GE254 ฟู่ลี่ โลหิตของเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด [ฟรี]
ผ่านไปหนึ่งเดือน… ว่านเอ๋อร์ที่หลับไหลก็ตื่น
เมื่อนางตื่นมา ดวงตาเบิกกว้าง นางเห็นปีกหงส์เพลิงที่หนิงฝานเตรียมไว้ให้
“นี่มัน… ปีกหงส์เพลิง วัสดุระดับตัดวิญญาณ เจ้าไปได้มาจากไหน!?”
“ฆ่า!”
“ข้าไม่เชื่อ…ปีกของอสูรตัดวิญญาณ... เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าไปสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณมางั้นเหรอ? หรือเจ้าสังหารนายกองอสูร? ลู่เป่ย เจ้าอย่าล้อข้าเล่น!”
นางตื่นตะลึง
ปีกหงส์เพลิงเบื้องหน้าทำให้เส้นเอ็นมังกรอัสนีที่หนิงฝานมีดูด้อยค่าไป
ยามนี้ นางยังไม่เชื่อว่าหนิงฝานสังหารอสูรตัดวิญญาณ ซึ่งอสูรที่ว่าก็คือนายกองของเผ่ารอยแยกพิภพ
แต่นั่นก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“ช่างเถอะ… ที่เจ้าเอาปีกหงส์เพลิงมาให้เพราะอยากให้ข้าสร้างเป็นสมบัติที่ใช้บินใช่มั้ย? ถ้าสร้างเสร็จ ข้ามั่นใจว่าจะต้องได้อุปกรณ์บินที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแน่นอน และยิ่งหากให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณใช้ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นถึง 3 ส่วน!”
นางคิดว่าหนิงฝานจะเอาปีกหงส์เพลิงมาให้นางสร้างเป็นอุปกรณ์บิน
แต่แล้วหนิงฝานกลับลูบสัมผัสใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าสร้างอุปกรณ์บินให้ข้า ข้ามีปีกของฟู่ลี่แล้ว… ที่ข้าเอามาเพราะจะช่วยเจ้าสร้างปีกเพลิง ถึงระดับเจ้าจะอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่ปีกเพลิงจะช่วยให้เจ้ารวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ จะไม่มีผู้ใดจับตัวเจ้าได้ง่ายๆ”
“ให้ข้า! ของล้ำค่าขนาดนี้...” นางตื่นตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง
“อืม… ข้าให้เจ้า เจ้าพักต่อเถอะ อีก 3 วันก็จะถึงเมืองลั่วหยุนแล้ว”
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หนิงฝานเก็บตัวอยู่ในห้องฝึกวิชา ทบทวนถึงการต่อสู้กับนายกองอสูรทั้ง 3 และดูดซับโลหิตของพวกมันที่เขาดูกลืนเข้ามา
จากโลหิตของพวกมันทำให้หนิงฝานรู้ว่า แม้พวกมันจะทรงพลัง แต่ยังด้อยกว่าเหยียนซ่งสื่อ
เพียงแต่พวกมันมีไพ่ตายเป็นของตน ทั้งม่านพลังสีทอง และสมบัติระดับสูง
แผ่าอสูรเป็นเลิศเรื่องสมบัติ!
หนิงฝานได้รู้จักเผ่าอสูรมากขึ้นและเข้าใจในเผ่าอสูรมากขึ้น
การที่หนิงฝานมอบปีกหงส์เพลิงให้ว่านเอ๋อร์ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเขาก็ได้สิ่งที่น่าสนใจมาจากกระเป๋าของบุรุษเกราะดำเช่นกัน
มันคือแผ่นหยกที่บันทึกบางอย่างเอาไว้
ในการปลุกโลหิตครั้งที่ 3 ของมัน มันสามารถปลุกโลหิตหงส์เพลิงได้หนึ่งหยด
ปีกหงส์เพลิงของมันก็ดูเหมือนจะผ่านการสลักอักษรอสูรเพื่อเพิ่มความเร็วมา แต่ก็ล้มเหลว
“ปีกอสูร… ถึงจะไม่ใช่สมบัติ แต่น่าจะสามารถสลักอักษรเพิ่มความเร็วได้”
หนิงฝานนำแผ่นหยกมาทาบที่หน้าผาก ถ่ายสัมผัสเทพเข้าไปภายใน จึงได้ยินข้อความเสียงที่บุรุษเกราะทองบันทึกไว้
ข้อความในบันทึกเป็นการบันทึกความพยายามสลักอักษรอสูรลงบนปีก
“ข้าพบอักษรที่น่าจะสลักบนปีกได้… แต่นายท่านบอกว่า อักษรนี้จะสลักได้เพียงสมบัติ ไม่อาจสลักกับปีกอสูรจริงๆได้ มันเป็นมาเช่นนี้ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ข้าไม่เชื่อ!”
“ข้าใช้เวลาไป 200 ปีในการท่องไปยังเมืองต่างๆ รวบรวมตำราได้กว่าแสนเล่ม จนสุดท้ายก็พบข้อเคล็ดความของวิชาผนึกวิญญาณที่บอกว่า ในช่วงสมัยก่อนยุกโบราณ เผ่าพันธุ์อสูรสามารถสลักอักษรอสูรลงบนร่างกายได้ แต่หลังจากยุคนั้น บางสิ่งได้เกิดขึ้นกับดวงจิตอสูร ทำให้สลักอักษรลงบนร่างไม่ได้อีก… แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีอสูรบางเผ่าพันธุที่มีความพิเศษเฉพาะ ครอบครองดวงจิตแท้จริง หลุดพ้นจากคำสาป เท่านั้นที่สลักอักษรได้”
“ยามนี้ ข้าได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเสริมความสามารถสมบัติอันดับหนึ่งของเผ่ารอยแยกพิภพ เพื่อมาสลักอักษรใส่ปีกหงส์เพลิงของข้า แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว...ได้มาแค่ความเจ็บปวด ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นบอกว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะข้าไร้ซึ่งดวงจิตที่แท้จริง สุดท้าย...ข้าก็ต้องล้มเลิกไป”
หนิงฝานนิ่งเงียบ
เขาเก็บแผ่นหยกและขบคิด
บุรุษเกราะดำเป็นอสูรที่คิดต่าง กล้าหาญที่จะลองสิ่งใหม่ และมีความมุมานะ แม้มันจะรู้อยู่เต็มอกว่าเผ่าพันธุ์อสูรสลักอักษรลงบนร่างกายไม่ได้ แต่มันก็ทุ่มเวลาถึง 2 ปีทดลอง แม้มันจะล้มเหลว แต่มันก็ได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นายกองทั้ง 3
สลักอักษรบนปีก… ความคิดเช่นนี้ แม้เป็นหนิงฝานก็ไม่กล้าคิด
เพราะตั้งแต่ได้วิชาผนึกวิญญาณมา เขาเข้าใจว่ามันใช้ได้กับเพียงสมบัติหรืออาวุธเท่านั้น
แต่การที่ได้สังหารบุรุษเกราะดำ ทำให้เขาได้รู้โดยบังเอิญว่า วิชาผนึกอสูรไม่ได้สลักได้เพียงสมบัติ มันสามารถสลักบนร่างของอสูรก่อนยุคโบราณได้
คำสาปที่เกิดกับดวงจิตของพวกมัน เป็นเหตุที่ทำให้อสูรรุ่นหลังไม่สามารถสลักอักษรบนร่างได้
ดวงจิตอสูร… ดูเหมือนสิ่งนี้จะส่งกระทบต่อสวรรค์เป็นอย่างมาก
สิ่งที่หนิงฝานรู้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรู้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเนิ่นนาน ตั้งแต่สมัยก่อนยุคโบราณเสียอีก
บุรุษเกราะดำมีความทะเยอทะยาน ความคิดของมันทำให้หนิงฝานเกิดแรงบันดาลใจ
เมื่อหวนนึกถึงคำว่าดวงจิตแท้จริง หนิงฝานก็นึกถึงเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่!
ยามนี้หนิงฝานเข้าใจแล้วว่าทำไมบุรุษเกราะดำถึงได้ทุ่มเทเพื่อที่จะสังหารเขาให้ได้ นั่นเพราะมันต้องการโลหิตเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่
“ในแผ่นหยกกล่าวว่าดวงจิตถูกคำสาป บางทีเผ่าพันธุ์อสูรก่อนยุคโบราณอาจเป็นเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ในอนาคต โลหิตของข้าจะมีค่ามาก”
หนิงฝานทั้งตกตะลึงและตื่นเต้น
ในอดีต เผ่าพันธุ์อสูรไม่น่าจะมีแค่เผ่าฟู่ลี่ แต่หนิงฝานก็ยังไม่มั่นใจ หากเป็นตามที่แผ่นหยกบอก บางทีหนิงฝานอาจสลักอักษรอสูรไว้บนร่างได้
หนิงฝานอยากจะลองดู แต่เหมือนมีบางสิ่งบอกเขาว่าอย่าเพิ่งทำ
หนิงฝานได้รับปีกของเผ่าฟู่ลี่มา ความเร็วของมันน่าตระหนก
เผ่าฟู่ลี่เป็นอสูรที่เชี่ยวชาญวิชาหลบหนีและภาพลวงตา เหมือนอย่างเผ่าหงส์เพลิงที่เชี่ยวชาญการควบคุมเพลิง และเผ่าพันธุ์มังกรที่เชี่ยวชาญการควบคุมอัสนี
แต่ถึงหนิงฝานจะไม่ใช้ปีกฟู่ลี่ แค่วิชาที่เขาสำเร็จมาก็ทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่ากับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นแล้ว
หากผสานกับปีก เขาจะมีความเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง!
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานสงสัยคือ ทำไมปีกของฟู่ลี่ถึงไม่ใช้ปราณในการบิน ทำไมมันถึงดูดซับพลังจากภายนอก?
เมื่อครั้งที่หนิงฝานไล่ตามนายกองอสูรของเผ่าเพลิงไป นายกองอสูรผู้นั้นเหนื่อยหอบ แต่หนิงฝานกลับไม่เป็นอะไร
หนิงฝานไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเขาคิดว่ามันคงเป็นความพิเศษของเผ่าฟู่ลี่
ดูเหมือนสิ่งที่เขาได้มาจะไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก
การสลักอักษรลงบนสมบัติ คือการใช้อักษรหยิบยืมพลังจากธรรมชาติมาเป็นแหล่งพลังงาน โดยไม่ใช้ปราณของเจ้าของ
หนิงฝานไม่รู้ว่าดวงจิตที่ว่า แท้จริงคืออะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ มันคือการหยิบยืมพลังจากธรรมชาติ แทนที่จะใช้พลังของตน
ดังนั้น การที่ปีกฟู่ลี่ไม่ใช้ปราณของเขา แสดงว่าเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ต้องมีดวงจิตแท้จริง
นั่นทำให้เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่เป็นอันตรายต่อสวรรค์!
ดังนั้น เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่และเผ่าอื่นๆที่สามารถหยิบยืมพลังจากธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน จึงถูกล้างสังหารเผ่าพันธุ์ไปในยุคนั้น
นี่คือข้อเท็จจริงที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
นั่นหมายความว่า หนิงฝานสามารถสลักอักษรอสูรลงบนร่างได้
หากทำสำเร็จ หนิงฝานจะกลายเป็นอสูรที่ครอบครองดวงจิตแท้จริง โดยที่สามารถเพิ่มศักยะภาพของตนได้ไม่จำกัด
และยามนี้ อักษรที่เหมาะกับตัวเขาคือ แข็ง ร้อน และ คม!
หนิงฝานลุกยืน ปีกสีดำขนาดใหญ่สยาย
เขาเริ่มโคจรวิชาผนึกวิญญาณ สลักอักษรลงบนปีกซ้าย ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง เหมือนคราวที่เขาสักรอยสักอสูร!
ความเจ็บที่ได้รับไม่ต่างกัน หนิงฝานจึงต้องทน
“ต้องสลักอักษรแข็ง 197 ครั้ง...”
ขณะกล่าว หนิงฝานก็เริ่มสลักอักษร แข็ง ครั้งที่สองลงไป
3… 4… ความเจ็บปวดค่อยๆเพิ่มพูน
101… 102… 196 หนิงฝานยังขบฟันทนได้ เพราะความเจ็บปวดระดับนี้เทียบเท่ากับความเจ็บปวดของการสักรอยสักอสูรเข็มที่ 30!
เมื่อสลักได้ครบ 197 ครั้ง อักษร แข็ง ก็ผสานเข้าไปในปีกข้างซ้าย!
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปีกของตนแข็งขึ้นมาก นั่นหมายความว่า ตอนนี้เขาสลักอักษรอสูรลงบนร่างได้สำเร็จ!
“เผ่าฟู่ลี่มีดวงจิตแท้จริง!”
ดวงตาหนิงฝานเปล่งประกาย เขาตื่นเต้นที่สามารถสลักอักษรลงบนร่างของตนได้
รอยสักอสูรใช้ในการเสริมร่างกายให้แข็งแกร่งและทรงพลัง
ส่วนอักษรอสูรคือการเสริมความสามารถพิเศษ คล้ายกับการเสริมวิชาให้
หนิงฝานหวนนึกบางสิ่ง เขารู้สึกเหมือนกับว่า การผนึกวิญญาณเกิดขึ้นเพราะเผ่าพันธุ์อสูรได้สูญเสียดวงจิตแท้จริงไป และรอยสักอสูรเกิดขึ้นเพราะเผ่าพันธุ์อสูรได้สูญเสียโลหิตที่ทรงพลังไป พวกมันจึงได้คิดค้นสิ่งที่ใช้ทดแทน
ด้วยสิ่งที่หนิงฝานได้จากเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ ทำให้หนิงฝานเชื่อว่า หากตนเองปลุกโลหิตครั้งต่อไป ต้องได้สิ่งที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่านี้มาแน่
ยามนี้ สิ่งที่หนิงฝานต้องการคือความเร็ว เขาได้อักษร เร็ว เพื่อเสริมความเร็วให้กับปีกของตน
ดังนั้น เขาต้องเร่งไปยังเมืองลั่วหยุน เพื่อศึกษาอักษรอสูรให้มากขึ้น หากเขาสลักอักษร เร็ว 7455 ตัวลงบนปีก ความเร็วของเขาอาจยกระดับจนเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
และหากเขาบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ความเร็วของเขาอาจเทียบเท่า 6 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลส่วนใน
อีกไม่ไกลจะถึงเมืองลั่วหยุน และยามนี้ 3 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
เบื้องหน้าประตูเมือง ทหารกลุ่มหนึ่งยืนเฝ้ารอ
“ลู่เป่ย! ต่อให้เจ้าปลุกโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเจ้าจะชิงว่านเอ๋อร์ไปจากข้าได้!”
คนผู้นั้นคือลู่เทียนหมิง บุตรชายคนสำคัญของนายกองอสูรของเผ่า
มันผู้นี้คือเหตุผลที่ทำให้ว่านเอ๋อร์อยากจะหนี...