บทที่ 14 เสียงบรรเลงจากสรวงสวรรค์
บทที่ 14 เสียงบรรเลงจากสรวงสวรรค์
โม่หยานหยูหยุดไล่ตามทันที
นักรบสี่คนจากตระกูล ที่ตามนางออกมาจากป่าหนาทึบ ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหนักใจ
ที่พื้น
"ไม่จริงหน่า... ศพอาจารย์ การู ยังอุ่นๆอยู่ และศพของมันยังถูกดูดพลังปราณลึกลับไปจนหมด"
นักรบทั้งสีคนยืนอยู่ข้างหลังโม่หยานหยูด้วยความหวาดกลัวที่ปรากฏในสายตาของพวกมัน หนึ่งในพวกมันเดินเข้ามาหาโม่หยานหยู และกล่าวอย่างลังเล " แม่นางโม่ . . . "
โม่หยานหยูยังคงสั่นเทา และนางก็ตอบพลางขมวดคิ้ว " หยุดไล่ตามมันเดี๋ยวนี้ ! "
" แต่แม่นาง . . . . . . " นักรบต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง
" อาจารย์การู ได้บรรลุนภาที่สองของระดับก่อตั้ง , อยู่ในระดับเดียวกับข้า นอกจากนี้ มันยังมีประสบการณ์การต่อสู้ที่มากกว่าข้า " โม่หยานหยูส่ายหน้าด้วยสายตาสิ้นหวัง " ข้าไม่รู้ว่ามันฆ่าอาจารย์การูได้อย่างไร . แต่นั่นหมายก็ความว่ามันสามารถที่จะฆ่าพวกเราทุกคนได้เช่นกัน ถ้าเรายังตามมันไป เราอาจจะไม่สามารถกลับไปที่สมาคมการค้าได้ "
" งั้นเราจะปล่อยมันไปแบบนี้รึ ? แม่นางโม่ เราได้ใช้เวลาและเงินจำนวนมากมายเพื่อที่จะให้อาจารย์การูมาทำงานให้เรา " นักรบพูดด้วยเสียงต่ำ
" เช่นนั้น หลี่เทียน ถ้าหากเราไม่ยอมแพ้ เจ้ามีความคิดดีๆหรือไม่หละ ? "
เหล่านักรบเงียบลงทันที
โม่หยานหยูคุกเข่าลงข้างศพของอาจารย์ การู . นางค้นหาผ่านร่างกายของเขา และสาปแช่งในเสียงต่ำ " บัดซบ ! ไอ้สารเลวนั่นได้เอาของทุกสิ่งอย่างของอาจารย์ การู ทั้งหมด , ทั้งยา และหนังสือกลั่นสกัดยา เวลานี้เราไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแท้จริง "
นักรบทั้ง 4 คนเงียบ พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร
" กลับไปรวมกับจอห์นสัน จากนี้ไป เราต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ใครก็ตามหากไม่ได้รับอนุญาตห้ามไปไหนทั้งนั้น ! " โม่หยานหยูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับไปทางที่พวกเขามา จากความรู้สึกของนาง นางนั้นเกลียดฉื่อหยานเข้าใส้
. . . . . . .
อีกด้านหนึ่ง ฉื่อหยาน ก็ยังคงมีชีวิตรอดอยู่ในป่าทมิฬ
ถึงแม้ว่าความกระหายเลือดที่ยังคงวิ่งพล่านอยู่ในตัวของเขา และมันกำลังจะกลืนกินสติของเขาทีละน้อย พลังงานด้านลบความบ้าคลั่งและความโหดเหี้ยมรวมไปถึงความกระหายเลือดมันบุกรุกไปในจิตใจของเขาอย่างบ้าครั้ง และจากนั้นสายตาของเขาก็ค่อยๆมืดลง และร่างกายของเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าจะถูกควบคุมโดยพลังงานเชิงลบพวกนั้น
ในช่วงเวลานี้ เขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก และ เขาไม่สามารถที่จะรวบรวมความแข็งแกร่งใดๆได้ ไม่ว่าจะในแขนหรือขาของเขา เขาจะต้องหลีกเลี่ยงทุกการต่อสู้ มิฉะนั้นเขาจะต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ
ฉื่อหยานไม่รู้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เขาไม่เคยคิดเลยว่าร่างกายของเขาจะตอบสนองในรูปแบบที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขาจึงไม่ทันได้คิดแผนสำรองไว้
" บูม ! "
ความบ้าคลั่งและความกระหายเลือดภายในจิตใจของเขาในที่สุดก็ระเบิดออกมา ฉื่อหยาน หอบหนักและเมื่อเขาสูญเสียการมองเห็นของเขาไป ก็ปรากฏเพียงเสียงหนึ่งในหัวของเขา กระซิบและพูดซ้ำๆ ไปมา " ฆ่า ฆ่า ! ฆ่า ! ฆ่า ! ฆ่า ! "
ฉื่อหยานนั้นรู้ว่าอีกไม่นาน เขาจะต้องสูญเสียสติทั้งหมดของเขาและกลายเป็นสัตว์กระหายเลือดไป และเขาจะเต็มไปด้วยความปรารถนาในการฆ่าฟัน
ทันใดนั้นจู่ๆก็ปรากฏเสียงบรรเลงที่ไพเราะลอยเข้ามาในหูของฉื่อหยานจากระยะไกล เป็นการบรรเลงที่เหมือนกับน้ำไหลหยดลงบนจานหยก เหมือนสายลมพัดผ่านผ้าม่าน มันอ่อนโยนเหมือนนกกระพือปีก มันเป็นแสงที่อ่อนโยน กระแสลมไหลผ่านป่าที่เงียบงัน เป็นเพลงมีไพเราะ สงบ เหมือนมันลอยลงมาจากสวรรค์
เพลงที่ไพเราะนี้เป็นเหมือนมือนุ่มที่ปลอบประโลมหัวใจของเขา มันพัดเอาความกระหายเลือดและความปรารถนาของเขาทั้งหมดออกไป อย่างช้าๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้ฉื่อหยานฟื้นสติของเขาที่กำลังจะแตกสลายได้
ต้องขอบคุณเพลงที่ชดช้อยและอ่อนโยนนี่ ฉื่อหยานจึงค่อยๆฟื้นสติของเขาก่อนที่เขาจะสูญเสียความนึกคิดของเขาไปอีกครั้ง เขาค่อยๆเดินไปในทิศทางของเสียงเพลงด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนมึนเมา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกโฉลมไปในเสียงบรรเลงที่ไพเราะ และความกระหายเลือดที่อยู่เต็มในร่างกายเขา พลันหายไป
ในหุบเขาเล็ก ๆที่เต็มไปด้วยดอกไม้ไม่ซ้ำกันและมีพืชวิเศษมากมาย ฉื่อหยาน เห็นหญิงสาวที่งดงามกำลังบรรเลงพิณอยู่ . นางนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางเหล่าดอกไม้ นางลดหัวของนางลงเล็กน้อยและใส่อารมณ์และความรู้สึกของนางลงไปในเสียงบรรเลงอย่างสมบูรณ์ และไม่ทราบถึงการปรากฏตัวของฉื่อหยาน
ฉื่อหยานเคลื่อนไหวใกล้เข้าไปขึ้นเรื่อยๆ ใกล้เข้าไป และหยุดอยู่ห่างจากนางประมาณ 100 เมตร เขายืนอยู่ตรงนั้น และกำลังอึ้งกับหญิงสาวที่งดงามตรงหน้าเขา เขายืนหลับตาอยู่กับที่ พยายามที่จะโฉลมตัวเองในเสียงบรรเลงที่ไพเราะของพิณ .
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงพิณค่อยๆ ชะลอตัวลง และในที่สุดก็หยุดลง
ฉื่อหยานตื่นจากความฝันที่น่ารื่นรมย์ทันที เขาพบว่า ความโกรธและความกระหายเลือดของเขาได้จางหายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน
แต่ร่างกายของเขายังรู้คงสึกหนักเช่นเดิม ความเจ็บปวดที่รุนแรงในหน้าอกของเขายังคงรุนแรงมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขายังคงทุกข์ทรมานจากฝ่ามือของอาจารย์การู . ฉื่อหยานตั้งสมาธิของเขา และรู้สึกได้ถึงพลังปราณลึกลับในเส้นชีพจรของเขา มันไหลอยู่ภายในร่างของเขา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังกลั่นพลังปราณลึกลับที่เขาดูดซับมา
ร่างงดงามที่นั่งอยู่ไกลๆนั้น ก็ค่อยๆหันมาด้วยพร้อมกับพิณโบราณในมือของนาง นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองตรงไปที่ ฉื่อหยาน
ช่วยไม่ได้ที่ฉื่อหยานจะรู้สึกกลัวและตัวสั่น ดวงตาของเขาจ้องมองหญิงงามตรงหน้าเขาอย่างไม่วางตา " งดงามยิ่งนัก ! " เขาโพล่งพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวคนนั้นมีอายุประมาณ 18 หรือ 19 ปี แต่งกายด้วยกระโปรงชั้นนอกสีขาว ตาของนางเป็นประกาย ฟันของนางขาวเหมือนน้ำนม ผิวดูนุ่มเนียน มีรูปร่างที่ละเอียดอ่อนและผอมบาง จะบอกได้ว่านางเป็นเทพธิดาที่งดงามจากสวรรค์ก็ไม่เกินเลย และในเวลาเดียวกัน ก็ยังเป็นหญิงสาวที่น่ารักสดใสที่อาศัยอยู่ประตูถัดไป นางช่างสมบูรณ์แบบ ฉื่อหยานบอกไม่ได้เลยว่าใครนั้นงดงามมากกว่ากัน ระหว่าง โม่หยานหยูหรือหญิงสาวตรงหน้าเขา
หญิงสาวน่ารักนางนั้นเพียงเหลือบมองมาที่ฉื่อหยานเท่านั้น และนางหันมองไปรอบ ๆด้วยความเงียบและก้าวเดินช้าๆ ไปยังแม่น้ำเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรพร้อมกับพิณในมือของนาง
ช่วยไม่ได้ที่ฉื่อหยาน จะชื่นชมความงามของผู้หญิงในโลกนี้ โดยรวมแล้ว เขาเจอผู้หญิงเพียง 2 คนในโลกนี้เท่านั้น แต่พวกนางทั้งคู่นั้นล้วนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีเพียงหนึ่งในล้านก็ว่าใด
" แม่นาง ! ขอบคุณมากสำหรับเสียงบรรเลงที่ไพเราะของเจ้า ข้า . . . " เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังเดินห่างจากเขาไปเรื่อยๆ ช่วยไม่ได้ที่ฉื่อหยานจะตะโกนออกมา
" เฮ้ย ! หยุดนะ ! พอแค่นั้นแหละ . "
ทันใดนั้น ร่างใหญ่ที่แข็งแกร่ง ก็กระโดดลงมาจากต้นไม้โบราณที่อยู่ตรงหน้า ฉื่อหยาน เป็นผู้ชายวัยกลางคน มีหนวดเคราสีเหลืองบนใบหน้า เขาสวมชุดนักรบสีเทากับน้ำตาล เขาดูสูงและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้วยดาบใหญ่ที่พาดอยู่บนไหล่ของเขา แต่เขานั้นกลับไม่ได้ดูชั่วร้ายแต่อย่างใด เขาแค่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉื่อหยานและมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าของเขา
ไม่ต้องสงสัย ฉื่อหยาน นั้นไม่ทันได้ระวังตัว เขาไม่ได้ใส่ใจในการระมัดระวังตัวนัก . เพียงมองไปที่ชายคนนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวจากคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขา
มันใช้เวลาไม่นานนัก จะรู้ว่ามนุษย์เคราเหลืองคนนั้นเป็นนักรบที่มีพลังเหนือกว่าระดับของเขาอย่างแน่นอน มนุษย์เคราเหลืองเพียงแค่มองไปที่เขา โดยไม่ได้ปลดปล่อยพลังใดๆ ออกมา เพื่อกดดันให้เขาเลย แต่ฉื่อหยานนั้นกลับรู้สึกได้ว่า เขาเป็นคนที่ไม่สามารถแตะต้องได้ เป็นเหมือนกับภูเขาที่มั่นคง
ฉื่อหยานถอยก้าวกลับไป แสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่ได้มีความคิดชั่วร้าย จากนั้นเขาก็แกล้งทำเป็นยิ้มและกล่าวว่า "เป็นเสียงบรรเลงที่ไพเราะนัก การบรรเลงของแม่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ข้านั้นไม่ได้ต้องการอะไร ข้าเพียงแค่อยู่เพื่อฟังเสียงเพลงของแม่นางเท้านั้น ไม่มีอื่นใด อย่าได้กังวลไป"
จากที่ฉื่อหยานได้ยิน หญิงสาวคนนี้มีทักษะในการบรรเลงดนตรีที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ด้วยเสียงบรรเลงที่ไพเราะของนาง มันได้ช่วยเขาให้ควบคุมความกระหายเลือดในจิตใจของเขาได้ ฉื่อหยานไม่แน่ใจว่า ความกระหายเลือดเหล่านั้นจะกลับมาหาเขาอีกหรือไม่ เขาจึงหวังที่จะหาสิ่งที่จะช่วยให้เขาควบคุมสิ่งที่น่าเกลียดนี้ได้
" ข้าสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าเป็นคนลามก นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอื่น มิเช่นนั้น ข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้แน่ " มนุษย์เคราเหลืองหัวเราะและพูดด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลาย "แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนมักมากในกามเช่นเจ้า . ข้าขอแนะนำให้เจ้าออกไปให้ห่างจากเราสะ มิฉะนั้นเจ้าจะได้เจอกับปัญหามากมายแน่นอน "
" ตกลง ตามที่ท่านต้องการ " ฉื่อหยาน ป้องมือทั้งสองของเขาขึ้นเพื่อแสดงความนับถือ แล้วเขาก็จากไป อย่างไรก็ตาม เขาชำเลืองมองไปที่รูปร่างที่งดงามที่อยู่ไกลออกไปก่อนจะหันหลังและจากไป
. . . . . . .
" ลุงลั่ว ข้ารู้สึกถึงวิญญานปีศาจที่แข็งแกร่งในร่ายกายของชายคนนั้น ตอนนั้น ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาการในฆ่าฟัน และเขาเกือบกล้ายเป็นบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ความกระหายเลือดนั้นได้เลือนลางไป เขากลับกล้าใช้สายตาลามกมองมาที่ข้า ข้าเดาว่าเขาคงไม่ได้มาจากโลกมืด " มู่หยู่เตี๋ยกล่าวอย่างรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เมื่อนางนึกถึงสายตามากตัณหาที่ฉื่อหยานมองมาที่นาง
บุรุษผู้นั้น . . . . . . . ดูเหมือนว่าเขาจะซ่อนความปรารถนาของเขาอยู่ภายใน
หลายคนนักที่ต้องการจะได้นางไปครอบครอง แต่พวกมันก็ไม่กล้ากระทำอย่างเปิดเผยหรือพวกมันล้วนปกปิดความต้องการเหล่านั้นเมื่อมองมาที่นาง พวกมันจะไม่เปิดเผยความคิดสกปรกของพวกมันให้ใครได้รู้ แต่บุรุษผู้นั้น . . . เขาไม่พยายามที่จะปกปิดความปรารถนาของเขาที่มีต่อนางเลยสักนิด นางเห็นสิ่งนี้จากในดวงตาของเขา มันดูซื่อตรง และไม่หลอกลวง
" เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่มันจะมาจากโลกมืด นักฆ่าที่ถูกส่งมาโดยโลกมืดล้วนเป็นนักรบในระดับก่อตั้ง แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเป็นเพียงนักรบในระดับเริ่มต้น " ลั่วฮ่าว ก็หัวเราะและกล่าวว่า " แต่ที่น่าสนใจก็คือ ชายคนนั้นถึงแม้จะเป็นเพียงนักรบในระดับเริ่มต้น แต่กลับกล้าที่จะฝันเกี่ยวกับเจ้าหญิงที่สวยงามของเรา ซึ่งได้บรรลุแล้วในนภาที่ 3ในระดับมนุษย์ ชายคนนี้ มันช่างฝันเฟื่องนัก ฮ่า ฮ่า ! "
" อื้ม ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่า ข้าตะสามารถฟื้นฟูมันกลับมาได้หรือไม่ ในตอนนี้ข้าล้วนแต่ไร้ซึ่่งความแข็งแกร่งใดๆ " มู่หยู่เตี๋ยถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยหัวใจของนางที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก " ลุงลั่ว ถ้านักฆ่ามาพบเราเข้าและท่านไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ โปรดทิ้งข้าไว้แล้วจากไปสะ ข้า . . . สามารถพึ่งพาตัวเองได้ " .
"เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ! " เมื่อได้ยินแบบนี้ , ลั่วฮ่าว กลายเป็นโมโห เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น " เราอยู่ไม่ห่างจากสมาคมการค้าแล้ว หากเราสามารถอยู่รอดได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์หรืออีกหนึ่งเดือนเราก็จะออกจากป่าทมิฬได้และเมื่อเราไปถึงสมาคมการค้าได้ พวกที่มาจากโลกมืดก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้อีก
“กวู! กวู!”
ด้วยเสียงนกหวีดที่ดังมาจากระยะไกล ไม่นาน ผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนที่แต่งตัวเหมือนทหารรับจ้างก็ปรากฏตัวออกมาจากป่า และพวกเขาเดินมาที่ลั่วฮ่าว และกล่าวว่า " ขออภัยลุงลั่ว เราไม่สามารถหลบหนีได้จากการแกะรอยของโลกมืด "
ลั่วฮ่าว พยักหน้าและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว " เราต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้ และหาที่หลบซ่อนใหม่สะ มิฉะนั้น เร็วนี้ๆ นักฆ่าจากโลกมืดก็คงจะหาเราพบและล้อมเราไว้ได้แน่นอน
พวกเขาทั้งห้านั้นไม่ได้อยู่นาน พวกเขารีบเก็บข้าวของ แล้วจากไปทันที
. . . . . . .
หลังจากฉื่อหยานได้จากหญิงสาวคนนั้นมา ความกระหายเลือดค่อยๆเพิ่มขึ้นอีกครั้งอยู่ในใจของเขา
ความกระหายเลือดนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับพลังปราณลึกลับที่ฉื่อหยานดูดซับมาจากอาจารย์การูเป็นแน่ . เพราะอาจารย์ การู นั้นมีพลังในระดับก่อตั้ง , และพลังปราณลึกลับของมันยังผสมเข้ากับพลังงานเชิงลบจำนวนมากนัก ดังนั้น ฉื่อหยานจึงต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อกลั่นพลังปราณลึกลับของเขา การที่เส้นชีพจรของเขากำลังปรับแต่งพลังปราณลึกลับของอาจารย์การูอยู่นั้น มันเป็นขั้นตอนที่น่ารำคาญและสูญเสียเวลาเป็นอย่างมาก และมันยังเป็นต้นเหตุของความกระหายเลือดภายในร่างกายของเขาอีก
แต่เสียงบรรเลงของหญิงสาวนางนั้นกลับสามารถช่วยให้เขาควบคุมความปรารถนาและยังควบคุมไม่ให้เข้าหมดสติได้อีก
ในตอนนี้เขาเหมือนกับว่ากำลังตกอยู่ในขุมนรกที่เต็มไปด้วยความบ้าและความสับสนมากมาย อย่างไรก็ตาม เส้นชีพจรของเขายังคงกลั่นพลังปราณลึกลับของอาจารย์การูอยู่ และจนกว่ากระบวนการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ มันมีโอกาสเป็นอย่างมากที่ฉื่อหยานจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของความกระหายเลือดและความบ้าคลั่งพวกนั้น
ก่อนที่ร่างกายของเขาจะปรับแต่งพลังปราณลึกลับของอาจารย์การุเสร็จสิ้น หญิงสาวที่งดงามคนนั้นจะสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างแน่นอน
ก่อนจะได้คิดอะไรต่อ จู่ๆเลือดภายในร่างของเขามันก็พลุ่งพลานขึ้นมา มันค่อยๆ พลังงานเชิงลบเริ่มคลืบคลานเข้ามาควบคุมจิตใจของเขา โดยไม่ลังเล เขาก็พุ่งกลับไปที่ทิศทางที่เขาจากหญิงสาวนางนั้นมา
ด้วยเพราะว่าเสียงบรรเลงที่ไพเราะของนางนั้นอาจจะช่วยให้จิตใจของเขาเขาสงบลง และนั้นก็เป็นโอกาสที่ดีที่ฉื่อหยานจะได้ฟังเพลงที่ไพเราะเหมือนเสียงที่มาจากสรวงสวรรค์อีกครั้ง
––––––––––––––––––––––––
ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ