WDS Chapter 55 หลักคำสอน
WDS Chapter 55 หลักคำสอน
แดนีลตื่นขึ้นมาพร้อมกับที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลงมาบนเตียงของเขา
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ และเปิดกระดาษที่ราดากัสต์มอบให้กับเขาเมื่อวานนี้
อ่านหลักคำสอน คิ้วของแดนีลขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีที่เหลือให้ขมวดอีก
หลักคำสอนของของเชิร์ชแห่งความเที่ยงธรรม เป็นหนึ่งในอุดมการณ์ที่เข้มงวดมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น แต่เมื่อเขาทำการสังเกตเพิ่มเติม เขาก็ได้สังเกตเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจน
รูปแบบก็คือ ‘นักบุญ’ หรือ บุคคลที่จัดตั้งเชิร์ช เป็นผู้ปกครองที่แท้จริง แม้แต่ตอนเข้า ก็ต้องสาบานตนตามคำกล่าวของนักบุญ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม ในความเป็นจริง ในรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียสละตนเองต่อนักบุญ มันจะส่งผลให้จิตวิญญาณนิรัญของพวกเขารุ่งเรืองตลอดไป และครอบครัวของพวกเขาจะมีชีวิตที่ดี
โดยสรุปแล้ว ใครก็ตามที่เข้าสู่เชิร์ช จะต้องปฏิบัติตามคำกล่าวข้างต้น และพวกเขาจะต้องละเว้นบาปใดๆที่ระบุไว้ในหลักคำสอน แม้รายการบาปเหล่านี้จะมีมาตรฐานที่ค่อนข้างดี แต่ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการเชื่อฟัง ซึ่งมันน่ากังวลอย่างมาก
ในทางกลับกัน สมาชิกทุกคนจะได้รับทรัพยากรเพื่อเข้าถึงจุดสูงสุดตามความสามารถของพวกเขา ตราบเท่าที่ไม่มีการเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ เชิร์ชจะไม่ทำการจำกัดคำขอใดๆของพวกเขา เชิร์ชยินดีที่จะปฏิบัติเช่นนั้น เพราะสมาชิกแต่ละคนได้ลงนามแลกเปลี่ยนเสรีภาพของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถส่งคำขอสำหรับการชำระบาป หากพบว่าข้อมูลที่ให้มาเป็นความจริง สถานที่ที่ความผิดบาปเกิดขึ้น จะถูกกำจัดโดยนักบวชชำระบาป
แดนีลสงสัยว่า นี่คือเหตุผลที่เหล้ารัมของคนแคระถูกทำลาย เขาคิดว่า พวกเขาอาจจะให้โอกาสในการแก้แค้น แลกเปลี่ยนกับอิสรภาพ
แดนีลเข้าถึงหลักคำสอนอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่มีทางเลยที่เขาจะปล่อยให้ใครมากำหนดการกระทำของเขา
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าของอิสรภาพ
แม้เขาจะถูกจำกัดด้วยสภาพแวดล้อมรอบๆ แต่เขาก็ยังคงตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะทำอะไร เขาจะต้อบขอบคุณราดากัสต์หลังจากนี้ ที่ทำให้เขาได้เห็นสิ่งนี้
ในขณะเดียวกัน เขาก็ตัดสินใจว่า มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะไปเยี่ยมอาจารย์ของเขา และค้นหาว่าเขามีข้อตกลงอะไรกับพวกเขา
เมื่อเขาไปถึงกระท่อม เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นควันลอยขึ้นมาจากปล่องไฟด้านบน
เคราะประตู เขาได้รับการต้อนรับจากกลิ่นของเนื้อไหม้
ขณะที่อาจารย์โจนาห์เปิดประตู ควันสีดำก็พุ่งออกมาจากกระท่อมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่กี่คนที่อยู่รอบๆถึงกับย่นจมูก เพราะได้รับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
“เข้ามา” เขากล่าวอย่างเร่งรีบก่อนจะปิดประตูในทันทีที่แดนีลจะใช้มือปิดจมูกและรีบเข้าไป
กระท่อมเต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ แม้เปลวไฟที่เผาเนื้อที่ไม่รู้จักจะอยู่ใต้ปล่องไฟ แต่ควันกลับไม่ลอยขึ้นและออกจากกระท่อมไป
“อย่าไล่ควันออกไป มันหยุดยุงบ้านั่นได้” อาจารย์โจนาห์ที่กำลังเปลี่ยนเนื้อที่ถูกเผากล่าว
“ท่านเป็นจอมเวทย์ชั้นสูงไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านไม่สร้างสิ่งกีดขวางรอบๆห้อง? หรือเพียงแค่ฆ่ายุงทั้งหมดที่กล้าเข้ามา?” แดนีลถามขณะที่เขายังปิดจมูกและหายใจเข้าทางปาก
“เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยลอง? การรักษาสิ่งกีดขวางเป็นเวลานานนั้นเหนื่อยเกินไป และมันเสียเปล่ามากเกินไปที่จะใช้เครื่องประดับเวทมนต์เพียงเพื่อวัตถุประสงค์นี้ แม้แต่พวกพ่อค้าก็ยังใช้วิธีนี้ในการขับไล่แมลงที่น่ารำคาญ ไปกันเถอะ ควันเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว”
ปิดปล่องไฟ อาจารย์โจนาห์แตะไหล่ของแดนีล ทำให้พวกเขาไปปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในป่า แดนีลไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน แม้ว่าชนิดของต้นไม่ที่นี่จะคล้ายกับต้นไม้ในป่านอกห้องสมุดก็ตาม
สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าลึกๆ แดนีลรู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ถูกขังอยู่ในห้องนั้น
“ไม่มีวิธีอื่นป้องกันพวกมันอีกแล้ว? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นพวกมันในสลัม?” แดนีลถาม
“นั่นเพราะพวกมันไม่ใช่ยุงปกติที่กินเลือดมนุษย์ แมลงต้องสาบเหล่านี้กินวัสดุอย่าง อีเธอร์ ในขณะที่เจ้าเรียนรู้ในชั้นเรียนของเจ้า อีเธอร์ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีพลังงานบนโลก พืชและวัสดุบางชนิดก็มีพลังงานเช่นกัน แต่อีเธอร์เป็นสิ่งที่พบได้มากที่สุด เพราะมันเป็นวัสดุเพียงอย่างเดียวที่สามารถจะพบในเหมืองขนาดใหญ่ได้ ตอนนี้ แมลงต้องสาบบ้าเหล่านี้จะกินบล็อกอีเธอร์ที่เก็บพลังงานไว้ ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่เจ้าไม่เห็นบล็อกอีเธอร์ที่ใดเลยเว้นแต่พวกมันจะถูกนำออกมาเพื่อกระตุ้นให้ปล่อยพลังงานออกมา”
“มันมีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลในทุกๆปีสำหรับการใช้เครื่องประดับเวทมนต์เพื่อป้องกันอีเธอร์ที่ถูกเก็บไว้ แม้แต่ในพระราชวังก็ตาม แม้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผล แต่ด้วยกลิ่นที่รุนแรงของมัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกใช้ อย่างไรก็ตาม เด็กน้อย เจ้าคงไม่ได้มาเพื่อฟังข้าอธิบายเกี่ยวกับเรื่องยุงเวทมนต์หรืออีเธอร์ ถามสิ่งที่เจ้าอยากจะรู้มา”
แดนีลมองไปที่ใบหน้าของโจนาห์ที่ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างขณะอธิบายเกี่ยวกับยุง เขาเก็บความคิดนั้นไว้ และถามคำถามที่เขาติดใจมาตั้งแต่เมื่อคืน
“ท่านอยู่ข้างไหน?”
ได้ยินคำถามนี้ โจนาห์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะดึงขวดไวน์ออกมาจากกางเกงของเขา มันดูเหมือนว่าเขากำลังจะกลับไปเป็นอาจารย์ขี้เมา
หลังจากดื่มไวน์ไปอึกใหญ่แล้ว เขาก็กล่าวว่า “มันสำคัญด้วยหรือ เด็กน้อย? เจ้าเป็นคนโง่พอที่จะทำพิธีสาบานเล็กๆของพวกเจ้าในที่โล่ง ที่จอมเวทย์ราชสำนักใหญ่สามารถจะมองเห็นได้อย่างง่ายดาย โชคดีที่ข้าบังเอิญเห็นเจ้าในตอนนั้น ข้าจึงได้สร้างสิ่งกีดขวางป้องกันเอาไว้ สำหรับเชิร์ช พวกเราใช้กันและกัน พวกเขาช่วยข้าด้วยบางสิ่งบางอย่าง และขอให้สิ่งที่ข้าสามารถช่วยได้ สำหรับการพบกับพวกเขา ข้าจะทำให้มั่นใจว่า พวกเขาจะไม่บังคับให้เจ้าทำอะไร”
แดนีลสั่นสะท้าน ขณะที่เขาจินตนาการผลที่ตามมาหากจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่ได้เห็นพิธีนั้น มันอาจจะเปลี่ยนมุมมองของราชาที่มีต่อตัวเขาไปโดยสิ้นเชิง
“ขอบคุณสำหรับสิ่งนั้น แต่ข้าจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างไร หากยังกังวลว่าจะมีคนมาสอดแนมตลอดเวลา?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เขาได้ถามระบบเมื่อเช้าแล้ว และเขาก็ได้รับคำตอบว่า เขาจะต้องซื้อเครื่องมือที่เขาไม่มีแต้มเพียงพอในตอนนี้ นอกจากนี้ เขาก็กำลังเก็บแต้มสำหรับซื้อเครื่องมือฝ่ายที่เขาต้องการ ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องการที่จะใช้แต้มไปกับการต่อต้านการสอดแนม แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ก็ตาม แต่แน่นอนว่า หากไม่มีทางเลือกอย่างแท้จริง เขาก็จำเป็นจะต้องทำ
“ข้าหรือพวกเขา เจ้าเลือกเอง” เขาตอบขณะยักไหล่
ให้เลือกระหว่างเขาและคนอื่นๆ? มันแทบจะไม่ต้องคิดเลย อย่างน้อย ชายคนนี้ก็ได้รับการยอมรับจากเคลเลอร์ว่าเป็นพันธมิตร แม้แต่สัญชาตญาณของเขาเอง ก็บอกว่าอาจารย์คนนี้สามารถไว้วางใจได้ แต่ก็เพียงในระดับหนึ่งเท่านั้น
“ได้ แล้วมันเป็นไปได้หรือไม่ที่ยกเลิกการนัดพบกับนักบวชคนนั้น? ข้าเลือกที่จะปฏิเสธพวกเขาแล้ว นอกจากนี้ ท่านมีวิธีให้ข้าเป็นคนสังเกตการณ์การทำเครื่องประดับเวทมนต์ได้หรือไม่?” เขาถามอย่างคาดหวัง
10 ปี ก่อนหน้านั้น เขาจะต้องทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือราชอาณาจักร การลอบสังหารคนชั้นสูง มักจะตามมาด้วยความสูญเสียอย่างหนักของประชาชนคนทั่วไป
เขาไม่ต้องการจะเห็นแม่น้ำโลหิตไหลไปตามท้องถนนของเมืองที่เขาเติบโตขึ้นมา
แฟนเพจ : WDS แปลไทย