ตอนที่ 5 ทดสอบพลัง
ตอนที่ 5 ทดสอบพลัง
คำพูดของที๋เฉียงตงนั้นเป็นการดูถูกโจวเหวินอย่างเห็นได้ชัด แต่โจวเหวินเองก็ไม่ได้โกรธอะไร
การทดสอบเข้ามหาลัยแบบภาคปฏิบัตินั้น สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปตลอดชีวิต มันสอบได้แค่ครั้งเดียว พวกเขาเลยอยากพยายามให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่ทำได้ พวกเขาไม่อยากให้ผลที่ออกมานั้น แย่เพราะคนอื่นเป็นต้นเหตุ
ถ้าเกิดสอบครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ก็สามารถไปเข้ามหาลัยดีๆได้ ก็จะหางานดีๆทำได้หลังจากเรียนจบ หรือไม่ก็อาจจะได้มีโอกาสไปเรียนต่อ มีชีวิตที่ดีได้
ยิ่งกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมทีมเองก็ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาด้วย เพราะงั้นพวกเขาเลยค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้ ไม่มีใครคิดจะสอบเล่นๆ
แม้แต่โจวเหวินเอง ก่อนที่เขาจะได้โทรศัพท์เครื่องนี้มา เขาเองก็อยากจะเข้ามหาลัยดังๆเหมือนกัน เขาจะได้มีโอกาสฝึกให้เก่งขึ้นไปอีก เพราะงั้นโจวเหวินเข้าใจที๋เฉียงตงดี ว่าทำไมเขาถึงพูดดูถูกแบบนั้น
หลังจากที่ที๋เฉียงตงพูดจบ เขาไม่ได้มองไปที่ฟางหลัวซีแต่มองตรงมาทางโจวเหวิน
ฟางหลัวซีพูดกับโจวเหวิน “เฉิงยี่ก็เก่งนะ แต่ฉันเองก็ยังคิดว่ายังไงโจวเหวินก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราอยู่ดี”
อีกด้านหนึ่ง หลี่ฉีเองก็คิดแล้วก็พูด “ก็ถ้าตามปรกติ เราเองก็เชื่อแหล่ะว่าโจวเหวินมีความสามารถมากๆ แต่ผลการทดสอบนี้มันสำคัญกับพวกเราทุกคนจริงๆ เราเลยต้องรอบคอบกันนิดนึง เพราะงั้น ถ้าโจวเหวินไม่ว่าอะไร เราเลยอยากจะขอทดสอบนิดหน่อย เพื่อให้รู้ว่าโจวเหวินนั้น เหมาะกับทีมเราจริงๆไหม จะได้โอเคกันทั้ง2ฝ่าย”
“ฉันเห็นด้วยกับหลี่ฉีนะ”ที๋เฉียงตงพูด
“แล้วจะทดสอบยังไงละ”ฟางหลัวซีถามต่อ
“เอางี้เป็นไง ฉันเองก็ถือว่าอ่อนสุดในบรรดาพวกเราแล้ว ให้โจวเหวินประลองกับฉันหน่อยเป็นไงละ ถ้าเขาชนะฉันได้ เขาก็จะมีสิทธ์เข้าร่วมทีม แบบนี้ถือว่ารังแกเขาไปไหมละ”ที๋เฉียงตงพูดกึ่งๆเหยียดหยาม
ฟางหลัวซีไม่ได้พูดอะไร เธอแค่มองโจวเหวินแค่นั้นเอง
โจวเหวินรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องแสดงฝีมือให้พวกเขาเห็น ไม่งั้นมันคงจะยากที่เขาจะเข้ากันกับทีมนี้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจที่จะเข้ากับทีมนี้ได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังอยากได้ผลคะแนนสอบดีๆอยู่ ทีมนี้จะเรียกได้ว่าทีมที่แกร่งที่สุดในโรงเรียนก็ว่าได้ เข้าไปอยู่ทีมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เท่าไรหรอก
“ฉันไม่มีปัญหาหรอก แต่การประลองจริงๆมันอาจจะเสี่ยงนะ ฉันเองก็ไม่อยากทำร้ายเพื่อนร่วมทีมหรอก”โจวเหวินพยักหน้า
ที๋เฉียงตงยิ้มแล้วพูด “โจวเหวิน ฉันรู้นะว่านายฝึกวิชาลมปราณเซียนวิบากหน่ะ เพราะงั้น พลังกับร่างกายนายเลยแข็งแกร่งมากๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความเร็วก็ไม่ได้ดีเท่าไรนี้ ฉันเองก็ไม่อยากรังแกนายหรอกนะ แต่ถ้าไม่ประลองตัวต่อตัวจริงๆ แล้วเราจะตัดสินได้ยังไงว่าใครชนะละ หะ?”
ฟางหลัวซีได้ยินที่ที๋เฉียงตงแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
วิชาที่ที๋เฉียงตงฝึกนั้น คือวิชา“ระฆังอสนีบาต” มันเป็นวิชากลยุทธที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วสูง แถมเขายังมีสกิลที่มีชื่อว่า “หมัดกระเบนสายฟ้า”ที่เข้ากันได้ดีกับวิชาระฆังอสนีบาตของเขาด้วย ถึงแม้ว่าที๋เฉียงตงจะบอกว่าตัวเองอ่อนที่สุดก็ตาม แต่เด็กนักเรียนม.ปลายส่วนมากนั้นไม่มีโอกาสได้มีสกิลด้วยซ้ำ แถมยังเป็นสกิลที่ใช้งานได้ดีกับวิชากลยุทธของตนเองอีกด้วย ถือว่าหายากเอาเรื่องเลย
ฟางหลัวซี้เองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ฟอร์มของโจวเหวินจะเป็นไงบ้าง แต่เธอก็ยังได้แต่มองโจวเหวิน ก่อนหน้านี้โจวเหวินเอาแต่ฝึกวิชาลมปราณเซียนวิบากนั้นมาโดยตลอด เขาไม่เคยซื้อผลึกเพื่อช่วยเร่งความเร็วการฝึกด้วย เธอเลยคิดว่าเขาน่าจะไม่มีเงินมากพอไปซื้อผลึก เงินซื้อผลึกยังไม่มีเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อสกิลมาใช้ละ
แถมตอนที่โจวเหวินสู้กับอันจิ้งนั้น เขาก็ยังไม่ใช้สกิลอะไรออกมาเลยด้วย
ฟางหลัวซีเม้มปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอคิดในใจ “รอดูโจวเหวินไปก่อนแล้วกัน”
“แล้วเราจะประลองกันยังไงดีละ
“เรามีเครื่องวัดพลังอยู่ในโรงเรียนอยู่ก็จริง แต่แค่ต่อยกับเครื่องมันจะไปได้อะไรขึ้นมาวะ เรามีหมัดเอาไว้ต่อยนะ ถ้าไม่ได้ต่อยหน้าคนมันจะไปมีความหมายอะไรกันละ”ที๋เฉียงตงพูดแล้วหลี่ตา
“ทำไม ไม่คิดจะใช้เครื่องวัดพลังแล้วเหรอ”โจวเหวินเริ่มท้าทาย
“หึ กลัวรึไงละ เจ็บตัวมันไม่สนุกหรอกนะ”ที๋เฉียงตงพูดแล้วยิ้ม
โจวเหวินเองก็ยิ้มกลับ เขากลัวจริงๆนั้นละ กลัวจะไปทำที๋เฉียงตงตายคามือเนี่ยละ
วิชาที่ที๋เฉียงตงฝึกอย่าง วิชา “ระฆังอสนีบาต”นั้นรู้ทั่วกันทั้งโรงเรียน เดิมทีแค่หมัดรุ่นๆอย่างเดียวเอาชนะเขาไม่ได้หรอก แต่ถ้าเขาใช้หมัดเฮอคิวลิส โจวเหวินเองก็กลัวว่าเขาจะต่อยเอาหัวของที๋เฉียงตงยัดกลับเข้าไปในขอของเขาซะมากกว่า
ตลอด3ปีในโรงเรียน ทั้งครูและนักเรียนต่างก็เรียกโจวเหวินว่าเป็นที่1ในโรงเรียน ที๋เฉียงตงเองไม่เคยเชื่อแบบนั้นเลย แล้วเขาเองก็รอที่จะล้มโจวเหวินมานาน เพื่อที่จะได้พิสูจน์ตัวเอง
และวันนี้ โอกาสที่จะชนะโจวเหวินมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ที๋เฉียงตงเลยค่อนข้างคาดหวังและตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะยังไง โจวเหวินเองก็ถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะของโรงเรียน
แย่หน่อยตรงที่ที๋เฉียงตงนั้นไม่สามารถโค่นโจวเหวินลง แบบที่อันจิ้งนั้นทำได้ เขาทำได้แค่โค่นเขาลงผ่านคะแนนที่ได้จากเครื่องวัดพลังเท่านั้น
...
ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยง ปรกติจะไม่มีนักเรียนคนไหนอยู่ในห้องอุปกรณ์ ยวี่ชิวไป๋เข้ามาตรวจเช็คอุปกรณ์ตามปรกติ มาเช็คดูว่ามีอุปกรณ์ไหนเสียหายหรือชำรุดบ้างไหม จะได้ส่งซ่อมได้ทันเวลา
ยวี่ชิวไป๋ลงไปนั่งในเครื่องทดสอบพื้นที่ ในแคปซูล ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะมีคนเดินเข้ามา
“ใครมันมาเอาช่วงพักเที่ยงเนี่ย”ยวี่ชิวไป๋มองไปทางรูสำรวจของเครื่อง แล้วพบว่าคนที่เข้ามานั้น คือฟางหลัวซี ที๋เฉียงตง หลี่ฉี และโจวเหวิน
นักเรียนกลุ่มนี้นับได้ว่าเป็นหัวกะทิของโรงเรียน ถ้าไม่นับเรื่องที่โจวเหวินนั้นเกเรขึ้นมาแล้ว 3คนที่เหลือนั้นเรียกได้ว่าเป็นนักเรียนชั้นดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ทั้ง4คนนั้นเดินตรงเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์ด้วยกัน และในกลุ่มนั้นมีโจวเหวินอยู่ด้วย ยวี่ชิวไป๋เลยไม่รู้ว่าพวกเขามาทำอะไรกันที่นี้
“4คนเหรอ หรือว่า4คนนั้นจะรวมทีมกันเข้าทดสอบภาคปฏิบัติหน่ะ แต่ถ้าดูจากสถานการณ์ของโจวเหวินตอนนี้แล้ว เขาจะเข้ากันกับทีมหัวกะทินั้นได้ไหมนะ?” ยวี่ชิวไป๋เริ่มตื่นเต้น ตอนนี้เขาเริ่มออกมาจากเครื่องนั้นแล้ว เขาอยากจะเห็นชัดๆว่าพวกเขามาทำอะไรกัน
“เอาละ ใครจะเริ่มก่อน ฉันหรือนาย?”ที๋เฉียงตงเดินตรงเข้ามาหาเครื่องทดสอบพลังแล้วหันไปมองโจวเหวิน
“ยังไงก็ได้”โจวเหวินพูดแบบหมางเมิน
“แต่ละคนต่อยกันคนละ3ครั้ง คนที่ได้คะแนนมากสุดเป็นผู้ชนะ เพราะงั้นใครเริ่มก่อนก็เหมือนกันนั้นละ งั้นฉันเริ่มก่อนเลยละกัน”ที๋เฉียงตงพูดแล้วเดินตรงไปหาเครื่องทันที
ที๋เฉียงตงเริ่มหายใจเข้าลึกๆ เปิดใช้งานระฆังอสนีบาต ก่อนจะเรียกกำลังของเขา แล้วต่อยเข้าไปที่แผ่นรับแรงกระแทกของเครื่องทันที
บนแผ่นของเครื่องนั้นทำมาจากอัลลอยด์ ด้านหลังของแผ่นนั้นต่อติดกับตัวเครื่อง เพื่อวัดคะแนนออกมาโชวบนหน้าจอ
ที๋เฉียงตงต่อยลงไปแล้วหันขึ้นไปมองคะแนนที่ปรากฏขึ้นด้านบน คะแนนขึ้นเลข7
ที๋เฉียงตงนั้นยังไม่ได้ใช้ท่าหมัดกระเบนอสนีบาตแต่อย่างใด เขาใช้แค่แรงของตัวเองล้วนๆ แล้วเขาก็ค่อนข้างพอใจกับคะแนนเจ็ดที่ได้แล้วด้วย
เพราะ7คะแนนที่ว่านั้น เรียกได้ว่าอยู่ในระดับท๊อปของนักเรียนม.ปลายทั่วๆไปแล้ว