บทที่ 40 แบ่งสมบัติ
บทที่ 40 แบ่งสมบัติ
" เจ้ารู้ตัวอักษรโบราณพวกนี้รึ ? " ตี่ย่าหลาน ช่วยไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
" เพียงเล็กน้อยเท่านั้น.. "
ฉื่อหยานพยักหน้า และเขาก็ไม่ได้อ่านไปที่เนื้อหาของหนังสือ แต่เขาเก็บหนังสือนั้นไว้ในเสื้อของเขาราบเรียบแทน และกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย " ท่านนำขวดหยกเปลวเพลิงปฐพีแท้จริงไป ส่วนข้าจะขอเก็บวิชาต่อสู้ระดับวิญญานนี่ไว้เอง . "
ตี่ย่าหลาน พยักหน้าเพื่อตกลง ขวดหยกเปลวเพลิงปฐพีแท้จริงที่นางได้ แน่นอนว่ามันต้องเป็นของที่มีค่ามากสำหรับนาง นางยืนขึ้นพร้อมกับถือขวดหยกในมือ
" แล้วผลึกอสูรสามก้อนนั้นหละ ? "
หลังจากนั้น ตี่ย่าหลาน ก็ถามอีกครั้ง และคราวนี้ ในขณะที่นางกำลังจะพูดบางอย่าง นางก็เหลือบมองไปที่มู่หยู่เตี๋ย ด้วยความซับซ้อนในดวงตาสวยของนาง
ฉื่อหยานเองก็ได้หนังสือวิชาต่อสู้ระดับวิญญาน ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ามันมีค่าหลายล้านนัก อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ มีแค่ มู่หยู่เตี๋ย ที่ยังไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเลย
ผลึกอสูรทั้งสามก้อนไม่สามารถเทียบเท่าได้กับเปลวเพลิงปฐพีแท้และวิชาระดับวิญญานได้ ดังนั้น ตี่ย่าหลาน ตั้งใจจะให้ผลึกอสูรเหล่านี้แก่มู่หยู่เตี๋ย อย่างไรก็ตาม นางก็กังวลว่า ฉื่อหยานจะไม่เห็นด้วย นั่นคือเหตุผลที่นางหยุดพูดแบบนั้นและดูปฏิกิริยาของฉื่อหยาน
" งั้นก็มอบมันให้แก่แม่นางมู่เถอะ ถ้านางต้องการละนะ . "
แน่นอน ฉื่อหยานรู้ว่าตี่ย่าหลานกำลังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวอย่างใจเย็น " เราไม่สามารถที่จะไม่แบ่งอะไรให้แม่นางมู่ได้ . เราทั้งสองเองก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เช่นนั้นมอบผลึกอสูรทั้งสามให้แก่แม่นางมู่เถอะ "
" เยี่ยม ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ " ตี่ย่าหลาน ยิ้มด้วยความพึงพอใจ นางค่อนข้างดีใจที่เห็นฉื่อหยานนั้นเข้าใจและมีความเห็นอกเห็นใจ
มู่หยู่เตี๋ยดูแปลกใจเล็กน้อยที่ฉื่อหยานพูดเช่นนั้น นางจ้องไปที่ ฉื่อหยาน สักครู่ แล้วสั่นศีรษะ และตอบกลับด้วยรอยยิ้มเขินๆ " ข้าไม่ได้ทำประโยชน์อันใดและยังถูกปกป้องอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่สามารถรับผลึกอสูรทั้งสามได้หลอก .
" เตี๋ยเอ๋อ . . . . . . . " ตี่ย่าหลาน อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลังเล
" ไม่ ข้าไม่สามารถรับมันได้ . " มู่หยู่เตี๋ยดูมุ่งมั่น นางส่ายหัวของนางหนักแน่น และเริ่มพูดหยอกล้อกับตัวเอง " ข้าเป็นภาระให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าเกือบจะเสียชีวิตเพราะปกป้องข้า เช่นนั้นผลึกอสูรทั้งสามก้อนควรเป็นของท่านและติงหยาน ข้ารู้ว่าพวกท่านใจดีกับข้ามาก แต่ข้าละอายเกินไปที่รับผลึกอสูรเหล่านี้ . "
" งั้นเจ้าก็รับไปสักก้อนสะ . " ฉื่อหยานกล่าวว่า หลังจากลังเล " อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องรับผลึกอสูรพวกนี้ไปหนึ่งก้อน เราไม่สามารถที่จะเห็นแก่ตัวได้ "
" ถูกต้อง ยังไงเจ้าก็ควรรับมันไปหนึ่งก้อน . " ตี่ย่าหลานพูดยืนกราน
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนต่างยืนกรานเช่นนี้ มู่หยู่เตี๋ยก็พบว่ามันยากมากที่จะปฏิเสธน้ำใจใดๆจากพวกเขา จากนั้น นางก็พยักหน้า หลังจากลังเลนางก็พูดว่า " ข้าขอบคุณสำหรับน้ำใจมาก "
ฉื่อหยานหยุดพูดและหลับตาลงอีกครั้ง และกลับไปโคจรพลังปราณลึกลับภายในร่างกายของเขาเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
เมื่อ เขาทำจิตใจให้ว่างเปล่าและอัดแน่นพลังปราณพวกนั้นอยู่ข้างใน เขาก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นในร่างกายของเขา
เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ว่า เพียงแค่เขานั่งอยู่กับที่ เขาก็รู้สึกได้ว่าบาดแผลและอาการเจ็บปวดในกล้ามเนื้อของเขากำลังจะหายไป
ฉื่อหยานทำจิตใจให้ว่างเปล่าและตั้งสมาธิผ่านไปในร่างกายอย่างสมบูรณ์เพื่อสังเกตุการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
ทันใดนั้น จิตใจของเขาก็รู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด จิตวิญญานต่อสู้ของเขาส่องแสงออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะคิดบางสิ่งได้
นี่นะหรือ จิตวิญญาณอมตะ !
ภายในร่างกายของเขา ร่างกาย กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเลือด อวัยวะภายในทั้งหมดล้วนเปลี่ยนไปด้วยพลังปราณลึกลับของเขา .
จิตวิญญาณอมตะได้แอบฟื้นฟูร่างกายของเขาในแบบที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ ดูเหมือนมันกำลังฟื้นฟู ผลข้างเคียงที่ได้รับจาก " บ้าคลั่ง "
ฉื่อหยาน ก็ยิ่งแปลกใจ เขารู้ว่าจิตวิญญาณอมตะไม่เพียงแต่สามารถ ฟื้นฟูบาดแผลให้เท่านั้น แต่มันยังสามารถรักษาอาการจากผลข้างเคียงของ " อาละวาด " ได้อีกด้วย
ด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณอมตะ ในตอนแรกเขาแน่ใจว่าเขาสามารถประมือกับศัตรูได้ภายใน 3 วัน หลังการใช้ " บ้าคลั่ง "
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณจิตวิญญาณอมตะนี่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่พลังส่วนหนึ่งของมันเท่านั้น
ด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณอมตะ อาการปวดและความเมื่อยล้าในร่างกายของเขาก็ค่อยๆหายไป
ดูจากสภาพของร่างกายของเขาในตอนนี้ มันอาจจะใช้เวลามากสุด เพียง 1 วัน ในการฟื้นฟูพลังของเขาครึ่งหนึ่ง มันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา หากเขาคิดจะต่อสู้กับศัตรู
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เขาถูกครอบงำด้วยความกระหายเลือด คลื่นพลังที่ชั่วร้ายและเจตนาในการฆ่าฟันที่บ้าคลั่ง พวกมันพุ่งพลานออกมาจากหัวใจของเขา
มันระเบิดพลังงานเชิงลบออกมาอย่างรุนแรงและดุร้ายเหมือนคลื่นสึนามิ และมันก็ยังรุนแรงมากขึ้นกว่าที่เคย อีกเ่วย!
คลื่นพลังงานนั้นได้หลอมรวมกับความสิ้นหวัง ความกลัว และความแค้น มันได้พุ่งออกมาจากเส้นชีพจรทั่วร่างกายของเขา พวกมันเป็นคลื่นของพลังที่อยู่ในจิตใจ มันคำรามผ่านจิตใจของเขาพยายามที่จะควบคุมความคิดของเขา และเปลี่ยนเขาให้เป็นสัตว์กระหายเลือดไร้ซึ่งจิตใจและคุณธรรม
ในครั้งนี้เขาได้ดูดซับพลังปราณลึกลับจากนักรบทั้งสี่ที่อยู่ในระดับก่อตั้ง และรวมกับนักรบในระมนุษย์อีกสองคน เมื่อพวกมันทั้งสี่ได้ตกตายไป ฉื่อหยานเองก็อยู่ในถ้ำด้วยเช่นกัน
เขาจึงดูดซับพลังปราณลึกลับมาจากนักรบทั้ง 6 อย่างครบถ้วนไม่มีพลังปราณลึกลับใดสูญสลายไปเลย ซึ่งมันหนาแน่นและแข็งแกร่งกว่าพลังปราณที่เขาเคยดูดซับมาก่อนหน้านี้อย่างมากมาย
ดังนั้น การครอบงำจิตใจของเขาในครั้งนี้จึงรุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก
แม้ว่าฉื่อหยาน ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ลมหายใจของเขาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ และร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย ร่างของเขาถูกห่อหุ่มอย่างแน่นหน่าด้วยเจตนาแห่งการฆ่าฟัน ทำให้เขากลายเป็นชั่วร้ายมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาคิดว่าตัวเขาไม่สามารถต้านทานแรงของมันได้อีกแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้น มองไปที่ ตี่ย่าหลาน ความปรารถนาลุกโชนอยู่ในแววตาของเขา เขาพูดด้วยเสียงเบาๆ , " มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของข้าอีกแล้ว "
ตี่ย่าหลาน ตะลึงไปชั่วขณะ และแล้วหน้าก็แดงขึ้นมา นางพูดกับมู่หยู่เตี๋ยด้วยเสียงเบา " เตี๋ยเอ๋อ . . . เจ้าหันไปทางนั้นก่อนได้หรือไม่ ? .
มู่หยู่เตี๋ยหันหน้าที่แดงเรื่อของนางไปอย่างรวดเร็ว นางกัดริมฝีปากเล็กน้อย หันไปทางเข้าถ้ำพร้อมกับหันหลังให้กับพวกเขาทั้งสอง และกล่าวว่า " เจ้าสองคนช่วยทำกันเงียบๆด้วย อย่าได้ดึงความสนใจจากสัตว์อสูรมาที่นี่เด็ด ข้า . . . ข้าจะเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าเอง "
" อื่มม ! " ตี่ย่าหลาน ตอบเบาๆแล้วรีบทิ้งตัวเองลงไปในอ้อมแขนของฉื่อหยาน
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในถ้ำ ก็มีเสียงครางเป็นจังหวะดังออกมาให้ได้ยิน
. . . . . . .
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ด้วยเสียงครางและร่างกายที่สั่นเทา ฉื่อหยานก็ได้ถ่ายทอดน้ำวิสุทธิ์ของเขาเข้าไปภายในร่างกายของ ตี่ย่าหลานอีกครั้ง .
จากในเส้นชีพจรทั้งหมดของเขา จู่ๆมันก็ปรากฏพลังอัศจรรย์บางอย่างขึ้น
เป็นพลังที่แปลกประหลาดนี้อีกครั้ง มันไหลวนเวียนสุ่มไปรอบๆอยู่ภายในร่างกายของเขา มีเพียงส่วนเล็ก ๆของมันเท่านั้น ที่พุ่งเข้าไปในร่างกายตี่ย่าหลานพร้อมกับเข้าไปที่หัวใจของเขา ในที่สุดพลังประหลาดนี้พุ่งไปและเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาและมันก็ได้หลอมรวมกับร่างกายของเขา
ฉื่อหยานก็ลืมตาขึ้น
เขาดึงกางเกงของเขาขึ้นและปล่อยตี่ย่าหลานให้ยังคงนอนบนพื้นและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งความสุขเขารีบเดินไปที่ มู่หยู่เตี๋ยและกล่าวว่า " แม่นางมู่ กลับมาได้แล้ว "
มู่หยู่เตี๋ยตกใจมาก ด้วยการกระทำของเขา มันช่วยไม่ได้ที่นางจะหันกลับไปและใบหน้าสวยของนางก็ซีดทันที นางร้องออกมาด้วยความกลัว " ไม่ ! อย่าเข้ามาใกล้นะ ! "
" พลังอัศจรรย์นี่ยังคงลั่วไหลออกมาจากร่างกายข้านิดหน่อย " ฉื่อหยาน ก็ย้ายไป อยู่ข้างๆมู่หยู่เตี๋ยด้วยเสียงหอบหนัก และกล่าวอย่างหงุดหงิด " ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมมัน ให้ข้าลองทำบางอย่างดูก่อน และมาดูกันว่ามันจะสามารถช่วยเจ้าฟื้นฟูเส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดของเจ้าได้หรือไม่ "
" ไม่มีทาง ! ! ! " มู่หยู่เตี๋ยเริ่มกรีดร้อง " ไม่ ไม่ ไม่ ข้ายังไม่พร้อมเลยนะ ! ข้าไม่อยากทำอย่างนั้นกับเจ้า อย่าเข้ามาใกล้นะ ! "
" ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น " ฉื่อหยานคำรามด้วยเสียงต่ำ
เขารู้สึกได้ถึงพลังอัศจรรย์ที่แยกออกเป็นหลายสิบสาย ที่กำลังโคจรไปรอบ ๆ ภายในร่างกายของเขาทั้งกล้ามเนื้่อเส้นเลือด และ จิตวิญญานต่อสู้ กระทั่งในพลังปราณลึกลับอยู่ในช่วงท้องของเขาตามลำดับ
ด้วยความเร็วนี้ ไม่นานพลังอัศจรรย์นี้ได้กระจายไปทั่วตัวของเขาและพวกมันก็จะซึบซับไปในร่างของเขา
แต่ฉื่อหยานนั้นใช้สมาธิเป็นอย่างมากในตอนนี้ เพื่อที่เขาจะควบคุมให้พลังอัศจรรย์ไหลไปอัดแน่นอยู่ในแขนของเขา เขาโคจรมันไว้เช่นนั้น และ พลังอัดแน่นรวมกันอย่างมหาศาล เขาวางแผนที่จะถ่ายทอดพลังอัศจรรย์ที่ล้นทะลักออกมานี้ให้มันไปสู่พลังปราณลึกลับในร่างกายของมู่หยู่เตี๋ย
มู่หยู่เตี๋ยเห็นอย่างนั้น จึงถอยออกไปเรื่อยๆ ด้วยความใจร้อนของฉื่อหยาน จู่ๆ เขาก็ก้าวออกไปและคว้ามู่หยู่เตี๋ยมากระชับแน่นในอ้อมแขนของเขา
ด้วยร่างกายที่อ่อนนุ่มและโค้งได้รูปของมู่หยู่เตี๋ยที่อยู่ในอ้อมแขนเขา เขาสามารถได้กลิ่นหอมและสดชื่นออกมาจากตัวนาง และทันทีเขาก็จูบไปที่ใบหน้าของนางด้วยความอ่อนโยน นีานทำให้วิญญานของเขาทั้งหมดกระตุ้นทันที
" ปล่อยข้านะ ! " มู่หยู่เตี๋ยนั้นลั่น นางเกลีดวิธีการทั้งหมดของฉื่อหยานเป็นอย่างมาก นางทุบตีไปที่หน้าอกของ ฉื่อหยาน อย่างขมักเขม้นด้วยหมัดเล็ก ๆของนาง และนางก็ดิ้นรนสุดกำลัง
อย่างไรก็ตาม ด้วยหลอดเลือดและกล้ามเนื้อทั้งหมดที่กำลังบาดเจ็บ นางจึงไม่สามารถใช้พลังปราณลึกลับของนางได้อย่างราบรื่นนัก
ด้วยพลังทั้งหมดของนางที่หายไป นางก็ไม่ต่างไปจากสาวน้อยอ่อนแอและเปราะบาง นางก็ไม่สามารถแยกตัวออกจากอ้อมแขนของฉื่อหยานได้เลยแม้แต่น้อย
" หยุดได้แล้ว ! เงียบสักที ! " ฉื่อหยาน จับแขนของนางอย่างแน่นหนาเพื่อบังคับร่างกายที่บอบบางและหอมหวานของนางให้แน่นเข้ากับร่างกายของเขา โดยไม่ปล่อยให้นางตอบโต้ใดๆ
ตอนนั้นเอง ฉื่อหยานก็โคจรพลังอัศจรรย์ที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว ให้มันไปที่ข้อมือของเขา ไหลผ่านไปสู่ฝ่ามือ และเข้าไปในเส้นเลือดและกล้ามเนื้อภายในของมู่หยู่เตี๋ย ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
" ตอนนี้เจ้าจงพยายามโคจรพลังอัศจรรย์ที่ข้าถ่ายทอดไป เพื่อให้มันไปฟื้นฟูเส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่เสียหายของเจ้าสะ เร็วเข้า ! ! ! " ด้วยมู่หยู่เตี๋ยที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฉื่อหยานก็รีบกระซิบที่ข้างหูที่บอบบางของนาง
มู่หยู่เตี๋ยหูกระตุก และร่างกายของนางอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ นางเงียบและด่าฉื่อหยานอยู่ในใจว่า เจ้าคนสารเลว
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นพลังประหลาดสองสายที่ไหลเข้ามาในร่างกายของนางผ่านฉื่อหยานที่อยุ่ด้านหลังของนางและมันไหลไปที่เส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่อยู่ภายในของนาง
ภายใต้กระทำที่หยาบกระด้างของฉื่อหยาน มู่หยู่เตี๋ยก็กลายเป็นเงียบและหยุดดิ้นรน นางก็เริ่มที่จะใช้ความพยายามของนางอย่างมากให้รู้สึกถึงพลังอัศจรรย์ที่กำลังไหลอยู่ในตัวนาง และนางก็เริ่มที่จะควบคุมมันและใช้มันฟื้นฟูเส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดของนาง
มู่หยู่เตี๋ยยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่น เมื่อเขารู้สึกได้ถึงส่วนโค้งเว้าและกลิ่นที่หอมหวนจากร่างกายของนาง ฉื่อหยานก็เกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านขึ้นมาและเริ่มที่จะเพลิดเพลินไปกับความคิดสกปรกบางอย่างในจิตใจของเขา ช่วยไม่ได้ที่มันจะทำให้ร่างกายส่วนล่างของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
" อ๊ะ ! "
มู่หยู่เตี๋ยก็กรีดร้องด้วยความอับอาย นางพูดพร้อมกับหน้าแดงหน้า " ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ! ! เจ้า . . . . . . . ทำแบบนี้ . . . . . . . เจ้า . . . ข้าจะไม่ทนอีกแล้ว !"
" ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน " ฉื่อหยานรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะฉวยโอกาสจากนาง เขาพยักหน้า แล้วจูบไปที่แก้มเล็กๆของ มู่หยู่เตี๋ย " งั้นข้าจะขอสิ่งนี้เพื่อเป็นของตอบแทนสำหรับพลังอัศจรรย์ของข้าละกัน "
หลังจากพูดเสร็จฉื่อหยานปล่อยมู่หยู่เตี๋ยจากแขนของเขา และเดินถอยไปข้างหลัง จากนั้นเขาก็พิงลงกับกำแพงหิน และค่อยๆปิดดวงตาของเขาลง
ใบหน้ามู่หยู่เตี๋ยเป็นสีแดงทั้งหมด นางทั้งอายและโกรธอย่างมากในเวลาเดียวกัน นางถลึงตามองฉื่อหยานด้วยความโกรธและสาปแช่ง " เจ้าสารเลว ! "
จากนั้น ด้วยหน้าอกที่สวยงามของนางที่กำลังสั่นเทาขยับขึ้นลงไปมา มู่หยู่เตี๋ยสูดลมหายใจเข้า ลึกๆก่อนที่จะสงบเงียบลง
นางเข้าใจสถานการณ์วิกฤตนี้ดี นางไม่อยากจะเสียเวลาไปกล่าวโทษฉื่อหยานนัก นางจึงรีบนั่งลงและพยายามที่จะใช้พลังอัศจรรย์ที่นางได้รับจากฉื่อหยานมา เพื่อให้มันฟื้นคืนความเสียหายภายในเส้นเลือดและกล้ามเนื้อในร่างกายของนาง
––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ