ตอนที่ 41 ฝึกฝนแม้จะถูกขัง
ในห้องขังที่มีแสงริบหรี่ เฟิงหลินถูกผลักเข้าไปอย่างแรง เขาเดินโซเซและพยายามยืนให้ได้อย่างยากลำบาก
ปัง!
เสียงดังขึ้น ประตูด้านหลังถูกปิดอย่างแน่นหนา เนื่องจากเขาถูกขังอยู่ในคุกที่ไม่มีทางหลบหนีออกไปได้ ห้องมีแต่ความมืด ต่อให้เขาจะกางมือออกก็ไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือได้
"อยู่ในห้องขังอย่างเชื่อฟัง อย่าเล่นตุกติกอะไรอีก !"
"คนๆนี้ท้าทายอำนาจเบื้องบน เขากล้าขัดคำสั่งหัวหน้าพ่อบ้าน เขาไม่รู้ว่าคำว่า 'ตาย' สะกดยังไง!
"ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว หลังจากที่ทำแบบนั้นกับหัวหน้าพ่อบ้าน แกไม่มีทางมีชีวิตรอดกลับไปได้!"
...
ฝ่ายควบคุมของตระกูลขังเฟิงหลินไว้ในห้องขัง หัวเราะและจากไป
เฟิงหลินนั่งลงบนพื้น ใบหน้าเลือนหายไปในความมืด เขาครุ่นคิดหนักขึ้นเรื่อยๆ
เขาอดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าความคิดของเขาเด็กน้อยเกินไป!
ครั้งนี้การเจรจาของเขาล้มเหลวไม่มีชิ้นดี และลงเอยในห้องแคบๆ ไร้ความหวังแบบนี้
เขาประเมินค่าตระกูลของเขาสูงเกินไป เขาไม่คิดว่าหัวหน้าพ่อบ้านจะโหดร้ายแบบนี้ ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขา การเดิมพันก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน และเขาถูกขังไว้ที่นี่ ตอนนี้ความหวังของเขาพังทลายไปหมดแล้ว
เขาควรทำยังไงต่อดี?
เฟิงหลินไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก แต่เขาตั้งใจว่าจะไม่ยอมแพ้
เพราะทันทีที่เขายอมแพ้ มันจะหมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
ในฐานะมนุษย์ที่มีประสบการณ์ถึงสองช่วงเวลา เขาจะไม่มีทางออกเลยเชียวหรือ?
ทุกอย่างต้องสู้เพื่อให้ได้มา ถ้าเขายอมแพ้โดยไม่สู้ เขาจะไม่มีความหวังเหลือเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย เขาจะไม่มีทางยอมแพ้
ผนังทั้งสี่ด้านในห้องขังสร้างมาจากโลหะผสม เหมือนป้อมปราการเหล็กที่มั่นคงแน่นหนา นอกจากประตูที่เปิดได้แต่ข้างนอกแล้ว แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถบินออกไปได้หากถูกขังอยู่ข้างใน การหลบหนีเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ภายในห้องยังไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใดๆได้ ตัดสัญญาณทั้งหมดและเขาไม่มีทางสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ความมืด – คือเพื่อนคนเดียวของเขา ทำให้เขาไม่รับรู้เวลา สถานที่นี้เป็นกรงที่สร้างขึ้นเพื่อให้สิ้นหวัง
หากใครถูกขังอยู่ที่นี่นานเกินไป พวกเขาจะเป็นบ้า
เฟิงหลินถูกขังอยู่เพียงไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกเป็นกังวลและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาต้องการจะกรีดร้องออกมาดัง ๆเพื่อระบายอารมณ์
เขาไม่ทราบว่าพ่อแม่และน้องๆของเขาจะเป็นกังวลไหม เพราะพวกเขายังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้
อย่างไรก็ตามการรออย่างไม่รู้จุดหมายไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา หากเขาคิดหาทางไม่ออก ทำไมเขาถึงไม่ฝึกล่ะ?
สภาพจิตใจของเฟิงหลินค่อยๆสงบลง เขาต้องการที่จะใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะ
ความแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว - มันคือทุกสิ่ง เขาต้องสะสมกำลังทีละนิดเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เขาต้องการใช้โอกาสทั้งหมดที่มีและใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในการเพิ่มความแข็งแกร่ง
ดังนั้นเฟิงหลินจึงบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่เสียเวลาไปกับความสิ้นหวัง เขาต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในการบ่มเพาะ แม้จะติดอยู่ในห้องขังที่มืดมิดเช่นนี้
ภายใต้ความมืดที่ปกคลุม รอยยิ้มเยาะทำให้ใบหน้าของเขาสว่างขึ้น
คิดว่าการขังฉันไว้จะทำให้ฉันล้มเลิกความตั้งใจสู้และทำให้ฉันสิ้นหวัง?
ไม่! มันยิ่งกระตุ้นให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น!
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของการหมัดก็ดังขึ้นในห้องขังถูกปิดตาย พื้นสั่นจากแรงกระแทก ลมจากหมัดที่กระจัดกระจายตามผนัง เสียงหมัดเหมือนเสียงฟ้าร้อง ทำให้หัวใจของคนที่ได้ยินสั่นด้วยความกลัว
หลังจากฝึกหมัดวัชระสะกดอสูรเสร็จแล้ว เฟิงหลินก็รู้สึกได้ว่าศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาไม่เพิ่มขึ้นแม้แต่จุดเดียว ดูเหมือนว่าสารอาหารยาแห่งชีวิตที่เขาดื่มก่อนหน้านี้ได้หมดลงไปแล้ว เขาไม่สามารถฝึกฝนอย่างอย่างหนักต่อได้ ไม่อย่างงั้นเขาจะใช้พลังชีวิตส่วนเกินอีกครั้ง ...
เขาหยิบขวดที่บรรจุของเหลวสีอำพันออกมาจากเสื้อคลุมอย่างระมัดระวัง นี่คือขวดยาแห่งชีวิต
ก่อนหน้านี้ คนจากฝ่ายคุมกฏไม่คิดว่าสมาชิกระดับต่ำอย่างเฟิงหลินจะมียาล้ำค่าเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ค้นร่างกาย หรือเอายาแห่งชีวิตไป
คลื่นความเย็นและคลื่นความร้อนกระจายไปทั่วร่างกายเขา
ผลที่คุ้นเคยจากการดื่มยาแห่งชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเขากลืนมันลงไป กระแสความเย็นไม่นานก็เปลี่ยนเป็นร้อนเหมือนลาวา
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกปิ้งบนเตาบาร์บีคิว ความร้อนรุนแรงทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลง
ความเจ็บปวดเหมือนคลื่นยักษ์ท้าทายความตื่นกลัวและระดับความอดทนของเฟิงหลิน ทำให้เขาจมลึกลงไปในความมืดไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา เฟิงหลินไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลอะไร เขาอยู่ในความมืดและอดทนต่อความเจ็บปวด ขณะที่ร่างกายของเขาปรับรับการเปลี่ยนแปลง
พลังงานเลือดของเขาปั่นป่วน เหงื่อหยดลงบนพื้น ไม่นานเสื้อผ้าของเขาก็เปียกไปด้วยเหงื่อแนบติดกับร่างกาย
คลื่นพลังงานรุนแรงพุ่งทะลุร่างของเขาท้าทายขีดจำกัดซ้ำแล้วซ้ำอีก
เจ็บจนไม่มีจุดไหนบนร่างกายที่ไม่เจ็บปวด อวัยวะของเขาถูกบดขยี้และประกอบขึ้นมาใหม่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนี้ จากประสบการณ์ของเขามันไม่ได้แตกต่างไปจากครั้งแรกที่เขาได้ดื่มยาแห่งชีวิตไป เฟิงหลินค่อยๆคุ้นเคยกับมัน
กระแสน้ำอุ่นในตัวไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง พลังงานไหลเข้าสู่อวัยวะ เซลล์ต่างๆ นิวเคลียสของเซลล์... ทีละชั้นจากภายนอกสู่ภายในสู่ยีน!
เฟิงหลินเริ่มเปล่งประกายแสงสีแดง แสงสีแดงนี้ชัดเจนและโปร่งใส แต่มีสีเข้มคล้ายเลือด
ในขณะที่ความร้อนไหลอยู่ทั่วร่างกาย เฟิงหลินก็เจอกับฉากที่คุ้นเคยอีกครั้ง เหมือนภาพเดจาวู
มันคือโลกมืดที่กว้างใหญเท่าจักรวาล ยีนแท้จริงได้ปรากฏต่อหน้าเขา มันเหมือนงูสองตัวที่พันกันเป็นเกลียว พันกันไปมาสูงขึ้นไป
ความเข้มข้นของยายังคงไหลเหมือนประกายไฟที่ส่องสว่าง
เกลียวคู่ที่แสดงถึงยีนของเขาเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เปล่งแสงเหมือนแสงของดาว มันบริสุทธิ์ ลึกลับ โบราณ ...
แสงดาวมาบรรจบกัน และขยายอย่างรวดเร็วทะลุความมืด
ด้วยความแรงของยา ยีนแยกตัวออกจากกันไม่รู้จบ และเกิดชีวิตใหม่ที่กระจายไปทั่วร่างกาย เซลล์เลือด อวัยวะ ... เขารู้สึกเหมือนถูกสร้างใหม่ วิวัฒนาการชีวิตอย่างเต็มที่ เขาเติบโตขึ้น เร็วขึ้น และแข็งแรงขึ้น ...
แคร็ก แคร็ก
เฟิงหลินก็เหยียดหลัง กระดูกส่งเสียงคล้ายเสียงประทัด เหงื่อของเขาไหลออกมาพร้อมสิ่งสกปรกในร่างกาย ผสมกับเลือดเป็นสารเหนียวหนึบอยู่บนผิว อย่างไรก็ตามมันดีกว่ามากถ้าเทียบกับครั้งก่อน
กล้ามเนื้อของเขาสั่น สิ่งสกปรกหยดลงบนพื้น ในขณะที่ร่างกายของเขาฟื้นสภาพ เหมือนการทำความสะอาด สะดวกกว่าการอาบน้ำ
หลังจากประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งจากยาแห่งชีวิต ตอนนี้ร่างกายของเขาค่อยๆเข้าใกล้สภาพที่สมบูรณ์ และยังคงวิวัฒนาการเรื่อยๆ สิ่งสกปรกในร่างกายของเขาน้อยลงเนื่องจากระดับของการเปลี่ยนแปลงหลังจากการบริโภคยาเริ่มลดลง
เวลานี้สิ่งที่เขาเห็นเหมือนเดิมแล้ว เขาไม่ได้สูงขึ้นและรูปร่างหน้าตาก็เหมือนเดิม
เห็นได้ชัดว่าความสูง 1.9 เมตรเป็นความสูงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมนุษย์ ความสูง ความเร็ว และความแข็งแกร่งของเขามาถึงสภาวะที่สมบูรณ์แล้ว
เฟิงหลินรู้ว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในร่างกายของเขาแน่นอน เขาดูข้อมูลพันธุกรรมทันที
=====
ชื่อ:เฟิงหลิน
ค่าสถานะพลัง: 2.5
ยีนลิง: 10
ยีนหิน : 8
ศักยภาพทางพันธุกรรม: 178%
=====
ศักยภาพของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นและความแข็งแกร่งยีนของเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
พลังของเขามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.2 เป็น 2.5
เฟิงหลินยังคงฝึกฝนต่ออย่างขยันขันแข็ง เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาจะนอนหลับเมื่อเขาเหนื่อยและจะฝึกฝนต่อเมื่อเขาตื่น และยาแห่งชีวิตก็ค่อยๆย่อยหายไป
สิ่งที่เขาวนเวียนทำอยู่นี้เรียบง่าย แต่น่าเบื่อ อย่างไรก็ตามเหมือนเขาไม่รู้จักความเหนื่อย จริง ๆ แล้วพยายามมีความสุขในการทำแบบนี้
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การถูกกักขังเป็นความเจ็บปวดทรมานอย่างมาก แต่เฟิงหลินก็พยายามหาทางปลอบใจตัวเองท่ามกลางความมืด
ห้องขังนี้คือสถานที่ที่เงียบสงบสำหรับการบ่มเพาะ ในขณะที่เขายังคงดื่มยาแห่งชีวิตไปเรื่อยๆ สารอาหารที่หมดไปจากการฝึกของเขาจะถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่า
ศักยภาพทางพันธุกรรม + 18%, + 16%, +14% ...
ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาเพิ่มขึ้นมาก ในไม่ช้าศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาสูงถึง 308% ทำให้เขาสามารถใช้จุดพันธุกรรมได้อีกสามจุด มันก็เพียงพอแล้วที่จะเพิ่มยีนหินให้ถึงขีดจำกัด
พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อยู่ที่ 2.9 กำลังจะถึง 3
ในช่วงเวลาสั้นๆโดยใช้ยาแห่งชีวิต และความสามารถของสมการทางพันธุกรรม เขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม มันยังไกลกับความจำเป็นอยู่ดี มันยังไม่พอ หัวหน้าพ่อบ้านเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่แท้จริง เพียงดูจากพลังของเขาเพียงอย่างเดียว หัวหน้าพ่อบ้านก็สามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
ถ้าเขาต้องการที่จะต่อต้าน เขาจะต้องกลายเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวที่แท้จริงเช่นกัน
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ...
เฟิงหลินหยุดพักแปปเดียว และฝึกฝนต่อ เขาเหมือนคนเหล็กที่ไม่รู้จักเหนื่อยล้า
แตะ แตะ…!
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
หูของเฟิงหลินขยับเล็กน้อย ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขาได้ยิน เขาหันไปมองแล้วตะโกนว่า "ใครกัน?"
"เฟิงหลิน ฉันมาเยี่ยมนาย!" เสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
เฟิงหลินรู้สึกแปลก ๆ เขามักจะอยู่คนเดียวในตระกูล และไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนัก ใครจะเป็นคนมาเยี่ยมเขาในห้องขัง? ใครจะรู้ว่าเขาถูกขังอยู่?
...
เขารู้สึกสับสนมากในหัวใจ อย่างไรก็ตามเสียงนี้ช่างคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ว่ามันเป็นเสียงของใคร
เมื่อบุคคลนั้นปรากฏตัว เฟิงหลินก็ตกใจมาก นี่เป็นแขกที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลย