Chapter 59 - Tahrakhan Plateau (4)
Chapter 59 - Tahrakhan Plateau (4)”
"โซ่สายฟ้า"
สายฟ้าได้รวบรสมขึ้นมาที่ปลายดาบของเขาและพุ่งออกไปใกล้ศัตรู ฮาปี้ทั้งหลายต่างก็ร่วงลงไป ซังจินจึงพยายาสนับสันดู
'หนึ่ง สอง สาม สี่'
เขาได้ฆ่าพวกมันไปจำนวนมาก แต่ก็ยังคงมีพวกมันเหลืออยู่อีก 4 ตัว จากในก่อนหน้านี้พวกมันมีมากกว่า 10 ตัว กำลังเสริมของมันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ซังจินคิดจะร่ายเวทต่ออีก ทันใดนั้นเอง
"สายฟ้า..."
เบสโกโรก็ได้ตะโกนออกมาก่อนเขา ซังจินจึงร่ายเวทตามไปอีกในเวลาเดียวกัน
"...ที่น่าอันตรายเอ๋ย จงพุ่งเข้าใส่ศัตรูสู่ศัตรูไปเรื่อยๆ โซ่สายฟ้า"
"สายฟ้าที่น่าอันตรายเอ๋ย จงพุ่งเข้าใส่ศัตรูสู่ศัตรูไปเรื่อยๆ โซ่สายฟ้า"
เวทมนตร์ทั้งสองอันได้ออกมาในเวลาเดียวกัน และโซ่สานฟ้าก็พุ่งออกไปจากทั้งสองมือของเขา
เมื่ออันแรกมันโดนฮาปี้ตัวแรกมันก็เริ่มที่จะกระจายไปสู่ตัวอื่นๆอีกเช่นกัน แต่อันที่สองมันเมื่อโจมตีถูกก็ได้ซ้อนทับกัน
"หืมมม..."
ซังจินตรวจสอบในมือซ้ายของเขาทันที มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการใช้ดาบคู่ มันจำเป็นจะต้องการการคำนวนที่รวดเร็วและแม่นยำ
'เขาทำได้ดีแลเวในตอนที่ร่ายเวทก่อนหน้านี้...ฉันควรจะลองทดสอบว่าเวทมนตร์มันทำงานร่วมกันอย่างไร เมื่อมีเวลาว่างในโรงแรม'
มันเป็นแผนของเขาสำหรับค่ำคืนนี้ จากนั้นเขาก็เก็บดาบเข้าฝักไปและหันไปตรวจสอบลูกบาศก์
มันไม่มีข้อความเกี่ยวกับราชานีฮาปี้เลย
'ฉันคิดว่ามันยังคงไม่มากพอ...'
ในบางที มันอาจจะเกิดเหตุการแบบในตอน 'บาซิลิส' ซังจินคิดว่าบอสอาจจะถูกอัญเชิญมาในที่ๆมีนักล่าอยู่มากก็ได้ แต่ว่าการคาดเดานี้ของเขาก็มีข้อมูลเป็นฐานที่น้อยมาก
จากนั้นซังจินจึงได้คิดไปถึงนักล่าอีกสี่คน
'ฉันสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ...ในตอนที่พวกเขาอาจจะกำลังเกลียดฉันที่ออกมาคนเดียวก็ได้...'
มันก็ไม่แปลกหากพวกเขาจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาได้ถูกบังคับให้ดำเนินการจู่โจมต่อไปในขณะที่มีกันอยู่เพียง 4 คน แม้ว่ามันจะมีโอกาสได้รับผลงานมากขึ้นเมื่อไม่มีเขาอยู่ แต่พวกเขาก็จะประสบกับความยากลำบากเมื่อเหลือเพียง 4 คน
แต่ซังจินก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ในอีกด้านถ้าหากว่าพวกเขาไม่มีฝีมือหรือความสามารถที่จะจัดการบอสลงได้ด้วย 4 คน พวกเขาก็ไม่ดีพอที่จะไปได้ไกลกว่านี้ได้ ถ้าพวกเขาอ่อนแอพวกเขาก็ขะถูกฆ่าที่นั่น พวกเขาจะตายไปโดยที่ไม่ต้องไปลำบากคนอื่นๆอีกในอนาคตอันใกล้นี้
มันเป็นความโหดร้าย แต่ก็เพื่อที่จะให้รอดในช่วงท้ายเกมได้มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกเสียจากพึ่งพาในพลังของตนเอง
เมื่อตอนที่การจู่โจมในทะเลทรายจบลบโอเปอเรเตอร์ได้ประกาศแสดงความยินดีกับคนทั้งหกแสนคนที่เป็น คนที่แข็งแกร่งที่สุดเพียง 0.01% แต่ว่าในตอนท้ายๆนั้นความจริงแล้วเหลือนักล่าอยู่เพียง 6000 คนเท่านั้น ใันเป็นเพียงแค่ 0.0001% เท่านั้น
แน่นอนว่าเมื่อการจู่โจมดำเนินไปจนถึงจุดนั้น ซังจินก็ได้เริ่มต่อสู้กับศัตรูที่มีความแตกต่างอย่างมากกับในตอนนี้ ในขณะที่เขากำลังคิดในสิ่งนี้อยู
"หืมมม?"
เขาเห็นฮาปี้ตัวหนึ่งบินหนีอยู่ไกลออกไป ที่มันยังคงมีชีวิตรอดอยู่ได้เนื่องจากมันอยู่ห่างจากเขาเกินไป
'ควรจะให้มันไปพากำลังเสริมมาดีไหมนะ'
ซังจินได้พิจารณาในตัวเลือกของเขา แต่แล้วเขาก็ได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ถ้าหากว่าเขาฆ่าฮาปี้มากเกินไปมันก็จะเป็นการเท่ากับเขาส่งฮาปี้ไปให้กับเหล่านักล่าโดยไม่ต้องสงสัย
ซังจินมองไปที่ฮาปี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะร่ายเวทออกมา
'จงถอดคมเขี้ยวและกลายเป็นแกะที่เชื่อฟัง โพลี่ม็อฟฟ์'
ฮาปี้ที่เพิ่งจะบินพ้นออกไปจากที่ราบสูงทันใดนั้นมันก็ได้กลายเป็นแกะ และร่วงลง
"แบ๊ะ~"
จากนั้นมันก็หล่นหายไป
[มานาต่ำ]
ในที่สุดโอเปอเรเตอร์ก็ได้เตือนออกมาถึงระดับมานาของซังจิน ซังจินจึงเดินไปที่ศพของฮาปี้และพูดออกมา
"การกวักมือของลิช"
มานาของเขาได้เพิ่มกลับคืนมาอีกครั้ง ในระหว่างนั้นซังจินก็หันไปมองรอบๆ
เขารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่ราชินีฮาปี้จะปรากฏตัวออกมารอบๆนักล่าคนอื่น ซังจินจึงกล่าวขึ้นมา
"สวิฟพาว"
กรงเล็บของหมาป่าได้โผล่ออกมาจากรองเท้าของเขาและเขาก็ได้วิ่งไปในทางที่เขาจากมา
ฉันต้องการจะเริ่มแทรกแซงการจู่โจมอื่นๆ...ดังนั้นฉันควรที่จะปล่อยพวกลูกน้องมอนสเตอร์กระจอกๆไว้ให้นักล่าคนอื่นๆได้เก็บค่าผลงานไว้บ้างได้แล้ว'
ในสถานการณที่ผลงานมีจำนวนจำกัด นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำให้คนอื่นๆได้บ้าง
****
"มอ~"
ควายได้ส่งเสียงร้องออกมาเมื่อมันล้มลงไป มันเป็นควายแค่เพียงหน้าตาเท่านั้น เพราะว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดที่ขนาดจริงๆของมันนั้นคือขนาดที่เท่ากับช้างได้เลย นักล่าเพิ่งจะต่อสู้กับมันไป
"ฮ่า...ฮา..."
ทุกๆคนได้หอบออกมา ในการที่จะฆ่าเจ้าตัวนี้ตัวหนึ่งพวกเขาจะต้องใช้เวลาไปถึง 5 นาที
"อั๊ก.."
นักล่าบางคนก็ได้ร้องออกมาเนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากเขาที่เหใือนหอกของมัน เใื่อการต่อสู้จบลง นักล่าต่างก็มองกันและกันอยู่ครู่หนึ่ง
ในทุกๆการต่อสู้พวกเขาจะต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะ พวกเขาต่างก็สามารถจะเข้าใจในสิ่งนี้ได้โดยสัญชาตญาณ
'เราไม่สามารถจะกำจัดพวกมันได้ด้วยตัวคนเดียว'
นักล่าทั้งสี่คนได้ดื่มโพชั่นลงไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูด ไม่มีใครเคลื่อนไหว พวกเขาไม่สามารถที่จะล่าได้อีกต่อไป ถ้าหากว่าพวกเขาบังเอิญไปเรียกราชินีฮาปี้ออกมา ชีวิตของพวกเขาก็เกือบจะถูกรับประกัน 100% ว่าจะถูกทำลาย
แม้ว่ามันก็จะมีโอกาสอยู่บ้างที่จะเอาชนะราชินีฮาปี้ได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะต้องมีคนที่จะต้องเสียสละชีวิตออกไป อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งของจำนวนในตอนนี้ พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาบ่อยแล้วใน 6 การจู่โจมที่ผ่านมา
พวกเขาต่างก็คิดว่าอะไรกันที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะที่พวกเขาต่างก็เงียบกันอยู่ ในที่สุดจุดอ่อนของทีม 'นักล่าสมบัติ' ก็ได้เป็นผู้ทำลายความเงียบ
"ฉันยังไม่เห็นโอกาสที่พวกเราทั้งสี่คนจะจัดการปราบบอสได้เลย...เราควรจะทำเช่นไรดี"
มันเป็นปัญหาที่ไม่สามารถจะควบคุมมันได้ จากนั้นโจรสลัดก็ตอบกลับมา
"ปราบบอสงั้นหรอ ใช่แล้วที่มันเป็นไปได้ยากก็เพราะนายยังไงหละ"
เขาได้ตำหนินักล่าสมบัติอย่างไร้ซึ่งความปราณี ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่พอใจกับนักล่าสมงัติมานานแล้ว
"อะไรนะ"
ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไมก็ตามแต่นักล่าสมบัติก็ได้หยิบกริซของเขาขึ้นมาและตั้งท่าขู่ ผู้สอบสวนจึงเข้ามาแทรกไว้และยุติการต่อสู้
"หยุด แม้ว่าพวกนายสองคนจะสู้กันมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก"
นักสู้ผู้ซึ่งได้เป็นตัวหลักของการต่อสู้ในก่อนหน้านี้ก็กล่าวตามออกมา
"แล้วเกี่ยวกับ...ผู้พิพากษาหละ ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่..."
นักล่าสมบัติก็เห็นด้วยกับเขา
"ฉันคิดว่าเขาจะช่วยได้ การมีกันอยู่ครบ 5 ตนมันก็จะช่วยได้มากขึ้น"
แต่โจรสลัดก็ยังคงมองโลกในแง่ร้าย
"ปกติแล้วมอนสเตอร์ก็ยากที่จะฆ่าด้วย 4 คนแล้วอย่างนี้เขาจะเอาตัวรอดด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร เขาอาจจะกลายไปเป็นอาหารของฮาปี้ไปแล้ว เจ้าคนโง่เง่านั้น...จะต้องวิ่งออกไผเพราะความกลัวแน่ๆ..."
ในเวลานั้นเอง
"โย่ว ว่าไงพวก พวกนายเป็นยังไงกันบ้าง"
ทันใดนั้นผู้พิพากษาเคก็ได้โผผล่ออกมาและมายืนอยู่กลางกลุ่มนักล่า เขานั้นไม่มีแม้แต่รอยแผลเดียวหรือเศษเผื้อนสกปรกก็ไม่มี เขาไม่ได้กลายไปเป็นอาหารของฮาปี้ตามที่โจรสลัดบอกในก่อนหน้านี้
เคได้หันไปมองรอบๆและเห็นศพของควาย เขาจึงแสดงความคิดเห็นออกมา
"ดูเหมือนว่าพวกนายจะทำได้ดีทีเดียว"
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกบาศก์ก็ได้ส่งคำเตือนออกมา
[คำเตือน บอส]
[ราชินีฮาปี้ราลิฮาปรากฏตัว]
ตามคำพูดนี้ เหล่านักล่ารวมไปถึงเคก็จ้องมองไปที่ลูกบาศก์
"หืมม"
นักล่าต่างก็ขมวดคิ้ว และมองหาความผิดปกติ
"แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ล่าฮาปี้เพียงพอ"
เคจึงตอบกลับพวกเขาไป
"อา...ได้มีฮาปี้ตัวหนึ่งตามฉันมาในก่อนหน้านี้...ตรงนั้นมันน่าจะเป็นจุดเรื่มต้น"
"กวี้~"
เสียงร้องได้ดังอิกมาในระยะไกลและตามมาด้วยพวกฮาปี้ที่ค่อยๆโผล่ออกมา นักล่าสามารถที่จะมองเห็นพวกมันอย่างน้อยก็โหลหนึ่งที่ด้านหน้า พวกเขาทั้งสี่คนจึงตกอยู่ในความสิ้นหวัง
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะจัดการพวกมันสองหรือสามตัวได้ในเวลาเดียวกันได้ แต่ในตอนนี้พวกเขาจะต้องมาสู้กับพวกมันอย่างน้อยก็โหลหนึ่ง มีเพียงแค่เคที่ตอนนี้ยังคงใจเย็นอยู่ เขามองไปที่นักล่าคนอื่นๆและให้คำแนะนำออกมา
"ยืนอยู่ห่างๆกัน ฮงราชินีฮาปี้จะใช้การโจมตีด้วยเสียงซึ่งทำให้เกิดความสับสน จากนั้นก็เริ่มด้วยการโจมตีเป็นกลุ่มซึ่งจะอันตราย"
ฮาปี้ได้เข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเคจึงรีบพูดออกม
"คนที่โดนโจมตีและตกอยู่ในความสับสนควรจะหมอบหลบลงและพักตัวในขณะที่คนอื่นๆคอยปกป้อง และจากนั้นก็ช่วยเรียกสติของคนที่สับสนคืนมา"
นักล่าในตอนนี้ได้ยืนห่างกัน แม้ว่าถ้าหากเคไม่ได้บอกไปก็ตาม พวกเขาก็จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะมันมีข้อมูลนี้ในกระดาษข้อมูล เคเพียงแค่ช่วยย้ำพวกเขาเท่านั้น
"อา แล้วก็พวกนายไม่ต้องปลุกฉันหรอกนะในตอนที่ฉันหลับไหลไป ฉันมีคนที่จะคอยปลุกฉันไว้อยู่แล้ว"
เขาได้ล้วงเขาไปในกระเป๋าเพื่อหยิบอะไรบางอย่างออกมาและโยนมันขึ้นไปในอากาศ จากนั้นหมาป่าก็ปรากฏตัวออกมา
"กรร"
หมาป่าได้ขู่ออกมา เคจึงได้ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู จากนั้นก็มองออกไปและพึมพัมออกมา
"...ถ้าหากฉันต้องการจะลุยเดี่ยว..."
จากนั้นเขาก็ได้หยิบตะเกียงออกมาจากเสื้อคลุมและถูมัน จินนี่สีฟ้าก็ได้ปรากฏออกมาจากตะเกียง
"มีอะไรให้ข้ารับใช้ นายท่าน"
ทุกๆคนต่างก็มองไปที่เคอย่างตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักล่าสมบัติที่กระโดดถอยหลังไป
มันเป็นจินนี่สีฟ้าเดียวกันกับที่ได้ฆ่าเพื่อนร่วมทีมของเขาในทะเลทรายคูตาล
เหตุผลเดียวที่เขาได้รอดมาจากในตอนนั้นก็เป็นเพราะเขาได้ยืนอยู่หลังสุดในตอนที่จินนี่ได้ยิงเวทมนตร์ออกมาใส่เพื่อนร่วมทีมของเขา
เขาได้รีบหันหลังหนีออกมาในจังหวะนั้นเองและทิ้งทุกๆสิ่งไว้เบื้องหลังเขาภายในโอเอซิส มันพึ่งจะผ่านมาเพียงแค่ 2 บทเท่านั้นเองที่เขาได้หนีเอาชีวิตรอดออกมา แต่แล้วเขาก็ได้ใช้สิ่งนั้นในการโอ้อวดกับคนอื่นๆ
'ฉัจได้ขายมันไป 2000 เหรียญดำ"
แต่ในความเป็นจริง เขาได้เฉียดความตายมาโดยที่ไม่ได้อะไรเลยนอกจากฉายา ดังนั้นเขาจึงกระโดดถอยหลังออกมาด้วยความหวาดกลัว ผู้พิพากษาเคได้หันมามองที่เขาและยิ้มกว้างราวกับว่ารู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก
"กวี้~"
เสียงร้องของฮาปี้ได้ดังขึ้นเรื่อยๆ และในใจกว้างของพวกมันก็มีฮาปี้ที่มีสีสันแตกต่างออกไปอยู่
มันไม่ได้มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าตัวอื่นๆ แต่ทุกๆคนก็สามารถจะรู้ได้เองในทันทีว่ามันคือราชินีฮาปี้ เคได้ก้มหน้าลงและกระซิบออกมา
"เคน ต่อสู้ให้ห่างจากฉันและก็เข้ามากัดที่ข้อเท้าของฉันเมื่อฉันหลับไป"
"โฮ่ง"
"กัดให้พอดีๆนะ..."
"โฮ่งๆ"
จากนั้นเขาก็หันไปมองจินนี่
"ซาดาเมียร์ อยู่ใกล้ๆกับนักล่าสมบัติเอาไว้และปกป้องเขา ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน"
"รับทราบ"
"แล้วก็ ถ้าหากเคนและฉันหลับลงไปทั้งคู่ ก็ช่วยปลุกฉันขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ที ถ้าเป็นไปได้ก็ด้วยพลังที่เบาๆนะ..."
จินนี่ได้โค้งคำนับตามคำสั่งของเขา
"รับทราบ ข้าจะเชื่อฟัง"
หลังจากนั้นจินนี่ก็ไปอยู่ข้างหลังของนักล่าสมบัติ
"ฮะ..เฮือก"
มันช่วยไม่ได้ที่นักล่าสมบัติจะมีความรู้สึกกลัวออกมาและก้าวถอยออกไป แต่จินนี่ก็ยังคงเดินเข้ามาใกล้เขาด้วยความรวดเร็ว
เคได้ดึงดาบคู่ของเขาออกมาและสั่งให้จินนี่ใช้้เวทมนตร์
"เฮ้ซาดาเมียร์ เริ่มจากดึงพวกเขาลงมาบนพื้นก่อนเป็นอย่างแรก"
ตามคำสั่งของเขา จินนี่ก็ได้ตอบรับออกม
"รับทราบ นายท่าน"
เขาได้ตอบกลับมาอย่างสุภาพและเริ่มต้นมี่จะร่ายเวท
"จงออกมาลมน้ำเยือกแข็งทั้งมวลและหมู่สะเก็ดน้ำแข็ง พายุน้ำแข็ง"
แสงสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาบนมือของจินนี่และเปลื่ยนให้ทองฟ้าใสกลายเป็นท้องฟ้าทุกขมุกขมัวและเต็มไปด้วยลมหนาวเย็นยะเยือก
"ก๊าซ"
ฮาปี้จำนวนมากได้ตกลงมาจากท้องฟ้าเนื่องจากโดนสะเก็ดน้ำแข็งและปีกโนแช่แข็ง
แต่ราชินีก็ยังคงถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงฮาปี้จำนวนมากอยู่และบินอย่างสง่างามและทันใดนั้นเอง
"กวี้~~~~~~~"
มันก็ได้ปล่อยคลื่นเสียงโทนต่ำออกมา
เรื่องนี้แปลจนจบแล้วนะครับ สามารถติดต่ออ่านก่อนใครได้ที่เพจนี้เลยครับ > จิ้มเลย <