WDS Chapter 46 การเอนชานท์เครื่องประดับเวทมนต์
WDS Chapter 46 การเอนชานท์เครื่องประดับเวทมนต์
ในห้องเรียนแห่งหนึ่งของสถานศึกษาเวทมนต์ประจำชาติแห่งแลนธานอร์ ที่มีนักเรียนอยู่ภายในกว่า 1,000 คน
ชายเครายาวคนหนึ่งเอื้อมมือของเขาไปบนโต๊ะที่มีบางวางอยู่ด้านบน
มือของเขาหยุดอยู่เหนือคมดาบ ขณะที่เขาปิดตาของเขาลง และพึมพำบางอย่างออกมา
ในฉับพลัน ดาบก็หดเป็นเหรียญที่ดูเหมือนจะร้อนจนกลายเป็นสีแดง
เมื่อชายคนนั้นหยุดพึมพำ เหรียญที่ร้อนจนแดงก็ค่อยกลายเป็นเหรียญธรรมดา เขาหยิบเหรียญนั้นขึ้นมาและออกแรงบีบมัน ทำให้ดาบปรากฎออกมาจากในอากาศ
เห็นเช่นนั้น ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ออกมา หลายคนมองไปด้วยความอิจฉา ขณะที่เขามอบเหรียญนั้นให้กับชายที่อยู่ข้างๆ จากนั้น เขาก็หันมากล่าวกับทุกคนว่า
“ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือ เช่นเดียวกับที่ข้ากล่าว มันต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างอดทนและตั้งมั่นหลายปี กว่าจะสามารถกลายเป็นเอนชานเตอร์ได้ และเช่นเดียวกับจอมเวทย์ เอนชานเตอร์ก็มีขั้นจาก 1-9 แต่เอนชานเตอร์ระดับสูงสุดของราชอาณาจักรพวกเรา กลับเป็นเพียงเอนชานเตอร์ขั้น 2 เท่านั้น นี่เป็นเพราะ แม้ว่าเขาจะเป็นจอมเวทย์ระดับมนุษย์ขั้น 7 แต่ความสามารถในการเอนชานท์ของเขาไม่ได้ก้าวหน้ามากนัก จนไม่สามารถจะทะลวงสู่ขั้น 3 ได้”
“ท่านสุภาพเกินไปแล้วสหายข้า ท่านเป็นเอนชานเตอร์ที่ดีที่สุดในราชอาณาจักร ไม่มีเหตุผลใดที่ท่านจะต้องกล่าวตำหนิตัวเองเช่นนั้นเลย” ชายที่ยืนอยู่ข้างเขาขณะที่สาธิตการเอนชานท์กล่าว
ทุกคนที่อยู่ในห้องเรียนเริ่มคลั่งเมื่อได้รู้ว่า ชายที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็คือ เอนชานเตอร์ขั้น 2 เพียงคนเดียวในราชอาณาจักร ซึ่งมีความสามารถในการสร้างเครื่องประดับเวทมนต์ให้ทั้งจอมเวทย์และนักสู้ได้ใช้
ชายคนนั้นยิ้มและถอยกลับไปหลังจากที่โค้งคำนับทุกคนแล้ว จากนั้น ชายอีกคนก็เดินขึ้นมาบนเวทีและกล่าวว่า “การสาธิตจบลงเท่านี้ ร้านขายของส่วนตัวของเอนชานเตอร์ขั้น 2 จะเปิดในอีก 3 วัน หากพวกเจ้าต้องการซื้อเครื่องประดับเวทมนต์จากท่านปรมาจารย์ ก็ให้รีบไปที่ร้าน ทุกคนกลับไปได้แล้ว”
หลังจากกล่าวจบ พวกเขาทั้งสองก็หายไปจากบนเวที
“พอข้าบอกกับพ่อว่า ปรมาจารย์เซลแลกซ์เปิดร้านของเขา พ่อของข้าก็ให้เงินมา 100 แลนทอง แล้วบอกให้ข้าเลือกซื้อเครื่องประดับเวทมนต์ที่ข้าต้องการ”
“ข้าเก็บเงินเพื่อที่จะซื้อเครื่องประดับเวทมนต์กระเป๋าเงินมานานมากแล้ว แต่ยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อมันเลย เมื่อไหรกันน้า…ที่ข้าจะสามารถพกสิ่งของต่างๆได้เพียงแค่ใช่กระเป๋าเล็กๆเพียงใดเดียว?”
การสนทนาเช่นนี้ได้ยินอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ขณะที่เด็กผมสั้นสีน้ำตาลคนหนึ่งกำลังจดจ้องไปยังจุดที่ทั้งสองคนหายไปจากบนเวที
เด็กคนนี้ก็คือ แดนีล หลังจากดับไฟที่ติดอยู่บนผมของเขาได้แล้ว เขาก็สาบานว่าจะไม่ลองผสานเวทย์อย่างไม่ระมัดระวังอีก ผมของเขาถูกเผาไปเป็นจำนวนมาก และถูกตัดสั้นมีสภาพเหมือนในปัจจุบัน มาเรียพยายามควบคุมเสียงหัวเราะของเธอขณะที่ตัดผมให้กับเขา ตัดส่วนที่ไหม้ออกไปและตกแต่งให้เป็นทรง
นอกจากนี้ ระบบยังได้เตือนเขาว่า ในขณะที่เขากำลังสร้างผลเพลิง-สายฟ้าอยู่นั้น มีคนหันมามองเขา แดนีลไม่รู้ว่าเป็นจอมเวทย์ราชสำนัก หรือจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่ แต่เขาไม่สามารถจะรับความเสี่ยงใดๆได้ การฝึกฝนผสานเวทย์ อยู่นอกเหนือแผนการในปัจจุบันของเขา
5 วันมานี้ เขาใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆของเขา โดยที่เอเลนาฟและแฟกซัลอยู่ฝึกฝนกันเขาตลอดเวลา แฟกซัลมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ทั้งในฐานะจอมเวทย์และนักสู้ การฝึกฝนเช่นนี้เป็นที่ยอมรับว่า จะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าของกองทัพ มีทั้งร่างกายที่แข็งแกร่งและมีพื้นฐานเวทมนต์ที่เข้มแข็ง พวกเขามีความสามารถทำได้หลากหลายหน้าที่ทั้งการโจมตีและการป้องกัน ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ แม้ตำแหน่งของจอมเวทย์หรือนักสู้บริสุทธิ์จะไม่มีความสำคัญทางกลยุทธ์มากนัก แต่ความแข็งแกร่งการฝึกฝนในด้านที่พวกเขามุ่งเน้น จะเหนือกว่าผู้ที่เดินในเส้นทางแนวหน้า
แม้กระนั้น มันก็ยังคงมีหน้าที่ที่มีเพียงแนวหน้าเท่านั้นที่สามารถจะเติมเต็มได้ แม้ว่าแดนีลจะถามถึงเหตุผล แต่แฟกซัลก็ไม่ยอมบอกว่าเหตุใดเขาถึงเลือกเส้นทางนี้ ข้อได้เปรียบหลักของเส้นทางนี้ก็คือ แนวหน้าไม่มีจุดอ่อนที่สามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แตกต่างจากจอมเวทย์หรือนักสู้บริสุทธิ์ นักสู้จะอ่อนแอในช่วงระยะไกล ขณะที่จอมเวทย์จะอ่อนแอในช่วงระยะไกล
โรเบิร์ตและมาเรีย ปฏิบัติต่อแฟกซัลราวกับเป็นลูกชายคนที่สองของพวกเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนพูดน้อย แต่ครอบครัวแอนิวรอนก็รักเขา และสนับสนุนเขาด้วยทุกอย่างที่พวกเขาสามารถจะทำได้
เอเลนาฟมักจะปะลองกับแดนีลอยู่เสมอ เพราะเขารู้สึกทึ่งกับพลังของพารากอน เขาได้รับการยกย่องว่ามีพรสวรรค์อย่างมากในรุ่นของเขา และเขาสามารถทะลวงขึ้นมาสู้ระดับมนุษย์ขั้น 5 ได้ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 25 ปี แน่นอนว่า นี่เป็นสิ่งที่คาดหวังได้จากการที่เขามีศักยภาพร่างกายที่ดีและมีครอบครัวที่ไม่ยากจน
ในการประลองแรกของพวกเขา แดนีลเอาชนะได้ด้วยการทำให้เขาเสียสมดุลและล้มลงกับพื้น แม้ว่าเขาจะสามารถลุกขึ้นมาได้ในทันที แต่เขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้ในทันทีหลังจากที่เห็นว่า แดนีลสามารถจะสร้างหนามน้ำแข็งขึ้นมาในจุดที่เขาล้มได้ด้วยความเร็วที่มากเพียงใด
ในการประลองครั้งต่อมา เขาใช้ความเร็วเป็นอาวุธ และไม่ให้โอกาสแดนีลได้ใช้คาถากับเขา แม้คาถาต่างๆจะถูกกำหนดเป้าไปที่ตำแหน่งของเอเลนาฟ แต่ด้วยความเร็วของผู้โดดเด่นระดับมนุษย์ เขาจึงสามารถจะหลบเลี่ยงมันได้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งนี้มันได้ทำให้แดนีลตระหนักว่า เขาจะต้องคิดถึงกลยุทธ์สำหรับการต่อสู้กับนักสู้ด้วย
ตอนนี้ พวกเขาเสมอกันอยู่ที่ 5 ต่อ 5 นี่เป็นเพราะแดนีลให้ระบบช่วยซึ่งมันนับว่าเป็นการโกงเล็กน้อย เขาสร้างบอลเพลิงหรือลิ่มน้ำแข็งออกมาอย่างต่อเนื่อง จากเครื่องมือประมวลผลขนาน ซึ่งมันทำให้เอเลนาฟแทบจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แน่นอนว่า ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อตรวจสอบศักยภาพสูงสุดของเขาในปัจจุบันด้วย
ตามคำกล่าวของระบบ อนุภาคที่เขาสามารถเชื่อมต่อได้ ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆตามเวลาที่ผ่านไปและตามการใช้เวทมนต์อย่างต่อเนื่อง อย่างรวดเร็ว เขาถึงจุดที่จะเลื่อนเป็นจอมเวทย์ผู้ฝึกหัดระดับมนุษย์ขั้น 1 แล้ว หลังจากที่เขาสามารถทะลวงผ่านได้ มันจะช่วยทำให้เขาสามารถควบคุมอนุภาคได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% ในทันที เพราะมันจะเป็นการคลายชั้นแรกของต่อมไพเนียล
เขามีบล็อกอีเธอร์ไม่มากนัก เขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่ใช้พวกมันในการฝึกฝนร่างกายและหน่อจอมเวทย์ในตอนนี้ เขาตัดสินใจว่า จะใช้ห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานในสถานศึกษาเพื่อฝึกคู่ขนานและเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขากลับมาถึงสถานศึกษา ก็มีการประกาศว่า เอนชานเตอร์จะแสดงทักษะของเขา นี่เป็นเพราะเขาต้องการที่จะโฆษณาร้านใหม่ของเขาในตลาด
แดนีลรีบจึงรีบไปยังสถานที่ที่ประกาศ เพราะเขาสนใจศิลปะการเอนชานท์มานานแล้ว เครื่องประดับเวมมนต์เป็นดั่งโลหิตชีวิตของราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเวทมนต์หรูหราที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือเครื่องประดับเวทมนต์ต่อสู้ที่ใช้สำหรับการทหาร เอนชานเตอร์ก็คือผู้สร้างเครื่องประดับเวทมนต์เหล่านั้น และพวกเขาก็เป็นดั่งผู้ที่ทำให้ราชอาณาจักรสามารถเติบโตต่อไปได้
เอนชานเตอร์ขั้น 1 สามารถสร้างเครื่องประดับเวทมนต์สำหรับนักสู้และจอมเวทย์ผู้ฝึกหัดได้ ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้มันจนกว่าพวกเขาจะทะลวงเป็นผู้โดดเด่นได้ หลังจากนั้น พวกเขาจะต้องหาเอนชานเตอร์ขั้น 2 เพื่อรับเอาเครื่องประดับเวทมนต์ที่ทรงพลังขึ้น ซึ่งมันจะสามารถใช้ไปได้จนถึงนักสู้หรือจอมเวทย์ผู้น่ายกย่อง
แดนีลหวังว่า ระบบจะสามารถสร้างเทคนิคสำหรับการเอนชานท์ได้ แต่มันกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้ว่าชายคนนั้นจะทำมันเสร็จแล้วก็ตาม มันดูเหมือนว่า เขาจะต้องหาวิธีเฝ้ามองการเอนชานท์เพิ่มเติมอีก
ประกาศทำให้เขาได้สติกลับมา และมันก็ทำให้เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องสมุด
“ประกาศการรางวัลสำหรับสามอันดับแรกในการประเมินปีหนึ่ง โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมจากกระดานประกาศ!”
แฟนเพจ : WDS แปลไทย