Chapter 5: ระดับมือใหม่
Chapter 5: ระดับมือใหม่
“ยอดเยี่ยม!”
เสียงอ่อนโยนและน่าพึงพอใจก็ดังมาจากปากของเจ้าของป่าไผ่ม่วง มันก็มีร่องรอยของการชื่นชมและเยาะเย้ยรวมอยู่ในนั้น “ฉันต้องการที่จะเห็นว่าตระกูลมู่หลงในเรื่องการต่อสู้ จะทำตัวสมกับความกล้าหาญที่มีกันแน่หรือเปล่า! นักดาบรับใช้ของข้าเอ๋ย เจ้าจงไปสั่งสอนเจ้าหนูนี่แทนข้าทีซะ”
นักดาบรับใช้ที่ซึ่งยืนอยู่เฉยๆในศาลาก็เคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าในทันที เขาก็ไม่ได้แสดงความลังเลออกมาเลย แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นเพียงแค่เด็ก อย่างไรก็ตาม เมื่อนักดาบรับใช้เดินออกมาจากศาลา ผู้คนมากมายด้านนอกป่าไผ่ก็ต่างประทับใจกับผู้เล่นที่เรียกว่าแฮปปี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พบกับความผิดหวังกันแทน เมื่อเด็กหนุ่มที่สง่างามพร้อมกับท่าทางที่องอาจดูอ่อนแอกว่าพวกเขาเสียอีก นักดาบรับใช้ ใช้เพียงแค่สองสกิลธรรมดาๆทั่วไป ก่อนที่แฮปปี้จะถูกส่งกระเด็นออกไป มันก็ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือดให้เห็นเลย
“ขอบคุณสำหรับคำสอนครับ ข้าจะมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง”
แฮปปี้ก็ยืนขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้เลย แล้วเขาก็ทำความเคารพ ก่อนที่คนอื่นจะได้พูดอะไรออกมา เขาก็รีบเดินจากไป ในขณะที่ฝูงชนกำลังมองมาที่เขาอย่างดูถูกและพึงพอใจ กับสภาพอันน่าสงสารของเขา
นักดาบรับใช้ก็ยืนมึนงงอยู่กับที่สักพักหนึ่ง พร้อมกับจ้องไปที่แผ่นหลังเล็กๆของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินจากไป หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังศาลา
“เจ้าจำเป็นต้องใช้ถึงสองสกิลกับเด็กนั่นเลยเหรอ?”
“ข้าเข้าใจความผิดของข้าดีครับ”
เจ้าของป่าไผ่ม่วงก็อดที่จะเสียใจไม่ได้ “มันไม่เป็นไรหรอก เด็กนั่นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทั้งท่าทางที่กล้าหาญและมารยาทนั่น... ถ้าฉันไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับลูกศิษย์ของตระกูลมู่หลงดีแล้ว ฉันก็คงคิดว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นผู้สืบทอดจากตระกูลมู่หลงแล้วละ เพื่อที่จะมาเรียนศิลปะการต่อสู้จากพวกเรา เขากลับไปยังตระกูล ตระกูลมู่หลงก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นอน ครั้งหน้า ก็สู้กับเขาต่อไปและสั่งสอนเขาซะ..”
“แต่ เจ้านาย ทำไมละครับ..”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องถาม” เจ้าของป่าไผ่ม่วงก็เหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่นักดาบรับใช้จะถาม เธอก็หัวเราะเบาๆออกมา “นายจะไม่สามารถป้องกันต่อผู้คนจากตระกูลมู่หลงที่เรียนวิชาจากเจ้าได้หรอก ตั้งแต่ที่มันเป็นแบบนั้นแล้ว มันก็ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเราปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้วิชาไปบางอย่าง แต่เจ้าเด็กน้อยนั่นก็ค่อนข้างน่าสนใจด้วยเช่นกัน เขาเข้ามาบอกพวกเราตรงๆแบบนี้มัน... ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่แฮปปี้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
เมื่อเขากลับไปยังคฤหาสน์มู่หลง คุณหญิงชุดขาวของตระกูลมู่หลงก็รอเขาอยู่ที่สวนหลังบ้าน
“คุณหญิงครับ ข้าไม่สามารถที่จะนำไผ่ม่วงกลับมาได้ครับ ได้โปรดลงโทษข้าด้วยเถอะ”
“เธอสู้กับนักดาบรับใช้ของป่าไผ่ม่วงงั้นเหรอ” คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็มองไปยังเสื้อที่เลอะฝุ่นของแฮปปี้ และขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอได้พูดถึงชื่อตระกูลเราหรือเปล่า?”
“ครับ”
แฮปปี้ก็ได้แนะนำตัวในป่าไผ่ม่วงและหญิงสาวก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
“เธอทำได้ดีแล้วละ เธอมีมารยาทที่ดี สมกับตระกูลมู่หลงควรมีจริงๆ ยังไงก็เถอะ เธอพูดว่านักดาบรับใช้โจมตีใส่เธอสองดาบเลยงั้นเหรอ? แสดงพวกมันให้ฉันเห็นสิ” คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ให้ปฏิเสธได้
“ครับ”
แฮปปี้ก็เริ่มที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเควสนี้แล้ว
คุณหญิงตระกูลมู่หลง มีเจตนาที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับพื้นฐานและสกิลของเจ้าของป่าไผ่ม่วงผ่านตัวเขา เมื่อเขาสู้กับนักดาบรับใช้ ตราบเท่าที่เขาสามารถจำสกิลได้ เขาก็มีไอเดียว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็น่าจะค่อยๆสอนสกิลเขาบางอย่าง เพื่อที่จะตอบโต้กับสกิลของนักดาบรับใช้
ในเวลาเดียวกัน แฮปปี้ก็เก็บกักความตื่นเต้นไว้ในหัวใจของเธอและแสดงท่าดาบสองท่าที่นักดาบรับใช้โจมตีใส่เขา เขาก็แสดงให้เธอเห็นว่าเขาหลบอย่างไรอีกด้วย สุดท้ายแล้วแฮปปี้ก็มีประสบการณ์มาสามปีในโลกศิลปะการต่อสู้ ไม่เพียงแต่เขาจะจดจำสกิลได้บางอย่าง หลังจากที่เห็นพวกมันเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถแสดงท่าทางอันทรงสเน่ห์ของนักดาบรับใช้ และคุณหญิงตระกูลมู่หลงก็ค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นมัน
เธอก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “สกิลแรกมันค่อนข้างธรรมดา เขาใช้ สไตล์ที่สามของหลักการมือมืดมน หัตถ์โลหะเขย่าสวรรค์ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใช้พลังปราณกับเธอ ไม่มีพลังหลังการโจมตีของเขาปรากฏขึ้น น่าประหลาดใจที่เธอสามารถหลบมันได้ ซึ่งมันทำให้เขาคิดว่าเธอแกล้งทำตัวเป็นอ่อนแอ และเขาจึงเปิดเผยสกิลที่แท้จริงของเขาออกมา”
“เขาใช้วิชาไม้ปีศาจบ้าคลั่งสำนักขอทาน ดังนั้นพวกเขามาจากสำนักขอทานงั้นเหรอ…? ไม่น่าใช่สิ มันไม่น่าเป็นไปได้ที่สำนักขอทานจะมีหญิงสาวที่สง่างามแบบเธอคนนั้น” คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็จมอยู่ในความคิด เธอก็ไม่ได้สงสัยว่าทำไมแฮปปี้ถึงสามารถหลบหัตถ์โลหะเขย่าสวรรค์ด้วยซ้ำไป
“วิชาไม้ปีศาจบ้าคลั่งขึ้นอยู่กับความเร็วและความหวังในการเอาชนะ โดยการใช้การโจมตีกดดันอย่างเชื่องช้าด้วยการโจมตีที่รวดเร็ว....หื้ม เขายังใช้พลังปราณกับเด็กแบบเธออีก ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเธอแล้วละ เพื่อป้องกันร่างกายส่วนล่างและข้อต่อ ศิลปะการต่อสู้ส่วนมากขึ้นอยู่กับร่างกายส่วนล่าง เช่นหมัดยาวเส้าหลิน มันทั้งเต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง ความทนทานและพึ่งพาความแข็งแกร่งในการเอาชนะความอ่อนนุ่ม”
คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็หยิบหนังสือที่ถูกมัดไว้ออกมาด้วยเส้นด้าย เหมือนกับว่าเธอหยิบมันออกมาจากอากาศยังไงยังงั้น แล้วเธอก็ส่งมันให้กับแฮปปี้เพื่อเป็นการเตือน
“ฉันจะให้เวลาเธอสามวันในการกำจัดวิชาไม้ปีศาจบ้าคลั่ง! อย่าลืมที่จะฝึกฝนปราณสรรพจริงต่อด้วยละ ในช่วงเวลานี้ ถ้าเธอมีคำถามแล้วละก็ มาหาฉันสิ”
เมื่อเธอพูดเสร็จ เธอก็เดินจากไปและทิ้งแฮปปี้ไว้คนเดียว ในขณะที่เขาก็ดูเหมือนว่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขากำลังถือหนังสือศิลปะการต่อสู้ที่มีศิษย์ฆราวาสทั้งหมดของวัดเส้าหลินจะสามารถได้รับ – หมัดยาวเส้าหลิน ซึ่งมันก็เป็นศิลปะการต่อสู้เบื้องต้นอีกด้วย
‘ฉันจะอดทนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อวิชาสับเปลี่ยนดวงดาว!’
ความแน่วแน่ก็ปรากฏในดวงตาของแฮปปี้ หลังจากนั้นเขาก็ฝึกฝนต่อในสวนหลังบ้าน เขาก็ไมได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย สุดท้ายแล้ว ความเสียใจที่มากที่สุดในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาก็คือเขาไม่เคยได้รับศิลปะการต่อสู้ที่ไร้ที่เปรียบเลยสักอย่าง และในตอนนี้ เขาก็พบกับโอกาสล้ำค่าและหายากมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่เขาจะไม่ไล่ตามจนถึงจุดสิ้นสุด
เมื่อแฮปปี้เริ่มต้นฝึกฝน ท่าทางของเขาก็เริ่มที่จะเข้ารูปเข้ารอย
หมัดยาวเส้าหลินก็เป็นท่าพื้นฐานทั้งหมดของศิลปะการต่อสู้ที่พระวัดเส้าหลินเรียน เมื่อพวกเขาเข้าร่วมกับวัดเส้าหลิน ซึ่งเป็นสำนักที่น่านับถือของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้นี่เอง มันจึงไม่มีทางที่แฮปปี้จะไม่เคยเรียนมันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รับประสบการณ์จากการเล่นเกมครั้งที่แล้วส่งมาด้วย เขาสามารถที่จะทำได้เพียงฝึกฝนสกิลอีกครั้ง อย่างช้าๆ เพื่อที่จะปลดปล่อยความรู้สึกว่าเขาใช้พวกมันไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นใหม่ เขาก็สามารถที่จะหาผลลัพธ์เดิมกับการใช้แรงเพียงครึ่งเดียวในครั้งนี้ได้ และเขาก็สามารถที่จะใช้สกิลพวกนี้ได้อย่างใจ โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน เสียงในสนามหลังบ้านก็เริ่มเป็นจังหวะ และเสียงเหล่านั้นมันก็เริ่มเชื่อมเข้าด้วยกัน ทุกครั้งที่แฮปปี้ต่อยออกไป เสียงแหวกลมก็ดังขึ้น
เมื่อเขาเริ่มเหนื่อย เขาก็เริ่มนั่งสมาธิและใช้วิชาบ่มเพาะสรรพจริงเพื่อฟื้นฟูค่าความเหนื่อยและค่าจิตวิญญาณ หลังจากนั้น เขาก็จมไปกับการฝึกฝนหมัดยาวเส้าหลิน เขาก็เลื่อนระดับวิชาบ่มเพาะสรรพจริงไปเป็นระดับ 2 และความเร็วในการบ่มเพาะปราณของเขาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อจุดลมปราณของเขาถูกเปิดขึ้นและร่างกายของเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น อำนาจของหมัดยาวเส้าหลินก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆด้วยเช่นกัน เมื่อเขาจัดการกับหมัดที่ว่องไวและรุนแรงด้วยพละกำลังทั้งหมด เขาก็สามารถที่จะทำให้สายลมคำรามออกมาได้ เขาก็พัฒนาอย่างรวดเร็วขึ้น อาจจะไม่มีใครในตระกูลมู่หลงที่สามารถเทียบกับเขาได้เลย
แต่ด้วยการฝึกฝนธรรมดาๆทั่วไปแบบนี้ เขาก็จะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างแท้จริงบนเส้นทางสู่ผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่แฮปปี้รู้เป็นอย่างดี
เมื่อหมัดยาวเส้าหลินมาถึงเลเวล 10 มันก็หยุดเลื่อนระดับ หลอดความก้าวหน้าก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ถ้าแฮปปี้ไม่ได้ยุ่งไปกับการศึกษาและทำความเข้าใจกับหมัดยาวเส้าหลินจากการเล่นครั้งก่อนแล้วละก็ เขาก็คงจะไปจากคฤหาสน์มู่หลงนานแล้ว เพื่อที่จะไปสู้จริงๆด้านนอกเมือง
แม้ว่าหมัดยาวเส้าหลินจะสามารถจัดการกับวิชาไม้ปีศาจบ้าคลั่งได้ เมื่อเขาคุ้นชินกับมัน แฮปปี้ก็เป็นคนที่ชอบทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าอะไรที่เขาทำ ตั้งแต่คุณหญิงตระกูลมู่หลงก็ให้เวลาเขาสามวันในการศึกษาและทำความเข้าใจวิชา เขาก็ไม่ได้รีบทดลองดู เขาตั้งใจที่จะฝึกฝนสกิล จนเขาสามารถที่จะเผชิญหน้ากับนักดาบรับใช้ที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์แบบตรงๆได้
เขากำลังจะไปเอาชนะวิชาไม้ปีศาจบ้าคลั่ง ซึ่งนักดาบรับใช้ไม่น่าจะใช่ลูกศิษย์จากสำนักขอทาน แต่หมัดยาวเส้าหลินเป็นสกิลขั้นพื้นฐานที่แข็งแกร่งและดุดันของวัดเส้าหลิน ดังนั้นมันสามารถที่จะต่อกรกับผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำได้หลายประเภท โดยไม่สนใจว่าผู้ใช้จะเสียเปรียบโดนโจมตีไปก่อนสามกระบวนท่าก็ตามที
แฮปปี้ไม่ได้ต้องการที่จะหน้าจุ่มดินเป็นครั้งที่สองแล้ว!