ตอนที่แล้วตอนที่ 3 หมัดเฮอคิวลิส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ทดสอบพลัง

ตอนที่ 4 คำชวนจากฟางหลัวซี


ตอนที่ 4 คำชวนจากฟางหลัวซี

การทดสอบภาคปฏิบัตินั้นกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นในระบบการศึกษาของสมาพันธ์โลกไปแล้ว แถมมันยังข้อสอบเข้าของมหาลัยหลายๆแห่งอีกด้วย

นั้นก็เพราะว่าการทดสอบภาคปฏิบัตินั้นมันมีความเสี่ยง ไม่ใช่ว่าทุกคนจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบนี้ และผลการทดสอบภาคปฏิบัติก็ยังไม่ได้นับรวมเป็นคะแนนสอบเข้าจริงๆ แต่มันเป็นคะแนนเสริม แต่ถึงแม้ว่าการเข้าร่วมการทดสอบภาคปฏิบัตินี้จะเป็นไปโดยสมัครใจก็จริง แต่ถ้าอยากเข้ามหาลัยที่ดังๆหรือมหาลัยเฉพาะทาง คะแนนของการทดสอบภาคปฏิบัตินั้นถือว่าเป็นมาตรฐานในการสอบเข้าเลยก็ว่าได้

แน่นอนละว่าถ้าอยากจะไปเข้าทำงานในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับต่างมิติละก็ คะแนนสอบภาคปฏิบัตินี้เป็นเหมือนบันไดสู่ความสำเร็จเลยก็ว่าได้

ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะสามารถได้ผลึกจากเกมส์มือถือ แล้วไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับพื้นที่ต่างมิติก็จริง แต่เขาก็ยังอยากที่จะเข้าร่วมการทดสอบภาคปฏิบัติ และเข้ามหาลัยเฉพาะทาง ก่อนที่จะเข้าทำงานในสายงานที่เกี่ยวกับโลกต่างมิติอยู่ดี

ถ้าโจวเหวินไม่ได้งานที่เกี่ยวข้องกับโลกต่างมิติละก็ ในอนาคตความแข็งแกร่งที่พุ่งขึ้นเร็วของเขาอาจจะโดนสงสัยได้ เพราะสายงานอื่นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ต่างมิติเลย เขาจะอธิบายเรื่องที่ตัวเองแข็งแกร่ง รวมไปถึงเรื่องสกิลและสัตว์เลี้ยงได้ยากขึ้นในอนาคต

การได้ไปทำงานในเมืองใหญ่ที่มีพื้นที่ต่างมิติอยู่เต็มไปหมดนั้น การที่เขามีเหมือนผลึกอยู่ในโทรศัพท์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เตะตาคนอีกต่อไป

โจวเหวินนั้นไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเข้าโลกต่างมิติแต่เขาก็ต้องหางานที่เกี่ยวข้องกับมันให้ได้ อย่างน้อยก็ให้เขาได้เข้าถึงของที่ต่างมิติมีบ้าง พอเขามีผลึกเยอะขึ้นในอนาคตมันจะได้ไม่น่าสงสัย

การทดสอบภาคสนามนั้นมันไม่ใช่การต่อสู้แบบคนเดียว แต่มันต้องทดสอบเป็นทีม4คน เพื่อทดสอบด้านความสามารถในการต่อสู้ การทำงานร่วมกันเป็นทีม ความเป็นผู้นำ และอื่นๆ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมีผลต่อการให้คะแนนทั้งหมด

ถ้าเกิดทดสอบภาคสนามแล้วเราเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย เพื่อนรวมทีมที่เหลือออกหมด หรือเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุขึ้นแล้วเราสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี เราก็จะได้คะแนนที่สูงตามไปด้วย ยิ่งทำมากยิ่งได้มาก

ชื่อเสียงในโรงเรียนของโจวเหวินนั้นดีอยู่แล้ว เขาเลยค่อนข้างเป็นที่ต้องการ และเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ใครๆก็อยากได้ แต่ถึงอย่างนั้น หลังๆมานี้ตั้งแต่ที่เขาติดเกมส์โทรศัพท์ ทั้งภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเขาตกฮวบฮวบ ทำให้คนส่วนมากเริ่มไม่ไว้วางใจในความสามารถของเขา

ถ้าเป็นนักเรียนปรกติทั่วไปมาชวนเขาเข้าร่วมทีม เขาอาจจะบอกปัดปฏิเสธได้ แต่นี้มันฟางหลัวซี คนที่มีโอกาสจะเป็นที่1ในการทดสอบภาคปฏิบัติมากที่สุด เอาจริงๆคนอย่างเธอนั้นไม่จำเป็นต้องมาหาเขาเพื่อชวนเขาด้วยตัวของเธอเองก็ได้

โจวเหวินนั้นเริ่มโด่งดังจากความอุสาหะของตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถล้วนๆ มีนักเรียนอีกหลายคนที่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้ไกลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 16 แต่พวกนั้นไม่ได้ใช้วิธีการฝึกแบบบ้าระห่ำเหมือนโจวเหวิน แต่ใช้วิธีการไปหาผลึกมาเพิ่มพลังให้ตัวเองมากกว่า

“ทำไมต้องถึงอยากได้ฉันเข้าทีมละ”โจวเหวินมองหน้าฟางหลัวซีอย่างสนใจ

ฟางหลัวซีมองกลับด้วยสายตาที่เย็นชาเหมือนต้นสนยามฤดูหนาว

“ฉันอยากได้คะแนนดีที่สุดในการทดสอบ เพราะงั้นฉันเลยต้องการทีมที่แกร่งที่สุด ฉันต้องการพลังของนาย”ฟางหลัวซีพูดอย่างใจเย็น

“ก็น่าจะมาพูดแบบนี้เมื่อเดือนที่แล้วนะ ก่อนที่ฉันจะโดนตบร่วงไปหน่ะ”โจวเหวินพูด

สายตาของฟางหลัวซียังคงจับจ้องไปที่โจวเหวินอย่างมั่นคง “ในความคิดของฉัน ยังไงโจวเหวินก็ยังเป็นโจวเหวิน นายยังคงเป็นคนเดียวในโรงเรียนนี้ที่ฉันคิดว่าเป็นคู่แข่งที่คู่ควรที่สุดแล้ว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยน”

โจวเหวินหลบสายตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฟางหลัวซีจะคิดกับเขาแบบนั้น ใจของเขาเต้นเร็วขึ่นพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่บอกไม่ถูก

“แล้วแม่สาวเงียบครึมที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ละ เธอไม่มองว่าเป็นคู่แข่งบ้างเหรอ”โจวเหวินพูดแบบถ่อมตัวถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แคร์เลยที่แม่สาวคนนั้นล้มเขาได้แต่เขาเองก็ยอมรับว่าแม่สาวเงียบคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ

ฟางหลัวซีถอนหายใจแล้วพูด “ก็อย่างที่ฉันบอกแหล่ะ นายเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่ฉันคิดว่าเป็นคู่แข่งที่คู่ควร ส่วนยัยนั้น เธอไม่ได้เป็นคนของโรงเรียนนี้ แล้วเธอก็จะไม่เข้าร่วมการทดสอบเข้ามหาลัยของที่นี่ด้วย”

“หมายความว่าไงกัน?”โจวเหวินหันกลับไปมองฟางหลัวซี

“นี้ไม่รู้เลยเหรอ เด็กใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามา ที่ชื่ออันจิ้งหน่ะ เธอย้ายออกจากโรงเรียนกุยเต๋อไปอีกแล้วนะ”ฟางหลัวซีพูดต่อ “ฉันไม่รู้หรือนะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ฉันมั่นใจได้เลยว่าตอนนี้เธอน่าจะเลื่อนระดับชีวิตตัวเองได้แล้วแน่ๆ สำหรับเธออายุเป็นแค่ตัวเลขจริงๆ คนแบบเธอหาได้ยากมากๆ ความสามารถระดับที่ล้มนายได้ง่ายๆเลยนะ อีกอย่างการที่เธอมาไวไปไวแบบนี้มันทำให้คนส่วนมากคิดว่า เธอเข้ามาที่นี่เพื่อที่จะล้มนายโดยเฉพาะ ฉันคิดว่านายรู้จักเธอหรือเป็นกิ๊กกันซะอีก”

ตอนแรกฟางหลัวซีเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แต่พอแม่สาวคนนั้นย้ายโรงเรียนไปเธอก็เริ่มคิดแล้วละ แต่โจวเหวินเองก็บอกมาเองเลยว่า เขาไม่เคยรู้จักนางมาก่อน เพราะงั้นมันเลยเป็นไปไม่ได้ที่เขากับแม่สาวคนนั้นจะเป็นกิ๊กกัน

“จะเป็นไปได้ไงละ ฉันพึ่งจะเจอเป็นครั้งแรกเนี่ย”โจวเหวินนึกดีๆซักพักนึง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตังเองเคยไปมีเรื่องหรือรู้จักกับแม่สาวคนนั้นตอนไหนอยู่ดี

“เออ ชั่งมันเถอะ”ฟางหลัวซีเปลี่ยนเรื่องแล้วถามต่อ “แล้ว นายจะให้คำตอบว่าไงละ”

“เธออุส่าห์มาชวนฉันด้วยตัวเองเลยนี้ จะปฏิเสธก็คงจะกระไรอยู่นะ”โจวเหวินยักไหล่แล้วพูด

“โอเคตามนั้น ฉันหาเพื่อนร่วมทีมอีก2คนไว้ให้แล้ว นับแต่นี้ไป ทุกๆเที่ยงเราจะฝึกด้วยกันเพื่อให้ตอนเราทดสอบจริงเราทำงานร่วมกันได้ โอเคไหม?”ฟางหลัวซีมองนาฬิกาแล้วหันไปหาโจวเหวิน “มาเถอะ นี้ก็ใกล้จะเที่ยงพอดีเลย”

...

หลี่ฉีกับที๋เฉียงตงเห็นฟางหลัวซีกลับมาพร้อมกับโจวเหวิน ก่อนที่พวกเขาจะหันกลับมามองหน้ากันเอง พวกเขารู้ว่าฟางหลัวซีกำลังออกไปตามหาเพื่อนร่วมทีมคนที่4 แต่พวกเขารู้มาก่อนว่าฟางหลัวซีจะไปหาใครมา

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าฟางหลัวซีไปหาโจวเหวิน แล้วก็เริ่มรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆ เพราะช่วงหลังๆมานี้โจวเหวินทำตัวแปลกๆมาเป็นเดือนแล้ว

การฝึกฝนนั้นมันก็เหมือนพายเรือทวนกระแสน้ำ โดยเฉพาะในด้านการต่อสู้ การอู้หรือไม่จริงจังในการฝึก อาจทำให้เกิดผลที่แย่ลงได้ แทนที่จะดีขึ้น แถมแค่ไม่ได้ฝึก2-3วันมันก็มีผลต่อความสามารถแล้วด้วย โจวเหวินเองไม่ได้ฝึกมาเป็นเดือน หลี่ฉีกับที๋เฉียงตงรู้มาว่าโจวเหวินนั้นเอาแต่เล่นแต่เกมส์ ทำให้หน้าตาดูซีดเซียวเหมือนคนป่วย ความสามารถด้านการต่อสู้ต้องตกลงอย่างมากแน่ๆ

ก็เหมือนกับนักมวยอาชีพแหล่ะ ถ้าพวกเขาไม่ได้ฝึกนานๆ ก็ต้องมีเวลาฝึกชดเชยที่นานพอก่อนจะขึ้นชก ไม่มีใครแค่นอนเฉยๆก็แกร่งขึ้นได้หรอก มีแต่นอนเฉยๆแล้วปล่อยตัวเองให้กลายเป็นผักเปียกเท่านั้น

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะกลับตัวกลับใจเป็นคนเดิมแล้ว แต่การจะฟื้นฟูความสามารถที่เสียไประหว่างที่หยุดไปนั้น ด้วยเวลาแค่นี้มันก็ถือว่ายากทีเดียว

“ถามจริงเหอะ เพื่อนร่วมทีมคนที่4ที่เธอว่านั้น อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าโจวเหวินนะ ต้องล้อเล่นกันแน่ๆ!”ที๋เฉียงตงพูดอย่างเหยียดหยาม

“ฉันจริงจังนะ โจวเหวินนี้แหล่ะคือคนสุดท้ายของทีมเรา”ฟางหลัวซีพูดจริงจัง

ที๋เฉียงตงมองไปที่ฟางหลัวซี ก่อนจะมองไปที่โจวเหวินอีกครั้ง เขาแตะจมูกก่อนจะพูด “โจวเหวินน่ะมีพรสววรค์กับความสามารถก็จริง แต่เขาไม่ได้ฝึกมาเป็นเดือนแล้วนะ ถึงเขาจะเริ่มฝึกตอนนี้ ฉันก็กลัวว่ามันจะยากเกินไปที่เขาจะฟื้นฟูตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ เป้าหมายของเราคือการเป็นที่1ในการสอบเข้ามหาลัยไม่ใช่เหรอ โจวเหวินคงเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเท่าไรมั่ง ฉันมีอีกตัวเลือกนึงนะ ฉันเป็นเพื่อนกับเฉิงยี่อยู่ ถ้าเธอเปลี่ยนใจ เดี๋ยวฉันไปชวนเขาเข้าทีมเองก็ได้นะ”