ตอนที่ 39 สู้จนจบ
เหล่าหัวหน้าพ่อบ้านคือใครกัน?
เขามีอำนาจจัดการทุกเรื่องในตระกูล คนในตระกูลส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสได้เจอกับผู้อาวุโสสูงสุด หัวหน้าพ่อบ้านคือพระเจ้าที่กุมชะตากรรมของพวกเขาเอาไว้
หากพวกเขาสั่งให้ไปทางซ้ายจะไม่มีใครกล้าไปทางขวา
หัวหน้าพ่อบ้านสามารถทำให้คุณอยู่จุดสูงสุดบนโลกใบนี้และทำให้คุณเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษของตระกูล แต่พวกเขายังสามารถโยนคุณลงไปที่ก้นหลุมและทำงานในโรงงานผลิต
เฟิงหลางตกใจกับความกล้าของเฟิงหลินที่กล้าต่อต้านหัวหน้าพ่อบ้าน
คนพาลคนนี้ไม่รู้ถึงความสำคัญ เขาไม่คิดแก้ไขสถานการณ์
เมื่อคิดว่าเขากล้าตอแยแม้กระทั่งหัวหน้าพ่อบ้าน ทันใดนั้นเฟิงหลางก็เลิกคิดมากเรื่องเด็กนี่ มันไม่มีอะไรมาเปรียบกับเรื่องนี้
แต่เขาต้องบอกว่าเด็กต่ำต้อยคนนี้เป็นลูกผู้ชายจริงๆ!
สีหน้าของเฟิงหลางตกใจมาก
เฟิงหลินยังคงเผชิญหน้ากับหัวหน้าพ่อบ้าน เขาดูสงบและไม่มีเจตนาที่จะหนี
บางทีหัวหน้าพ่อบ้านคนนี้อาจเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับคนในตระกูลคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา
เขากำลังจะได้รับมอบหมายให้ทำงานในโรงงานนรกของตระกูล ชะตากรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของเขานั้นน่าสังเวชมากเกินพอ การทำให้หัวหน้าพ่อบ้านขุ่นเคืองมันจะเลวร้ายแค่ไหนกันเชียว?
เมื่อไหร่ที่เขาควรจะสู้กับ'โชคชะตา'ถ้าไม่ใช่ตอนนี้?
เฟิงหลินคิดถึงเรื่องนี้มานานแล้ว
สู้ เขาจะต้องสู้จนกว่ามันจะจบ
ชะตากรรมที่น่าสังเวชรอเขาอยู่ข้างหน้า หากเขาไม่สู้ตอนนี้ เขาก็จะไม่มีวันหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
คำว่า "ฉันปฏิเสธ" ของเฟิงหลินนั้นแน่วแน่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
บรรยากาศมาคุขึ้นทันทีทันใดจนน่าอึดอัด
สีหน้าของหัวหน้าพอบ้านไม่พอใจอย่างชัดเจน ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นจนจะถึงขีดจำกัด
การกุมอำนาจของสมาชิกในตระกูลทำให้เขาเหนือสุด นอกจากผู้อาวุโสสูงสุด มันสามารถกล่าวได้ว่าเขาสามารถใช้มือเดียวบดบังท้องฟ้า
ตอนไหนกันที่มีคนกล้าคัดค้านเขา
และยังเป็นเพียงสมาชิกระดับต่ำ มันคือการกบฏ!
จะมีวินัยได้ยังไงถ้าเขาไม่ลงโทษคนแบบนี้? เขาจะเอาเกียรติของเขาไว้ที่ไหนในฐานะหัวหน้าพ่อบ้านถ้าเขาจัดการไม่ได้?
สายตามุ่งร้ายดั่งสายตาของเหยี่ยวเหมือนความตายกำลังจ้องมองเฟิงหลิน มันแหลมคมราวกับมีด เหมือนกับว่าตาทั้งสองข้างสามารถหั่นเฟิงหลินออกเป็นชิ้นๆได้
มีพลังงานเย็นเฉียบในอากาศ ราวกับภูเขากดทับลงมา
เฟิงหลินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักอึ้งราวกับเนินเขามากดทับกระดูกสันหลัง บังคับให้เขาต้องพ่ายแพ้และคุกเข่าลงกับพื้น
ไม่!
สายตาของเขาร้อนเหมือนไฟที่ลุกโชน ไม่สะทกสะท้านกับสายตาของหัวหน้าพ่อบ้าน เฟิงหลินไม่ปล่อยให้กระดูกสันหลังโค้งงอแม้แต่น้อย เหมือนต้นสนที่ปักหลักโดดเดี่ยวบนยอดหน้าผา แม้มีลมพัดแรงและฝนซัดอย่างหนัก มันต้องเลือกว่าจะตายหรือจะหักงอ เขายอมตายมากกว่างอ
"คนจริง!" แม้เขาจะยอมรับในตัวเฟิงหลิน แต่เฟิงหลางก็กลัวความน่าเกรงขามของหัวหน้าพ่อบ้าน
ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่มีรูปร่างระหว่างคนทั้งสองนั้นรุนแรง ในฐานะผู้ชมเฟิงหลางทำอะไรไม่ได้นอกจากตัวสั่น
หัวหน้าพ่อบ้านเป็นผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาว ถึงกระนั้นต่อหน้าตัวตนที่น่าเกรงขาม สมาชิกระดับต่ำของตระกูลกลับไม่ยอมแพ้และยืนหยัดอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่คำนึงถึงศักยภาพของเขา ความจริงที่ว่าเขากล้าสู้กับหัวหน้าพ่อบ้านนั้นนับเป็นเรื่องที่น่านับถือ!
"อย่าแม้แต่จะคิด!" เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถจัดการกับเฟิงหลินได้ง่ายๆ หัวหน้าพ่อบ้านก็ทำลายความเงียบ
ดวงตาของเฟิงหลางเป็นประกายแวววาว
ในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของตระกูล เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าของหัวหน้าพ่อบ้าน
แม้ภายนอกเขาจะดูสงบ แต่ภายในเขากำลังคุกกรุ่น
เด็กหนุ่มคนนี้กำลังจะเจอเรื่องร้าย!
"ทำไมถึงไม่?"แม้จะได้ยินคำถามของพ่อบ้าน เฟิงหลินก็ยังไม่ถอย
"ตระกูลเลี้ยงเธอขึ้นมา ดังนั้นทุกๆคนจึงมีหน้าที่ที่ต้องเติมเต็ม ในฐานะสมาชิกระดับต่ำที่ไม่สามารถเข้าวิทยาลัยได้ การมีส่วนร่วมในโรงงานของตระกูลคือหน้าที่และชะตากรรมของเธอ ต้องรู้ว่าตระกูลเราจะไม่ยอมให้อะไรเสียเปล่า หากมีคนตามืดบอดอย่างเธอและคัดค้านความรับผิดชอบ งั้นทุกสิ่งจะไม่วุ่นวายไปหมดรึยังไง?จะยังมีกฏไว้ทำไมกัน?”หัวหน้าพ่อบ้านกล่าว
“เพียงเพราะผมไม่สามารถเข้าวิทยาลัยได้ ผมจึงต้องมีส่วนร่วมในตระกูลใช่ไหม?” เฟิงหลินไม่ตื่นตระหนก เขายิ้มอย่างมั่นใจที่มุมปาก ก่อนจะถามอีกครั้ง "แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปมสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้"
"ว่าไงนะ! มหาวิทยาลัย?พลังของแกเป็นเพียง0.4 อย่าฝันไปหน่อยเลย ... " หัวหน้าพ่อบ้านไม่ปิดบังสีหน้ารังเกียจ
เขาใช้นิ้วเรียกดูข้อมูลผลการสอบจากโรงเรียน
ในนั้นค่าสถานะพลังของเขาสูงถึง1.5 ข้อมูลจากโรงเรียนมัธยมโลกสามารถเรียกดูได้ตลอดเวลาและเปิดเผยสู่สาธารณะ
ข้อมูลคือผลสรุปและไม่สามารถปลอมแปลงได้
หัวหน้าพ่อบ้านพูดไม่ออก ใบหน้าของเขาเริ่มอ่อนลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จ้องเฟิงหลินหนักกว่าเดิม
เขาต้องทำตามกฎของตระกูล
เขาคือผู้ปกครองที่นี่ แต่เฟิงหลินกล้าขัดคำสั่งของตระกูลที่มีมากว่าหลายพันปีเพียงเพราะความสำเร็จเพียงเล็กน้อยนี้นะหรอ? สติหลุดไปแล้วหรือไง!
"พลังเพียง 1.5 จะไปทำอะไรได้" เขาเลิกสนใจข้อมูลของเฟิงหลิน และดูเหมือนจะไม่รู้สึกประทับใจเลย "โรงเรียนมัธยมโลกไม่ได้ต่างอะไรไปกับโรงเรียนขยะในเมืองฮั่วเซีย เทียบกับคนอื่น พลังชีวิตแกไม่ได้เหนือด้วยซ้ำ แกจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง?!”
"ด้วยสถานะพลังเพียงเท่านี้ แกคิดว่าแกจะเป็นอิสระจากหน้าที่ต่อตระกูลอย่างงั้นหรือไง!แกควรรู้ว่ามีผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวจำนวนมากในตระกูลของเราที่มีพลังมากกว่า10หน่วย 1.5 จะไปมีความหมายอะไร?"
คำพูดทุกคำล้วนดูหมิ่นผลคะแนนของเฟิงหลินและโรงเรียน
นี่เป็นสิ่งที่เฟิงหลินไม่สามารถยอมรับได้ เขาระงับความโกรธและความขุ่นมัวไว้ในใจ เฟิงหลินต้องการเปิดเผยความจริงว่าพลังของเขาตอนนี้คือ2.3 แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว
ในที่สุดเฟิงหลินก็พบความจริง
หัวหน้าพ่อบ้านคนนี้ดูถูกเขา
ตระกูลเฟิงมีรากฐานที่แน่นแฟ้น บางทีผู้บ่มเพาะระหว่างดวงดาวเท่านั้นที่จะมีค่าในสายตาของหัวหน้าพ่อบ้าน
ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะพูดอะไรอีก มันเพียงแต่จะกระตุ้นให้เกิดความรังเกียจและเยาะเย้ยมากขึ้นเท่านั้น
"เด็กน้อย อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวไปหน่อยเลย หากเข้ามหาวิทยาลัยระหว่างดวงดาวไม่ได้ เธอก็ไม่มีสิทธิที่จะหนีหน้าที่ต่อตระกูลไปได้ ความสามารถและศักยภาพของเธอยังห่างไกลจากการเป็นข้อยกเว้นของตระกูล
ตอนนี้เธอมีทางเลือกเดียว คือทำตามกฎและเข้าฝึกงานที่โรงงานของตระกูลอย่างเชื่อฟัง มิฉะนั้นถ้าเธอไม่มีงาน ในอนาคต เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลและเป็นขอทานตามท้องถนน!"คำสั่งนั้นชัดเจน ในความเป็นจริงมันฟังดูเหมือนการข่มขู่
ฉันไม่รอถูกไล่หรอก!
สำหรับคนอื่นนี่อาจเป็นการเตือนจากหัวหน้าพ่อบ้าน แต่เฟิงหลินก็ไม่สนใจ
หากเขาต้องทำงานที่โรงงานของตระกูล เขาก็จะออกไป!
แต่ทว่า เว้นแต่มันจะจำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากหนีไปอย่างผู้แพ้
เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยระหว่างดวงดาวอย่างงั้นหรอ?
เฟิงหลินต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้
สู้ เขาต้องสู้!
สู้จนกว่าจะจบ อย่ายอมแพ้!
เฟิงหลินจะไม่ยอมให้คนอื่นมาจัดการชะตาชีวิตของเขาแบบนี้ เขากล่าวเสียงเบา"หัวหน้าพ่อบ้าน ผมจะไม่เข้าฝึกงานที่โรงงานของตระกูลอย่างแน่นอน แล้วทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันล่ะ?"
"ข้อตกลงอะไร" หัวหน้าพ่อบ้าน ถามโดยสัญชาตญาณทันที
เฟิงหลินลดสายตาลง ตาของเขามืดดำ
นี่คือไม้ตายเขา!
เขารู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้นน้อยมาก แต่หัวหน้าพ่อบ้านก็ไม่ยินดียินร้าย ทำให้เขามีโอกาสเล็กน้อย แต่เขาทำได้ทุกอย่าง เพื่ออนาคตของเขา
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ยอมถูกไล่ออกตระกูล
สังคมที่นั่นโหดร้ายและปั่นป่วน
เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตัวเอง แต่พ่อแม่และน้องๆของเขาล้วนเป็นคนธรรมดา หากเขาประมาท เขากลัวว่าผลที่ตามมาจะเลวร้าย ...
ตั้งแต่เฟิงหลินมาใช้ร่างนี้ เขาก็รับชะตากรรมของมันมาด้วย
เขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวที่จะละทิ้งครอบครัวของเขาในชีวิตนี้ไป
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามสุดความสามารถ
"เราสามารถตกลงกันได้ ผมจะเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าผมสอบไม่ผ่าน ผมจะกลับมาตระกูลโดยไม่เรียกร้องอะไรอีก ผมจะทำหน้าที่อย่างเชื่อฟัง อย่างไรก็ตามถ้าผมเข้าเรียนที่นั่นได้ ผมจะไม่ต้องการอะไรเลย แค่อยากให้ครอบครัวพ้นจากข้อจำกัดของพวกเขาและอนุญาตให้ผม ได้รับการฝึกฝนอย่างอิสระ!และตระกูลก็จะได้รับอัจฉริยะแท้จริงที่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้อีกด้วย มันถือเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมหาศาล คุณกล้าเสี่ยงกับมันไหม?”
เฟิงหลินหยุดและใช้สายตาแหลมคมดั่งมีดสบตากับหัวหน้าพ่อบ้าน
"เป็นยังไง?หัวหน้าพ่อบ้าน?”