AS ตอนที่ 5 - ปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบ
เขตตระกูเบลเทียน คฤหาสน์ตระกูล
เอียนจ้องหน้าพ่อของเขาด้วยใบหน้าที่ปั้นยาก
“ท่านพ่อ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องกลับไปล้างแค้นพวกมัน!”
หลังจากที่ซาคาเรียสได้ยินที่ลูกชายพูด เขาหันไปมองที่เอียนอย่างช่วยไม่ได้
“ก่อนหน้านี้ ข้าวางแผนจะไปเรียกร้องค่าทำขวัญให้พวกเจ้า แต่เจ้านั่นแหละที่เป็นคนทำมันพัง! บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”
เนื่องจากเมื่อสักครู่ ซาคาเรียสยืนอยู่ในจุดที่ไม่เห็นหยกบันทึกภาพในมือของแดน ทำให้เขารู้สึกสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อเขาหันไปมองหน้าลูกสาวเขา ใบหน้าของเธอก็ปั้นยากไม่ต่างจากเอียนเลยแม้แต่น้อย
เอียนแกล้งไอเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ท่านพ่อ ข้าว่าพวกเราเลิกพูดเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า นี่มันก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้ว ทำไมเราไม่ไปทานอาหารกันก่อนล่ะ ดูเหมือนว่าน้องเล็กจะหิวแล้วนะ”
ซาคาเรียสทำหน้านิ่ง ไม่ตอบคำถามของลูกชายเขา จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร
เมื่อเห็นร่างของซาคาเรียสเดินจากไป โซเฟียก็หันมาทางเอียนและพูดขึ้นอย่างชั่วร้าย
“จากนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะท่านพี่ ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าขยะนั่นมันรู้เรื่องที่เราทำกันเมื่อคืนจริง ๆ”
“หุบปากไปเลยนังแพศยา! เจ้าไม่บอกข้าก็รู้! ถ้าเจ้าไม่เงี่ยนขนาดนั้น เราก็ไม่ถูกจับได้หรอก!”
เอียนระเบิดความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายและความอับอายเมื่อเขานึกถึงตอนที่แดนฉีกยิ้มมาทางเขาและถือหยกบันทึกภาพอยู่ในมือ
“มันเป็นความผิดข้าอย่างงั้นเหรอ! ไม่ใช่ท่านพี่รึไงที่พาข้าไปที่นั่นน่ะ!”
โซเฟียพูดออกมาด้วยอารมณ์โมโหจึงทำให้เอียนรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาจึงหันมาทางโซเฟียและกล่าวว่า
“ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง! ส่วนแกก็อยู่เฉย ๆ ไปเถอะ นังผู้หญิงไร้ประโยชน์!”
เขาตวาดใส่โซเฟียอย่างเยือกเย็นก่อนจะเดินจากไป
‘ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้ายังมีประโยชน์กับข้าอยู่ล่ะก็ ข้า ลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านพ่อ จะไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นกับเจ้าเด็ดขาด!”
โซเฟียกำหมัดแน่นด้วยความแค้น ทว่าดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ก่อนที่นางจะเดินตรงไปที่ห้องรับประทานอาหาร
โกดังของตระกูลองกินุส
แดนเดินเลือกของที่เขาจำเป็นต้องใช้อยู่ข้างใน สองสามนาทีต่อมา เขาก็ออกมาจากโกดังพร้อมกับธนูและซองใส่ลูกธนูที่มีลูกธนูบรรจุอยู่ในนั้น 6 ดอก จากนั้นเขาก็นำมันไปเก็บไว้ในช่องเก็บของของระบบ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปอย่างใจเย็น
เหล่าบริวารที่พบเห็นแดนต่างก็ยิ้มทักทายเขาด้วยความเคารพตลอดทางสู่ป่าแห่งความโดดเดี่ยว เมื่อเขาเข้ามาในเขตของป่าแห่งความโดดเดี่ยวแล้ว เขารู้สึกได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ แดนจึงนำกล้องส่องทางไกลออกมาสังเกตดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบอะไร เขาจึงเดินต่อ
ขณะนี้แดนได้เดินเข้ามาถึงส่วนลึกของป่าแห่งความโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำร้ายสัตว์อสูรเลยแม้แต่ตัวเดียว กลับกัน เขาวิเคราะห์สมุนไพรทุกต้นที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา
แดนหยิบใบโคลเวอร์ 4 แฉกที่มีแทบขาวดำอยู่บนใบขึ้นมา เขาจ้องมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้ระบบทำการวิเคราะห์มัน
[ชื่อ: ใบโคลเวอร์ม้าลาย]
[ประโยชน์: ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ]
[ประโยชน์ที่ถูกซ่อนอยู่: ไม่มี]
แดนโยนต้นโคลเวอร์ม้าลายทิ้งไป แต่ในขณะนั้นเอง สัญชาติญาณของเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง เขาจึงรีบถีบตัวออกไปด้านข้างทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา ในตำแหน่งที่เขาอยู่ก่อนหน้าก็มีระเบิดเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตู้ม
แดนอาศัยช่วงที่ฝุ่นฟุ้งหยิบธนูออกมาจากมิติเก็บของ เคลื่อนตัวหลบ และสแกนรอบ ๆ เพื่อหาตัวศัตรู แต่เขากลับไม่พบศัตรูสักคน แดนไม่มีทางเลือก จึงต้องให้ระบบช่วย
“ระบบ ระบุตำแหน่งศัตรูและจุดอ่อนของพวกมันให้ที!”
[ระบบกำลังดำเนินการ; 35%]
[ระบบดำเนินการเสร็จสิ้น! ผลลัพธ์: มีศัตรู 2 คนอยู่ทางด้าน 12 นาฬิกา และอีก 1 คนอยู่ทางด้าน 6 นาฬิกา]
“เวรล่ะ! โดนล้อมซะได้” แดนรีบวิ่งไปหลบหลังต้นไม้เพื่อใช้เป็นที่กำบัง
เคล้ง!
เสียงอาวุธที่ทำจากโลหะดังขึ้น แดนเล็งธนูไปทางศัตรูที่อยู่ด้าน 6 นาฬิกาแล้วยิงออกไป
ฟิ้ว!
ก่อนที่ลูกธนูจะไปถึงเป้าหมาย ศัตรูตรงหน้าก็เบี่ยงหลบได้อย่างง่ายดาย แดนมองท่าเท้าที่ว่องไวเหมือนกับผี เขากัดฟันแน่น ก่อนจะหยิบขวดหยกออกมาจากมิติเก็บของ แล้วเทของเหลวที่อยู่ในขวดลงบนหัวธนูอย่างรวดเร็ว
แดนขยับหลบการโจมตีอย่างต่อเนื่อง พลางหาโอกาสโจมตีกลับไปด้วย
แววตาของแดนเต็มไปด้วยความแน่วแน่และกล้าหาญอย่างถึงที่สุด จนทำให้นักฆ่าทั้ง 3 ต้องตกใจ เพราะจากที่พวกมันรู้มา แดนเป็นเพียงแค่ขยะในตระกูลเท่านั้น ตอนนี้มันน่าจะคลานออกมาร้องขอชีวิตแล้วด้วยซ้ำ
นักฆ่าทั้ง 3 จับมีดสั้นแน่นขึ้น และตัดสินใจที่จะจบงานนี้อย่างรวดเร็ว พริบตา พวกมันทั้ง 3 ก็เคลื่อนตำแหน่งเป็นสามเหลี่ยมล้อมรอบแดน เพื่อปิดทางหนี
แดนยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่านักฆ่า แต่ภายในจิตใจของเขานั้น ระบบกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว แดนยืนวิเคราะห์แผนการต่าง ๆ จากระบบอย่างเคร่งเครียดภายใต้สถานการณ์เสี่ยงตายเช่นนี้
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา แดนตัดสินใจกระโดดหลบไปทางด้านข้างและด้านหลังตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของนักฆ่าทั้ง 2 ที่โจมตีเข้ามา ในขณะที่ตัวของแดนลอยอยู่กลางอากาศนั้น เขาก็สังเกตได้ว่ามีมีดสั้นอีกเล่มหนึ่งกำลังพุ่งมาทางเขา แดนจึงหันไปมอง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบมันแต่อย่างใด เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว เหล่านักฆ่าต่างยิ้มเยาะด้วยความพอใจ เพราะเพียงแค่แดนโดนมีดสั้นของพวกเขาเล่มใดเล่มหนึ่ง นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้แดนตายได้อย่างง่าย ๆ แล้ว
“ห... เห้ยย”
“ดะ.. เดี๋ยวนะ ไอ้เด็กนั่นมัน...”
“จะยิงสวนกลับมางั้นเหรอ!”
เหล่านักฆ่าทั้ง 3 ต่างมองแดนด้วยความตกใจ แดนรีบบิดตัวเผื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีดสั้นนั้นโดนที่หัวใจ ในขณะเดียวกัน แดนก็ยิงลูกธนูอาบยาพิษใส่ 1 ในนักฆ่าทันที ส่งผลให้ลูกธนูนั้นเข้าไปปักที่ลำคอของมัน พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่พุ่งออกมานองเต็มพื้น
พุช!
มีดสั้นเล่มนั้นก็ปักลงบนอกข้างซ้ายของแดนเช่นกัน แดนได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลลงมาย้อมเสื้อคลุมของเขาเป็นสีแดงอย่างช้า ๆ กอปรกับสีหน้าอันดุร้ายของเขา ตอนนี้แดนราวกับสัตว์ป่าที่หิวหระหายก็ไม่ปาน
“ตระกูลเบลเทียนส่งพวกแกมาใช่มั้ย?”
“ปะ..เปล่า! พวกข้ามาจากสมาคมนักฆ่ารัตติกาล มีคนสั่งให้พวกข้ามาฆ่าเจ้า ก็เท่านั้นเอง!”
“จริงเหรอ? หึ”
แดนส่งเสียงมาจากลำคอ ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“คิดว่าข้าโง่มากนักเหรอ? เพียงแค่อัตราการเต้นของหัวใจกับมือที่สั่นของพวกเจ้าก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเจ้าไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ! ถ้าคิดจะหลอกกันล่ะก็ ไปหลอกคนอื่นโน่น พวกเจ้าหาเรื่องผิดคนแล้วล่ะ!”
แดนค่อย ๆ ดึงมีดสั้นที่ปักอยู่บนอกเขาออกอย่างช้า ๆ เสียงเนื้อที่ถูกเฉือนและเสียงเลือดที่ไหลออกมา ก้องกังวานท่ามกลางความเงียบ ท่าทางที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมของแดนนั้น ทำให้เหล่านักฆ่าที่เหลือทั้ง 2 คน ตกอยู่ในความหวาดกลัว