WDS Chapter 67 การกำหนดแผนการเคลื่อนไหว
WDS Chapter 67 การกำหนดแผนการเคลื่อนไหว
บนโต๊ะ มีกระเป๋าสีแดงขนาดใหญ่วางอยู่ใบหนึ่ง เสนาบดีชี้ไปที่มันและกล่าวว่า “นี่คือเงิน 20,000 จาก 100,000 แลนทอง ที่ได้รับมาจากการขาย และข้าได้จัดเตรียมคลังสินค้าที่เก็บน้ำผึ้งไว้ให้แล้ว อาจารย์ของเจ้าสามารถจะแปรสภาพมันเป็นน้ำยากับดักน้ำผึ้งได้มากเท่าที่เขาต้องการ เสร็จแล้วก็ให้แจ้งข้า ข้าจะส่งมันไปยังพระราชวัง เงินส่วนที่เหลืออยู่ในห้องที่สี่ของทางเดิน นี่เป็นกุญแจสำหรับเปิดมัน เจ้าสามารถใช้ห้องนั้นได้ตามที่เจ้าต้องการ รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่นั่น แดนีล ระมัดระวังด้วย มีคลื่นใต้น้ำมากมายในราชอาณาจักร ข้าไม่ต้องการจะให้เจ้าจมไปกับมัน”
เสนาบดีส่งกุญแจทองคำให้กับเขา ก่อนยิ้มและออกไปพร้อมกับจอมเวทย์มิติ
หยิบกระเป๋าสีแดงขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่แดนีลรู้สึกว่าความร่ำรวยเป็นอย่างไร
เดินไปยังห้องที่สี่ของทางเดิน เขาใช้กุญแจที่ได้รับมาไขล็อกและเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เขาเห็น เป็นสิ่งที่เขาจะไม่สามารถลืมได้ไปตลอดชีวิตของเขา
มันเป็นกองเหรียญทองที่ถูกจัดเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ประกายแสงสีทองออกมาถึงประตู
แดนีลนับมันได้ 8 แถว ซึ่งก็มีความหมายว่า แต่ละแถวมี 10,000 แลนทอง
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ด้วยความเสี่ยง, ความกลัว และความพยายามทั้งหมดของเขา มันทำให้เขาในตอนนี้รู้สึกได้ว่า เขาได้รับผลตอบแทนแล้ว เขาจดจ้องไปยังภาพเบื้องหน้าเขาและชื่นชมยินดีกับตัวเอง ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเขาและผู้ติดตามของเขาอีกแล้ว
หยิบกระเป๋าสีแดงติดมาด้วย แดนีลออกจากคฤหาสน์และกลับไปที่ห้องของเขา มันถึงเวลาที่เขาจะต้องอธิบายทุกอย่างให้แฟกซัลฟังแล้ว
เมื่อได้ยินว่าแดนีลกำลังสร้างฝ่ายของตัวเอง สหายผู้นี้ของเขาก็เพียงแค่พยักหน้า ก่อนจะถามว่า ต้องการจะให้เขาทำอะไร นี่ทำให้แดนีลสงสัยว่า แฟกซัลเข้าใจความทะเยอทะยานของตัวเขาหรือไม่
แฟกซัลได้รับมอบหมายให้รับสมัครคนตรงกับเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้เพิ่มเติม พวกเขาจะต้องเป็นคนขยันและถูกกดขี่ มีความปรารถนาที่จะแก้แค้น หน้าที่ของเขาก็คือ ประสานงานกับโจชัว และคอยเฝ้าติดตามบุคคลเหล่านั้นทั้งหมดในสถานศึกษา และรวบรวมข้ามูลที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แน่นอนว่า จะต้องทำอย่างระมัดระวังมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
การที่มีคนทำภารกิจเพียงไม่กี่คนนั้น มันก็มีความหมายว่า โอกาสที่การกระทำของพวกเขาจะรั่วออกไปนั้น มันก็จะยิ่งต่ำลง แต่เพื่อความปลอดภัย แดนีลตัดสินใจใช้การสาบานตนตั้งแต่เนิ่นๆ
เขาเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในสถานศึกษา เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นคนยืนหยัดต่อสู้กับคนชั้นสูงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในหมู่คนทั่วไป ดังนั้น จึงมีบางคนอย่างโจชัว ที่ติดตามเขาในทันทีที่มีโอกาส
แม้ว่าจำนวนสมาชิกจะไม่มากนัก แต่แดนีลก็ไม่ต้องการจะเสียโอกาสที่พวกเขาเสนอตัวเองไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น เขาจึงได้ให้ระบบพัฒนาคาถาคำสาบานเวทมนต์ ก่อนจะบอกให้แฟกซัลและโจชัวมาพบเขาอย่างลับๆ
ปัญหาการถูกสอดแนมได้รับการแก้ไขแล้ว ด้วยการใช้เงินซื้อเครื่องประดับเวทมนต์ปกคลุมพื้นที่ แต่เนื่องจากเขามีเครื่องมือป้องกันการเฝ้าระวังอยู่แล้ว แดนีลจึงสามารถบอกได้ว่า มีใครแอบมองเขาอยู่หรือไม่ หากมันเกิดขึ้น เขาจะเลือกเวลาและสถานที่ที่แตกต่างออกไปจากเดิม หรือหากไม่มีทางเลือกอย่างแท้จริง เขาก็จะใช้เครื่องประดับเวทมนต์ เครื่องประดับเวทมนต์ที่หายากนี้ มีราคาถึง 20,000 แลนทอง และมันต้องให้เสนาบดีเป็นคนจัดหาให้
สิ่งต่อไปที่แดนีลทำก็คือ ไปหาริปลีย์อีกครั้ง เพื่อสังเกตการทำเครื่องประดับเวทมนต์ป้องกันและโจมตี และพัฒนาเทคนิคที่จำเป็นในการเอนชานท์พวกมัน เป้าหมายของเขาก็คือ การสร้างและสะสมเครื่องประดับเวทมนต์ป้องกันและโจมตี ที่สามารถจะมอบให้สมาชิกในฝ่ายของเขาได้เมื่อเวลามาถึง
แน่นอน เนื่องจากความมั่งของเขามีอยู่ไม่จำกัด การซื้อเครื่องประดับเวทมนต์จึงนับเป็นทางเลือกหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่หากซื้อมากเกินไป มันอาจจะกระตุ้นความสงสัยได้ เขาจึงเลือกที่จะซื้ออย่างช้าๆ และในแต่ละครั้ง ก็ซื้อกับคนที่แตกต่างกันไป แต่การทำเช่นนี้ ไม่เพียงพอที่จะไปถึงเป้าหมายของเขาได้
ดังนั้น เขาจะต้องเอนชานท์เครื่องประดับเวทมนต์ด้วยตัวเองให้ได้
แดนีลคิดว่ามันจะทำได้ง่ายๆหลังจากที่เขาได้รับเทคนิคแล้ว แต่เขาก็ต้องตกตะลึง เมื่อระบบใช้หน้าจอแสดงผล เพื่อบอกในสิ่งที่เขาจะต้องทำ
หลังจากถามกับระบบแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า มี 2 วิธี ในการเรียนรู้การเอนชานท์ หนึ่งคือ เอนชานท์สิ่งของที่ถูกหลอมขึ้นมาโดยคนอื่น และสองคือ เรียนรู้การการหลอมและค่อยๆทำเครื่องประดับเวทมนต์ด้วยตัวเองในทุกๆขั้นตอน
ริปลีย์ใช้วิธีที่สอง หลังจากถามจากระบบแล้ว แดนีลก็พบว่า มีวิธีที่สองมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะเอนชานเตอร์จะรู้ความผิดพลาดและความไม่สมบูรณ์แบบของโลหะที่ใช้ทั้งหมด ในความเป็นจริง เอนชานเตอร์หลายคนเรียนรู้การเป็นช่างตีเหล็กพื้นฐานก่อน แล้วค่อยเริ่มเข้าสู่เส้นทางของการเอนชานท์ นี่ก็เพราะอัตราความสำเร็จ วิธีแรกจะทำให้มีโอกาสทำสำเร็จราว 2 ใน 10 ครั้ง ขณะที่วิธีที่สอง สะสองผลให้อัตราความสำเร็จอย่างน้อยถึง 50%
แม้เขาจะถูกล่อลวงให้เลือกวิธีแรกที่ช่วยประหยัดเวลาได้ แต่สุดท้าย แดนีลก็เลือกตามสัญชาตญาณของเขา เขารู้สึกว่าวิธีที่สอง จะทำให้เขามีรากฐานที่มั่นคง ซึ่งมันจะต้องแสดงคุณค่าออกมาในภายหลังอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเรียนรู้การเป็นช่างตีเหล็กพื้นฐาน ก่อนจะเรียนรู้การเอนชานท์
โชคดีที่เขามีระบบ ซึ่งสามารถจะช่วยเขาในการฝึกฝนได้ จอแสดงผล แสดงให้เขาเห็นทุกอย่างตั้งแต่การตั้งท่าและวิธีการขยับแขนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง รวมไปถึงการออกแรง ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือ เวลาและการฝึกฝน เพื่อให้กร้ามเนื้อและจิตใจของเขาคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน
ปัญหาสุดท้ายที่เขาจะต้องแก้ไขก็คือ คนชั้นสูง ตั้งแต่การต่อสู้ระหว่างวาราเนลและโจชัว แดรีลรอให้พวกคนชั้นสูงตอบโต้และเพิ่มกิจกรรมการกดขี่ของพวกเขา หรือไม่ก็ท้าทายอีกครั้ง
กระนั้น สิ่งที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น ในวันถัดจากนั้น พวกคนชั้นสูงที่ชอบกดขี่คนทั่วไปกลับระงับการกระทำของพวกเขา นี่รวมไปถึงตัววาราเนลด้วน ซึ่งมันทำให้แดนีลสงสัยว่า พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติใดๆ
เมื่อทุกสิ่งถูกจัดเตรียมแล้ว แดนีลก็ยุ่งไปกับตารางที่เขาทำขึ้นเหมือนกับในปีหนึ่ง การเอนชานท์, การฝึกฝนร่างกายและหน่อจอมเวทย์, การรับสมัคร, การแปรสภาพน้ำยากับดักน้ำผึ้ง, การกระจายทรัพยากร และการใช้แผนการบางอย่างเพื่อเพิ่มกลอุบาย เขาจัดการทุกอย่างเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ใครจะรู้ว่าแต่ละอย่างเหล่านี้ยุ่งยากมากเพียงใด
มีเพียงแดนีลเท่านั้นที่รู้ว่า ความสงบสุขในตอนนี้ มันเป็นความสงบก่อนที่พายุจะมาถึง และนั่นจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของราชอาณาจักร
แฟนเพจ : WDS แปลไทย