WDS Chapter 40 ราชาผู้หยิ่งผยองและเส้นทางพารากอน
WDS Chapter 40 ราชาผู้หยิ่งผยองและเส้นทางพารากอน
การทดสอบยังคงดำนเนินต่อไป นักเรียนคนอื่นๆไม่มีใครพยายามทำในสิ่งที่แดนีลเพิ่งจะทำลงไป การแสดงออกของนักรเรียนที่เกือบจะล้มลงและถูกแทงด้วยแท่งน้ำแข็ง ยังคงสดใหม่อยู่ในหัวใจของพวกเขา
ในขณะนั้น แดนีลเดินห่างออกไปจากกลุ่มนักเรียน เขายังคงมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนรอบต่อไปของเขา และเขาวางแผนว่า จะนั่งรออยู่ที่ต้นไม้ใกล้ๆ จนกว่าจะถึงรอบของเขา
ในขณะที่เขากำลังจะนั่งลงนั่นเอง จอมเวทย์ราชสำนักก็ได้ปรากฎตัวขึ้นกลางอากาศด้านหน้าของเขา
“แดนีล มากับข้า ราชาต้องการพบตัวเจ้า” เขาก่อนก่อนที่จะแตะไหลของแดนีล แล้วทั้งสองก็หายตัวไป
พวกเขากรากฎตัวขึ้นอีกครั้งบนเวที ทำให้เหล่าผู้ชมและบุคคลสำคัญต่างก็สงสัยว่า นักเรียนมาทำอะไรที่นี่ แต่เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นว่า นักเรียนคนนั้นก็คือแดนีลแล้ว พวกเขาก็พากันคิดว่า ราชาอาจจะเล็งเห็นถึงพรสวรรค์ที่พิเศษของเขา จึงได้เรียกเขามาเพื่อมอบรางวัล
อีกด้าน แดนีลพยายามอย่างมากในการควบคุมความโกรธของเขาที่เกือบจะปะทุออกมา แม้ว่าชายตรงหน้าเขาจะไม่ใช่คนที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาโดยตรง แต่เขาก็ยังคงมีความผิดที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น
ราชาเฝ้าดูการทดสอบมาจนถึงตอนนี้ และเมื่อแดนีลปรากฎขึ้น เขาก็ได้หันมามองแดนีล
ความรู้สึกโกรธถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวขณะที่เขาถูกราชาจ้องมอง เขารู้สึกราวกับว่า เขากำลังถูกจ้องมองโดยนักล่าลำดับแรก ที่สามารถจะสังหารเขาได้เพียงการสบัดมือ
[ติ๊ง!]
[โดยอยู่ภายใต้ผลกระทบจากเทคนิคลับ ‘การจับจ้องอันหนักหน่วง’ ในขณะที่โฮสต์รับผลกระทบจากมันโดยตรง PAM-2 สามารถพัฒนาทักษะได้ แต่โฮสต์จะต้องรับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วินาที] เสียงจากระบบดังขึ้น
ตลอดทั้งปี ระบบสามารถพัฒนาเทคนิคใหม่ๆได้จากการที่เขาต้องสังเกตมันหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถจะพัฒนาเทคนิคได้ เพียงแค่เขาต้องทนรับผลกระทบจากมัน แล้วมันยังเป็นเทคนิคของราชา แดนีลจึงคิดว่า มันจะต้องมีค่าอย่างแน่นอน เขาจึงได้ตัดสินใจว่า จะไม่หยุดทนรับมัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เห็นสิ่งที่ราชากำลังทำ จอมเวทย์ราชสำนักแสดงความไม่พอใจบนใบหน้าของเขา อีกด้าน แดนีลแสดงออกอย่างไร้ความรู้สึก ราวกับเขากำลังจะกล่าวว่า ‘โยนสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ออกมา ข้าจะทนรับมันไว้ให้ดู’
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที แดนีลรู้สึกเหมือนเขากำลังแบกหินขนาดยักษ์ที่ด้านบน และมันหนักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็รู้ว่า สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงการคุกเข่าลง แล้วความกดดันทั้งหมดก็จะหายไป
กระนั้น เขาก็ยังคงอดทน ในวินาทีที่เจ็ด แม้ความเจ็บปวดจะบดขยี้เขา จนถึงกับทำให้เลือดไหลออกมาจากจมูกของเขา แต่เขากลับไม่สนใจมัน และได้รำลึกถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์และความเจ็บปวดทั้งหมดในชีวิตของเขา ความเจ็บปวดจากความอดอยากที่ไม่มีอะไรจะกิน ความเจ็บปวดเมื่อได้เห็นพ่อของเขาเดินกะเผลกไปรอบๆ ความเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงแม่ของเขาร้องไห้ กลัวว่าพวกเขาจะอดอยากในวันถัดไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมแพ้
การแสดงออกของจอมเวทย์ราชสำนักกลายเป็นน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขาเห็นว่าสภาพของแดนีลไม่สู้ดีนัก ขณะที่เขากำลังจะกล่าวอะไรออกมาเพื่อหยุดราชา แดนีลก็ทรุดตัวลงกับพื้น คุกเข่าทั้งสองข้างของเขาลง
[ เทคนิคลับ การจับจ้องอันหนักหน่วง พร้อมสำหรับการพัฒนาแล้ว] เสียงอันไพเราะของเขาระบบ ทำให้เขาที่แม้จะคุกเข่าอยู่กับพื้น แต่ก็ยังแอบยิ้มอยู่ในใจ เขารู้สึกยินดีกับตัวเองเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงชัยชนะเล็กๆที่ไม่มีใครรู้ก็ตาม
พระราชายักไหล่ ราวกับว่ามันเป็นความผิดของแดนีล ที่ไม่ยอมคุกเข่าลงในก่อนหน้านี้ และเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเลือกเส้นทางน้ำหนึ่ง เคลเลอร์จะอธิบายให้เจ้าฟังว่า เหตุใดเจ้าจะล้มเหลวหากเจ้าไม่ยอมแพ้ในตอนนี้ ข้าจับตาดูเจ้าตั้งแต่ที่เจ้าตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับลูกชายของข้าที่วันทดสอบเข้าเรียน เจ้าคิดว่าตนเองพิเศษเพียงเพราะว่าเจ้ามีศักยภาพระดับตำนานแฝงหรือ?”
“ลาราเวลมีความสามารถด้อยที่สุดในบรรดาลูกชายของข้า และเขาต้องการการปลอบประโลม ข้าจึงได้ส่งเขามายังสถานศึกษา สำหรับคนอื่นๆ 4 คน มีศักยภาพระดับตำนานแฝง และลูกชายคนโตของข้า ว่าที่ราชาในอนาคต เขาได้รับพรจากสวรรค์ มีความเข้าใจขั้นสีโลหิต แม้ว่าเจ้าจะมีความเข้าในขั้นสีโลหิตก็ตาม เจ้าก็ยังคงไม่สามารถจะรับมือคนที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายปีและมีศักยภาพระดับตำนานได้”
“รับข้อเสนอของข้า สาบานด้วยเวทมนต์ว่าเจ้าจะเป็นข้ารับใช้ของราชวงศ์แลนธานอร์ อุทิศตนเพื่อปฏิบัติตามคำสังของพวกเราจนกว่าจะสิ้นชีวิตของเจ้า แล้วพ่อของเจ้าจะได้รับสถานะในกองทัพคืน และตัวเจ้าก็จะได้ดื่มด่ำไปกับความมั่งคั่งร่ำรวย ข้าจะให้เจ้าเข้ากลุ่มระดับตำนาน และได้รับทรัพยากรและอาจารย์ที่ดีที่สุด โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ จงเลือกซะ และมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แล้วก็จำไว้ว่า เจ้าเป็นเพียงมดแมลงที่ข้าสามารถจะบดขยี้ในเวลาใดก็ได้ที่ข้าต้องการ เจ้าไม่สามารถจะทำสิ่งใดที่จะคุกคามต่อราชอาณาจักรของข้าได้ ยอมแพ้ในการต่อสู้กับลาราเวล และข้าจะถือว่าเจ้ายอมรับมัน”
แดนีลเงยหน้าขึ้น แม้ว่าเขาจะโกรธที่ได้ยินคำกล่าวของราชา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะต่อต้าน เวลาของเขาจะมาถึงในอนาคต เขาจะรอเหมือนพยัคฆ์ที่แอบจดจ้องกวาง แล้วทุ่มพลังทั้งหมดจัดการกับมันเมื่อถึงเวลา ตอนนี้ เขายังคงเป็นกระต่ายและเขาจะต้องกลายเป็นพยัคฆ์ให้ได้เสียก่อน
“เคลเลอร์ พาเขาออกไป” ราชากล่าวก่อนจะหันมาสนใจการทดสอบ
ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว แดนีลและเคลเลอร์ก็กลับมาที่ต้นไม้
มือของแดนีลกำผมบนหัวของเขา ขณะที่เขารู้สึกว่ามีพลังงานอยู่รอบๆ มองออกไป เขาเห็นภาพที่ไม่มีวันลืม
จอมเวทย์ราชสำนักยืนอยู่ต่อหน้าเขา ในขณะนั้น เพลิง, สายฟ้า น้ำแข็ง และแม้แต่น้ำ กระพริบไปมารอบๆตัวเขา มันมีแม้กระทั่งพายุเล็กๆที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น ทำให้แดนีลถึงกับต้องถอยหลังกลับ
การแสดงออกถึงความโกรธที่มากที่สุดอยู่บนใบหน้าของเขา
กระนั้น มันก็ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามควบคุมตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน การแสดงออกของเขาก็กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะยังคงมีความโกรธหลงเหลืออยู่ก็ตาม
“เขาทำมากเกินไปแล้ว ข้าขอโทษด้วยแดนีล ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ราชาองค์ก่อนคิดอย่างไรถึงได้มอบบัลลังก์ให้กับชายคนนี้ ที่หมกมุ่นอยู่กับสายเลือดของตัวเอง ข้าเสนอให้เขาลงโทษลูกชายของเขาหลายครั้งหลายและดึงดูดเจ้ามาอยู่ข้างราชอาณาจักร แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาตาบอดจากศักยภาพของลูกชายคนโตของเขา และไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเพิ่มความแข็งแกร่งและยืดอายุขัยให้ตัวเอง”
“แดนีล ข้ารู้ ข้ารู้ได้สอบถามเกี่ยวกับเจ้ามาแล้ว และข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ยอมแพ้”
“สิ่งเดียวที่ดีก็คือ ความสนใจของเขานั้นสั้น เมื่อเจ้าไม่ยอมรับ เขาจะต้องโกรธเจ้าอย่างแน่นอน แต่เขาจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้ เพราะมีคนดูอยู่มากเกินไป หลังจากนั้น เขาก็จะยุ่งกับการแสวงหาความแข็งแกร่งของเขา ดังนั้น เจ้าสบายใจได้ เพียงแต่ เจ้าจะไม่สามารถเข้าสู่กลุ่มระดับตำนานได้ก็เท่านั้น”
“ข้าจะใช้อำนาจทุกอย่างที่ข้ามีเพื่อช่วยเหลือเจ้า ก่อนอื่น ให้ข้าบอกเจ้าเกี่ยวกับเส้นทางของพารากอนก่อน พารากอนคือผู้ที่เชื่อมต่อและสามารถควบคุมธาตุทั้งหมดได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เขาสามารถจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง และแม้แต่สามารถจะเอาชนะคนที่ระดับสูงกว่าได้”
“ปัญหาก็คือ ทุกคนที่เดินในเส้นทางพารากอน หากไม่มีความเข้าใจถึงขั้นสีทองแล้ว ระดับสูงสุดที่พวกเขาสามารถบ่มเพาะได้ก็คือ ระดับมนุษย์ขั้น 6 ก่อนที่จะสิ้นอายุขัยและตายลง”
“ยิ่งจอมเวทย์มีความก้าวหน้าของระดับขั้น จำนวนอนุภาคมูลฐานที่เขาสามารถเชื่อมต่อและควบคุมได้ ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ระดับของหน่อจอมเวทย์ มีผลเกี่ยวกับจำนวนของกระบวนการเข้าเชื่อมต่อและควบคุมมัน”
“กระบวนการดังกล่าวต้องอาศัยเวลาเท่านั้น และเนื่องจากเส้นทางพารากอนมีอนุภาคให้เชื่อมต่อและควบคุมมากเกินไป ดั้งนั้น โดยปราศจากศักยภาพสีทอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวไปสู่ระดับต่อไปและได้รับพลังที่มากขึ้น”
“ในอดีต จอมเวทย์พารากอนที่แข็งแกร่งที่สุดในแลนธานอร์ ที่บรรลุถึงระดับมนุษย์ขั้น 6 สามารถจะเอาชนะจอมเวทย์ระดับมนุษย์ขั้น 8 ในการต่อสู้ได้ เขาเกิดมาพร้อมศัยภาพสีโลหิต และเขากระทั่งสามารถ เปลี่ยนกระแสของสงครามได้”
“อย่างไรก็ตาม เขาเสียชีวิตเมื่อ 100 ปีก่อน ขณะที่เพื่อนของเขาที่มีศักยภาพเดียวกัน ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาเลือกตั้งมั่นไปที่จุดเดียว”
“และคนผู้นั้นก็คือ อาจารย์ของข้าเอง”
แฟนเพจ : WDS แปลไทย