ตอนที่แล้วบทที่ 38 วิชาระดับวิญญาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 แบ่งสมบัติ

บทที่ 39  เปลวเพลิงสามประเภท


บทที่ 39  เปลวเพลิงสามประเภท

 

ในกระเป๋ามีผลึกอยู่สองสามก้อนที่ส่องแสงออกมา

หนึ่งในนั้นมีรูปร่างสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และอีกสองอันเป็นรูปวงรี พวกมันทั้งหมดดูใส และกระจายคลื่น

พลังงานพิเศษยางอย่างออกมาจากภายใน

" ผลึกอสูร ! "

ตี่ย่าหลาน ตะโกนด้วยความปิติยินดี

" อ๊ะ ! "

มู่หยู่เตี๋ยตะโกนออกมาและพูดอย่างร่าเริง " ดูเหมือนพวกเราจะโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ได้ผลึกอสูรมา ! ฮิฮิ ถ้าเราสามารถออกจากป่าทมิฬได้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็จะหรูหราและสบายไปชั่วชีวิตแน่นอนด้วยผลึกอสูรทั้งสามก้อนนี้ "

ตี่ย่าหลาน แสยะยิ้ม และเริ่มตรวจสอบผลึกอสูรทั้งสามก้อนอย่างระมัดระวัง หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นางสังเกตเห็นว่า ผลึกนี่มาจากสัตว์อสูรระดับหก แต่นางนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของสัตว์อสูรตนใด " .

" พี่สาวหลาน ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรสามารถดูดซับพลังจากผลึกอสูรได้โดยตรง หมาป่าอัศนีขนเงินเป็นเจ้าของผลึกอสูรเหล่านี้ ทำไมมันไม่ดูดซับพลังงานภายในผลึกพวกนี้เพื่อเสริมสร้างตัวเองหละ ? "

" ว่ากันว่า หมาป่าอัศนีขนเงินจะให้กำเนิดลูกหมาป่าออกมาและวิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ลูกหมาป่าเติบโตขึ้น มันจำเป็นจะต้องดูดซับพลังงานจากผลึกอสูรเท่านั้น และถ้านั่นเป็นความจริง ข้าเดาว่า ผลึกอสูรระดับหกสามเม็ดนี้ จะต้องเตรียมไว้สำหรับลูกหมาป่าน้อยแน่นอน "

" ก็เป็นไปได้ "

" พลังงานจากผลึกอสูรเป็นส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับนักกลั่นสกัด และช่างตีดาบ . พวกเขาสามารถบอกได้ถึงลักษณะของสัตว์อสูร อืม ผลึกอสูรมีสามก้อน เราจะแบ่งเท่าๆกันดีหรือไม่ ? "

" ตัวข้าไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย ดังนั้นไม่ต้องแบ่งให้ข้า”

มู่หยู่เตี๋ยส่ายหน้า นางเหลือบมองไปที่ฉื่อหยาน ที่กำลังฝึกฝนและปิดตาอยู่ " ข้าว่าท่านทั้งสองควรแบ่งกันเองเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้า เราคงไม่ต้องมาเจอปัญหาเช่นนี้ . . . . . . . "

" เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่เขาตื่นเถอะ " ตี่ย่าหลาน ขมวดคิ้วเข้าหากัน และยังคงขุดขุ้ยในถุง

" อ๊ะ ! "

ด้วยความตกใจ ตี่ย่าหลานหยิบขวดหยกใสออกมาจากถุงและวางลงบนพื้นดิน ทันใดนั้นเมื่อนางหายตกตะลึงและจ้องมองไปที่ของเหลวสีแดงที่อยู่ข้างใน

ของเหลวสีแดงในขวดมันกำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับเปลวเพลิง ตี่ย่าหลาน ส่ายหัวเบาๆ และเปลวไฟนั่นก็เคลื่อนไปตามหัวของนาง

ตี่ย่าหลานดูเหมือนจะจำบางสิ่งได้หลังจากมองไปที่ของเหลวสีแดงนั่น

หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน ตี่ย่าหลาน ร่างบางของนางสั่นสะท้าน นางก็ร้องออกมา " นี่มันเปลวเพลิงปฐพีแท้จริง "

" ยินดีด้วยพี่สาวหลาน ! "

มู่หยู่เตี๋ยในตอนแรกนางยังสับสน แต่นางก็นึกได้เช่นกันและตะโกนอย่างมีความสุข " พี่สาวหลาน นี่มันจะต้องเป็นประโยชน์กับท่านมากแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ท่านช่างเก็บเกี่ยวได้อย่างมากนักในการเดินทางครั้งนี้ ท่านไม่เพียงแต่ ปลุกจิตวิญญานต่อสู้ของท่านได้ แต่ท่านยังได้รับ เปลวเพิลงปฐพีแท้จริง อีกด้วย”

ตี่ย่าหลาน ดีใจเป็นอย่างมาก ช่วยไม่ได้ที่นางจะทำเพียงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น ขณะที่นางส่ายหัวไปมาและจ้องไปที่ขวดหยกในมือของนาง นางพร่ำเพ้อบางอย่างที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง  " ข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้อจะโชคดีเช่นนี้ ! ฮ่าๆๆๆ เปลวเพลิงปฐพีแท้จริง ! "

จากนั้น ฉื่อหยานก็เสร็จสิ้นการกลั่นพลังลมปราณที่มหาศาล ซึ่งเขาได้ทำมันมาเป็นเวลานาน เขาเปิดตาของเขาขึ้นและถามว่า " เปลวเพลิงปฐพีแท้จริง มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับท่านงั้นรึ ? "

" อะไรกัน ? เจ้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับ เปลวเพลิงแท้จริงงั้นรึ ? " ตี่ย่าหลาน อุทานด้วยความประหลาดใจ สามัญสำนึกของเขาช่างแย่นัก !"  นี่เจ้าใช่นักรบหรือไม่เนี้ย ? "

ฉื่อหยานค่อนข้างเฉยชา " ข้าได้ยินแล้วหน่า . "

" เจ้ารู้หรือไม่ มีเปลวไฟด้วยกันทั้งหมด 3 ชนิด ? ได้แก่ นภา ปฐพี และ มนุษย์ "

" จริงรึ ? "

" อะไรกัน ? เจ้าไม่รู้จักมันอีกงั้นรึ ? "

" ไม่อ่ะ "

ตี่ย่าหลาน ส่ายหน้าอย่างขมขื่น หล่อนไม่รู้จะพูดอย่างไรกับฉื่อหยานดี

หลังจากหยุด นางอธิบายว่า " เปลวเพลิงมีด้วยกันทั้งหมดสามชนิด นภา ปฐพี มนุษย์ ซึ่งเปลวเพลิงมนุษย์นั้น จะมีเปลวเพลิงสีฟ้าเหมือนที่ข้ามี  ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญสําหรับนักกลั่นสกัด ช่างตีดาบ และการฝึกฝนต่างๆด้วย นักกลั่นสกัด หรือ ช่างตีดาบ ระดับสูงล้วนมีเปลวเพลิงมนุษย์ทั้งนั้น เพราะมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิชาของพวกเขาได้สูงสุด”

ฉื่อหยานพยักหน้าโดยไม่ตอบ และไม่ได้ย้ายสายตาไปจาก ตี่ย่าหลาน .

หลังจากลังเล ตี่ย่าหลานก็พูดเพิ่ม " เปลวเพลิงปฐพีแท้จริง กับ เปลวเพลิงนภาแท้จริง เป็นเปลวเพลิงที่มีอยู่ระหว่าง ปฐพีและนภา เช่น เปลวเพลิงปฐพีแท้จริงเป็นเปลวเพลิงที่เกิดจากแกนภูเขาไฟที่อยู่ด้านล่างของภูเขา และจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างเปลวเพลิงปฐพีแท้จริง กับ เปลวเพลิงนภาแท้จริง ก็คือ จิตสำนึก "

" ท่านหมายความว่าอย่างไร ? " ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ

" เปลวไฟตามธรรมชาติที่ไม่มีจิตสำนึกนั้นจะเรียกว่าเปลวเพลิงปฐพีแท้จริง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติที่เหมือนกับอัญมณีที่มีค่าอย่างมากมายเลยที่เดียว ส่วน เปลวเพลิงนภาแท้จริงนั้น มันมีความคิดเหมือนกับมนุษย์ และมันเป็นอมตะอีกทั้งยังมีพลังอำนาจมากมายอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวตนที่พิเศษที่สุดบนโลกแห่งนี้เลยก็ว่าได้ มีบ้างที่เปลวเพลิงนภาแท้จริงก็ก่อตัวขึ้นในแผ่นดินรุ่งเรือง แต่ก็น้อนยนิดนัก”

เขาเป็นคนที่มาจากโลกอื่น และความรู้ทั้งหมดที่เขาได้รับจากเจ้าของร่างคนเก่าในโลกนี้มันแตกต่างจากโลกก่อนหน้านี้นัก เขาจึงไม่เคยคิดเลยว่า เปลวเพลิงเหล่านี้จะมีความคิดและสติปัญญาได้

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉื่อหยานก็กลายเป็นหลงไหลในโลกนี้มากขึ้น

ในโลกนี้ เขาได้พบกับสิ่งที่ลึกลับมากมายที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฝันเห็น  เช่นเดียวกับ จิตวิญญานต่อสู้ สัตว์อสูรและอื่น ๆอีกมากมาย . . . . . . .

" ดังนั้น นี่ย่อมเป็นเปลวเพลิงปฐีแท้จริง ใช่หรือไม่ ? " หลังจากคิดมานาน ฉื่อหยานก็ถาม

" นี้คือของเหลวที่ได้จากเปลวเพลิงปฐีแท้จริงและมันกำลังจะกลายเปลวเพลิงนภาแท้จริง เปลวเพลิงนี้เป็นสิ่งที่อยู่ระหว่าง ปฐพี และ นภา "

" เปลวเพลิงปฐี สามารถเปลี่ยนเป็น เปลวเพลิงนภาได้งั้นรึ " ฉื่อหยาน ก็ตกใจอีก

" แน่นอน แต่มันต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมากมาก เมื่อเวลาผ่านไปล้านปี เปลวเพลิงปฐพีก็จะได้รับจิตวิญญาน และกลายเป็นเปลวเพลิงนภา แต่ความเป็นไปได้นั้นน้อยเกินไป ไม่ใช่ว่าเปลวเพลิงปฐพีทั้งหมดจะสามารถกลายเป็นเปลวเพลิงนภาได้ . "

ตี่ย่าหลานพูดอย่างขบขัน “นี่ย่อมเป็นของเหลวระหว่างเปลวเพลิงปฐพี และ เปลวเพลิงนภา แน่นอน และของเหลวนี้จะมีค่าเป็นอย่างมากมากสำหรับคนที่ครอบครองเปลวเพลิงมนุษย์”

" มันมีค่าแค่ไหนงั้นรึ ? "

" มันสามารถเพิ่มพลังให้กับเปลวเพลิงมนุษย์ได้และยังสามารถทำให้จิตวิญญานต่อสู้พัฒนาได้หนึ่งขั้น ! " ตี่ย่าหลาน สนุกสนานจนนางเกือบจะลุกขึ้นเต้น "เปลวเพลิงมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และไม่สามารถร้อนแรงได้มากกว่าเปลวเพลิงในธรรมชาติ มีเพียงนักรบในระดับสูงเท่านั้นที่สามารถทำให้เปลวเพลิงมนุษย์ร้อนกว่าเปลวเพลิงธรรมชาติได้ แต่ก็ต้องด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง

" เยี่ยมเลย " ฉื่อหยานพยักหน้า " งั้นของเหลวนี้สามารถเพิ่มพลังให้กับเปลวเพลิงสีฟ้าของท่านได้และมันก็จะทำให้ท่านได้ครอบครองเปลวเพลิงปฐพีได้งั้นรึ ? "

" ถูกต้อง ! " ตี่ย่าหลาน พยักหน้าอย่างแข็งขัน และจ้องมองเขาด้วยตาที่เป็นประกาย หลังจากลังเล นางกล่าวในความอับอาย " . . . เอ่อ คือว่า . . . "

" อืม อย่าได้กังวลไป สิ่งนี้มันเป็นของท่าน "

" ข้า . . . " ตี่ย่าหลาน ปลื้มปิติอย่างมากมาก นางรู้สึกว่านางนั้นได้รับบางสิ่งที่พิเศษมากมายและนางก็ต้องการที่จะพูดบางอย่าง

ฉื่อหยานตอบอย่างเรียบเฉย " เปลวเพลิงปฐพีแท้จริง นั้นไม่เหมาะกับข้าหลอก เพราะตัวข้านั้นไม่ได้มีจิตวิญญานต่อสู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับเปลวเพลิงเลย แล้วข้าจะเอามันไปทำไม ? เช่นนั้น ข้าให้ท่านดีกว่า . "

" แต่เจ้าสามารถนำมันไปแลกกับยาที่มีคุณค่ามากมายจาก สามราชันย์ในหุบเขายาได้เชียวนะ”

" นี่... ไม่เป็นไร ท่านเก็บมันไว้เถอะ " ฉื่อหยานขมวดคิ้วพูดเรียบๆ " มิใช่ว่า มันยังมีหนังสือวิชาต่อสู้ระดับวิญญานอีกอย่างไม่ใช่รึ "

เมื่อได้ยินฉื่อหยานพูดดังนั้น ตี่ย่าหลาน ก็เริ่มค้นหาในถุงอีกครั้งอย่างรีบร้อน .

" นี่มัน ! " ตี่ย่าหลาน หยิบหนังสือเก่าแก่สีเหลืองออกมา นางมองไปที่มันและกล่าวว่า " ข้าอ่านตัวอักษรโบราณเหล่านี้ไม่ออก เช่นนั้นเราควรหาผู้เชี่ยวชาญมาแปลให้เรา"

" ขอข้าดูหน่อย " ฉื่อหยานถามถึงหนังสืออย่างเป็นธรรมชาติและยืนมือออกไป

เจ้าของร่างคนเก่าของฉื่อหยาน เป็นพวกหมกวุ้นเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ แม้ว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิชาต่อสู้สักอย่าง แต่ในด้านอารยธรรมโบราณ หรือภาษาโบราณ เขาถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

ฉื่อหยานใช้เวลาอ่านไปที่อักษรโบราณบนหน้าปกหนังสือสักพัก ทันทีที่เขาได้รับหนังสือโบราณมา จากนั้นใบหน้าของเขาก็กลายเป็นสีแดงและพึมพำออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ " หลุมแรงโน้มถ่วง . . . . . . . "

 

––––––––––––––––––––––––

ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด