GE256 สนมอสูร [ฟรี]
จันทรากระจ่างประดับฟ้า เรือลำน้อยล่องไปตามวารี
ยามนี้หนิงฝานยังไม่นอน
วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้เข้าสู่เมืองลั่วหยุน ก่อนจะมา เขาสังหารนายกองอสูรไปถึง 3 ตน และข่าวเรื่องนี้ก็แพร่ไปยังเผ่าต่างๆอย่างรวดเร็ว
ว่านเอ๋อร์ไม่ได้พักอยู่กับหนิงฝาน นางไปพบอาจารย์ ทักทายสหายเก่า และพักอยู่ที่นั่น
ภายในเรือนม่านพิรุณ…. เหล่าสหายว่านเอ๋อร์อยู่ที่นั่น
“หวังว่าว่านเอ๋อร์จะมองคนไม่ผิด… แต่ยังไงคนเหล่านั้นก็เป็นสหายนาง...” หนิงฝานกล่าวในใจ
หนิงฝานได้สั่งให้เย่าหยวนและทหารคนอื่นๆกลับไปยังเมืองทะเลทรายตอนเหนือ โดยให้คนเหล่านั้นโดยสารรถเพลิงทองคำ
แม้หนิงฝานจะทำร้ายลู่เทียนหมิงจนบาดเจ็บปางตาย แต่ลู่ตู้เฉินผู้เป็นบิดาก็ไม่ได้ใส่ใจ
ชายชราไม่อาจหยั่งตัวตนหนิงฝานได้อย่างสมบูรณ์ หากยามนี้จะรู้ก็แค่ หนิงฝานไม่ใช่ลู่เป่ยตัวจริง
ศีรษะของนายกองอสูรทำให้ชายชราหวั่นเกรงไม่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้ชายชราไม่อยากเป็นศัตรูกับหนิงฝาน
ชายชราคือผู้รู้วิธีเข้าสู่แดนสาม และหนิงฝานต้องได้วิธีการเข้ามา...
ราตรีนี้มีหนิงฝานอยู่เพียงลำพัง จันทราสีโลหิตอาบไล้ทั่วทุกพื้นที่ แต่สถานที่แห่งนี้กลับดูโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ
เป้าหมายที่หนิงฝานมาที่นี่มี 2 ประการ หนึ่งคือหาทางเข้าสู่แดนสาม อีกหนึ่งคือการศึกษาอักษรอสูร
แต่ตอนนี้ สิ่งเดียวที่หนิงฝานต้องการคือความสงบ
เขานำหญ้าอสูรหมื่นปีออกมาหลายชนิด เมื่อตอนกลางวัน เขาไปหาซื้อมาจากในเมือง
เขานำสตรีอสูรสองนางในแหวนออกมา แต่ด้วยยามนี้พวกนางกำลังหลับนอน จึงไม่ได้แต่งตัวมิดชิดนัก
“นายท่านเรียกพวกข้าออกมามีเรื่องอันใด...”
“ปลดอาภรณ์ของพวกเจ้าและเตรียมอาบน้ำ”
“ปะ… ปลดอาภรณ์? ตอนนี้หน่ะเหรอ...”
“อืม… เจ้ากลัวข้าเห็นเรือนร่างของพวกเจ้าหรือไง...”
“เปล่า… แค่พวกข้ายามนี้ดูอัปลักษณ์ ไม่สมควรให้นายท่านได้เห็น… แต่หากท่านอยากเห็น ก็ถือเป็นเกียรติของพวกข้าแล้ว”
พวกนางคิดว่าหนิงฝานคงอยากร่วมรักกับพวกนาง
พวกนางขบริมฝีปากเล็กน้อย ท่าทางดูเกรง และค่อยๆปลดอาภรณ์ แม้เรือนร่างในบางส่วนของพวกนางจะดูอัปลักษณ์ แต่โดยรวมนับว่าพวกนางมีเรือนร่างที่งดงามมาก
หากไม่เพราะพวกนางถูกทำให้เสียโฉมไป พวกนางก็นับเป็นสตรีที่งดงามไร้คู่เปรียบคนหนึ่ง
การได้มองพวกนาง ทำให้สร้อยหยินหยางค่อยๆยกระดับ
ในขอบเขตที่ 2 ของสร้อยหยินหยางนี้ การจะยกระดับไปยังขอบเขตต่อไป หนิงฝานจำเป็นร่วมรักกับสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
หนิงฝานผายมือเป็นเชิงให้พวกนางเดินไปยังห้องอาบน้ำ
แต่เมื่อเห็นว่าพวกนางลังเล หนิงฝานจึงอุ้มพวกนางลงไปในอ่างที่เตรียมไว้ จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิของน้ำอย่างเหมาะสม
“พวกเจ้ากินโอสถเม็ดนี้เข้าไป จากนั้นดูดซับโอสถในขณะที่แช่อยู่ในอ่าง จากนั้นข้าจะค่อยๆบอกวิธีดูดซับสมุนไพรที่อยู่ในน้ำ ผสานกับฤทธิ์โอสถให้พวกเจ้า แล้วรูปลักษณ์ของพวกเจ้าก็จะค่อยๆฟื้นคืน”
แล้วหนิงฝานก็ยื่นโอสถคืนโฉมให้พวกนาง
พวกนางตกตะลึงและประหลาดใจอย่างที่สุด
เพราะโอสถคืนโฉม คือโอสถผันแปรที่ 5
นอกจากนี้ โอสถที่หนิงฝานมอบให้นั้น เหมาะกับอสูรอย่างพวกนางเป็นพิเศษ
หนิงฝานไม่ได้หลอกลวงพวกนาง ไม่ได้ให้ความหวังพวกนาง แต่เขาทำอย่างที่กล่าวได้จริง
“นายท่าน พวกข้า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว… กินเข้าไปเถอะ” หนิงฝานยิ้มพลางขับแขนอาภรณ์ขึ้นสูง แล้วถ่ายปราณอสูรที่ทรงพลังลงไปในอ่างน้ำ
ยามนี้ พวกนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปราณอสูรของหนิงฝาน ทรงพลังจนเกือบจะเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณ!
ในระหว่างที่อาบน้ำ พวกนางหันมองรอบๆ และสังเกตุเห็นว่าที่นี่คือแดนสอง
ตั้งแต่วันที่พวกนางได้พบหนิงฝานครั้งล่าสุด นี่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ในช่วงเวลาสั้นแค่นี้ ปราณอสูรของหนิงฝานยกระดับจากดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น จนเกือบจะเทียบเท่าตัดวิญญาณ
นอกจากนี้ พวกนางยังสัมผัสได้อีกว่า หนิงฝานมีแรงกดดันในระดับตัดวิญญาณขั้นสูง และมีโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ
นอกจากนี้ พวกนางยังสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจที่เกิดจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจากตัวหนิงฝาน หากเขาไม่สะกดปราณปีศาจเอาไว้ พวกนางคงหวาดกลัวไม่น้อย
พวกนางรู้สึกราวกับว่า ลู่เป่ยในยามนี้สามารถสังหารลี่ป่านได้ไม่ยาก!
“ยินดีด้วยที่ท่านก้าวหน้าไปมาก… และขอบคุณสำหรับของขวัญที่ล้ำค่านี้...”
“อืม… ไม่เป็นไร” หนิงฝานนำหญ้าอสูรที่จัดเตรียมออกมาจากกระเป๋า ปอกเปลือกพวกมันออกและความสะอาด ก่อนนำพวกมันลงผสมน้ำอาบ
ยามนี้พวกนางอยู่เพียงขอบเขตแก่นทองคำ จึงดูดซับโอสถที่มีฤทธิ์รุนแรงได้ยาก
พวกนางรู้สึกราวกับเส้นลมปราณกำลังจะฉีกขาด ใบหน้าซีดขาว... แม้จะเจ็บปวดไม่น้อย แต่พวกนางก็อดทน
ใบหน้าของพวกนางถูกกรีดเป็นแผลอัปลักษณ์ เส้นลมปราณได้รับความเสียหาย
การที่มีโอกาสฟื้นคืนรูปลักษณ์ดังก่อน พวกนางไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือแน่
ในอดีตที่พวกนางติดตามลี่ป่าน พวกนางไม่รู้ว่าตนเองจะตายเมื่อไหร่ ไร้ซึ่งอิสระ ไร้ซึ่งคำปลอบโยนที่อบอุ่น
แต่เมื่อพวกนางได้มาเป็นกระถางขัดเกลาให้หนิงฝาน พวกนางไม่ต้องกังวลสิ่งใด มีอิสระเสรี ทั้งยังมีโอกาสได้ฟื้นคืนรูปลักษณ์ที่งดงาม
“นายท่านปรุงโอสถให้เราอย่างยากลำบาก จะให้ความพยายามของท่านสูญเปล่าไม่ได้… ต้องอดทน” พวกนางอดทนและดูดซับโอสถอย่างต่อเนื่อง ผิวพรรณและบาดแผลของพวกนาง ได้รับการฟื้นฟูอย่างช้าๆ
หนิงฝานถอนหายใจ หากให้พวกนางอดทนต่อไปแบบนี้ เขากลัวว่าพวกนางจะสิ้นใจก่อน
เขาจึงถอดอาภรณ์ แล้วลงไปในอ่างกับพวกนาง
มือทั้งสองข้างโอบกอดพวกนางอย่างถนุถนอน
“นายท่าน เหตุใดท่านต้องลงมาเปื้อนกับพวกข้า...”
“ถ้าใช้การขัดเกลาผสาน อาจช่วยให้พวกเจ้าคลายความเจ็บปวด… ใครจะลองก่อน?”
“อะไรนะ!” พวกนางอุทานด้วยความตกใจ
แม้จะเคยร่วมรักกับหนิงฝานไปแล้วยามที่เขาดูดซับพลัง แต่พวกนางก็ยังไม่ชิน
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อได้ยินว่าการขัดเกลาผสานคลายความเจ็บได้ หนึ่งในพวกนางก็ขึ้นคร่อมหนิงฝาน แววตาจับจ้องเย้ายวน
“เชิญได้เลยนายท่าน...”
สตรีอีกนางที่เห็น ใบหน้าเห่อร้อนด้วยความอาย แต่ไม่นาน นางก็เข้าไปร่วมด้วย
พวกนางครางกระเส่าอย่างมีความสุข แม้การดูดซับโอสถจะเจ็บปวด แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความสุข
ยิ่งพวกนางถูกหนิงฝานกระตุ้น ร่างกายก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรง
สุดท้าย ทั้งสามจึงเริ่มขัดเกลาผสาน...
เวลาเคลื่อนผ่าน พวกนางไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ ใบหน้าเปล่งปลั่ง บาดแผลที่ดูน่ากลัวหายไป กลายเป็นผิวพรรณที่งดงามราวกับหยกสลัก
สตรีนางหนึ่งดูลักษณะคล้ายผ้าที่พับไว้ อีกนางดูอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา
พวกนางคืนสภาพใบหน้าและเรือนร่างที่งดงามดังก่อน...
หลังจากรักษาให้พวกนางได้ 3 วัน หนิงฝานได้รับจดหมายเทียบเชิญจากลู่ตู้เฉิน
ในจดหมายเขียนไว้ว่า มีบางสิ่งอยากให้ร่วมมือด้วย
หนิงฝานรู้ว่าลู่ว่านเอ๋อร์และสหายของนางรออยู่กับลู่ตู้เฉิน
“ร่วมมือ? ข้ากับลู่ตู้เฉินไม่ได้มีสิ่งใดจำเป็นต้องร่วมมือ… มันทำหน้าที่เป็นผู้อารักษ์ขาทางเข้าแดนสาม หรือมันคิดจะจับตัวข้า...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว เขารู้ว่าลู่ตู้เฉินเจ้าเล่ห์
เพราะตั้งแต่ที่เขาเข้าเมืองลั่วหยุนมา เขาสัมผัสได้ว่ามีบางคนกำลังเฝ้ามอง
สถานที่ที่ชายชราเทียบเชิญนั้น อยู่บนหอคอยแห่งหนึ่งในเมือง
แม้หนิงฝานจะไม่กลัวต่อคำเทียบเชิญของอีกฝ่าย แต่เขายังไม่มั่นใจว่าจะสังหารชายชราได้หรือเปล่า ชายชราเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสังหารเขาได้หรือเปล่าเช่นกัน
ถึงอย่างนั้น ชายชราคงไม่ใช่คนโง่ที่ยอมจัดงานต้อนรับเพื่อลอบสังหารตน
นอกจากนี้ หนิงฝานยังสังเกตุเห็นว่า อสูรแห่งเผ่าเพลิงเองก็จะมาร่วมด้วยเหมือนกัน โดยผู้ที่มา คือ นายกองอสูรแห่งโลกที่สูงชั้นกว่า
“ไม่ต้องกังวลเรื่องจิงหยุน… ที่ต้องกังวลคือพวกที่มาจากโลกปีศาจ พวกมันมากัน 10 คน แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง”
หนิงฝานขมวดคิ้ว หากลี่ป่านมาด้วย เขากลัวว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย...
หนิงฝานออกจากที่พักพร้อมกับสตรีที่งดงามสองนาง
พวกนางเป็นอสูรในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง และงดงามไร้คู่เปรียบ
สตรีในอาภรณ์ม่วงคงสีหน้าสงบ ประดับด้วยรอยยิ้มบาง ดูงดงามเป็นอย่างมาก
ระหว่างที่เดินผ่าน ผู้คนมากมายจับจ้องพวกนาง
แต่เมื่อสังเกตุเห็นว่าพวกนางเป็นผู้ติดตามของลู่เป่ย คนเหล่านั้นก็ไม่กล้ามองและเร่งจากไป
เพราะศีรษะของนายกองอสูรทั้งสามนั้น เป็นเหมือนฝันร้ายของทุกคน แม้หนิงฝานจะไม่อยากเป็นจุดเด่น แต่ดูเหมือนจะยากแล้ว เพราะนอกจากข่าว หน้าตาของหนิงฝานก็สลักลึกลงไปในใจผู้คน
“นายท่าน ท่านสังหารนายกองอสูร 3 ตนจริงๆเหรอ!” สตรีในอาภรณ์แดงกล่าวชม
“นายท่านไม่หลอกเจ้าหรอก!” สตรีในอาภรณ์ม่วงกล่าวแทนหนิงฝาน
เมื่อพวกนางได้รูปลักษณ์ของตนกลับคืน สภาพจิตใจของพวกนางก็ดีขึ้นมาก และเปิดใจให้หนิงฝานมากขึ้น
หนิงฝานตั้งใจพาพวกนางมางานเลี้ยง พวกนางเป็นอสูรโดยแท้ ย่อมไม่มีผู้ใดจับผิดได้
แต่ต่อให้ตัวตนของเขาเปิดเผย เขาก็ไม่ได้หวั่นเกรงใดๆ
ยิ่งหากลี่ป่านมาเห็น มันจะทำหน้ายังไง?
ภายนอกหอคอยแห่งหนึ่ง ทหารชั้นยอดจัดแถว 13 แถว คอยทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อที่ลู่ตู้เฉินเทียบเชิญมา
แต่เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นหนึ่งบุรุษสองสตรีเดินมา พวกมันก็ตะโกนขึ้น
“ช้าก่อน!”
แต่เมื่อพวกมันเห็นใบหน้าคนที่มาชัดๆแล้ว พวกมันก็เร่งคารวะทันที
“คารวะนายกองน้อยลู่! ท่านนายกองใหญ่สั่งว่า หากท่านมาให้พาท่านไปยังห้องรับรองทันที ไม่ต้องลงทะเบียนเข้างาน!”
หนิงฝานหันมองไปรอบๆบริเวณ ผู้ที่มาส่วนใหญ่จะนั่งรถลากมา แต่ละคนต้องผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนที่เข้มงวดมาก
หนิงฝานหันมาถามทหารคนหนึ่ง
“นอกจากข้าแล้ว มีใครบ้างที่ได้รับเทียบเชิญไปยังห้องรับรองพิเศษ?”
“เรียนท่านลู่… นอกจากท่านแล้วก็มีนายกอง 6… นายกอง 4... นายหญิงน้อยแห่งเรือนม่านพิรุณ และนายหญิงน้อยว่านเอ๋อร์ รวมถึงแขกพิเศษที่กำลังจะมา...”
“เผ่าเพลิงใช่มั้ย...”
“ขอรับ...” ทหารคนนั้นไม่กล้าปกปิด แต่จริงๆแล้ว การมาของเผ่าเพลิงถือเป็นความลับ ไม่ควรเปิดเผยแก่ผู้ใด
“อืม… ขอบใจมาก” แล้วหนิงฝานก็ติดตามทหารคนนั้นไปยังห้องรับรอง
“เรือนม่านพิรุณ… สตรีที่มาสมควรเป็นสหายของว่านเอ๋อร์ ตัวตนของนางคงไม่ธรรมดา ยิ่งนางได้รับเทียบเชิญ แสดงว่านางสำคัญพอๆกับข้า… ส่วนเรื่องของเผ่าเพลิง ข้าคงต้องระวังตัวไว้บ้าง”
เมื่อหนิงฝานไปถึงห้องรับรอง เขาเห็นอสูรสองตนเฝ้าอยู่ พวกมันเป็นอสูรสายเลือดที่หาได้ยาก
เมื่อเข้าไปภายใน หนิงฝานเห็นเก้าอี้รับรองเพียง 10 ตัวเท่านั้น
ลู่ตู้เฉินรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหนิงฝานมา มันจึงยิ้มทักทาย
“นายกองน้อยหลู่มาแล้ว… ยินดีต้อนรับ… เชิญนั่งเถอะ!”
หนิงฝานป้องมือให้ชายชรา นอกจากชายชราแล้วยังมีบุรุษในเกราะแดง ‘ลู่ฉิง’ และบุรุษในเกราะดำ ‘ลู่ซาน’
ลู่ฉิงมีสายตาที่เฉียบคมราวกับเหยี่ยว มันมองหนิงฝานอย่างสนใจ… ลู่ฉิงมีกลิ่นอายที่อ่อนด้อยกว่าลู่เฉิง แต่ก็ไม่ได้มาก
“สวัสดี!”
ลู่ซานกล่าวทักทายหนิงฝาน
“เจ้าสังหารนายกองอสูรได้ถึง 3 คนเพียงลำพัง! ยอดเยี่ยม เสร็จงานเลี้ยงแล้วเชิญประลองกับข้าด้วย!”
หนิงฝานเพียงป้องมือให้อีกฝ่าย ไม่ได้สนใจพูดคุย ยามนี้เขากำลังมองหาว่านเอ๋อร์ เมื่อพบนางนางก็ยิ้มทักทาย ข้างกายนางมีสตรีในชุดขนสัตว์นางหนึ่ง ใบหน้างดงามไม่น้อย
หนิงฝานจ้องมองสตรีนางนั้น นางเองก็จ้องมองหนิงฝานเช่นกัน
“นางคงเป็น ‘สนมอสูร’”
จากนั้นเขาหันมองคนของเผ่าเพลิงที่มา
นายกองจิงหยุนก็มาด้วย ข้างกายของมันมีบุรุษเกราะทอง และบุรุษผมแดง
เมื่อพวกมันเห็นสตรีที่อยู่ข้างหลังหนิงฝาน แววตาของพวกมันก็เผยถึงความโลภ...