ตอนที่ 9 โทรศัพท์ประหลาด
ตอนที่ 9 โทรศัพท์ประหลาด
โทรศัพท์เหรอ“พ่อของเขาพูดอย่างสงสัย หลังจากนั้นซักพัก เขาก็ตอบ”โทรศัพท์ที่ลูกพูดถึงนี้มันเป็นเครื่องโลหะสีขาวหน้าจอดำมืด ไม่มีปุ่มอะไร ขนาดประมาณ5-6นิ้วรึเปล่า?”
“ใช่ๆ ใช่เลย นั้นละ นั้นโทรศัพท์พ่อเหรอ?”โจวเหวินถามด้วยความตกใจ
“ไม่ๆ นั้นโทรศัพท์ปู่ของลูกหน่ะ ถ้าลูกไม่พูดถึงมันพ่อก็เกือบจะลืมไปแล้วนะเนี่ย”พ่อของเขายิ้มแล้วพูด “โทรศัพท์นั้นเป็นเหมือนมรดกของปู่ลูกหน่ะ”
“มรดกของปู่เหรอ แล้วปู่ไปได้มันมาจากไหนเนี่ย”โจวเหวินฟังที่พ่อตัวเองพูดแล้วรู้สึกแปลก เลยถามเพิ่ม
พ่อของเขาเลยเล่าเรื่องประวัติของโทรศัพท์เครื่องนั้นให้โจวเหวินฟัง
เดิมที่ปู่ของโจวเหวินสมัยยังหนุ่มๆนั้นเป็นช่างไม้ แต่เขาไม่ได้เป็นช่างไม้แบบที่ทำโต๊ะทำเก้าอี้ แต่หน้าที่หลักของเขาคือการสร้างอาคารไม้โบราณ ในตอนที่เมืองนี้ได้รับการบูรณะมันเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องให้รูปแบบของตึกในเมืองนั้นอยู่ในสภาพเดิมกับเมื่อก่อน ดังนั้น ตึกโบราณหลายๆตึกจึงต้องการการซ่อมแซม ปู่ของเขานั้นเข้ามาทำงานในส่วนนี้แล้วทำงานอยู่ในเมืองนี้เป็นเวลาหลายปี
ในตอนนั้นเอง ในเมืองที่กำลังบูรณะกันอยู่นั้น บ่อน้ำแห้งโบราณก็ได้ถูกขุดขึ้น แล้วตอนนั้นมันเป็นงานกลางคืน ไม่มีใครคนอื่นนอกจากคนงานอย่างปู่ของโจวเหวินทำงานอยู่ที่นั้น
ตอนที่กำลังบ่อน้ำโบราณอยู่นั้นเอง ก็มีแสงเรืองออกมาจากบ่อน้ำ คนงานหลายๆคนคิดว่าพวกเขาขุดเจอสมบัติ หลายๆคนต่างก็อยากได้มันเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยมหาศาล
หลังจากที่ขุดบ่อน้ำนั้นเสร็จ พวกเขาก็ค้นพบกล่องเปื่อยๆโบราณกล่องนึ่ง ไม้ที่ทำกล่องนั้นมันผุพังเน่าไปแล้วจนทำให้เกิดรูขึ้น แล้วก็มีแสงลอดออกมาจากรูพวกนั้น
หลายๆคนที่เอากล่องขึ้นบาง บางคนก็คิดว่าอาจจะมีเด็กอยู่ข้างใน บางคนก็คิดว่าเป็นขุมทรัพย์ บางคนก็คิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้รวยไปตลอดชาติ
ใครมันจะไป รู้ว่าพอเปิดออกมามันกลับกลายเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องนึง ตอนนั้นมือถือเองก็เริ่มโด่งดังแล้วด้วย ทำให้มันไม่ใช่ของหายากอะไร
แถมโทรศัพท์นั้นยังเปิดอยู่ด้วย แต่พอกล่องถูกเปิดออก หน้าจอโทรศัพท์นั้นกลับมืดลง แถมมันยังไม่มีปุ่มและไม่มีรูเสียบชาตอีกด้วย
พวกปู่ของโจวเหวินตอนนั้นผิดหวังมาก เขาคิดว่าโทรศัพท์นั้นเป็นเรื่องแกล้งกันด้วยซ้ำ มันดูห่วยและไม่มีราคาเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเลยหมดความสนใจแล้วสุดท้าย พวกเขาก็โยนเข้ากระเป๋าใส่อุปกรณ์ของปู่ของโจวเหวินในที่สุด
หลังจากนั้นโทรศัพท์เครื่องนั้นก็กลายเป็นสมบัติของตระกูลโจว ปู่ของโจวเหวินนั้นไม่ได้โยนมันทิ้งแต่เก็บมันไว้ในห้องตลอด ตอนที่โจวหลิงเฟิงยังเด็ก ปู่ของโจวเหวินเองก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่ตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่น่ากลัว โจวหลิงเฟิงเลยจำมันขึ้นใจมาจนถึงตอนนี้
“โทรศัพท์นั้นมันเสียไปแล้ว ตอนที่ฉันยังหนุ่ม ฉันยังเคยแอบเอามันไปถามราคาที่ร้านซ่อมโทรศัพท์ด้วย เผื่อมันจะได้ราคาดีแล้วจะได้ซื้อบุหรี่ใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่าค่าซ่อมมือถือนั้นราคาแพงกว่าราคาที่ขายซะอีก ฉันเลยใส่มันไว้ในกล่องคุ๊กกี้นั้นแหล่ะ ลูกคงจะไม่ได้เอามันไปขายแล้วใช่ไหม อายุของโทรศัพท์มือถือมันสั้นจะตาย โทรศัพท์เก่าราคาก็ยิ่งตก ค่าซ่อมก็ยิ่งแพงไม่คุ้มหรอก”พ่อของเขาพูด
โจวเหวินคิดในใจ “ดีนะที่โทรศัพท์นี้ยังไม่ได้โดนเอาไปขายแลกกับบุหรี่ ไม่งั้นฉันคงไม่ได้ดีขนาดนี้แน่ๆ”
“โทรศัพท์นี้ไม่เคยเปิดติดมาก่อนเลยเหรอ”โจวเหวินถามต่อ
“จะไปเปิดติดได้ไงละ ไม่รู้มันผ่านมากี่ปีแล้ว อย่าว่าแต่โทรศัพท์พังเลย ถึงมันจะยังใช้ได้ แต่ผ่านไปนานขนาดนี้มันคงแบตหมดไปแล้วละ”จู่ๆก็มีเสียงแทรกเข้ามาทางปลายสายของพ่อเขา ก่อนที่พ่อเขาจะตอบไปว่า “โอเคเดี่ยวไป” ก่อนจะกลับมาคุยกับโจวเหวินต่อ “ตอนนี้กำลังวุ่นอยู่พอดีเลย เอาเถอะยังไงก็บอกไปแล้ว อย่าลืมเรื่องงานวันแต่งนะลูก”
แล้วโจวหลิงเฟิงก็วางสายไปทั้งอย่างงั้น
“มันถูกค้นพบมาจากบ่อน้ำโบราณในเมืองเก่างั้นเหรอ? โชคร้ายจริงๆที่ตอนนี้เมืองเก่านั้นกลายไปเป็นพื้นที่ต่างมิติไปแล้ว คนธรรมดาเข้าไปใกล้มันไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ว่าการทดสอบภาคสนามนั้นจะจัดขึ้นที่เมืองเก่าก็จริง แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าบ่อน้ำนั้นมันอยู่ตรงไหนของเมืองเหมือนกัน แล้วฉันก็เหมือนจะไม่มีโอกาสได้สำรวจด้วย”โจวเหวินคิดในใจ
ตามที่พ่อของเขาพูด โทรศัพท์มันเริ่มดังเมื่อไม่กี่10ปีก่อน ทำให้มันจะไปเป็นของโบราณไม่ได้ แล้วถึงมันจะเป็นของโบราณจริง แต่การที่มันมีพลังวิเศษนั้นก็ไม่น่าเป็นเหตุผลได้เหมือนกัน
“เออวะ ลืมถามพ่อไปเลยว่าเคยไปหาเรื่องใครที่ไหนมาก่อนรึเปล่า”โจวเหวินลืมเรื่องนี้ไปสนิท
ยังไงซะแม่สาวเงียบนั้นก็จากไปแล้ว มันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องมากวนใจเขาอีก เรื่องมันผ่านไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคิดถึงมันอีกแล้วละ
เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมาแล้วเปิดแอพรังมดก่อนจะเข้าไปฟาร์มมอนสเตอร์ต่ออีกครั้ง
การฟาร์มมดด้วยตัวละครของเขานั้นก็เหมือนกับตัวเขาเอง ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไรเขาก็ได้รับประสบการณ์มากเท่านั้น
ตอนที่โจวเหวินสามารถฆ่ามดได้อย่างมีประสบการณ์มากขึ้น ใน1 ชีวิตเขาฆ่ามดได้มากถึง4-500ตัว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาฆ่าได้มากสุดแค่100ตัวด้วยซ้ำ
โชคร้ายที่วันนี้ดวงเหมือนจะไม่เข้าข้างเท่าไร เขาได้มาผลึกพลังมาแค่2เม็ด แถมระดับของผลึกมันก็ไม่ได้สูงอะไรด้วย เขาเลยใช้ได้แค่เป็นยาเพิ่มพลังงานเฉยๆ ใช้อัพระดับของพลังไม่ได้
พอฆ่าไปมากๆ จู่ๆมดแดงตัวเดิมก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง นั้นทำให้โจวเหวินดีใจเป็นอย่างมาก เขาบังคับตัวละครให้พุ่งเข้าต่อสู้ทันที
ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้เรียนรู้ท่าหมัดเฮอคิวลิส มันเลยทำให้การต่อสู้กับมดแดงกลายพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่รอบนี้โจวเหวินเปิดด้วยหมัดเทพเฮอคิวลิสทันทีเข้าที่หัวของมดแดงกลายพันธ์นั้น ตามด้วยหมัดเฮอคิวลิสซ้ำแบบต่อเนื่องไปที่ลำตัว ทำให้ตัวของมันแตกออกทันที
ติ้ง!
เสียงดังที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ผลึกจะดรอปออกมา แต่รอบนี้มันดรอปผลึกมาแค่อันเดียว พร้อมข้อความขึ้นมาที่ว่า
“สังหารมดแดงกลายพันธ์ ได้รับผลึกแห่งร่างกาย”
โจวเหวินมองผลึกนั้นดีๆแล้วพบว่ามันมีเลข9เขียนอยู่บนผลึกนั้น มันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ค่าร่างกายของเขานั้นเดิมทีนั้นอยูที่ระดับ8 แล้วพอได้ผลึกนี้มา เขาก็จะได้อัพระดับเป็น9ซักที
ค่าความสามารถทางร่างกายนั้นจะเกี่ยวข้องกับความอึดของร่างกาย ทำให้ร่างกายทนความเหนื่อยล้าได้นานขึ้น ทดความเจ็บปวดได้มากขึ้น มีแรงต้านทานร่างกายมากขึ้นทำให้โจมตีปรกติได้แรงขึ้น ก็เหมือนกับการฝึกร่างกายปรกติ พื้นฐานแล้วก็จะฝึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางร่างกายให้แกร่งขึ้น
เขาควบคุมตัวละครของเขาให้หยิบผลึกนั้นขึ้นมา ก่อนที่พลังจากผลึกนั้นจะไหลเข้าสู่ร่างกายของโจวเหวินผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้เหมือนกับเซลทุกอณูในร่างกายของเขากระชับกระเฉงมากขึ้น
พอมาดูหน้าจอในเกมส์ค่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเป็นเลข9แล้ว โจวเหวินเองก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขานั้นมันอึดขึ้น แค่โดนมดดำกัดก็รู้สึกได้เลยว่าเลือดของตัวละครของเขามันลดน้อยลงอย่างมาก
โจวเหวินฟาร์มรังมดต่อไป แล้วเขาก็พบมดกลายพันธ์อยู่หลายครั้งในรังมดลึกๆลงไป ไม่มีพื้นที่ตายตัว และไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะดรอปผลึก
เขาเคยเจอมดแดง2ตัว เขาฆ่าทั้ง2ตัวแต่ก็ไม่มีผลึกโผล่มาให้เห็น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่พฤติกรรมของโจวเหวินก็ยังไม่เปลี่ยน เล่นเกมส์ หลับในห้องเรียน ฝึกในห้องเรียนก็ทำไปงั้นๆไม่ได้จริงจังอะไร
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเดี๋ยวนี้รู้สึกเหมือนกับว่าสายตาของอาจารย์ยวี่ชิวไป๋นั้นเปลี่ยนไป ทุกๆครั้งที่เขามองที่ยวี่ชิวไป๋ เขาก็รู้สึกว่ายวี่ชิวไป๋นั้นมองเขาแบบแปลกๆ แล้วก็หัวเราะอย่างเอ็นดูด้วย