ตอนที่ 233 ดาบคำรนสะท้านฟ้าดิน (ฟรี)
“พี่หลง พวกเรากลับมาแล้ว”
สิ่งที่ทำให้ขุนเขาสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมดนั้นก็คือเสียงของอาหมานนั่นเอง ถังหว่านเอ๋อรีบผละออกจากอ้อมกอดของหลงเฉิน พลันก็ปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยตัวเอง ดวงตาคู่งามมองออกไปยังประตูทางเข้า ทันใดนั้นก็มีเงาร่างขนาดใหญ่สองสายเดินเข้ามา
อาหมานแบกเขี้ยวหมาป่าที่มีขนาดใหญ่กว่าแผ่นหลังของตัวเองถึงหนึ่งเท่าตัวไว้บนบ่า เดิมทีเขี้ยวขนาดมหึมาจากหมาป่าแพะของอาหมานนั้นมีด้ามจับขนาดเท่ากับถังน้ำหนึ่งใบ ทว่าในขณะนี้กลับใหญ่ยิ่งกว่าโอ่งน้ำหนึ่งใบไปเสียแล้ว อีกทั้งยังทอประกายสีดำทมิฬไปทั้งหมดจนสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันน่าหวาดกลัวที่แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ที่น่าแตกตื่นตกใจมากที่สุดเห็นจะเป็นการเดินเหินอันหนักหน่วงของอาหมานที่ทำให้ตามรายทางฝังเอาไว้ด้วยรอยฝ่าเท้าขนาดใหญ่ของเขา อีกทั้งทุกฝีก้าวยังทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง เส้นทางที่ถูกปูเอาไว้ด้วยอิฐศิลาก็ถึงกับแหลกละเอียดคาฝ่าเท้าของเขาไปในทันที
หลงเฉินทราบได้ทันทีว่าอาวุธของอาหมานไม่ใช่อันเดิมที่เคยใช้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งเขี้ยวหมาป่าอันนี้ก็ยังมีน้ำหนักที่มหาศาลอย่างไร้ที่เปรียบ ไม่เช่นนั้นการเดินเหินของเขาก็คงไม่ทำให้อิฐศิลาที่มีความหนาถึงหกเซียะแหลกละเอียดคาฝ่าเท้าในทันทีอย่างแน่นอน
“เจ้าหนู เดินเหินเบาๆ หน่อย เจ้าไม่ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนรอบตัวเลยหรืออย่างไรกัน”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเสี่ยวเสว่ยและอาหมาน เมื่อชางหมิงพบว่าพื้นดินแตกระแหงออกเป็นเสี่ยงๆ ก็กล่าวขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด ถึงแม้ว่าใบหน้าเหี่ยวย่นจะเปี่ยมไปด้วยโทสะ ทว่าภายในดวงตาของเขากลับทอประกายความเอ็นดูและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
“โบร๋วโบร๋ว”
เสี่ยวเสว่ยพุ่งเข้าหาหลงเฉินประดุจสายลมบ้าคลั่ง ขณะนี้เสี่ยวเสว่ยเองก็เติบใหญ่ขึ้นมากด้วยเช่นกัน ร่างกายของเจ้าหนูน้อยมีขนาดใหญ่ขึ้นถึงสามเซียะ อีกทั้งบนร่างกายยังมีบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวเพิ่มสูงขึ้นมาหลายเท่าตัว
บาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายเลือนหายไปจนหมด เส้นขนสีขาวดั่งหิมะทอประกายเงางามไปทั่วทั้งร่างกายเฉกเช่นเดิม ภายในแววตาใสซื่อแฝงเอาไว้ด้วยพลังมหาศาลสาดออกมาเป็นสาย
“เจ้าเลื่อนระดับได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
หลงเฉินมองไปที่เสี่ยวเสว่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเมื่อพบว่าบนร่ายกายของเสี่ยวเสว่ยมีพลังสภาวะของสัตว์มายาระดับสามขั้นกลางไปแล้ว แรงกดดันอันมหาศาลพุ่งกระจายไปทั่วทุกสารทิศจนทำให้ผู้คนเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมา
เสี่ยวเสว่ยถูศีรษะขนาดใหญ่ของมันไปตามร่างกายของหลงเฉินด้วยความรักใคร่ ถึงแม้ว่าจะได้เลื่อนระดับเป็นสัตว์มายาที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งไปแล้ว ทว่าเมื่อเสี่ยวเสว่ยอยู่กับหลงเฉินก็ยังเป็นเพียงทารกน้อยตัวเล็กๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“พี่หลง ท่านดูสิ ข้าได้ของเล่นใหม่ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง”
เมื่อได้บอกกล่าวต่อหลงเฉินแล้ว อาหมานก็กวัดแกว่งเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาที่อยู่ในมือไปกลางอากาศจนบรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงประดุจพายุฝนคลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
“หึ่ง”
เขี้ยวหมาป่าหอบสายลมกรรโชกแรงไปมาจนถังหว่านเอ๋อแตกตื่นตกใจยกใหญ่ ภายในจิตใจของนางสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวของสายลมอันรุนแรงจากการเคลื่อนไหวของเขี้ยวหมาป่าที่แข็งแกร่งกว่าการโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นโดยทั่วไปนับสิบเท่าเลยก็ว่าได้
ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อกำลังจะไหลเวียนพลังแห่งวายุเข้าต้านทานกระแสลมหอบนั้น ทว่าจู่จู่ที่เบื้องหน้าของนางก็มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาขวางทางเอาไว้
“ซูม”
ลมพายุหอบนั้นปะทะเข้ากับร่างกายของหลงเฉินอย่างหนักหน่วง ทว่าหลงเฉินกลับยืนหยัดอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลงเฉินที่เสมือนเป็นผาศิลาขนาดใหญ่ ไม่ว่ากระแสลมหอบนั้นจะถาโถมเข้ามารุนแรงเพียงใดก็ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้เลยแม้แต้น้อย
หลงเฉินทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาไม่น้อยเลย เพียงแยกจากกันไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ทำให้กายเนื้อของอาหมานแข็งแกร่งได้จนน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงแค่กวัดแกว่งอาวุธก็สามารถบดขยี้กระดูกและเส้นเอ็นของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งให้แหลกลานลงไปได้ภายในพริบตาเดียว
“เหอะเหอะ พี่หลง เป็นอย่างไรบ้าง? นี่เป็นอาวุธที่อาจารย์ของข้าทำให้โดยเฉพาะเลยนะ”
เมื่อกล่าวจบ อาหมานก็วางเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาของเขาลงบนพื้น ทว่าการวางของเขากลับทำให้อิฐศิลาแหลกละเอียดไปในพริบตา อีกทั้งยังทำให้ตลอดทั่วทั้งขุนเขาแห่งนั้นเกิดการสั่นไหวไม่หยุด
“เพี๊ยะ”
ชางหมิงกวาดฝ่ามือหมายที่จะฟาดไปยังศีรษะของอาหมาน ทว่าอาหมานกลับมีรูปร่างสูงใหญ่จนเกินไปทำให้เขากระทำได้เพียงตบไปที่ท่อนแขนของเด็กน้อยเท่านั้น
“เจ้าหนู ข้าบอกเจ้าไปจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าให้จับวางอาวุธให้มันเบาๆ หน่อย นี่เจ้าคิดจะทำลายหมู่ตึกแห่งนี้ไปเลยหรืออย่างไรกัน?” ชางหมิงกล่าวตำหนิขึ้นมาอย่างเหลืออด
ถึงแม้ว่าฝีปากจะด่าทอออกไปไม่หยุด ทว่าแววตาของผู้เป็นอาจารย์กลับมองศิษย์ของเขาอย่างภาคภูมิใจ ในเมื่อตัวเองสามารถพร่ำสอนและเลี้ยงดูศิษย์ผู้หนึ่งจนแข็งแกร่งขึ้นมาได้มากถึงเพียงนี้ย่อมถือเป็นหน้าเป็นตาของผู้เป็นอาจารย์เองด้วย
ส่วนอิฐศิลาตามรายทางที่ถูกเหยียบจนแหลกละเอียดเป็นสายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด เพราะทางหมู่ตกมีคนงานมากมายที่จะจัดการซ่อมแซมอยู่แล้ว
และตลอดรายทางที่อาหมานเดินทางผ่านมาก็ได้สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับผู้คนมากมายเป็นอย่างยิ่งราวกับว่าเด็กน้อยผู้นี้ได้แบกภูเขาขนาดใหญ่เอาไว้บนหลังตลอดเวลา ทว่าชางหมิงกลับรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสีหน้าของบรรดาศิษย์ภายในหมู่ตึกเหล่านั้น
“ทว่าไม่ว่าอย่างไรพลังของเจ้าก็ร้ายกาจจนปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์อีกด้วย” ชางหมิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะฮาฮาขึ้นมาด้วยความชอบใจ
เพราะนับตั้งแต่ที่เจออาหมาน เขาก็ถูกเรียกว่าตกแก่มาโดยตลอด ทว่าเขาเองก็ไม่ได้ถือสาความใสซื่อของเด็กน้อยผู้นี้ ในทางกลับกันกลับรู้สึกถึงความสนิทชิดเชื้อกันมากกว่า และในขณะนี้ที่ได้ยินอาหมานเรียกขานตัวเองว่าอาจารย์เป็นครั้งแรก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมีจิตใจเบิกบานขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“ท่านผู้..... แค่กแค่ก ชางหมิงต้าป่อ เขี้ยวหมาป่าของอาหมานหนักเพียงใดกัน?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นมา
“เจ็ดสิบห้าหมื่นชั่ง” ชางหมิงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ว่าอย่างไรนะ?” ไม่เพียงแต่หลงเฉินที่ตกใจ ทว่าผู้คนทั้งหมดที่ได้ยินต่างก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาด้วยความแตกตื่นตกใจด้วยเช่นเดียวกัน
ต่อให้เป็นอาวุธหนักทั่วไปก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากมายถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดเขี้ยวหมาป่าของอาหมานถึงได้มีน้ำหนักมากถึงเจ็ดสิบห้าหมื่นชั่งไปได้ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนทั้งหมดจะตกใจยกใหญ่ไปตามๆ กัน
สายตาของผู้คนทั้งหมดมองไปยังมัดกล้ามเนื้อกำยำของอาหมานที่คล้ายกับจะปริแตกออกมาได้ทุกเมื่อ พลันก็สลับมองไปที่เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาในมือของเขาด้วยอาการขนลุกชูชันขึ้นมา แล้วยังจะมีผู้ใดอีกหรือที่จะสามารถต้านทานบุคคลเช่นนี้เอาไว้ได้?
ต่อให้เป็นถึงยอดฝีมือที่มีกายเนื้ออันแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวอย่างกู่หยางก็ถึงกับถูกซัดกระเด็นได้ด้วยเขี้ยวหมาป่าที่มีขนาดเล็กกว่านี้ และทันใดนั้นเองเหล่าผู้คนทั้งหมดก็ได้ทอสีหน้าตื่นตระหนกมองไปที่หลงเฉินเป็นสายตาเดียว เป็นไปได้ว่าทั่วทั้งหมู่ตึกแห่งนี้คงจะมีเพียงหลงเฉินที่มีพละกำลังเพียงพอที่จะหยุดอาหมานเอาไว้
ได้
“เหอะเหอะ เจ้าไม้จิ้มฟันที่หนักสิบแปดหมื่นชั่งอันเดิมไม่มีประโยชน์กับข้าอีกต่อไปแล้ว เจ้านี่ต่างหากที่เป็นของเล่นที่เยี่ยมยอดที่สุด” อาหมานกล่าวพร้อมกับโอบกอดเขี้ยวหมาป่าชิ้นใหม่ของเขาด้วยสีหน้าระรื่น
“หลงเฉิน ข้าเคยให้คำมั่นกับเจ้าเอาไว้ว่าจะสร้างอาวุธที่เหมาะสมให้กับเจ้า เหอะเหอะ เช่นนั้นก็จงดูแลมันให้ดี”
ในขณะที่กำลังกล่าวออกมานั้น ภายในมือของชางหมิงก็มีดาบใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา ดาบใหญ่เล่มนั้นมีความยาวหนึ่งเซียะ คมดาบทำด้วยทองเหลืองที่ทอประกายเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ความกว้างของตัวดาบมีขนาดหนึ่งฉื่อกับอีกสองชุ่น ส่วนความหนาของดาบคือสามชุ่น คมดาบถูกสลักด้วยอักขระแปลกประหลาดสายหนึ่ง เมื่อได้มองดูอย่างละเอียดแล้วกลับเป็นภาพของสัตว์โบราณที่ให้ความรู้สึกห้าวหาญสะท้านแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง
*尺ฉื่อ = 1 ฟุต ,寸ชุ่น = 3.34 เซนติเมตร (1 ฉื่อ= 10 ชุ่น)
T/L ดาบใหญ่ของหลงเฉินจึงมีความหนาราว 33.4 เซนติเมตร
บริเวณด้ามดาบมีแกนผลึกฝังอยู่เม็ดหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้จิตใจของหลงเฉินเต้นระรัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะดาบใหญ่เล่มนี้เป็นถึงอาวุธปราณเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้
มีเพียงแค่ผู้หลอมศาสตราวุธชั้นสูงเท่านั้นที่จะสามารถสลักยันต์ลงบนศาตราวุธได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมแกนผลึกของสัตว์มายาให้ตราตรึงอยู่ในศาสตราวุธชิ้นนั้นได้อีกด้วย เมื่อพลังอักขระเข้าไปกระตุ้นพลังอันมหาศาลของแกนผลึกเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะกระตุ้นพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวของศาสตราวุธเล่มนั้นขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด
อาวุธปราณจะแกร่งกล้ามากเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังฝีมือของผู้หลอมศาสตราวุธเล่มนั้นทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือนั้นก็ดูจากระดับของแกนผลึกที่ถูกเชื่อมกับศาสตราวุธเล่มนั้น
“ฉึก”
เมื่อดาบใหญ่ถูกคลายออกจากมือของชางหมิงแล้วก็ได้พุ่งลงสู่พื้นดินไปในทันที ทว่าที่ทำให้ผู้คนตกใจอย่างถึงที่สุดนั่นก็คืออิฐศิลาที่มีความหนากว่าหกเซียะถึงกับถูกแทงทะลุ ดาบยาวเล่มนั้นจมมิดลงไปจนมิดด้าม
“แหลมคมจนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว” ผู้คนทั้งหมดทอสีหน้าแตกตื่นมองไปยังด้ามดาบที่โผล่พ้นพื้นขึ้นมา
“ดาบใหญ่เล่มนี้ไม่ต่างไปจากศาตราวุธในตำนานเลยจริงๆ หากศิษย์พี่หลงเฉินได้กวัดแกว่งดาบเล่มนี้คงจะเหมือนกับพยัคฆ์ติดปีกอย่างแน่นอน”
“เหอะเหอะ หากศิษย์พี่หลงเฉินมีดาบใหญ่เล่มนี้แล้ว แน่นอนว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมคงจะต้องกลายเป็นผักปลาที่ถูกห้ำหั่นอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน เพียงแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว”
“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน”
ชางหมิงมองไปทางหลงเฉินด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “นี่เป็นศาสตราวุธที่ข้าจะมอบให้เจ้า”
“ขอบคุณชางหมิงต้าป่อเป็นอย่างสูง”
หลงเฉินหันไปคารวะต่อชางหมิงด้วยความยินดี พลันก็เดินเข้าไปหมายที่จะหยิบดาบขึ้นมา โดยปกติแค่เขาออกแรงเพียงเบาๆ ก็เรียกได้ว่ามีพละกำลังหลายหมื่นชั่งแล้ว ทว่าเมื่อพยายามดึงดาบยาวเล่มนั้นขึ้นมา มันกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“เด็กน้อยที่ดี เจ้าคงจะเป็นอาวุธหนักเล่มหนึ่งสินะ” หลงเฉินเกิดความลิงโลดขึ้นมายกใหญ่ เขาคิดไม่ถึงว่าดาบใหญ่เล่มนี้จะหนักกว่ารูปร่างของมันเป็นอย่างยิ่ง จึงลอบพึมพำกับตัวเองว่าได้มองดาบเล่มนี้ผิดไปแล้ว
“หลงเฉิน เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่ายิ่งหนักก็ยิ่งดีกับเจ้า ข้าต้องเอาสมบัติเก่าแก่ทั้งหมดที่ข้ามีมาตีดาบเล่มนี้ให้เจ้าเชียวนะ หากว่าเจ้าไม่อาจกวัดแกว่งมันได้เช่นนี้ ข้าคงต้องขอรับมันกลับไป” ชางหมิงกล่าวด้วยสีหน้าผิดหวัง
ในครั้งก่อนที่เขาได้พบกับหลงเฉินก็ทราบได้ว่าหลงเฉินจะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อได้ประเมินพลังหมัดของหลงเฉินแล้วก็คาดว่าเมื่อหลงเฉินเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้แล้วก็คงจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่า ฉะนั้นเขาจึงได้ตีดาบใหญ่เล่มนี้ขึ้นมา
กล่าวได้ว่าดาบใหญ่เล่มนี้เป็นศาสตราวุญที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจลงไปเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังใช้แกนผลึกของสัตว์มายาระดับห้าติดเข้าไปที่ด้ามดาบด้วย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เขามีอยู่และก็มีเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
เดิมทีเขาคิดว่าจะเก็บเอาไว้ติดให้กับอาวุธของอาหมาน ทว่าพลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายของอาหมานนั้นไม่อาจกระตุ้นพลังอักขระเพื่อชักนำพลังจากแกนผลึกออกมาได้
ทว่าเมื่อเขาเจอหลงเฉินในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมา เพราะหลงเฉินยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น ภายในจิตใจจังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาว่าดาบใหญ่เล่มนี้คงจะยังไม่เหมาะกับหลงเฉินในตอนนี้
“เหอะเหอะ วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
หลงเฉินอมยิ้มแล้วใช้มือทั้งสองข้างกุมไปที่ด้ามดาบจนแน่น พลันก็กระตุ้นพลังทั้งหมดขึ้นมาจนอิฐศิลาที่อยู่ใต้เท้าระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทว่าดาบใหญ่เล่มนั้นก็ยังไม่ถูกดึงออกมา
“ฮาฮาฮาฮา ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก”
หลงเฉินหัวเราะขึ้นมายกใหญ่ น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความลิงโลดและการเฝ้ารออย่างถึงที่สุด จากนั้นเขาก็กระตุ้นวงแหวนแห่งเทพขึ้นมา
“หึ่ง”
ดาบใหญ่เล่มนั้นถูกยกขึ้นมาจากพื้นดิน กระแสความคมกล้าของดาบแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เสียงตอบกลับของดาบใหญ่ดังสนั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้า พลังสภาวะอันมหาศาลที่ไร้ขีดจำกัดหลั่งไหลออกมาจากตัวดาบจนบรรยากาศเกิดเสียงระเบิดขึ้นมาไม่หยุด
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลงเฉินที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกรักใคร่ต่อศาสตราวุธ
“เต้งเต้งเต้งเต้งเต้งเต้งเต้งเต้งเต้ง”
ผู้คนทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะแตกตื่นจนไม่แทบจะหยุดหายใจ และทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังระงมไปทั่วถึงเก้าครั้งติดต่อกัน เสียงนั้นดังลั่นจนสะเทือนไปทั้งโสตประสาทของพวกเขา
.
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 718 แล้วครับ)