บทที่ 18: แม่ทัพโครงกระดูก
บทที่ 18: แม่ทัพโครงกระดูก
ถ้าหากโจวเหวินไม่มีโทรศัพท์และเกม เขาคงไม่สามารถเข้าไปในเมืองโบราณได้ มันเป็นการล้อเล่นกับชีวิตเกินไปและเขาไม่ต้องการจะเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น แต่ตอนนี้สถานะการณ์แตกต่างออกไป ขั้นแรกเขาสามารถใช้เกมเข้าไปดูให้ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองและจากนั้นค่อยเข้าสู่เมืองโบราณอีกครั้ง ซึ่งมันสามารถลดความเสี่ยงได้อย่างมากมาย
คล้ายกับข้อมูลและแผนที่ที่โรงเรียนมอบให้ บริเวณใกล้กับประตูทิศเหนือเป็นกลุ่มทหารโครงกระดูก ทหารเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายที่ไม่ได้รับการฝึกฝนเล็กน้อย เมื่อเปรียบกับนักเรียนมัธยมปลายที่ได้รับการฝึกฝน ตราบเท่าที่คุณไม่หาที่ตายเอง ก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไร
โจวเหวินไม่ใช่คนมีคุณธรรมอะไรมากมายนัก เขาให้ตัวละครขี่มดกลายพันธ์ตะลุยสังหารเข้าไป แม้ว่าจะพบกับกลุ่มทหารโครงกระดูกจำนวนมาก มันก็สามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวละครมากนัก
ไม่นานโจวเหวินก็ออกไปนอกเขตที่โรงเรียนให้แผนที่ไว้ ภายในเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยถนนหินและอาคารโบราณต่าง ๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ สถาปัตยกรรมโบราณก็ยิ่งเก่าแก่
โจวเหวินเพียงกล้าเดินไปตามถนนเท่านั้น เขาไม่กล้าเข้าไปในอาคารโบราณทั้งสองข้างของถนน ในบรรดาความรู้ที่โรงเรียนสอนมานั้นได้รับการกล่าวซ้ำ ๆ ว่าอาคารในด้านต่าง ๆ นั้นดีที่สุดที่จะไม่เข้าไปและอาคารหลายหลังเชื่อมต่อกับรอยร้าวของมิติและมีแนวโน้มว่าหลุดเข้าไปในรอยแยก
อัตราการตกผลึกของทหารโครงกระดูกต่ำเกินไป โจวเหวินสังหารทหารโครงกระดูกอย่างน้อย 200 ตน แต่นอกจากตนแรกแล้ว ก็ไม่มีการตกของผลึกอีกเลย
โจวเหวินไม่แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เขาเคยได้ยินมาแล้วว่าระดับของทหารโครงกระดูกนั้นต่ำเกินไป มันจึงยากที่จะมีการตกของผลึก
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นบนถนนหินข้างหน้ากลุ่มทหารโครงกระดูกจำนวน 20 – 30 ตน นี่เป็นกลุ่มของทหารโครงกระดูกจำนวนมากที่สุดหลังจากโจวเหวินเข้ามา
มันแตกต่างจากทหารโครงกระดูกที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ กลุ่มทหารโครงกระดูกรายล้อมแม่ทัพที่ขี่ม้าโครงกระดูกและถือทวนกระดูก แม่ทัพที่ขี่อยู่บนม้าโครงกระดูก เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าทหารโครงกระดูกทั่วไปและสูงกว่าอย่างน้อยหนึ่งช่วงศรีษะ อีกทั้งกระดูกก็ไม่ใช่สีเทาธรรมดาแต่มันวาวราวกับงาช้าง
เกราะบนร่างกายของมันมีรอยแตกร้าว ด้านหลังถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีแดงเข้มสภาพทรุดโทรม ห้อยหอกโครงกระดูกยาวกว่าสองเมตร ด้ามหอกค่อนข้างไม่สม่ำเสมอปลายหอกมีแง่งแหลมคมเหมือนหนาม
เมื่อโจวเหวินมองเห็นมัน มันก็มองเห็นตัวละครของเขาและมดกลายพันธ์ที่ควบคุมโดยโจวเหวินเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตต่างมิติทั่วไป มันยังคงขี่อยู่บนม้าโครงกระดูกทำท่าทางไม่สนใจ และกลุ่มของทหารโครงกระดูกรีบวิ่งขึ้นมาข้างหน้าอย่างห้าวหาญ
มดกลายพันธุ์วิ่งขึ้นมาด้านหน้า กวัดแกว่งฟันสองซี่ที่คมเหมือนดาบตัดร่างของทหารโครงกระดูกเป็นชิ้นๆ เพียงชั่วอึดใจก็ฆ่าทหารโครงกระดูกตายเกือบสิบนาย
แม่ทัพที่ขี่ม้าโครงกระดูกเงยหน้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นกระตุ้นให้ม้าวิ่งเข้ามา ความเร็วของม้าโครงกระดูกนั้นทำให้โจวเหวินตกใจมาก มันเร็วมากเมื่อเทียบกับทหารโครงกระดูกธรรมดา ยังเร็วกว่ามดกลายพันธุ์และตัวละครของเขามาก
ทันใดนั้นม้าโครงกระดูกก็วิ่งไปที่ด้านหน้าของมดกลายพันธุ์ โจวเหวินสั่งให้มดกลายพันธุ์ใช้กรงเล็บตะปปพวกมัน พวกเขาต้องการยึดอาวุธของมันด้วยกรงเล็บทั้งสองของมดกลายพันธุ์และปล่อยให้ตัวละครของเขากระโดดข้ามไปเพื่อระดมยิงใส่หัวของมัน แต่ใครจะรู้ว่าหอกโครงกระดูกนั้นรวดเร็วมาก ปลายหอกหายไปจากสายตาของโจวเหวินครู่หนึ่ง เมื่อโจวเหวินมองเห็นมันอีกครั้ง ปลายของหอกโครงกระดูกได้แทงผ่านกรงเล็บของมดกลายพันธุ์และแทงเข้าไปในหน้าอกของมัน
ฟุบ..!
เลือดสีสดสาดกระเซ็นและตัวละครของเจากลิ้งหล่นลงจากด้านหลังของมดกลายพันธุ์ หน้าจอเกมก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททันที
"น่ากลัวอะไรอย่างนี้?" หัวใจของโจวเหวินมีความสุขเล็กน้อย เมื่อมีความท้าทายเข้ามา การฆ่าทหารโครงกระดูกธรรมดาไม่มีความหมายและไม่สามารถเก็บอะไรดีๆได้
ขณะที่กำลังจะเปิดเกมอีกครั้ง เขาก็เห็นหลี่ซวนเดินเข้ามาพร้อมคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคน โจวเหวินไม่เคยเห็นคนทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมกุยเต๋อ หรืออาจจะเป็นเช่นเดียวกับหลี่ซวนที่มีชื่ออยู่ในโรงเรียนแต่แท้จริงแล้วไม่เคยเข้าเรียนมาก่อน
"เมื่อเข้าไปในเมืองโบราณ นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่คอยติดตามฉัน ส่วนที่เหลือพวกเขาจะจัดการเอง" หลี่ซวนไม่มีทีท่าจะแนะนำทั้งสองคนให้โจวเหวินรู้จัก เพียงแค่พูดสองประโยคนี้
"ดี" โจวเหวินพยักหน้ารับ ตอนนี้ขอแค่สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย เขาก็ไม่ได้ต้องการจะแสดงความสามารถออกไป
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองไม่ได้มีความตั้งใจจะทักทายเขา โจวเหวินก็ยืนเล่นเกมอย่างมีความสุขยืนอยู่ด้านข้างต่อไป ทั้งสองคนและหลี่ซวนปรึกษาถึงการทดสอบ พวกเขาช่วยให้หลี่ซวนรู้สึกโล่งใจ ถ้ามีพวกเขาอยู่ เขาจะต้องได้ที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้แน่นอน ฟังจากเสียงของพวกเขา การคว้าที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้ต้องได้มาอย่างง่ายดายแน่นอน
“ขอย้ำอีกครั้ง พวกนายต้องทำงานให้ดีที่สุด ที่หนึ่งของการทดสอบครั้งนี้ต้องเป็นของฉัน” หลี่ซวนกล่าว
"พี่ซวน คุณสามารถวางใจได้ เมืองเล็กๆอย่างกุยเต๋อหรือจะมียอดฝีมือที่แท้จริง อย่าว่าแต่ฉันและเจียงฮ่าวร่วมมือกัน ต่อให้มีแค่ฉันคนเดียวก็สามารถทำให้คุณได้ที่หนึ่งได้” ซวีเมี่ยนถูพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เห็นหลี่ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เจียงฮ่าวที่ด้านข้างจึงพูดว่า: "พี่ซวน คุณมั่นใจได้ เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น"
"เช่นนั้นก็ดี" หลี่ซวนพยักหน้าเล็กน้อย
ซวีเมี่ยนถูทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เห็นใครบางคนเดินมาทางนี้
ทั้งสี่คนหันไปมอง เห็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งหน้าตางดงามเข้ามาในสายตา
“โจวเหวิน ในที่สุดนายก็หาทีมได้ ช่างดีจริงๆ” ฟางรั่วซีเดินไปหาโจวเหวินพูดอย่างโล่งใจ
โจวเหวินยิ้มและพูดว่า "นี่ก็ต้องขอบคุณหลี่ซวนสำหรับความช่วยเหลือของเขา ทำให้ฉันสามารถเข้าร่วมในการทดสอบครั้งนี้"
ฟางรั่วซีไม่รู้จักหลี่ซวน ไม่ต้องพูดถึงซวีเมี่ยนถูและเจียงฮ่าว แต่การที่โจวเหวินสามารถมีส่วนร่วมในการทดสอบสู้จริงครั้งนี้ ทำให้หินก้อนใหญ่ในหัวใจของเธอก็หล่นลงมา เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แต่เดิมฉันต้องการเป็นที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้ แต่เมื่อมีนายเข้าร่วมการทดสอบ ท่าทางที่หนึ่งจะไม่มีความหวังซะแล้ว”
ซวีเมี่ยนถูฟังอย่างไม่พอใจ ฟางรั่วซีพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าทีมของพวกเขาและโจวเหวิน พวกเขากลับกลายเป็นลูกมือของโจวเหวินซะอย่างนั้น
“คนสวย เธอมั่นใจได้เลยว่าโจวเหวินติดตามเรา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสามอันดับแรก แต่ก็ยังสามารถเป็นที่สี่ในทีมได้แหละ” ซวีเมี่ยนถูกล่าวพร้อมรอยยิ้ม