บทที่ 34 จิตวิญญานลึกลับ
บทที่ 34 จิตวิญญานลึกลับ
เขาตระหนักได้ว่าพลังแปลกประหลาดนั้นไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับพลังปราณลึกลับ แต่มันกลับเพิ่มระดับให้กับจิตวิญญานของเขาเช่นกัน
จิตวิญญานต่อสู้ทั้งหมดของเขาล้วนก้าวหน้าขึ้นมาในระดับที่สูงขึ้น จิตวิญญานต่อสู้เหล่านั้นได้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทว่า การเพิ่มระดับของจิตวิญญานต่อสู้นั้นจะเกิดขึ้นเพียง เมื่อเขาระดับพลังของเขาบรรลุถึงขั้นเท่านั้น เช่น จากระดับเริ่มต้นไปถึงระดับก่อตั้ง หรือจากระดับก่อตั้งไปสู่ระดับมนุษย์ แต่ว่า การเพิ่มของนภาเช่น นภาที่ 1 ไปสู่นภาที่ 2 จะไม่สามารถทำให้จิตวิญญานต่อสู้พัฒนาขึ้นได้แม้แต่น้อย
ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ที่จะสามารถจะเพิ่มระดับจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ !
อย่างไรก็ตามนั่นก็มีข้อยกเว้นอยู่ !
จิตวิญญานการต่อสู้ไม่ได้เพิ่มระดับขึ้นทุกครั้งที่ทะลวงขึ้นระดับใหม่ได้สำเร็จ บางครั้งนักรบก็ต้องทะลวงขึ้นระดับใหม่ให้ได้ถึงสองหรือสามระดับ จิตวิญญานต่อสู้ถึงจะมีระดับที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น ความคืบหน้าของจิตวิญญานกายาแข็งของฉื่อหยาน จะประกอบไปด้วยสี่ขั้น
ลูกหลานของตระกูลฉื่อที่ สืบสายเลือด จิตวิญญานกายาแข็งและจะแสดงผิวสีเทาออกมาประมาณ 10 วันหลังจากวันที่พวกเขาเกิด ซึ่งนั่นหมายถึง ขั้นแรก
ถ้าเขาขยันในการฝึกฝนวิชาต่อสู้ และสามารถทะลวงพลังในระดับมนุษย์ได้ จิตวิญญานกายาแข็งก็จะเพิ่มระดับขึ้น และผิวของเขาก็จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งนั่นเป็นขั้นที่ สอง
เมื่อเขาไปถึงระดับปฐพี ผิวของเขาจะกลายเป็นสีเขียว และวิชาต่อสู้ของเขาก็จะก้าวหน้าขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึง ขั้นที่สาม
ถ้าเขาเป็นอัจฉริยะพอที่จะไปถึงระดับนภา และอยู่ในจุดสูงสุดของวิชาต่อสู้ ผิวของเขาจะกลายเป็นสีม่วง ซึ่งนั่นหมายถึงขั้นที่ สี่ !
ในจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อจะแข็งแกร่งอย่างมากในระดับที่สองขึ้นไป และมันก็จะเปลี่ยนสีผิวของเขาทุกครั้งที่จิตวิญญานกายาแข็งเกิดการเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าในระดับที่สูงขึ้น กล้ามเนิ้อของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า !
เมื่อจิตวิญญานกายาแข็งอยู่ในขั้นแรก จะสามารถป้องกันการโจมตีจากกำปั้นและฝ่ามือที่จู่โจมออกมาด้วยพลังปราณลึกลับได้เพียงระดับนึงเท่านั้น
แต่เมื่อถึงขั้นที่สอง ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม และพลังป้องกันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ไม่เพียงแต่จะสามารถป้องกันการโจมตีที่แข็งแกร่งจากพลังปราณลึกลับได้เท่านั้น แต่ยังสามารถ ป้องกันการโจมตีจากอาวุธได้อีกด้วย
ในขั้นที่สาม ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว พลังป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อาวุธแทบจะไม่สามารถฟันแทงได้ เข้าและในขณะเดียวกัน ร่างกายยังกระฉับกระเฉงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีก อย่างไม่น่าเชื่อ !
เมื่อมาถึงในขั้นที่สี่ ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาจะไม่ได้รับบาดแผลจากสิ่งใดทั้งสิ่น แม้แต่ น้ำ ไฟ หรือ เทคนิคเร้นลับใดๆ ร่างกายจะแข็งแกร่งและรวดรเร็วขึ้นอย่างมหาศาล
เริ่มแรก หากลูกหลานตระกูลฉื่อ อยู่ในระดับเริ่มต้น หรือ จิตวิญญานของพวกเขายังอยู่ในขั้นแรก มันจะไม่เพิ่มระดับขึ้นหากพวกเขายังไม่สามารถบรรลุถึงระดับมนุษย์ได้ และระดับขั้นของจิตวิญญานต่อสู้จะสูงขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของระดับพลังเท่านั้น .
จิตวิญญานต่อสู้อื่นๆในแผ่นดินรุ่งเรือง ก็เป็นเช่นเดียวกับ จิตวิญญานกายาแข็ง : ระดับขั้นของพวกมันจะสูงขึ้นก็ต่อเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของระดับพลังเท่านั้น . แต่ก็อาจจะมียามหัศจรรย์บางอย่างที่อาจจะฝืนกฏและช่วยเพิ่มระดับให้กับจิตวิญญานต่อสู้ ก็เป็นได้
ในแผ่นดินรุ่งเรือง , ยาเม็ดมหัศจรรย์เหล่านี้มีอยู่เฉพาะในตำนานเท่านั้น นักรบของจักวรรดิ์อัคคี จักวรรดิ์พรพระเจ้าและสมาคมการค้า ทำได้เพียงแค่เคยได้ยินเรื่องของเม็ดยาเหล่านี้เท่านั้น ไม่มีใครที่เคยเห็นมันจริงๆสักคน
แม้แต่ราชันย์เม็ดยาทั้งสามในหุบเขาจักวรรดิ์อัคคี ยังเป็นแค่เพียงนักกลั่นสกัดระดับวิญญานเท่านั้น มีเพียงนักกลั่นสกัดระดับศักสิทธิ์เท่านั้นที่สามารถกลั่นสกัดเม็ดยามหัศจรรย์เหล่านั้นได้ .
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพลังแปลกๆในเส้นชีพจรของเขามันจะฝืนกฏเหล่านี้ทั้งหมดทั้งสิ้น
มันนั้นมีอำนาจใจการกระตุ้นจิตวิญญานต่อสู้ให้ตื่นขึ้นมาและยังสามารถเพิ่มระดับขั้นของจิตวิญญานต่อสู้ได้อีกด้วย !
แขนของเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นสีน้ำตาลเข้มหลังจากใช้จิตวิญญานกายาแข็ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะกับนักรบในระดับมนุษย์จากตระกูลฉื่อเท่านั้น
นี่เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญานกายาแข็งของเขาได้เข้าสู่ขั้นที่สองแล้ว !
พลังแปลกประหลาดนี่สามารถปลุกและเพิ่มระดับขั้นจิตวิญญานต่อสู้ของเขาได้ นี้หมายความว่าอะไร ?
มันหมายความว่า เขาอาจจะสามารถบรรลุถึงขั้นที่สี่ของจิตวิญญานกายาแข็งได้ แม้ว่าพลังของเขาจะยังไม่บรรลุถึงระดับนภาก็ตาม
เมื่อเขาถึงขั้นนั้น อาวุธต่างๆแม้กระทั่งน้ำหรือไฟ ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อีกทั้งร่างกายของเขายังแข็งแกร่งรวดเร็วขึ้นอีก และยังสามารถป้องกันการโจมตีทุกชนิดได้
เมื่อคิดถึงพลังในขั้นที่สี่ของจิตวิญญานกายาแข็ง ฉื่อหยานรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ความสามารถของจิตวิญญานต่อสู้เร้นลับนี้ช่างอัศจรรย์นัก ไม่เพียงแต่ช่วยให้พลังปราณลึกลับในเส้นชีพจรของเขาแข็งแกร่งมากขึ่้น แต่มันยังสามารถควบคุมอารมณ์เชิงลบลึกลับเหล่านั้นได้ ขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่กับศัตรูอยู่
จิตวิญญาณการต่อสู้เร้นลับนี้ได้ดูดซับพลังปราณลึกลับจากคนตาย , และมันก็เปลี่ยนเป็นพลังอัศจรรย์อยู่ในเส้นชีพจรของเขา มันสามารถกระตุ้นให้จิตวิญญานต่อสู้ตื่นขึ้นมาได้ และยังเพิ่มระดับให้กับจิตวิญญานต่อสู้อื่น ๆอีก นี่มัน . . . . . . .
ดวงตาดำของฉื่อหยานส่องประกายเหมือนดวงดาว
เขานั่งเงียบๆ เขารู้ดีว่า ถ้าเขาฝึกฝนอย่างหนักด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณการต่อสู้ที่เร้นลับนี้ เขาจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนรุ่งเรืองอย่างแน่นอน !
ในป่าทมิฬทุกๆบริเวณมีเลือดกระจัดกระจายไปทั่ว มีศพไปทั่วพื้นดิน กองกำลังของมนุษย์กำลังตรวจสอบบางอย่างด้วยความมืดมน
" พวกมันเป็นทหารรับจ้างจากสมาคมหมาป่า " เบอร์นาร์ด เดินท่ามกลางศพพวกนั้นและดูกังวล " หัวหน้าทหารรับจ้างจากสมาคมหมาป่าเป็นนักรบในระดับหายนะ ---- เหมือนข้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนพวกมันจะถูกทำลายอย่างสิ้นซาก "
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักฆ่าจันทร์เสี้ยวและโม่ช่าวเกอ ต่างก็ขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน
หลังจากลังเล นักฆ่าจันทร์เสี้ยก็เอาแตรสีเงินออกมาและเริ่มเริ่มเป่ามัน
ปรากฏเสียงดังออกมา เป็นคลื่นแปลกๆถูกส่งออกไปทันที
ไม่นานนัก ชายสองคนที่สวมชุดสีเงินและหน้ากากสีเขียว ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างลับๆ จากในป่า หน้ากากของมันเป็นสีเขียว และมีรูปแบบแตกต่างจากหน้ากากสีขาวซีดของนักฆ่าจันทร์เสี้ยวทมิฬกับคนของมัน
" นักฆ่าดำ เจ้าพบอะไรบ้าง ? " นักฆ่าจันทร์เสี้ยว ถามด้วยเสียงเย็นชา
" นักรบและทหารรับจ้างมากมายถูกสัตว์อสูรทำร้ายเมื่อคืน และมีรอยเท้ามากมายที่นี่ แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่า รอยเท้าไหนเป็นของคนที่เรากำลังตามหาได้ " หนึ่งในนักฆ่าดำตอบด้วยความเคารพ
โลกทมิฬประกอบไปด้วยสองฝ่าย คือ นักฆ่าดำ , และสายนักฆ่าทมิฬ นักฆ่าดำมีหน้าที่คือการเก็บรวบรวมข้อมูลและไล่เก็บกวาด ตามฆ่าคนที่เหลือรอดที่หลัง พวกมันมีการแบ่งระดับยศเป็น ดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
แม้ว่านักฆ่าดำจะทำหน้าที่ ที่แตกต่างออกไปจากนักฆ่าทมิฬ แต่พวกเขาอย่างเคร่งครัดในระดับยศ นักฆ่าดำระดับดาว ก็ยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งของนักฆ่าทมิฬระดับจันทร์เสี้ยว
" มันเป็นเรื่องยากมากที่จะตามหาเป้าหมายในตอนนี้ " นักฆ่าจันทร์เสี้ยวทมิฬนั้นเก่งในด้านการไล่ล่าและต่อสู้ แต่อ่อนด้อยในด้านการสะกดรอย . เมื่อมันได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของมันก็เปิดสลัว
" ท่านครับ พื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ มีทั้งนักรบ ทหารรับจ้างและสัตว์อสูรมากมาย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตามหาเป้าหมายของเราได้ ในระหว่างที่เราค้นหาหลายวันมานี้ เราเองก็ถูกโจมตีโดยทหารรับจ้างอยู่บ่อยครั้ง และยังมีหนึ่งในพวกเราถูกฆ่าตายไปอีกด้วย "
โลกทมิฬมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นนักรบและทหารรับจ้าง ที่อยู่ในป่าแห่งนี้อาจจะฆ่าผู้คนจากโลกทมิฬทันที หากพวกมันเกิดระแวง
ในสองวันที่ผ่านมา พวกมันได้พบคนเหล่านี้บ้าง ในบางครั้งพวกมันได้ต่อสู้กัน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลโม่ จึงไม่ได้สูญเสียอะไรมากมายนัก
" เราไม่สามารถหาเป้าหมายของเราต่อไปได้ เนื่องจากมีสัตว์อสูรจำนวนมากเกินไป . . . . . . . "
หลังจากครุ่นคิดอยู่ โม่ช่าวเกอ กล่าวว่า " เราควรจะหยุดการค้นหาที่ไร้ประโยชน์นี่ แล้วไปดักรอที่เมืองเงียบสงัดก่อนดีหรือไม่ ? เพราะนั้นมันเป็นเส้นทางเดียวที่จะไปถึงสมาคมการค้าได้ พวกมันจะต้องไปที่เมืองเงียบสงัดเมื่อออกจากป่าทมิฬแน่นอน ดังนั้นเราจะไปรอพวกมันที่นั่น"
" ความคิดดี " เบอร์นาร์ด พยักหน้า และปล่อยจิตสังหารออกมา " พวกมันจะต้องผ่านเมืองเงียบสงัดเพื่อที่จะไปยังสมาคมการค้าแน่ เช่นนั้นเราไปดักและรอเจอพวกมันที่นั่นเถอะ "
" เช่นนั้นเราควรออกจากพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุดก่อนดีกว่า และค่อยคิดวิธีรับมือกับพวกมันอีกทีในระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองเงียบสงัด . " นักฆ่าจันทร์เสี้ยว คิดอยู่สักพัก และก็ได้ยอมรับข้อเสนอนี้ เพราะมันเองไม่ได้มีความคิดที่ดีกว่านี้แล้ว
ทั้งสามฝ่ายตกลงกันได้อย่างรวดเร็วและหยุดการค้นหาฉื่อหยานและคนอื่นๆทันที พวกมันเตรียมตัวข้ามป่าทมิฬและเตรียมการซุ่มโจมตีเมื่อไปถึงเมืองเงียบสงัด
. . . . . . .
5 วันผ่านไป พวกเขากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในป่าทมิฬ บางครั้งก็ซ่อนตัวจากสัตว์อสูรและพวกนักรบ
ตอนกลางคืน เค้าจะหยุดพักและซ่อนในพื้นที่ลับสายตา
ด้วยวิธีนี้ทำให้พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงสัตว์อสูรได้เป็นจำนวนมาก แต่สำหรับนักรบและทหารรับจ้างก็ยังต้องใช้โชคช่วยอยู่ดี
และทุกๆคืน ฉื่อหยานก็จะฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยจิตวิญญานกายาแข็งของเขาได้อยู่ในขั้นที่สอง มันจึงทำให้ทุกๆเซลล์ในร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไป
ตี่ย่าหลาน นางมิเคยได้พูดกับคุยกับผู้ชายอย่างคุ้นเคยมานานหลายปี และตั้งแต่ที่นางได้มีประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นกับฉื่อหยาน นางก็มักจะมาขอให้เขามีอะไรด้วยอยู่บ่อยครั้ง พวกเขานั้นได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแม้กระทั่งใต้ต้นไม้ , หรือแม้กระทั่งพุ่มไม้และข้างลำธาร
มู่หยู่เตี๋ยรู้ดีว่านางนั้นไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยมันไป ถึงแม้ว่าบางครั้ง จะช่วยไม่ได้ที่นางจะด่าและบ่นเกี่ยวกับการกระทำที่ไร้ยางอายของพวกเขา
คืนนี้ หลังจากที่ฝึกฝนในเวลาสั้นๆ ตี่ย่าหลาน ลุกขึ้นมาและตะโกนอย่างร่าเริง " ข้าบุกทะลวงทำสำเร็จแล้ว ! " ไม่นานก่อนหน้านี้ นางพึ่งผ่านการห่ำหันกับฉื่อหยานอย่างบ้าคลั่งใต้ต้นไม้ใหญ่มา . . . . . . .
ในต้นไม้โบราณอีกต้นที่อยู่ไม่ไกลจากตี่ย่าหลาน มู่หยู่เตี๋ยกำลังนั่งอยู่และจมไปในความคิดในหัวของนางนางหยุดชะงักไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองไปที่ตี่ย่าหลานในสภาพที่เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน แล้วนางก็ตะโกนออกมาว่า " มัน...มันได้ผลงั้นรึ ? "
––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ