TZ5 กิเลนหนุ่ม (1)
ฉีเยว่นั่งลงตามที่พระหนุ่มบอก แต่ก้นสัมผัสพื้น ประคำที่ข้อมือก็เปล่งแสง
พระหนุ่มนั่งลงตรงหน้าฉีเยว่และยิ้มให้ “กระบวนการปลุกพลังของโยมนั้น โยมจะเข้าสู่นิทรา จากนั้น โยมจะเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน… หลับตาลงเถอะ”
ฉีเยว่หลับตาลงอย่างว่าง่าย สมาธิจดจ่ออยู่กับประคำที่ข้อมือ ทำให้จิตเป็นสมาธิอย่างที่สุด
พระหนุ่มจดจ้องฉีเยว่ แต่ในชั่วพริบตานั้น ดวงตาของพระหนุ่มเปล่งแสงเจิดจ้า ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายแห่งความเมตตาราวกับพระอริยสงฆ์ บนหน้าผากปรากฏรอยบางอย่าง รอยนั้นเปล่งแสงฉายอาบร่างฉีเยว่
หากได้เห็นร่างของพระหนุ่มตอนนี้ คงอุทานด้วยความตกตะลึง ยิ่งรอยสักที่ปรากฏกลางหน้าผากของพระหนุ่มยิ่งดูทรงพลัง ให้ความรู้สึกราวกับว่า หากผู้ใดจะบรรลุเขตขั้นนี้ได้ ต้องทุ่มความพยายามมหาศาล
แต่ที่น่าเสียดายคือฉีเยว่ไม่เห็น เพราะในตอนนี้ เขากำลังเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
พระหนุ่มเคลื่อนมือมาที่หน้าอก แสงที่เปล่งออกจากร่างฉายอาบฉีเยว่รุนแรงขึ้น
แสงที่ฉายออกมาจากพระหนุ่ม ทำให้รอยสักกิเลนดำบนแผ่นอกของฉีเยว่ดูเหมือนกับมีชีวิตมากขึ้น มันดูราวกับกำลังขยับเคลื่อนไหว ดวงตาสีเงินเปล่งประกาย
พระหนุ่มถอนหายใจ “โชคชะตาเหมือนเล่นตลก! กิเลนดำปรากฏขึ้นครั้งแรก แต่เมฆปีศาจก็ปรากฏเหมือนกัน… อย่าได้เข้ามาก้าวก่ายเลยอาตมาขอ” ด้านหลังฉีเยว่มีเมฆก่อตัว
พระหนุ่มยื่นนิ้วสัมผัสเข้าที่บริเวณหัวใจของฉีเยว่ รอยสักกิเลนดำเคลื่อนไหวราวกับจะทะยานออกมาจากร่างฉีเยว่ ร่างของฉีเยว่เริ่มเปล่งแสงสีเงิน พลังงานจำนวนมหาศาลปะทุขึ้น
เงาร่างเลือนลางของกิเลนเขาเดียวปรากฏขึ้น แหงนหน้าสูง และเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น ก่อนจะกลายเป็นพลังงานผสานเข้าไปในร่างกายของฉีเยว่อีกครั้ง
เมฆสีดำที่ปรากฏพยายามจะแทรกเข้าไปในร่างของฉีเยว่ แต่พลังงานของกิเลนแปรเปลี่ยนราวกับเป็นเสื้อคลุมร่างให้ ทำให้เมฆไม่อาจแทรกผ่านเจ้าไปในร่างได้
ยามนี้ ฉีเยว่แสดงออกถึงความเจ็บปวดทางใบหน้า เพราะการตื่นขึ้นของพลังนั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน
พระหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ แสงสีทองจากร่างตนยังคงฉายอาบร่างฉีเยว่อย่างต่อเนื่อง
การปลุกโลหิตเพื่อปลุกพลังที่หลับนั้นเป็นเรื่องยาก แต่หากทำสำเร็จก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่ายินดี ดังนั้น พระหนุ่มจึงช่วยฉีเยว่เต็มที่
พิธีปลุกพลังของฉีเยว่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง จากกลางคืนเป็นกลางวัน จากกลางวันกลายเป็นกลางคืนอีกครั้ง... สีหน้าของฉีเยว่ดูสดใสขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สีหน้าของพระหนุ่มกลับซีดขาว เหงื่อไหลรินทั่วตัว ประคำที่ข้อมือของฉีเยว่ก็ยังเปล่งประกายเพื่อช่วยให้จิตใจของฉีเยว่สงบไม่สั่นไหว...
ตอนนี้ ฉีเยว่อยู่ในดินแดนแห่งความฝัน ในนั้นเขาเห็นตัวเองอีกคน มีแสง 4 สีรายล้อมได้แก่ แดง ม่วง คราม และน้ำเงิน แต่เมื่อแสงเหล่านั้นหายไป ความฝันของฉีเยว่ก็จบลง
ฉีเยว่ลืมตา สถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้มืดสลัว พระหนุ่มที่เคยนั่งตรงหน้าหายไป ฉีเยว่ก้มมองที่หน้าอกตัวเอง ตอนนี้รอยสักกิเลนหายไป เสื้อผ้าท่อนบขาดวิ่น แต่กลับไม่รู้สึกหนาว
เขาลุกยืน ขยับร่างกาย ตอนนี้เขาไม่รู้สึกว่าตนมีพลังพิเศษอะไรทั้งนั้น
“ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย!” ฉีเยว่คิด เขานั่งลงกับพื้นอีกครั้ง แล้วลองซัดฝ่ามือลงบนพื้น ผลที่ได้คือเขาเจ็บมือ พื้นไม่ได้เกิดบุบสลายแม้แต่น้อย
“บ้าเอ้ย! พระนั่นไม่น่าจะโกหกเรา ท่านบอกว่าเรามีเลือดของกิเลนดำ แต่ตอนนี้ไม่เห็นจะมีอะไร หรือจะให้เราใช้อิฐทำลายวรยุทธ์พดุงความยุติธรรม?”
แต่เมื่อลองขยับร่างกายหลายๆแบบ ฉีเยว่กลีบพบว่าร่างกายของเขายืดหยุ่นขึ้นจนน่าเหลือเชื่อ
ใกล้ๆกับบริเวณที่ฉีเยว่นั่ง มีชุดอยู่หนึ่งชุด เป็นชุดของเขา เมื่อเขานำมันมาสวม เขารู้สึกเหมือนกับว่าชุดมันคับขึ้นมาก นั่นหมายความว่า ถึงเขาจะรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือร่างกายของเขาจะขยายใหญ่ขึ้น
เขาหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แต่ตอนนี้โทรศัพท์ก็แบตหมด ที่ชาร์ตก็ไม่มี เขาจึงพยายามเดินหาพระหนุ่ม… ตอนนี้เขามีคำถามในใจมากมาย และผู้ที่ตอบได้มีเพียงพระหนุ่มเท่านั้น
แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงประตูทางออก ประตูกลับถูกผลักเข้ามา พระหนุ่มเดินผ่านประตู เมื่อเห็นฉีเยว่ก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ตื่นเร็วจริงๆ… อาตมาคิดว่าโยมจะหลับนานกว่านั้นซะอีก”
ฉีเยว่เกาหัว “ผมหลับไปนานหรือเปล่า?”
พระหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “โยมหลับไปแค่ 13 วันเอง อาตมาคิดว่าโยมจะหลับไปนานกว่านี้ซะอีก ดูเหมือนสายเลือดกิเลนดำจะแตกต่างจากกิเลนทั่วไป”...