AS ตอนที่ 3 - เซอร์ไพรส์ (NC)
ในขณะนี้ แดนอยู่ในร่างของชายวัยกลางคน เป็นร่างที่เขาเองก็ไม่เคยคุ้นกับมันสักเท่าไหร่ บรรยากาศรอบตัวเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตที่น่าหวาดหวั่น กลิ่นความเย็นชืดของเหล็กคละคลุ้งอยู่รอบกาย ผู้คนต่างก็หลีกหนีด้วยความหวาดกลัว
เขาเข้าไปนั่งในภัตตาคารชั้น 3 แห่งหนึ่ง ก่อนจะสั่งอาหาร เขาจ้องมองไปยังหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่นั่งรับประทานอาหารและสนทนากันอย่างออกรส
“ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าเด็กของตระกูลองกินุสมันยังไม่ตายสินะ...”
เด็กหนุ่มที่ในชุดหรูหราของขุนนางเป็นคนกล่าว
“ใช่ มันคงจะมีเชื้อแมลงสาบอยู่ในตัวสิท่า ถึงได้ตายยากตายเย็นเหลือเกิน”
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มข้างชายหนุ่มกล่าวขึ้น แดนคุ้นเคยกับหญิงสาวผู้นั้นดี ใบหน้าที่ถูกปั้นแต่งมาอย่างได้สัดส่วน คิ้วโค้งมลรับกันดีกับดวงตากลมโต ริมฝีปากเพรียวบางน่าทะนุถนอม หญิงสาวผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบุตรสาวของผู้นำตระกูลเบลเทียนนั่นเอง
“ใช่.. เจ้ารู้มั้ยว่าแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร เค้าเรียกว่าพ่อเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้นยังไงละ ตัวพ่อมันเองก็ตายยากตายเย็นอย่างกับแมลงสาบ ไม่แปลกใจเลยที่ลูกจะได้รับเชื้อจากพ่อมันมาเต็มๆ”
หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของชายหนุ่ม เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแกว่งวนเบาๆ ด้วยท่าทีสง่างาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“ข้าเห็นด้วย ไม่มีชายใดในโลกนี้ดีเลิศไปกว่าท่านพี่ของข้าอีกแล้ว ท่านพี่ของข้ายอดเยี่ยมที่สุด”
สองพี่น้องนั่งทานอาหารกันต่ออย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายตาเย็นยะเยือกจ้องมองเขาอยู่จากมุมห้อง
สองสามชั่วโมงถัดมา สองพี่น้องคู่นั้นเดินออกจากภัตตาคาร โดยในมือของหญิงสาวนั้นถือไอศกรีมแสนอร่อยออกมาด้วย เขาและเธอเดินเคียงกัน มุ่งตรงไปยังป่าภายใต้แสงจันทร์สลัวของยามราตรี
แดนขมวดคิ้วด้วยความตะหงิดใจ
“พวกมันเข้าไปทำอะไรในป่าเวลานี้วะเนี่ย?”
ไม่นานเขาก็สะกดรอยตามทั้งคู่ไปอย่างเงียบเชียบ แดนถึงกับหยุดชะงัง เมื่อได้ยินแหบพร่าของหญิงสาวร้องครวญครางด้วยอารมณ์เสียวซ่าน
เสียงนั่นดังมาจากทิศทางของทั้งคู่ที่หายไป
“ชอบแบบนี้ใช่มั้ยนังผู้หญิงสำส่อน! เจอแบบนี้เข้าไปแล้วยังจะกล้าเสนอหน้าเอาตัวไปให้ไอ้ขยะตระกูลองกินุสย่ำยีอีกมั้ย!”
ชายหนุ่มฟาดมือลงบนก้นของหญิงสาว ปรากฏรอยฝ่ามือแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวผ่องราวหิมะของเธอ
“ได้โปรด... ท่านพี่ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว อ่าห์... ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ให้อภัยข้าด้วย”
หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ทว่านัยน์ตากลับมีแสงแห่งความพึงพอใจอยู่ในนั้น ชายหนุ่มพยายามสอดท่อนเอ็นเข้าไปในร่างหญิงสาว เธอครางออกมาไม่เป็นเสียง ร่างทั้งคู่ผสานเข้าหากัน เธอค่อยๆ ขยับสะโพกรับแรงกระแทกของชายหนุ่มที่เร็วถี่ขึ้นเรื่อยๆ ท่วงท่าของเขาราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย
แดนที่สังเกตการณ์อยู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
'ทำไมต้องเอาชื่อตูไปใช้ในบทสนทนาแบบนั้นด้วยฟะ!'
เขาคิดอย่างขมขื่น ก่อนที่เขาจะหยิบหยกบันทึกภาพออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
เสียงกระเส่าและลมหายใจที่หอบถี่ของทั้งสองผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเสียงจิ้งหรีดที่ร้องระงมอยู่ในป่า ม่านตาพริ้มเล็กลงจังหวะที่เร่งเร้าจนยากจะฉุดอยู่ เป็นสัญญาณบอกว่าเขาใกล้ไปถึงจุดสูงสุด ชายหนุ่มผ่อนจังหวะลงพร้อมปล่อยเมือกขาวขุ่นลงบนเรือนร่างเปล่าเปลือยของหญิงสาว
หญิงสาวใช้ปลายนิ้วชี้ปาดลงบนของเหลวเหนียวเหนียวเหนอะ ก่อนจะลิ้มรสชาติฝาดเฝื่อนของมัน
ไม่นานเธอนั่งย่อตัวคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่ม และใช้ปลายลิ้นโลมเลียทำความสะอาดท่อนเอ็นของชายหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนและส่งรอยยิ้มให้เขาอย่างพึงพอใจ
“นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเรารีบกลับกันก่อนเถอะ บางที... อาจจะพอมีเวลาให้เราได้ต่อกันอีกสักสองสามยก...”
ชายหนุ่มผงกศีรษะตอบรับอย่างหื่นกระหาย ไม่นาน ร่างทั้งสองก็หายลับไปจากสายตาของแดน พวกเขาไม่รู้เลยว่า มีแววตาชั่วร้ายคอยจับจ้องการกระทำสุดหฤหรรษ์ของพวกเขาอยู่
“ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้หลักฐานอันล้ำค่ามาได้ง่ายๆ แบบนี้... หึหึ”
แดนเดินออกจากป่า ตั้งแต่ที่ตระกูลเบลเทียนเป็นศัตรูของตระกูลเขา แดนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหวังว่าหลักฐานชั้นยอดที่อยู่ในมือของเขานั้นจะทำให้เกิดการแสดงสนุกๆ ขึ้น