WDS Chapter 58 การพบกับอินทรีย์แห่งความเที่ยงธรรมอีกครั้ง
WDS Chapter 58 การพบกับอินทรีย์แห่งความเที่ยงธรรมอีกครั้ง
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งช่วงบ่ายและค่ำ ทั้งสองก็ได้กลับเข้าเมือง สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็สามารถจับยุงได้ราว 30 ตัว
หลังจากเดินไปที่ตลาด แดนีลก็ได้ซื้อของที่เขาต้องการ จากนั้น ทั้งสองก็แยกย้ายกัน
กลับมาถึงห้องของเขา แดนีลได้เริ่มต้นการทำงาน สร้างผลิตภัณฑ์แรกของเขาบนโลกแห่งนี้
ผลลัพธ์ของงานนี้ มันจะเป็นตัวตัดสินว่า เขาจะสามารถสร้างรากฐานทางการเงินสำหรับฝ่ายของเขาได้หรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น แดนีลไปที่สำนักฝึกอบรมอีกครั้ง ในครั้งนี้ เขาได้ขอพบกับพ่อของเอเลนาฟ ที่ได้ชื่อว่า อินทรีย์แห่งความเที่ยงธรรม
แม้เขาจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันชายคนนั้นมากนัก แต่แดนีลก็เคยได้ยินเรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับเขาจากเอเลนาฟ แม่ของเอเลนาฟเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเยาว์ และตั้งแต่นั้นมา พ่อของเขาก็เป็นคนดูแลเขามาจนถึงตอนนี้
ตามที่เอเลนาฟกล่าว มีหลายครั้งที่พ่อของเขาใช้เวลาตลอดทั้งคืนคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพแม่ของเขา
ในวันถัดไป เอเลนาฟมักจะพบว่า มีคนทั่วไปหรือทหารบางคนถูกประหารหรือถูกขับออกจากกองทัพโดยคนชั้นสูงที่หยิ่งผยอง
พ่อของเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมเสมอมา และเขามักจะคร่ำครวญว่า เขาเป็นหนึ่งในเสาหลักสุดท้ายที่สุดที่ยืนอยู่ข้างประชาชนคนทั่วไป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในสถานะปัจจุบันของเขา แต่เขาก็ยังคงพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่มันอยู่ในขอบเขตอำนาจของเขา เช่น ในกรณีการมอบรางวัลพลเมืองชั้นยอดให้แดนีล
ดังนั้น แดนีลจึงได้ตัดสินใจว่า เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่จะเข้าร่วมฝ่ายหากเขาต้องการ เพื่อสร้างรากฐานทางการเงินให้กับฝ่ายของเขา นอกจากนี้ เขาก็จะไม่เปิดเผยแผนการที่สำคัญใดๆต่อหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของรัฐบาล มันเป็นเรื่องปกติที่เสนาบดีจะเริ่มต้นธุรกิจในราชอาณาจักร ดังนั้น สิ่งนี้จะไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก
สิ่งที่เขาต้องการก็คือ การจัดหาอีเธอร์และทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนผู้ติดตามเขาและสำหรับการสร้างเครื่องประดับเวทมนต์ เขาเคยคิดที่จะขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยชื่อของเขา และเก็บผลกำไรทั้งหมดเอาไว้เอง อย่างไรก็ตาม หากทำเช่นนั้น เขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของราชาหรือจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่ได้ นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของเขา ก็ยังคงเป็นการฝึกฝนตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้
ขณะที่เดินเข้าไปยังเมืองชั้นใน แดนีลและเอเลนาฟก็เดินไปที่ประตูที่ตั้งอยู่ข้างพระราชวัง
หลังจากผ่านสนามหญ้าอันกว้างใหญ่เข้าไปแล้ว ทั้งสองก็มาถึงคฤหาสน์ที่มียอดแหลมและประตูขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รูปทรงสถาปัตยกรรมของมันแตกต่างจากห้องสมุดเมือง แทนที่จะถูกค้ำด้วยเสาขนาดใหญ่ มันกลับเต็มไปด้วยเสาขนาดเล็กจำนวนมากที่ได้รับการแกะสลักอย่างงดงามด้วยภาพการเต้นของชายและหญิง ประตูเป็นหนึ่งในส่วนที่โดดเด่นที่สุดของคฤหาสน์ และมันมีความสูงถึง 20 ฟุต
เข้าไปในคฤหาสน์ ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาที่นุ่มที่สุดที่แดนีลเคยเห็น และพวกเขาพูดคุยกันขณะที่รอการมาถึงของเสนาบดี
ราว ครึ่งชั่วโมงต่อมา คนที่คุ้นเคย 2 คน ก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตู หนึ่งเป็นจอมเวทย์มิติที่อธิบายเกี่ยวกับหน่อจอมเวทย์ให้กับแดนีลก่อนหน้านี้ อีกคนกำลังมองมาที่แดนีล พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจบนใบหน้าของเขา ชายคนนี้รู้จักกันในชื่อ อินทรีย์แห่งความเที่ยงธรรม
“ยินดีต้อนรับ แดนีล เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เขาถามก่อนที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
แดนีลหยิบโถที่มีของเหลวซึ่งดูเหมือนน้ำผึ้งออกมา หลังจากจอมเวทย์มิติยิ้มให้กับแดนีลแล้ว เขาก็เอาแต่จดจ้องไปที่โถ ราวกับมันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ เห็นเช่นนั้น แดนีลก็กล่าวว่า “ข้ามีข้อเสนอให้ท่าน ท่านจะจ่ายข้ามากเพียงใด หากข้าบอกท่านว่า ข้าสามารถแก้ปัญหายุงที่รบกวนราชอาณาจักรได้?”
เสนาบดีค่อนข้างสับสนขณะที่แดนีลกล่าวถึงยุง เขามุ่ยหน้าและกล่าวว่า “ช่างน่าตลกนัก ข้าเพิ่งจะใช้เวลาตลอดชั่วโมงที่ผ่านมา ตรวจสอบบันทึกการเงินของราชอาณาจักร เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีใครยักยอกเงินจากการเสนอราคาเกินจริงสำหรับวิธีการป้องกันยุงให้ห่างจากคลังสมบัติของราชอาณาจักร น่าเศร้าที่ตัวเลขนั้นถูกต้อง ในตอนนี้ เกือบ 10%ของภาษีที่ราชอาณาจักรรวบรวมได้ ถูกนำมาใช้แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่า ต้องใช้เงินกี่ล้านแลนทองกับมัน หากเจ้าสามารถแก้ปัญหาได้ ข้ากล่าวกล่าวเลยว่า เงินต่ำสุดท่ีราชอาณาจักรจะเสนอให้กับเจ้าก็คือ 1 ล้านแลนทอง”
เห็นความประหลาดใจและความสุขบนใบหน้าของแดนีล เสนาบดีก็หยุดก่อนจะกล่าวว่า “แน่นอน นั่นจะเกิดขึ้นหากเจ้าสามารถป้องกันตนเองจากกองทัพได้ แทนที่จะจ่ายเงินให้กับเจ้า ราชาคงเลือกที่จะใช้วิธีบังคับเจ้าแทน ดังนั้น บอกกับข้า เจ้าจะยังคงเสนอเรื่องนี้อยู่หรือไม่?”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของแดนีลก็สลดลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว
“ท่านบอกว่า ราชาจะเลือกทำเช่นนั้นกับข้า แล้วหากมันเป็นตัวท่านล่ะ?”
ได้ยินเช่นนั้น เสนาบดีก็ยิ้มออกมา แทนที่จะตอบคำถาม เขามองไปรอบๆห้อง ก่อนจะส่งสัญญาณบางอย่างให้กับจอมเวทย์ชุดคลุมดำที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
จอมเวทย์คนนั้นพยักหน้าและหยิบเหรียญขนาดใหญ่ที่ส่อประกายสีแดงออกมา แล้ววางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าพวกเขา ซึ่งมันได้ทำให้โดมสีแดงประกฎขึ้นรอบๆพวกเขา สิ่งนี้เตือนให้แดนีลคิดถึงช่วงเวลาที่เขาได้พบกับราดากัสต์
“นี่เป็นเครื่องประดับเวทมนต์ระดับสูงที่ออกแบบมาสำหรับป้องกันจอมเวทย์หรือนักสู้ที่ระดับต่ำกว่านักรบ ดังนั้น มันจึงสามารถจะใช้งานได้เพียงระยะสั้นๆ รีบบอกข้อเสนอของเจ้ามา แม้เคลเลอร์จะบอกข้าเล็กน้อยเกี่ยวกับเจ้า แต่เขาไม่เคยบอกเลยว่า เจ้าจะเริ่มเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้”
ได้ยินเช่นนั้น แดนีลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก สิ่งต่างๆเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เช่นเดียวกับอาจารย์โจนาห์ บุคคลผู้นี้เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่เคลเลอร์ตั้งขึ้น สัญญาณค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่แดนีลได้ยินสิ่งชอบธรรมต่างๆที่เสนาบดีคนนี้ทำจากเอเลนาฟแล้ว รูปแบบทั่วไปได้เชื่อมโยงคนเหล่านี้ทั้งหมดให้ยินดียืนข้างเคลเลอร์ และพวกเขาต่างก็ไม่พอใจการกระทำของเหล่าคนชั้นสูง
“ข้าต้องการให้พ่อแม่ของเขาถูกพาตัวออกไปจากราชอาณาจักร หรือพาไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย สำหรับการขายผลิตภัณฑ์ ข้าต้องการกำไร 80%ของทั้งหมด” แดนีลกล่าว เขาเริ่มชั่งน้ำหนักในหัวใจของเขาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาได้ยินเรื่องราวของอาจารย์โจนาห์ เขาไม่ต้องการจะตื่นมาพร้อมกับได้ยินข่าวที่ว่า พ่อแม่ของเขาถูกสังหารโดยพวกโจร
“พวกเราไม่จำเป็นจะต้องกล่าวส่วนแบ่ง หากผลิตภัณฑ์ดีพอ ข้าจะเพียงแค่หักค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ได้รับการยอมรับจากเคลเลอร์แล้ว แต่ก่อนอื่น แสดงให้ข้าดูว่าเจ้ามีความมั่นใจมากเพียงใด”
หากมันเลวร้ายอย่างถึงที่สุด แดนีลเตรียมจะลดส่วนแบ่งของเขาลงเหลือ 50% เขาจึงรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างมาก ที่สามารถรักษาผลกำไรทั้งหมดเอาไว้ได้ การแสดงศักยภาพให้เคลเลอร์เห็น ดูเหมือนว่ามันจะสร้างผลตอบแทนให้เขามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
แดนีลพยักหน้า ก่อนจะเปิดฝาโถที่เขากอดไว้แน่นราวกับมันเป็นลูกของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่แดนีลได้แสดงผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งเขาจะจดจำมันว่า เป็นก้าวแรกทางการเงินสำหรับการครอบครองโลกของเขา
แฟนเพจ : WDS แปลไทย