บทที่ 15 [ชื่อตอนมันสปอยไปอ่านท้ายเรื่องจ้า]
บทที่ 15 [ชื่อตอนมันสปอยไปอ่านท้ายเรื่องจ้า]
" ลุงลั่ว มีคนตามเรามา ! " คนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดกับหัวหน้าของพวกเขาด้วยเสียงต่ำ " มันต้องเป็นนักฆ่าที่โลกมืดส่งมาแน่นอน "
ทหารรับจ้างหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา เขาดูอายุประมาณ 25-26 ปี สูง 1.85 เมตร รูปร่างผอมของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เขาเป็นนักรบที่อยู่ในนภาที่3 ของระดับ ก่อตั้ง ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยพลังและระวังตัวอยู่เสมอ แค่เหลือบมองไปที่เขา ฉี่หยานก็รู้ได้ว่าเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง
" ไม่ มันไม่ได้มาจากโลกมืด มันเป็นแค่พวกกระทิงน้อยหลงทาง ดังนั้นเรา เดินทางต่อกันเถอพ อย่าต้องไปสนใจมัน " ลั่วฮ่าว ส่ายหัว พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว " รีบไปกันได้แล้ว ปล่อยมันไว้เช่นนั้น "
จ้าวชิงยังดูเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพูดด้วยเสียงเย็นชา " มันตามแม่นางมู่มางั้นรึ ? มันกล้าดียังไง ! จะให้ข้ารอที่นี่แล้วสอนบทเรียนให้มันหรือไม่ ? " ในขณะที่เขากำลังพูด เขาดูเอาใจใส่หญิงสาวร่างบางที่ชื่อ มู่หยู่เตี๋ย เป็นอย่างมาก ผู้ที่ถูกพูดด้วยคือ ลั่วฮ่าว .
" ไม่ต้อง อย่าได้สร้างปัญหาใดๆหากไม่จำเป็น " ลั่วฮ่าว ส่ายหัวอีกครั้ง และถามไปที่หญิงสาวด้วยเสียงนุ่ม " เตี๋ยเอ๋อ เจ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ ? ที่เราจะเพิ่มความเร็วขึ้นนิดหน่อยไหม ? "
มู่หยู่เตี๋ยกำลังที่ใบหน้ากำลังซีด และเหงื่อออกมาก เธอยิ้มอย่างสุภาพ " ตกลง ข้ายังไหว เราสามารถเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นได้ บางทีนั่นอาจจะดีกว่า หากเราทิ้งมันไว้ข้างหลังเช่นนั้น ไม่อย่างนั้น มันอาจจะถูกฆ่าโดยนักฆ่าจากโลกมืดก็เป็นได้ "
ช่วยไม่ได้ที่ลั่วฮ่าว จะถอนหายใจ เขารู้สึกสงสารหญิงสาวผู้ใจดีนี้จริงๆ และเขาพยักหน้าให้เธอและพูดว่า
" เตี๋ยเอ๋อ อย่าได้ใช้พลังปราณลึกลับของเจ้าอีก ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าสามารถพึ่งพาข้าได้”
หลังจากที่พูด , ลั่วฮ่าว ก็จับไปที่ไหล่ของมู่หยู่เตี๋ยเหมือนกับเธอเป็นดอกไม้ที่บอบบาง และ พุ่งผ่านต้นไม้ในป่าไปอย่างง่ายดาย เมื่อเท้าของเขากำลังจะแตะลงบนพื้น เขาจะต้องควบคุมร่างกายที่ใหญ่โตของเขาเล็กน้อยก่อนที่มันจะแตะพื้นและก็กระโดดขึ้นอีก เพื่อไม่ทิ้งรอยเท้าไว้ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างชำนาญในด้านการโคจรพลังปราณลึกลับ
. . . . . . .
อีกด้านหนึ่ง ฉี่หยาน กำลังดิ้นรนอย่างหนักด้วยการสาวเท้าก้าวเดิน มันทำให้เขาหายใจยากขึ้น
เขาได้รับการะกตุ้รจากความกระหายเลือดและความปรารถนาในการฆ่าฟันตลอดทาง อีกทั้งร่างกายของเขายังบงบาดเจ็บอยู่จากฝ่ามือของอาจารย์การู . เนื่องจากเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาเป็นอย่างมาก ซี่หยานจึงสูญเสียพลังปราณลึกลับไปเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถฟื้นคืนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ หากเขาได้เจอโม่หยานหยูอีกครั้ง สงสัยว่าเขาจะต้องตายเป็นแน่ ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือก ได้เพียงแต่ต้องฟื้นฟูตัวเองโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเขาจะต้องควบคุมตัวเองจากความบ้าคลั่งที่กำลังกระตุ้นอยู่
เสียงบรรเลงที่ไพเราะของหญิงสาว จึงเป็นเพียงความหวังเดียวของเขาโดยแท้จริง
เขาไม่สนใจว่าหญิงสาวจะเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ ฉี่หยาน รู้สึกเหมือนว่า เขานั้นไม่มีทางเลือก แม้ว่านางจะคิดว่าเขาเป็นไอ้หน้าด้านเพียงใด เขาก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป เขาจะทำตามที่นางพูดทุกอย่างเพื่อที่เขาจะได้ฟังเสียงบรรเลงอีกครั้ง
ฉี่หยานกำลังพยายามควบคุมการกระตุ้นความปรารถนาที่จะฆ่าฟันของเขาที่กำลังเพิ่มขึ้น และตอนนี้ใบหน้าของเขาดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก ฉี่หยานโคจรพลังปราณลึกลับส่วนใหญ่ของเขา ซึ่งมีอยู่ไม่มาก ไปที่ขาของเขาและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อไปให้ทันคนทั้งห้าที่อยู่ข้างหน้าเขา
ฉี่หยานทำจิตใจของเขาให้ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์และตั้งสมาธิมากขึ้นกว่าที่เคย เป้าหมายเดียวที่เขามีในใจของเขาก็คือ ตามคนเหล่านั้นไปให้ทัน เมื่อเขาทำจิตใจของเขาให้ว่างเปล่า เขารู้สึกได้ว่า การก้าวเดินของเขาในตอนนี้ ไม่หนักเหมื่อนก่อนอีกแล้ว
. . . . . . .
" ลุงลั่ว ข้าไม่อยากเชื่อว่า เจ้านั้นจะเป็นเพียงแค่นักรบในระดับ เริ่มต้น ! " ในระหว่างการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จ้าวชินก็พูดออกมาอย่างประหลาดใจ
ลั่วฮ่าว ยังสงสัยเช่นกัน ตามความรู้ของเขา นักรบที่อยู่ในระดับ เริ่มต้น ไม่สมควรที่จะตามความเร็วของพวกเขาได้ทัน ถึงแม้คนที่ตามพวกเขามาข้างหลังยังคงอยู่ห่างไกล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสลัดมันทิ้งได้เลย เจ้าหนุ่มนั้นจะต้องมีความอดทนเป็นอย่างมากที่ไล่ตามพวกเรามาตลอดทาง นี้ทำให้ ลั่วฮ่าว สงสัยเล็กน้อย และทำให้เขาสงสัยว่า ก่อนหน้านี้ที่เขาได้พบมัน เขาได้ประเมินมันต่ำเกินไป
" ลุงลั่ว ข้ายังไหว ท่านสมควรเพิ่มความเร็วขึ้นอีกหน่อย " มู่หยู่เตี๋ยกล่าวด้วยความเจ็บปวดและมีเม็ดเหงื่อไหลอยู่บนใบหน้าที่งดงา
" ไม่ ถ้าเราไปเร็วกว่านี้ เจ้าจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ! . " ลั่วฮ่าว ไม่ยอม เขาพูดด้วยเสียงต่ำพร้อมกับขมวดคิ้ว " อย่าไปให้ความสนใจกับเจ้าคนที่อยู่ข้างหลังมากเกินไป . มันจะต้องตายแน่นอน ถ้ามันตาย มันก็ไม่ใช่ความผิดของเรา
" อาวู่วววววววววววววววว ! "
ขณะที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่ จู่ๆก็มีเสียงคำรามดังน่ากลัวมันเป็นเหมือนเสียงของสัตว์ป่าที่ตามมาจากด้านหลัง ซึ่งเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเสียงจาก ฉี่หยาน แต่ทั้งหมดนั่นมันดูไม่เหมือนเสียงคำรามของมนุษย์ มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความกระหายเลือดและการฆ่าฟัน ทำให้ทุกคนที่ได้ยินเสียงของมันพลันสั่นอยู่ข้างใน
" เจ้านั่นมันใช่มนุษย์จริงหรือไม่ ? " ทหารรับจ้างหญิงที่มีร่างกายที่ดูเร่าร้อน ชื่อ ตี่ย่าหลาน ช่วยไม่ได้ที่เธอจะหวั่นไหวขึ้นมา และพูดพร้อมกับมองไปด้วยสายตาที่หวาดกลัว " ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สามารถส่งเสียงน่ากลัวแบบนั้นออกมาได้ ? นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงคำรามของปีศาจเสียอีก เหมือนกับสัตว์กระหายเลือดที่บ้าคลั่งยิ่งนัก .
" ความบ้าคลั่งในร่างกายได้กัดกินเขาอีกครั้งแล้วสินะ " ลั่วฮ่าว เริ่มดูประหม่า และพูดอย่างเร็ว " อยู่ให้ห่างจากมันไว้ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะโจมตีเราได้ มันบ้าคลั่งไปแล้ว มันไม่ยากนักที่จะฆ่าเขา แต่มันอาจจะเสียเวลาอันมีค่าในหลบหนีของเราได้ การต่อสู้ย่อมต้องดึงดูดความสนใจพวกนักฆ่าจากโลกมืดแน่ และนั่นจะต้องสร้างปัญหาให้กับเราอย่างแน่แท้ . . . . . . . "
" ให้ข้าช่วยมันเถอะ มิเช่นนั้นอย่างนั้น มันจะกลายเป็นสัตว์กระหายเลือดที่เอาแต่ฆ่าฟัน และอาจจะเกิดสงครามนองเลือดในป่าทมิฬแห่งนี้ได้ " มู่หยู่เตี๋ย กล่าว หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย แต่พวกเขาไม่ได้ว่านางอย่างใด ลั่วฮ่าวแบกนางขึ้น และนักรบคนอื่นๆก็ไม่ห้ามปรามเช่นกัน เธอนั่งขัดสมาธและเริ่มบรรเลงเพลง
ลั่วฮ่าว ก้าวหนักบนพื้นด้วยความโกรธ " เจ้านั่นมันเป็นคนเลว ! มันไม่มีค่าพอให้เจ้าช่วยเหลือหลอก ! "
เสียงพิณได้ถูกบรรเลง ไหลผ่านป่าทมิฬออกมาเป็นเหมือนกระแสลมที่อ่อนไปทางฉี่หยานโดยตรง , มันเป็นท่วงทำนองที่มีผลเฉพาะกับเขา
ดวงตาทั้งดวงของเขากล้ายเป็นสีแดงเข้ม ฉี่หยานที่กำลังบ้าคลั่ง และถูกกลืนกินด้วยความกระหายเลือดและความปรารถนาในการฆ่าฟัน เมื่อได้ยินเสียงบรรเลงที่คุ้นเคย เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที พร้อมกับเห็นแสงวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา เขายืนอยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าเขากำลังจมหายไปอย่างสมบูรณ์ในเสียงบรรเลงที่ไพเราะ .
ร่องรอยของพลังงานเชิงลบรวมถึงความสิ้นหวังและความกลัวค่อยๆลอยออกมาจากร่างกายของเขา และเริ่มล้อมรอบตัวเขาเหมือนเป็นหมอกส่องแสงออกมา มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีพายุเป็นล้านลูกอยู่ในเส้นเลือดทั้งเจ็ดร้อยยี่สิบเส้นของเขา และเขารู้สึกได้ถึงพลังที่เขาได้มาจากอาจารย์ การู มันเป็นพลังที่ถูกลั่นให้บริสุทธิ์และเข้มข้นกว่ามากกว่าเดิม
หลังจากนั้น ฉี่หยานก็ค่อยๆลืมตาขึ้น กลับสู่ภาวะปกติ และเขาเริ่มที่จะฟื้นคืนกลับมาเป็นอย่างเดิม ในตอนนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือการช่วยเหลือที่เมตตา ของหญิงสาวงดงามนางนั้น นางได้ช่วยเขาอีกครั้งแล้ว
ด้วยความซาบซึ้งในใจ ฉี่หยานนั่งลงอยู่กับที่ เขาทุ่มเทหัวใจและวิญญาณของเขาลงไปในเสียงบรรเลงที่ไพเราะนี้และเริ่มโคจรพลังปราณลึกลับภายในร่างกายของเขาอย่างไม่ลังเล อาบโฉลมไปในเสียบรรเลงที่ผ่อนคลาย และจิตใจของเขาก็ว่างเปล่า
ณ กลางป่าทมิฬที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกชนิด ฉี่หยานได้เข้าสู่โลกของจิตใจที่สงบ
เขาจำไม่ได้ว่าใช้เวลานไปานแค่ไหนก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา . หมอกที่ห่อรอบตัวของเขาก็ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างกาย และภายใต้ความคิดของเขา มันได้พุ่งผ่านเส้นชีพจรที่แตกต่างกันภายในร่างกายของเขา
ทันใดนั้น ก็ปรากฏแสงอบอุ่นแปลกประหลาด เป็รกระแสพลังที่ทะลักออกมาจากเส้นชีพจรทั้งหมดในร่างกายของเขาและเริ่มขับเคลื่อนพลังปราณลึกลับผ่านเส้นเลือดของเขา
ช่วยไม่ได้ที่ฉี่หยาน จะตกใจจนตัวสั่น เขารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณลึกลับกำลังโคจรด้วยแข็งแกร่งและความเร็วที่น่าทึ่ง !
ภายในไม่กี่วินาที เขาก็รู้สึกว่าพลังปราณลึกลับของเขาเพิ่มมากขึ้นถึง ห้า หรือ หกเท่า และมีปริมาณมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
พลังปราณลึกลับที่แข็งแกร่งกำลังเริ่มรวบรวมอยู่ในท้องของเขา ทั้งร่างกายของเขาเต็มด้วยพลัง เขารู้ได้เลยว่าเขาต้องได้พลังปราณลึกลับนี่มากจากอาจารย์การู ฉื่อหยานเชื่อว่าเช่นนั้น
ฉี่หยานหายใจเข้าออกอย่างช้าๆและโคจรพลังปราณที่เพิ่มขึ้นของเขา เขาโคจรพลังปราณลึกลับไปที่เส้นเลือดหลักทั้ง 12 เส้น และเส้นเลือดพิเศษอีก 8 เส้น
พลังปราณลึกลับได้โหมกระหน่ำผ่านร่างกายทั้งหมดของเขาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับน้ำที่กำลังท่วม
ฉี่หยานสามารถทะลวงการปิดกั้นของหลอดเลือดดำที่คับคั่งของเขาได้ทั้งหมด แม้ว่าจะยังคงทุกข์ทรมานจากอาการปวดรุนแรงอยู่ เขาก็รู้สึกว่าไหล่ของเขาในที่สุดก็สามารถที่จะผ่อนคลายได้
ตอนนี้พลังปราณลึกลับของเขาได้กลายเป็นแข็งแกร่งกว่าเดิม เขารู้สึกว่าเขามีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
ดวงอาทิตย์ได้หายลับไปจากขอบฟ้า และพระจันทร์ก็ส่องแสงสว่าง ในท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับ
ด้วยเส้นเลือดเส้นสุดท้ายได้ถูกทะลวง ฉี่หยาน ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะโคจรพลังปราณลึกลับให้หมุนไปรอบๆร่างกายได้อย่างความสมบูรณ์
เมื่อการโคจรของเขาได้สิ้นสุดลง ฉี่หยาน รู้สึกเหมือนกับว่า เขาพึ่งตื่นจากความฝันที่ยาวนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งดวงดาวทั้งหมดที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า และรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขาได้ทะลวงผ่านเลือดทั้งหมดในร่างกายของเขาแล้ว กล่าวได้ว่า เขาได้ทะลวงไปถึงระดับก่อตั้งแล้วในตอนนี้ .
ด้วยพลังปราณลึกลับที่เขาดูดซับมาจากอาจารย์การู เขาได้กลั่นมันให้เป็นพลังปราณลึกลับที่บริสุทธิ์ และใช้มันทะลวงผ่านเส้นเลือดทั้งหมดของเขาอย่างยากเย็น และพลังมากมายพวกนั้น มันก็ได้หลอมรวมกับพลังปราณลึกลับของเขา แล้วสุดท้ายเขาก็ได้ทะลวงขึ้นไปสู่ระดับใหม่ !
หลังจากกลั่นพลังทั้งหมดที่เขาได้รับจากอาจารย์ การู เสร็จสิ้นแล้ว , ความกระหายเลือดที่เคยยุ่งเหยิงจิตใจของเขาได้หายไปโดยฉับพลัน
ตอนนี้เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน ฉี่หยานตะหนักว่าทุกครั้งหลังดูดซับพลังปราณลึกลับจากศพ พลังปราณลึกลับพวกนั้นจะถูกกลั่นในเส้นชีพจรของเขา และ จะมีพลังงานเชิงลบบางอย่างทะลักออกมาจากเส้นชีพจรของเขา ซึ่งมันจะก่อให้เกิดด้านมืดขึ้นในจิตใจและมันก็ควบคุมร่างกายของเขาให้เข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง
เพราะเหยื่อไม่กี่รายของเขาก่อนหน้านี้มีพลังเพียง ขั้นกลางในระดับเริ่มต้น เช่นนั้นเขาจึงสามารถควบคุมความปรารถนาเชิงลบพวกนั้นได้
แต่อาจารย์ การู เป็นนักรบระดับก่อตั้ง ด้วยพลังที่มีปริมาณมากเกินไปสำหรับฉี่หยานและมันยังเต็มไปด้วยพลังงานเชิงลบมากมาย ดังนั้น ฉี่หยานจึงไม่สามารถควบคุมพลังงานด้านลบพวกนั้นได้เลย และเกือบจะสูญเสียสติของเขาไป
ตอนนี้ เขาได้กลั่นพลังปราณลึกลับที่เขาได้มาจากอาจารย์ การู สำเร็จโดยสมบูรณ์แล้วและมันยังทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับใหม่ได้ ฉี่หยานไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการกระตุ้นของพลังความชั่วร้ายอีกต่อไป
" กักกัก ! "
ฉี่เหยียนเหยียดร่างกายออกเล็ก ๆน้อย ๆ และเขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขารู้สึกเต็มไปด้วยความสดชื่น กระดูกหน้าอกของเขาที่แตกหัก ดูเหมือนว่ามันจะได้รับการรักษาจนหายแล้ว
ฉี่หยานตรวจสอบบาดแผลต่างๆที่อยู่ตามร่างกาย พวกมันทุกจุดล้วนถูกรักษาแล้วเช่นกัน นั่นทำให้เขามีความสุขมาก
เขาต้องขอบคุณการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วของเขาเพราะมันได้ช่วยเหลือเขาเป็นอย่างมาก นี่ย่อมเป็นพลังของจิตวิญญานอมตะเป็นแน่
ก่อนที่จิตใจของเขาจะจมไปกับเสียงบรรเลง เขารู้สึกได้ว่าเซลล์แถวๆหน้าอกของเขากำลังซ่อมแซม และเริ่มรักษาตัวเอง
มองไปรอบๆ ฉี่หยานก็ตระหนักได้ถึงที่ๆเขาอยู่ มันไม่มีต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงา เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้โคจรพลังปราณลึกลับที่แห่งนี้ เขาได้ลืมทุกอย่างรอบๆตัวเขา ฉี่หยานรู้สึกโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา
เพราะว่าที่ๆเขานั่งโคจรพลังปราณอยู่นั้นมันเป็นกลางทุ่งหญ้าไม่มีอะไรปกปิด หากโม่หยานหยูยังคงไล่ตามเขามา เขาต้องถูกเธอจับได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ เสียงบรรเลงได้จบลงไปนานแล้ว เขาจำได้เมื่อตอนนั้นท้องฟ้ายังคงสว่าง แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นมืดค้ำ เขาต้องนั่งอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานมากเป็นแน่ โดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าอยากจะตอบแทนให้กับหญิงงามนางนั้น ตอบแทนที่นางได้ช่วยเขามากกว่าหนึ่งครั้ง ครั้งแรกเธออาจจะช่วยเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ครั้งที่สอง เธอนั้นต้องตั้งใจที่จะช่วยเขาแน่่นอน
ด้วยเพราะว่าเขาได้ยินการสนทนจากคนทั้งห้า ฉี่หยานจึงตระหนักได้ว่าพวกเขานั้นกำลังถูกไล่ล่าโดยใครบางคน อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่ามันอันตรายอย่างใด และตัดสินใจที่จะติดตามพวกเขาไป
เขาไม่ได้ติดตามไปเพราะอยาก แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะทดแทนบุญคุณต่อหญิงสาวแล้ว เขาจะทดแทนด้วยวิธีของเขาเองและเขาจะต้องตอบแทนให้ได้
บทที่ 15 ทะลวงเข้าสู่ระดับก่อตั้ง
––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ