไปเวลาสั้นๆ ซั่วฉื่อ ซั่วชู และ ฉื่อเจี้ยน ก็เข้ามาในห้องและก็ยืนล้อมรอบกระดอง และมองไปที่การเปลี่ยนแปลงบนกระดอง
" นี่มันเกิดอะไรขึ้น . . . . . . . " ฉื่อหยาน อธิบายจึงสถานการณ์คร่าวๆ " ตัวอักษรที่แสดงอยู่บนกระดองเต่าสมควรเป็นกุญแจที่จะใช้เปิดมัน เพียงแค่วางฝ่ามือลงบนมันและอ่านคำพวกนนี้ออกมามันก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เห็น เนื่องจากเป็นฉื่อน้อยเป็นคนนำมันมา ข้าจึงไม่ได้แตะต้องสิ่งใดเพิ่้มเติม "
" นี่จะเป็นอันตรายหรือไม่ " ซั่วจูพูดออกมาเสียงดังด้วยความสงสัย ณ เวลานี้ เขาค่อนข้างแน่ใจว่ามันต้องอันตรายแน่นอน
" ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน " ฉื่อหยานส่ายหัว เขาลังเลสักครู่ แล้วบอกความคิดของเขาออกไป " เหตุผลที่ข้าเรียกพวกท่านมาก็เพราะไม่รู้ว่ามันจะอันตรายหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกท่านอยู่ที่นี่แล้ว ถึงแม้กระดองนี่จะอันตรายพวกท่านก็สมควรหยุดยั้งมันได้ "
" เช่นนั้น เจ้ากำลังจะบอกว่า ให้เราทดสอบมันเช่นนั้นรึ " ปรากฏประกายในตาของซั่วชู ' เกราะเต่ามังกร ' และ ' คัมภีร์หินลาวา ' แน่นอนว่าสองคำนี้ต้องมีความลับบางอย่างช่วมโยงกันแน่ มันอาจจะเป็นวิชาการต่อสู้ก็เป็นได้ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่ซั่วชูต้องการที่จะทดสอบมัน
" แน่นอน เราสามารถทดสอบได้ " ฉื่อหยานแสยะยิ้ม และพูดเบาๆ ว่า " ท่านปู่ซั่ว ถ้าท่านกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซั่วฉื่อ เช่นนี้เป็นอย่างไร ให้ข้าทดสอบแทนนางเอง "
" ข้าจะทำมันเอง "
ซั่วฉือได้ยินฉื่อหยานพูดเช่นนั้น นางก็พูดออกมาโดยไม่ถามความคิดเห็นของ ซั่วชู และปรากฏประกายแสงที่มือของนางและนางกดมันลงลึกลงไปในกระดองเต่า
" บูม ! "
เสียงระเบิดดังออกมาจากภายในกระดอง
มีเข็ม 5 อันพุ่งออกมา และฝังลงไปที่นิ้วมือทั้งห้าของซั่วฉือ
เลือดสีแดงสดหยดออกจากนิ้วซั่วฉือทันที เลือดสีทับทิมหยดลงไปบนกระดองเต่าแลมันก็เริ่มแข็งตัว จากนั้นก็ถูกดูดซึมเข้าไปในกระดอง
กระดองเต่าส่องแสงสีเขียวสดใสออกมา แสงสีเขียวนั้นสาดแสงแยงเข้าไปในตาของทุกคน
จากนั้น ก็ปรากฏสัญลักษณ์โบราณแปลกประหลาดขึ้นมาหลังจากที่มันส่องแสงมันลอยเข้าไปในแขนของซั่วฉือ และมันพุ่งเข้าไปยังศีรษะของนาง
––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ