GE257 เรือนม่านพิรุณ [ฟรี]
ลี่ป่านอยากกล่าวถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าของจิงหยุน มันจึงสงบคำ
“ท่านลี่! เรื่องสำคัญต้องมาก่อน...” จึงหยุนกล่าวกับลี่ป่านด้วยสัมผัสเทพ
“อืม เรื่องทางเข้าแดนสามต้องมาก่อน”
แม้จะละสายตาจากหนิงฝาน แต่มันยังแผ่สัมผัสเทพสำรวจ
ลี่ป่านรู้ว่าผู้เยาว์ที่มาใหม่คือลู่เป่ย ผู้สังหารนายกองอสูรไปถึง 3 คน
ยิ่งมันได้สังเกตุและสำรวจหนิงฝานใกล้ๆ มันยิ่งรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ซัวหมิง? เป็นไปไม่ได้ มันอยู่แค่ขอบเขตประสานวิญญาณ เมื่อตอนใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายมาทะเลไร้สิ้นสุด ข้าทำลายข่ายอาคมเคลื่อนย้าย ซึ่งมันน่าจะตายในมิติ… แต่ถ้าลู่เป่ยเป็นมัน ข้าไม่เชื่อ แค่ 10 ปีมันแข็งแกร่งจนสังหารขอบเขตตัดวิญญาณได้ยังไง เป็นไปไม่ได้… แต่ทำไมมันรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก”
ลี่ป่านขบคิด
หนิงฝานคารวะผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆทีละคน กระทั่งเดินมานั่งข้างๆว่านเอ๋อร์
ยามนี้ หนิงฝานเย้ยหยันลี่ป่านในใจ มันสู้เขาไม่ได้อีกต่อไป และมันมองวิชาลับสัมผัสลวงของเขาไม่ออก
ในหมู่ของผู้เชี่ยวชาญที่มาเยือนเมืองลั่วหยุน จิงหยุนดูเป็นปฏิปักษ์กับเขาที่สุด
ลู่ตู้เฉินดูเป็นมิตร มันกล่าวทักทายแขกเหรื่อที่มา และแอบสังเกตุหนิงฝานเงียบๆ
ยามนี้มันยังไม่บอกว่าต้องการให้หนิงฝานร่วมมือสิ่งใด
ผู้ที่ได้รับเทียบเชิญเข้างานเลี้ยงในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอสูรในของเขตดดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ผู้ที่ได้เข้าห้องรับรองพิเศษนั้น ล้วนเป็นอสูรตัดวิญญาณทั้งสิ้น
สตรีสองนางที่หนิงฝานพามา พวกนางคอยรินน้ำชาให้ และคอยอำนวยความสะดวกอยู่ข้างกาย
ผู้ที่นั่งข้างว่านเอ๋อร์คือสนมอสูรแห่งเรือนม่านพิรุณ
เมื่อว่านเอ๋อร์เห็นสตรีที่หนิงฝานพามาคอยปรนนิบัติ นางไม่พอใจ นางมองออกว่าสตรีทั้งสองนางนั้น มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับหนิงฝาน
“พวกนางเป็นใคร...”
“คนรับใช้...” กระถางขัดเกลาข้า หนิงฝานยิ้มและกล่าวโดยไม่ปิดบัง นั่นทำให้นางไม่พอใจเล็กน้อย
“อืม...” นางเผยสีหน้าโศกเศร้า การที่หนิงฝานยอมบอกไม่ปิดบังถือเป็นเรื่องดี แต่นั่นก็ทำให้นางรู้ว่าหนิงฝานเป็นคนเจ้าชู้ ในอดีตคงเคยผ่านสตรีมามากมาย
แม้นางจะเศร้าใจ แต่นางยังคงยิ้มและแนะนำสนมอสูรให้หนิงฝานได้รู้จัก
“นี่คือผู้นำแห่งเรือนม่านพิรุณ… สนมอสูร นางเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้าในเมืองลั่วหยุน นางมักจะคอยช่วยเหลือข้าจากลู่เทียนหมิงที่ตามตื้อ มีครั้งหนึ่งที่ลู่เทียนหมิงทำกองทหารมาล้อมเรือนม่านพิรุณ เพื่อต้องการบังคับข้าแต่งงาน แต่ก็ได้นางคอยช่วยให้ข้าหนีออกไปจากเมือง”
“นำกองทหารล้อม...” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาคาดไม่ถึงว่าลู่เทียนหมิงจะกล้าทำขนาดนั้น
หากก่อนหน้านี้เขารู้เรื่อง ต่อให้ลู่ตู้เฉินมาห้าม เขาก็ยังจะสังหารลู่เทียนหมิงอยู่ดี
ยามนี้ ลู่เทียนหมิงไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยง เพราะมันบาดเจ็บหนักและไม่กล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าหนิงฝาน
บุรุษเสเพลอย่างมันไม่ได้ฉลาดนัก มันไม่รู้เลยว่าการกระทำของมันนำภัยร้ายแรงมาสู่ตัว
“แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว!” นางพยายามไม่ทำให้หนิงฝานโกรธ อย่างน้อยการที่หนิงฝานโกรธเพื่อนางก็ทำให้นางมีความสุข
“ฮ่าฮ่า… ว่าเอ๋อร์ เจ้าเองก็สายตาดีไม่น้อย ลู่เป่ยไม่ธรรมดา แม้ข้าเองยังมองเขาไม่ออก...”
“ก็ท่านพี่อยู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ย่อมมองเขาไม่ออกเป็นเรื่องธรรมดา”
“แต่ถึงอย่างนั้น หากเจ้าได้แต่งงานกับลู่เป่ย… ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว!”
“ใครบอกข้าจะแต่งงาน!?”
ใบหน้าว่านเอ๋อร์แดงก่ำ นางโดนสนมอสูรหยอกล้อจนไม่กล้าสู้หน้าหนิงฝาน
แต่ในขณะนั้น หนิงฝานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในงานนี้ มีผู้ที่ทำให้หนิงฝานเป็นกังวลได้เพียงไม่กี่คน
คนผู้นั้นไม่ใช่นายกองที่ 4 และ 6
ไม่ใช่คนของเผ่าเพลิงและลี่ป่าน
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มคนอื่นๆก็ไม่มีค่าให้สนใจ
แต่ผู้ที่ทำให้หนิงฝานกังวลคือ ลู่ตู้เฉิน ชายชราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางทั่วไป บางทีชายชราอาจแสดงพลังที่สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงได้ในเวลาสั้นๆ
และอีกผู้คือสนมอสูร
แม้กลิ่นอายของนางจะอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่แท้จริงแล้วนางอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง!
นางเป็นสตรีที่ไม่ธรรมดา สมควรมีสถานะไม่ธรรมดา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางถึงต้องอยู่ในเมืองลั่วหยุน
“เรือนม่านพิรุณ… เท่าที่ข้าได้ตรวจสอบเรือนร่างแม่นาง แม้ท่านจะอยู่เรือนม่านพิรุณที่เป็นแหล่งมอมเมาบุรุษ แต่ท่านยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ ข้าว่า...ผู้ที่ไม่ธรรมดาสมควรเป็นท่านมากกว่า” หนิงฝานกล่าว
“แน่นอน เจ้าจะรู้อะไร… แม้เรือนม่านพิรุณจะดูคล้ายหอนางโลม แต่จริงๆที่นั่นมีเพียงการแสดงร่ายรำและดนตรี ท่านพี่เองก็นั่งบรรเลงพิณผ่านม่าน ไม่มีผู้ใดได้เห็นใบหน้าท่านง่ายๆ การที่เจ้าได้เห็นท่านพี่อย่างใกล้ชิดเช่นนี้นับเป็นโอกาสที่หาได้ยาก” ว่านเอ๋อร์กล่าว
“ถูกต้อง… เรือนม่านพิรุณเป็นเหมือนที่พักที่ให้เหล่าเบื้องบนได้พัก”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ที่แท้...เรือนม่านพิรุณมีไว้เพียงเป็นแหล่งผ่อนคลายของผู้ที่มาจากแดนสวรรค์อสูร
จากที่นางกล่าวแล้ว เรือนม่านหมอกก็คงเหมือนวิหารสาบสูญ
และการที่นางยังรั้งอยู่ที่นี่ อาจเป็นเพราะต้องช่วยเป็นนายจะการบางสิ่ง
การที่นางยอมเผยตัวกับหนิฝาน หรือเขาจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของนาง?
แต่ที่น่าแปลกคือ ดูเหมือนว่านเอ๋อร์จะไม่รู้ว่าสนมอสูรและเรือนม่านหมอกคืออะไร
“นายน้อยลู่มาจากดินแดนแห่งจิตวิญญาณหรือเปล่า?” สนมอสูรกล่าวถาม
“ถ้าข้ามาจากที่นั่นจริง… ท่านจะช่วยให้ข้าผ่อนคลายได้หรือเปล่า?”
“ก็ต้องดูว่านายน้อยมาจากที่นั่นจริงหรือเปล่า...”
หนิงฝานไม่กล่าว ดูเหมือนคำกล่าวสุดท้ายของนางจะบอกเป็นนัยว่า นางรู้ว่าเขาเป็นมนุษย์
แต่นั่นก็ไม่แปลกที่นางจะรู้ เพราะลู่ตู้เฉินยังมองออก แต่ดูเหมือนชายชราอยากจะปิดบังตัวตนของหนิงฝานเอาไว้
แต่ถึงแม้จะเปิดเผยหนิงฝานก็ไม่กลัว เพราะยามนี้เขาแข็งแกร่งจะเอาตัวรอดได้
ยิ่งหากเขาสลักอักษรลงบนปีกของตัวเองได้ เขาจะยิ่งหลบหนีได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เมื่อแขกเหรื่อเริ่มมากันครบ งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อาหารเลิศรสมากมายถูกนำมา ทุกคนป้องมือให้ลู่ตู้เฉินและร่วมรับประทานอาหาร แต่เหล่าอสูรตัดวิญญาณที่มา รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของงานเลี้ยงคืออะไร
ลู่ตู้เฉินเห็นท่าทีของเผ่าเพลิง จึงกล่าวถาม “ท่านจิงหยุน หากมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ” ชายชรายิ้ม
“ที่พวกข้ามา เป้าหมายมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือทางเข้าสู่แดนสาม! ข้าขอถามว่าท่านจะมอบวิธีเข้ากับพวกข้าได้หรือไม่? พวกข้าจะปลุกนายท่านของเรา”
“บัดซบ! จิงหยุน เจ้าถึงกลับกล้ากล่าวเช่นนี้กับท่านลู่ รนหาที่ตาย!”
ลู่ซานนำง้าวขนาดใหญ่ออกมาและตั้งท่าเตรียมสู้
เหล่าทหารที่ซ่อนตัวอยู่ก็ปรากฏตัว
“นายกองระดับสูงจากเบื้องบนก็อยู่ที่นี่ ท่านลู่ ท่านกล้าลงมือหรือเปล่า?”