Chapter 58 - Tahrakhan Plateau (3)
Chapter 58 - Tahrakhan Plateau (3)”
"ตายซะ"
ผู้สอบสวนได้เหวี่งกระบองออกไปอย่่งอ่อนแรง
"แบ๊ะๆ ~"
แพะมันได้ร้องออกมาก่อนที่จะตายลงไป เมื่อมันตายลงแล้วเขาจึงได้หยิบโพชั่นที่เข็มขัดเขาขึ้นมาและดื่มมันลงไป แผลของเขาก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว
ผลของโพชั่นฟื้นฟูมันยอดเยี่ยมมาก แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายไป ผู้สืบสวนได้กดลงไปที่แผลของเขาในขณะที่มองไปรอบๆ พวกเขาได้ฆ่าแพะไป 3 ตัวและฮาปี้อีก 2 ตัว ตามที่แผ่นข้อมูลนั้นบอกมา เมื่อพวกเขาได้ฆ่าพวกมอนสเตอร์ครบ 20 ตัวราชินีฮาปี้ก็จะออกมาโดยอัตโนมัต
'มันยากที่จะฆ่าพวกมันแต่ละตัว...ถ้าหากมันยังคงเป็นเช่นนี้อีกต่อไป พวกเราก็อาจจะเผชิญกับปัญหาด้านเวลา..'
ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับการเป็นไปของการจู่โจมเขาก็ได้มองตรวจสอบไปที่อาการบาดเจ็บของคนอื่นๆ ทั้งสามคนต่างก็เต็มไปด้วยแผลขนาดเล็กถึงปานกลาง
นี่มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้สำหรับพวกเขา เนื่องจากทั้งแพะและฮาปี้ได้เขามาโจมตีพวกเขาอย่างไม่หยุดย่อน เขาจึงไม่สามารถที่จะคุ้มกันทุกๆคนได้ มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่พวกเขายังคงมีชีวิตรอดอยู่
'พวกนายทั้งหมดไม่เป็นไรอะไรนะ?'
มันเป็นคำพูดที่ควรจะพูดออกมาในเวลานี้ แต่พวกเขาแต่ละคนก็ยังคงเงียบและยุ่งแต่กับการดื่มโพชั่น
หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กับฮาปี้ตัวแรก พวกเขาก็ได้สร้างความแตกแยกของกันและกันออกมาและก็ยุ่งเกินไปในการที่ระวังการกระทำของกันและกัน ในตอนที่พวกเขาได้ระเบิดอารมณ์ในก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้เสียโอกาสที่จะร่วมมือกันไปแล้ว
'ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อีกที่เขาจะหันมาต่อต้านฉัน'
เนื่องจากความไม่แน่นอน พวกเขาจึงไม่สามารถจะร่วมมือกันได้อย่างผ่อนคลาย ผู้สอบสวนได้มองออกไปที่ชายชาวญี่ปุ่นผู้ที่เขาเกือบจะทะเลาะกันในก่อนหน้านี้
เขามีทักษะที่น่าประหลาดใจด้วยกำปั้นของเขานั้นทรงพลังกว่านักล่าที่ควงอาวุธซะอีก
'แต่...ฉันก็ไม่สามารถจะไว้ใจเขาได้อีกต่อไป'
เขาแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นเหตุให้เขาต้องวิตกกังวล ผู้สอบสวนไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขาในภายหลังได้อย่างไร ถ้าหากเขาทรยศ
'ในตอนนี้ พวกเราจะร่วมมือกันไปก่อนจนกว่าจะไปถึงบอส...แต่...'
เขาคิดขึ้นจากนั้นเขาก็มองไปที่นักล่าสมบัติ เขาคนนั้นเป็นคนช่างพูด แต่ความสามารถของเขาก็แค่ตามค่าเฉลี่ย
เขานั้นใช้มีดสั้นที่ดูจะแฟนตาซี แต่ส่วนใหญ่ที่เขาทำในการต่อสู้คือการมาฆ่ามอนสเตอร์ในตอนท้ายช่วงที่ไม่มีอันตราย สิ่งที่เขาทำหลักๆในระหว่างต่อสู้คือการหลบหนีีไปจากอันตราย
'ชิ้นส่วนลับ....มุกตลกอะไรกัน เราจะไปหาสมบัติได้อย่างไรหากยังไม่อาจสำเร็จวัตถุประสงค์ได้'
เขาหันไปสนใจโจรสลัดเป็นคนสุดท้าย เขาเป็นคนที่มีทักษะที่ดี แต่แต่ตัวเขาก็ไม่มีอะไรเลยที่น่าเชื่อถือ ลักษณะของเขาคล้ายกับเขาเคยอยู่ในเขตความขัดแย้งตะวันออกกลาง
'ฉายาของเขาอาจจะหมายถึงอาชุพของเขาในก่อนหน้านี้ โจรสลัดโซมาเลีย...'
ในบทนี้มีแต่บุคคลที่เขาไม่สามารถจะไว้ใจได้ เขาได้หยิบโล่และไม้กระบองขึ้นมาและหันหัวออกไป และในตอนนี้เขาก็นึกถึงอีกคนหนึ่งที่ทำให้เขาสับสน
'ไปล่าฮาปี้หรืออะไรบางอย่าง'
ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็ออกไปโดยไม่บอกอะไรอีก คนๆนั้นคือเค
ในบางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เลวร้ายที่สุด ในการจู่โจมมันก็ยากพอแล้วสำหรับทีมห้าคน แต่แล้วเขาก็ได้หายไปในตอนเริ่มการจู่โจม ทำให้พลังโดยรวมของทีมลดลงไปอีก
'เวรเอ้ย เขาต้องการจะไปฆ่าตัวตายหรืออะไรหรือไง'
ในขณะที่เขากำลังคิดถึงคนอื่นในใจ เขาก็ได้หันมองกลับไป เขารู้สึกได้ว่าคนอื่นๆเดินตามเขามา แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขายังคงร่วมมือกันอยู่ตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
แม้ว่าจะยังคงมีความไม่พอใจกันและความไม่ไว้วางใจ แต่พวกเขาก็ยังคงร่วมมือกันอยู่เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดออกมา
'นี้มันบทบ้าอะไรกันเนี้ย'
****
ในเวลาเดียวกัน ซังจินก็ได้ขี่พรมเวทมนตร์บินไปตามผาของที่ราบสูง
ตามคำแนะนำที่เขาได้รับมา องค์ประกอบลับมันควรจะอยู่ในอะไรบางที่เป็นไข่ ตามที่โอเปอเรเตอร์พูดออกมา
'เฉพาะผู้ที่ทำลายเปลือกและกลับมามีชีวิต'
ในขณะที่เขากำลังบินไปตาทหน้าผานั้นเอง
'เค'
เบสโกโร่ได้เรียกเขา เขาจึงหยุดบินต่อและตอบกลับไป
"มีอะไรหรอ นายพบรังที่มีไข่อยู่งั้นหรอ"
เบสโกโร่ได้คอยเฝ้ามองไปรอบๆตลอดเวลาเพื่อที่จะมองหาไข่ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดออกมามันก็แตกต่างจากที่ซังจินคาดหวังไว้
'ท่านมีแขก'
ซังจินได้เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า ฮาปี้กำลังบินเข้ามาหาเขา
'หนึ่ง สอง สาม....ทั้งหมดห้าตัว'
เมื่อเขานับจำนวนศัตรูเสร็จสิ้น เขาก็มองลงไปเบื้องล่าง มันอยู่ห่างมากจากพื้นในตรงที่เขาลออยอยู่
การพยายามต่อสู้จากด้านบนพรมเวทด้วยดาบนั้นดูจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนัก
'มันเป็นเวลาสำหรับเวทมนตร์'
เมื่อเขาคิดขึ้นได้ เขาก็เริ่มร่ายเวทมนตร์ทันที
'สายฟ้า'
แต่แล้วเขาก็ถูกขัด
"สายฟ้าที่อันตราย จงกระจายไปสู้ศัตรูทั้งมวล"
หัวกระโหลกของเบสโกโร่ได้ร่ายคำร่ายออกมาแทน
"โซ่สายฟ้า"
สามฟ้าได้รวมตัวกันขึ้นที่ปลายดาบทูนสเปค และซังจินก็ได้ชี้มันไปทางมอนสเตอร์ที่บินอยู่
"แปร๊บบ~"
สายฟ้าได้พุ่งเขาไปใส่ฝูงฮาปี้และกระจายไปเรื่อยๆ สองตัวแรกได้ร่วงลงไปและที่เหลือที่สามตัวก็ได้มึนงงไปครู่หนึ่ง
"โว๊ว"
ซังจินได้อุทานออกมา
'นี้เป็นการร่ายแทน ฉันจะร่ายเวทมนตร์ที่ท่านกำลังจะใช้แทน'
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจะควบคุมช่วงเวลาในการใช้มันได้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ถ้าหากเขากะจังหวะดีๆเขาก็จะสามารถร่ายเวทสองบทพร้อมกันได้ จากนั้นเบสโกโร่ก็เสริมขึ้นมาอีก
'เพียงแค่ต้องตระหนักว่าการร่ายเช่นนี้จะใช้มานามากกว่าปกติถึงสองเท่า'
"เข้าใจแล้ว ขอบใจมากเบสโกโร่"
ความสามารถในการใช้เวทมนตร์สองอย่างพร้อมๆกันมันจะทำให้ซังจินมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้ทั้งหมด ในขณะที่เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้นั้น
"กวี้~"
หนึ่งในฮาปี้ที่ยังรอดอยู่ได้บินเข้ามาหาซังจินพร้อมกับกรงเล็บเท้าที่แหลมคม ซังจินจึงได้เคลื่อนย้ายพรมเพือหลบกรงเล็บของมัน
มันมีเพียงแค่ฮาปี้ตัวเดียวที่เข้ามาโจมตีเขา แต่เนื่องจากการขาดประสบการณ์การบินของซังจิน มันจึงทำให้เขาหลบได้ไม่หมด แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ส่วนผมที่อยู่บนหัวของเขาได้ถูกตัดออกไป
"กวี้~"
จากนั้นฮาปี้ตัวที่สองก็ตามเข้ามาโจมตีเขา ซังจินจึงลดระดับความสูงลงอย่างรวดเร็ว เขาได้หลบการโจมตีทันในระยะสุดท้าย ในตอนนี้เขาเริ่มที่จะคุ้นชินกับการบินบนอากาศแล้ว
เมื่อเขารู้สึกมั่นใจในการบินแล้วเขาก็รอให้าปี้ตัวที่สามเข้ามาใกล้และเหวี่ยงดาบออกไป
ดาบได้ตัดผ่านขาของมันอย่างเงียบเชียบและปีกข้างซ้ายของมัน
"กวี้~...อ๊าาา"
จากเสียงร้องที่ไพเราะของฮาปี้ได้กลับกลายเป็นเสียงร้องที่หวาดกลัวจากการตกลงไปจากท้องฟ้า ซังจินได้มองลงไปและยิ้นออกมา
'การต่อสู้บนอากาศก็ไม่เลว...'
แต่ทันใดนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ได้เตือนออกมา
[ได้โปรดกลับไปที่พื้นที่การล่า พื้นที่นี้อยู่นอกเขตของนักล่าแล้ว]
[ถ้าหากคุณยังอยู่ในพื้นที่จำกัดนี้หลังจาก 10 วินาที]
ซังจินได้มองสำรวจไปในสถาพแวดล้อม ตอนนี้เขาได้ลดระดับความสูงลงมามากเกินไปแล้วในการหลบการโจมตีของฮาปี้
[คุณจะตาย 10...]
'เฮ้ เค'
เบสโกโร่ที่ถูกข่มขู่โดยข้อความนั้นก็เติอนออกมา
"ฉันรู้"
ซังจินจึงได้ขี่พรมไล่ระดับขึ้นไปตามขอบผาด้วยพรมเวทมนตร์ ฮาปี้ทั้งสองตัวที่เหลืออยู่ก็ยังคงตามเขามาอยู่ติดๆ
'มันน่ารำคาญ...'
ซังจินได้ยกดาบขึ้นมา แม้ว่ามันยากที่เขาจะแสดงศักยภาพได้ 100% แต่ของเพียงแค่เขาสามารถสัมผัสมันได้เพียงสักครั้ง มันก็จะตายลง
ซังจินสามารถจะตัดฮาปี้ไปอีกหนึ่งตัวได้อย่างง่ายดาย
'ร่วงไปหนึ่ง'
และเขาก็เครียมพร้อมสำหรับตตวถัดไป แต่แล้วตัวสุดท้าย
"กวี้~"
มันร้องออกมาและหันหลังบินหนีไป ซังจินจึงจะติดตามมันออกไปแต่แล้วเขาก็ตัดสินใจไม่ไล่ตาม
เขาจะเสียเวลาเป็นอย่างมาเมื่อพยายามไล่ล่าฮาปี้
'ฮาปี้มันจะหนีไปเมื่อพรรคพวกของมันถูกสังหาร ถ้าหากมันหนีออกไปได้ มันก็จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกำลังเสริมจำนวนมาก'
กระดาษข้อมูลได้เขียนไว้เช่นนั้น เมื่อมันมาอีกครั้งก็จะมาพร้อมพรรคพวกอีกมากมาย
'ถ้าหากฉันปล่อยมันไป มันก็จะไปรวบรวมพรรคพวกของมันมาแทนฉันเอง'
ซังจินคิดขึ้นในขณะที่เขาหันกลับไปตรวจสอบหน้าผา ในความจริงแล้วเขาก็มีเวลาจำกัดในการตรวจสอบจากบนท้องฟ้าอีกด้วย เพราะพรมเวทมนตร์มีระยะเวลาใช้งานเพียง 20 นาทีเท่านั้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เขาจึงจะต้องเร่งค้นหาตามหน้าผาอย่างรวดเร็ว
'ฉันเหลือเวลาอยู่อีกเท่าไหร่'
แต่ในขณะนั้นเองเขาก็ได้สังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง ในช่องว่างระหว่างโพรง เขาได้สังเกตุเห็นประกายอะไรบางอย่าง จากนั้นเบสโก้โร่ก็พูดออกมา
'เค'
"ฉันก็เห็นแล้วเช่นกัน"
ซังจินได้ขยับเข้าไปใกล้วัตุเงานั้น มันเป็นรังขนาดใหญ่ มันใหญ่กว่ารังของนกโดยทั่วไปอยู่หลายเท่า
และภายในนั้นก็มีไข่ที่มีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่สามเท่า
เขาเริ่มขี่พรมเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับไข่ใบนั้น
ไข่มันส่องแสงสีทองออกมา มันดูราวกับอัญมณีล้ำค่า
'มีชีวิตรอดและเติบโตอย่างมีค่า...'
ซังจินนึกไปถึงคำใบ้ในก่อนหน้านี้และเขาก็เข้าไปยกไข่ขึ้นมาด้วยสองมือของเขา จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศออกมา
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้ลับชิ้นส่วนลับ]
[ราร์ - ไข่ทองคำ]
"ลา ล่า ล่า~"
ซังจินได้ฮัมเพลงขึ้นมาอย่างมีความสุขในขณะที่ตรวจสอบหน้าต่างสถานะ
ราร์ - ไข่ทองคำ
ไข่ระดับแรร์
ทักษะติดตัว
การเริ่มต้นของอาการสั่น - จะเกิดการสั่นขึ้นวันละครั้ง
เขานั้นไม่มีเวลาที่จะเกิดขึ้นมาในเวลาที่แน่นอน
"หืมม?"
ซังจินเอียงหัวอย่างสับสน มันเป็นทักษะที่ลึกลับมาก ในความจริงแล้วมันไม่ควรจะถูกเรียกว่าทักษะเลยด้วยซ้ำ
หลักๆแล้วคือมันก็จะสั่นในแต่ละวัน มันในตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรือฟังชั่นใดๆเลย ซังจินจึงตึดสินใจกันไปถามกับเยสโกโร่
"เบสโกโร่นายพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับไข่ใบนี้บ้างไหม"
'ไม่เลย นี้เป็นครั้งที่ข้าได้เห็นมัน'
เบสโกโร่นั้นไม่ได้ช่วยให้เขาเข้าใจมากเลย ซักจินจึงหันกลับไปดูที่หน้าต่างสถานะอีกครั้ง แต่แล้ว
"กวี้~"
เขาก็ได้ยินเสียงร้องที่ไม่พึงประสงค์ออกมา เมื่อเขาหันไปมอง เขาก็เห็นฝูงฮาปี้บินมาจากระยะไกล
'โอ้...'
ซังจินรีบยัดไข่ลงไปในลูกบาศก์อย่างรวดเร็วและหันไปนับจำนวนศัตรู
'หนึ่ง สอง สาม...'
มันมีจำนวนมากเกินไปที่จะนับด้วยจำนวนนิ้วได้ มันมีจำนวนมากกว่าหนึ่งโหล ซังจินจึงตั้งใจจะออกจากหน้าผานี้และกลับขึ้นไปที่ที่ราบสูงอีกครั้งเมื่อเขาหมดธุระกับผาแห่งนี้
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่การาี่จะจัดการกับพวกสัตว์ปีกเหล่านี้กบางอากาศก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ๆห้ามเข้าไป
ฮาปี้ได้บินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว แต่ซังจินก็ไม่ได้ใส่ใจมันและบินขึ้นต่อไป
และในที่สุดเขาก็ได้มาถึงที่ราบสูง เขาจึงกระโดดลงจากพรมไปบนพื้น ที่เบื้องหลังของเขาก็ตามมาด้วยฝูงฮาปี้
ซังจินหยิบดาบขึ้นมาและพึมพัมขึ้น
"เข้ามาเลยเจ้าพวกฝูงแมลงหวี่แมลงวัน บินเข้ามาสู่นรกด้วยปีกของพวกแกเองเลย"
เรื่องนี้แปลจนจบแล้วนะครับ สามารถติดต่ออ่านก่อนใครได้ที่เพจนี้เลยครับ > จิ้มเลย <