ตอนที่แล้วGE250 ผนึกวิญญาณ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE 252 แค่ขอบเขตตัดวิญญาณ [ฟรี]

GE251 เสริมอาวุธ ปรุงโอสถ [ฟรี]


“วิชาผนึกวิญญาณคือวิชาดรรชนี ข้าสลัดเคล็ดความทั้งหมดลงในแผ่นหยกนี้ หากเจ้าดูแล้วเข้าใจก็เอาไปเถอะ...”

ว่านเอ๋อร์นำแผ่นหยกออกมา จับมือ แล้ววางลงบนฝ่ามือของเขา

แต่เมื่อมือทั้งสองสัมผัสกัน นางหน้าแดงก่ำไม่กล้าสบตา

“ว่าแต่… เจ้าอยากให้ข้าเสริมความสามารถอะไรให้แส้ของเจ้า”

“เสริมด้วยเจ้านี่!”

หนิงฝานนำโลหะวิญญาณสีคล้ำๆออกมาให้นาง นางยังคงหลบตาไม่กล้ามอง

“โลหะวิญญาณระดับตัดวิญญาณ! ความสามารถพิเศษ ดูดซับปราณ! โลหะวิญญาณระดับนี้ ต่อให้เป็นนายกองยังไม่มี เจ้าไปได้มายังไง!”

“จะยังไงไม่สำคัญ… เจ้ามั่นใจหรือเปล่าถ้าเสริมเจ้านี่ให้แส้อัสนี มันจะดูดซับปราณได้ แล้วเจ้ามั่นใจหรือเปล่าว่าจะทำสำเร็จ”

“อืม… ไม่มีปัญหา”

แส้ของหนิงฝานคือสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด ที่ผ่านการสร้างมาเป็นอย่างดี โลหะวิญญาณที่ได้มาก็ระดับสูงมาก การจะผสานพวกมันเข้าด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย

ในเมื่อมีเรื่องที่ทำให้หนิงฝานได้ นางไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

หากย้อนนึกกลับไปยังเมืองฉีเหม่ย หนึ่งในผู้นำตระกูลใหญ่ที่นั่น ‘โม่หรูฉุ่ย’ นางก็เคยเสริมความสามารถให้กระบี่แยกสวรรค์ แม้โลหะวิญญาณจะมีระดับสูง แต่การเสริมพลังไม่ยากนักเพราะกระบี่เป็นเพียงกระบี่ระดับต่ำ

แต่ในครั้งนี้ต่างกันเพราะระดับของอาวุธ

“ขอบคุณ เจ้าเองก็ไม่ต้องรีบร้อน เพราะหากผิดพลาดมา แส้จะกลายเป็นของไร้ค่าทันที”

หนิงฝานกล่าวเตือนพลางลูบสัมผัสศีรษะนาง ทำให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าว

นางจับแส้ขึ้นมาอย่างตั้งใจ

“มันต้องเป็นแส้ที่สมบูรณ์...”

หนิงฝานเดินกลับไปห้องปรุงโอสถของตน นั่งขัดสมาธิ แล้วนำกระบี่แยกสวรรค์ออกมา

หลังผ่านการใช้งานมาไม่น้อย กระบี่แยกสวรรค์ยามนี้ยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณขั้นสูงระดับแรก

แต่ตัวมันยามนี้ ไม่อาจทำอันตรายผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ มีเพียงต้องยกระดับเป็นระดับกลางเท่านั้น

หนิงฝานมีลางสังหรณ์ว่า อีกไม่นานตนเองต้องได้เผชิญหน้ากับลี่ป่าน

หากอาวุธของเขายกระดับขึ้น มันก็จะทุ่นแรงเขาได้มาก

หากแส้ทำลายสวรรค์ของเขาเสริมความสามารถเสร็จ มันจะช่วยทุ่นแรงได้ส่วนหนึ่ง แม้จะสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้มากมาย แต่ก็ยังไม่ทำให้ถึงตาย

ดังนั้นแส้จึงมีไว้เพียงลดทอนกำลัง

ส่วนกระบี่นั้นแหลมคม สามารถทะลวงร่างศัตรูได้

ยามนี้กระบี่แยกสวรรค์อยู่ในรูปร่างกระบี่บิน มีขนาดเล็ก แต่เมื่อหนิงฝานถ่ายพลังเข้าไป มันกลายเป็นกระบี่ยาว

“แยกสวรรค์… แยกสวรรค์… ชื่อของเจ้าอาจหาญยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นอาวุธเทพโบราณชิ้นแรกของข้า เป็นอาวุธคู่กายชิ้นแรกของข้าที่ช่วยข้าต่อต้านโชคชะตา”

หนิงฝานนำแผ่นหยกที่ว่านเอ๋อร์ให้มาทาบบนหน้าผาก

เมื่อถ่ายสัมผัสเทพเข้าไป เสียงอันไพเราะของสตรีดังขั้น บอกเล่าเคล็ดความและสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับวิชาผนึกวิญญาณ

ผ่านไประยะหนึ่ง หนิงฝานเก็บแผ่นหยกไป สายตาจับจ้องกระบี่แยกสวรรค์

วิชาผนึกวิญญาณไม่ยากเกินจะศึกษา แต่มันก็เป็นถึงวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง

หากจะกล่าวถึงส่วนที่ยาก ก็คงเป็นการสลักอักษรเผ่าอสูรลงบนอาวุธ

หนิงฝานได้ร่ำเรียนอักษรเผ่าอสูรมาเพียง 200 ตัวอักษร อีกอย่าง การจะเลือกสรรค์อักษรเพื่อสลักนั้น ต้องคำนึงถึงความหมาย และความสอดประสานซึ่งกันและกัน

ในจำนวนตัวอักษรทั้ง 200 ตัวของหนิงฝานนั้น อักษรที่เข้ากันได้มีเพียง 3 ตัวอักษรเท่านั้น คือ เพลิง แข็ง และ คม

แข็งใช้ในการเสริมการป้องกัน

เพลิงใช้เสริมการจู่โจมด้วยเพลิง

คมใช้เสริมความคมของกระบี่

อักษรที่เหมาะกับกระบี่แยกสวรรค์ที่สุดตอนนี้ คือ คม!

กระบี่ไม่ต้องการลูกเล่นหรือเล่ห์กลใดๆ สิ่งที่ต้องการมีเพียงฟาดฟันศัตรู

เมื่อตัดสินใจว่าจะเลือก คม เพียงอย่างเดียว หนิงฝานจึงเริ่มโคจรวิชาผนึกวิญญาณ และเริ่มสลักอักษร คม ลงบนกระบี่

อักษรตัวนี้มีเส้นสายที่ซับซ้อน ซึ่งหนิงฝานต้องใช้ปราณไปไม่น้อยในการสลักมัน

ปราณที่สูญหายไปมากนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง ยังต้องใช้เวลาพักอยู่นาน

อักษร คม มีเส้นสายทั้งหมด 312 เส้น

เมื่อหนิงฝานสลักได้ถึง 97 เส้น การสลักก็ล้มเหลว

เขาขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสลักต่ออีกครั้ง

เมื่อสลักไปจนถึง 276 เส้น เขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง แต่นั่นทำให้เขาเริ่มมีความมั่นใจ และเมื่อลงมือสลักอีกครั้ง เขาก็ทำได้สำเร็จ

อักษร คม ที่สมบูรณ์ผสานเข้ากับตัวกระบี่ ทำให้กระบี่สั่นเทาราวกับตื่นเต้น

“น่าสนใจ! ถ้าข้าสลักอักษร คม ให้เจ้าสักหมื่นตัวอักษร ระดับของเจ้าคงเพิ่มพูนไม่น้อย บางที อาจผ่ามิติและสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้!”

หนิงฝานสูดหายใจลึก และเริ่มสลักอักษร คม ลงบนกระบี่อย่างต่อเนื่อง

2… 3.. 4 ตัวอักษร

ยิ่งสลักมากเข้าหนิงฝานก็ยิ่งเชี่ยวชาญ

เมื่อสลักไปได้ 24 ตัวอักษร ปราณอสูรภายในร่างก็เหือดแห้ง เร่งนำโอสถเสริมปราณอสูรออกมากินเพื่อเพิ่มปราณ

25… 26… 27… 49!

เมื่อสลักได้ครบ 49 ตัว ปราณอสูรของหนิงฝานก็เริ่มหมด

หนิงฝานพบว่า ยิ่งสลักอักษรมากขึ้น ความยากของมันก็จะขิ่งเพิ่มขึ้น

แต่เขาไม่ย่อท้อ กินโอสถเพื่อเพิ่มพูนปราณ และเริ่มสลักอักษรต่อไป

วันคืนผันผ่าน หนิงฝานก้มหน้าก้มตาสลักตัวอักษร ส่วนว่านเอ๋อร์ก็กำลังตั้งใจเสริมความสามารถให้แส้

ผ่านไป 5 วัน หนิงฝานสลักตัวกอักษรไปได้ทั้งหมด 114 ตัว ทำให้กระบี่แยกสวรรค์ยกระดับไปเป็นสมบัติวิญญาณขั้นสูงระดับกลาง

เมื่อผ่านไปถึงวันที่ 14 หนิงฝานสลักได้ 358 ตัว

ผ่านไปถึงวันที่ 154 หนิงฝานสลักได้ 7455 ตัว

เวลาที่สลักตัวอักษรล่วงเลยมาถึง 5 เดือน และยามนี้ โอสถฟื้นฟูปราณที่ได้มาจากสู่รู่ฉานก็หมด

การสลักตัวอักษรของหนิงฝานเป็นไปอย่างยากลำบาก

ที่เป็นเช่นนั้น บางทีอาจเพราะปราณของเขายังมีไม่พอ

หนิงฝานก้มมองกระบี่แยกสวรรค์ในมือ ดวงตาเปล่งประกาย

กระบี่คมขึ้นมาก!

ยามนี้กระบี่แยกสวรรค์ของหนิงฝานสมควรแข็งแกร่งกว่าสมบัติสวรรค์ไม่สมบูรณ์

เขาลองจับกระบี่ฟาดฟันอากาศ รอยแยกสีดำปรากฏ กระบี่สามารถฟาดฟันมิติได้

“คมมาก! ต่อให้เป็นเยว่หลิงคงที่บรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 2 ก็ไม่อาจป้องกัน!”

ไม่เพียงกระบี่จะคมขึ้น แต่มันยังรวดเร็วและทรงพลังมากขึ้น ราวกับทรงพลังขึ้นทุกด้าน

ยามนี้หนิงฝานยังไม่รู้ว่ากระบี่แยกสวรรค์เร็วขึ้นขนาดไหน และยังไม่กังวลเรื่องความแข็งของกระบี่ เขาสร้างกระบี่แยกสวรรค์ขึ้นมาจากโลหะดาราโบราณ มันย่อมไม่แตกสลายง่ายๆ

5 เดือนแห่งการสลักอักษร คม… ผลที่ได้ทำให้หนิงฝานพอใจ

เขาเก็บกระบี่แยกสวรรค์ แผ่นสัมผัสเทพตรวจสอบว่านเอ๋อร์ ยามนี้นางยังคงเสริมความสามารถให้แส้ยังไม่เสร็จ

เขาเริ่มขมวดด้วยความเป็นกังวล

“การเสริมความสามารถมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ...”

แต่เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของนางยังคงเป็นปกติอยู่ เขาก็สบายใจขึ้น

5 เดือนผ่านไป รถเพลิงทองคำของหนิงฝานเดินทางข้ามผ่านระยะทางกว่า 240 ล้านลี้

แต่กว่าจะถึงเมืองหลวงของเผ่าลั่วหยุนยังต้องใช้เวลาอีกนาน

ดังนั้นเขาจึงต้องปรุงโอสถเพื่อรอว่านเอ๋อร์

“ก่อร่าง!”

ภายในห้องปรุงโอสถ หนิงฝานยกมือสร้างกระถางปรุงโอสถขึ้นมาด้วยสัมผัสเทพ เกิดเป็นกระถางโปร่งใส

ผู้ที่จะทำเช่นนี้ได้ อย่างน้อยต้องเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5!

หนิงฝานลองบางอย่างที่ท้าทายกว่า คือการสร้างเตาปรุงโอสถ 2 เตา… เตาแรกสร้างจากเจตจำนงค์พิรุณ… อีกเตาสร้างจากเจตจำนงค์ปีศาจ!

เจตจำนงค์ปีศาจของหนิงฝานทรงพลังกว่าเจตจำนงค์พิรุณ แต่เจตจำนงค์ปีศาจมีพลังงานด้านลบมากเกินไป ไม่เหมาะกับการปรุงโอสถ เจตจำนงค์พิรุณเหมาะสมยิ่งกว่า

หนิงฝานตั้งใจจะปรุงโอสถผันแปรที่ 5 จำนวน 4 ชนิด

ได้แก่ โอสถคืนโฉม โอสถแบ่งแยกและหลอมรวม โอสถทะลวงปราณ และ โอสถแก่นโลหิต

โอสถทั้ง 4 ชนิดนี้หนิงฝานมีตำรับ และเป็นโอสถที่เขาพอจะปรุงขึ้นได้

ยามนี้จึงนับเป็นครั้งแรกที่เขาจะปรุงโอสถผันแปรที่  5 จริงๆ

หนิงฝานตัดสินใจปรุงโอสถแบ่งแยกและหลอมรวมก่อน เพราะเขามีสมุนไพรของมันอยู่มาก ต่อให้ล้มเหลวไปบ้างก็ไม่ใช่ปัญหา

หนิงฝานเลือกที่จะใช้เพลิงครามในการปรุงโอสถเพื่อลดเวลาลง

ยามนี้หนิงฝานมีเพลิงพิภพอยู่ในร่าง 2 ชนิด และปราณเยือกแข็งสวรรค์อีก 3 ชนิด จึงทำให้ความร้อนและเย็นภายในร่างไม่สมดุล

ดังนั้นก่อนจะเริ่มปรุงโอสถ เขาต้องดูดกลืนเพลิงครามที่ได้มาก่อน เพื่อเพิ่มความสมดุลของร่างกาย

เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการดูดกลืนและผสานกับเพลิงครามจนสำเร็จ

ยามนี้ แรงกดดันของเขาเพิ่มพูน ปราณภายในร่างทรงพลังมากขึ้น

ด้วยระดับพลังของเขายามนี้ สามารถสำแดงอานุภาพของเพลิงครามหรือเพลิงชีพจรพิภพชนิดอื่นๆได้เพียง 3 ส่วน

ผลจากการผสานกับเพลิงคราม ทำให้จำนวนปราณดั้งเดิมเพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา เพราะการยกระดับปราณดั้งเดิมนั้น ต้องดูดซับนมมารดาใต้พิภพจึงจะทำให้ยกระดับอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายหลักของเขาคือการทำให้เพลิงชีพจรพิภพ และปราณเยือกแข็งสวรรค์สมดุล นั่นจะทำให้เขาได้เพลิงหยินหยางที่เป็นประโยชน์กับการปรุงโอสถมาก

ที่สำคัญ มันยังช่วยให้การปรุงโอสถของเขา รวดเร็วกว่านักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ทั่วไปถึง 6 เท่า

ดังนั้น เขาจึงคิดว่าสามารถปรุงโอสถแบ่งแยกและหลอมรวมทั้งหมดให้เสร็จได้หนึ่งเดือน

เวลาล่วงเลยไปหนึ่งเดือน… สมุนไพรที่มี 11 ชุด หนิงฝานปรุงล้มเหลวไป 8 ชุด อีก 3 ชุดสำเร็จ

แม้จะล้มเหลวอยู่มาก แต่ผลที่ได้ก็น่าพึงพอใจ เพราะมันทำให้หนิงฝานเข้าใจการปรุงโอสถผันแปรที่ 5 มากขึ้น

จากนั้นหนิงฝานเริ่มปลุกโอสถชนิดอื่นต่อ… เขามีสมุนไพรของโอสถทะลวงปราณอยู่ 7 ชุด ล้มเหลวไป 2 ชุด และสำเร็จในชุดต่อๆไป

โอสถแก่นโลหิต เขาล้มเหลว 1 ครั้ง ที่เหลือก็ปรุงโอสถได้สำเร็จ คุณภาพของโอสถก็เป็นที่น่าพึงพอใจ

สุดท้ายเป็นโอสถคืนโฉม เขาล้มเหลวเพียง 1 ครั้ง ที่เหลือปรุงโอสถได้สำเร็จ

เขาใช้เวลาไปทั้งหมด 3 เดือนในการปรุงโอสถทั้ง 4 ชนิดจนแล้วเสร็จ แม้จะล้มเหลวไปบ้าง แต่ก็ทำให้เขาได้ประสบการณ์มากขึ้น

หลังจากพยายามทบทวนการปรุงโอสถที่ผ่านมา หนิงฝานได้พบว่า การยกระดับทักษะปรุงโอสถไม่ใช่เรื่องง่าย ยามนี้ระดับทักษะปรุงโอสถของเขาอยู่เพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นต้น การจะยกระดับไปขั้นกลาง สมควรใช้เวลามากกว่า 10 ปี

ยามนี้ อีกไม่นานก็จะถึงเมืองลั่วหยุนแล้ว

เขาเก็บโอสถทั้งหมดที่ปรุงได้เข้าขวดหยก ลุกยืนบิดกายจนกระดูกลั่น

“ปีกว่ากับการฝึกฝน… 5 เดือนสำหรับเสริมความแข็งแกร่งให้กระบี่ 8 เดือนสำหรับการปรุงโอสถ… ชีวิตของผู้เชี่ยวชาญช่างผ่านไปเร็วนัก ไม่รู้ว่าตอนนี้สู่ฉุ่ยหลิงจะเป็นห่วงข้าบ้างหรือเปล่า… นางเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

แม้จะปรุงโอสถคืนโฉมได้แล้ว หนิงฝานก็ยังไม่มอบให้บ่าวที่เป็นอสูรของเขา เพราะการจะคืนโฉมให้พวกนางนั้น นอกจากจะใช้โอสถแล้ว ยังต้องใช้สมุนไพรบางชนิดผสมน้ำให้พวกนางอาบควบคู่กันไป และสมุนไพรเหล่านั้น สมควรหาได้ที่เมืองลั่วหยุน

หนิงฝานออกมาจากห้อง แผ่สัมผัสเทพตรวจสอบ พบว่าว่านเอ๋อร์ยังเสริมความสามารถให้แส้ของเขาไม่เสร็จ

“นางต้องทำได้...”

หนิงฝานไม่เข้าไปหานางเพราะกลัวจะรบกวน เขารู้ว่าอีกไม่นานนางจะเสริมความสามารถเสร็จ

ตอนนี้นางกำลังทุ่มเทเพื่อทำให้สำเร็จ

ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีเสียงดังออกมาจากห้องของนาง

นางเปิดประตูห้องออกมา ใบหน้าซีดขาวดูโรยรา

นางใช้เวลาร่วมปีในการเสริมความสามารถให้แส้ ทำให้นางอ่อนล้าไม่น้อย

การยกระดับและเพิ่มความสามารถให้แส้เป็นไปอย่างยากลำบาก นอกจากโลหะวิญญาณที่หนิงฝานมอบให้ นางยังใช้โลหะวิญญาณบางอย่าง ผสานกับวิชาลับที่ได้ร่ำเรียนมายกระดับให้แส้ แม้การทำเช่นนั้นจะทำให้ร่างกายและจิตใจของนางได้รับบาดเจ็บ แต่นางไม่ใส่ใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางทุ่มเทมากขนาดนี้ และนั่นทำให้นางใช้เวลาไปร่วมปี

และสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ...

ด้วยความที่ยามนี้นางอ่อนแอลงมาก นางไม่อาจคงร่างมนุษย์ได้ดีนัก หางจิ้งจอก 4 หางของนางจึงปรากฏ

นางถือแส้สังหารเทพออกมาอย่างถนุถนอม ราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า และเมื่อเปิดประตูออกมา กลับพบหนิงฝานรออยู่ข้างนอก

“เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย...”

นางยิ้มให้นางยื่นส่งแส้คืนให้ แต่เมื่อหนิงฝานเห็นสภาพนาง เขาขมวดคิ้วและตำหนิ

“ทำไมเจ้าถึงทำอะไรเกินตัวแบบนี้ แส้เป็นเพียงสมบัติ ตัวเจ้าสำคัญกว่า!”

นางเศร้าหมอง นางทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้แส้ออกมาดีที่สุด แต่หนิงฝานกลับไม่พอใจและตำหนินาง

แต่เมื่อนางกำลังจะกล่าว หนิงฝานกลับเคลื่อนหา และอุ้มนางเข้าไปยังห้องนอน

แต่ด้วยมือของเขาสัมผัสโดนหางของนางอย่างไม่ตั้งใจ นางถึงกับสั่นสะท้าน และเริ่มไร้เรี่ยวแรงกำลัง

“ละ...ลู่เป่ย… อย่าจับ...ตรงนั้น… ข้า...” นางพยายามกล่าวอย่างยากลำบาก

“จับอะไรกัน?” หนิงฝานยิ้ม

“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฟื้นฟูร่างกายและพลังของเจ้า ตัวเจ้าทั้งมอมแมม แก่นโลหิตได้รับความเสียหาย ระดับพลังได้รับความเสียหาย… หากไม่ฟื้นฟูจะส่งผลกระทบระยะยาว ข้าจะพาเจ้าไปพัก”

เขาพานางตรงไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว

เมื่อไปถึง หนิงฝานถอดรองเท้านาง วางร่างนางลงบนเตียง และห่มคลุมด้วยผ้าห่ม

ยามนี้นางดูเหมือนจิ้งจอกน้อยขี้อาย ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้าห่ม เผยใบหน้าออกมาแค่ครึ่งเดียว

ครั้งนี้นางทั้งถูกหนิงฝานอุ้ม กอด และสัมผัสกับส่วนที่อ่อนไหวที่สุดอย่างหาง

เดิมทีนางไม่พอใจที่หนิงฝานด่าทอ แต่เมื่อคิดได้ว่าที่เขาทำไปเพราะเป็นห่วง นางก็รู้สึกดีขึ้นมาก

“ที่เจ้าตำหนิข้าก็เพราะเป็นห่วง ที่เจ้าไม่สนใจแส้ก็เพราะเป็นห่วงข้า...”

หัวใจของนางเต้นรัว

“คนโง่… ข้าเสริมความสามารถให้อาวุธเจ้าไปไม่น้อย แต่เจ้ากลับไม่สนใจมัน สนเพียงตัวข้าที่สกปรกมอมแมม… คนโง่”

นางบ่นกล่าวในใจ

“เจ้ากินโอสถนี้เข้าไปแล้วพักเถอะ ข้าจะคอยคุ้มกันให้...”

“อืม… แต่ห้ามฉวยโอกาสข้าหล่ะ”

นางเริ่มคงสติไม่อยู่ หนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ

หนิงฝานป้อนโอสถให้ แม้จะน่าอายแต่นางในยามนี้ไร้เรี่ยวแรง เมื่อกลืนโอสถลงไปแล้ว นางก็ผล็อยหลับไป...

หนิงฝานนั่งมองนางข้างเตียงด้วยความโล่งใจ

“โอสถโลหิตเงินสมควรช่วยเสริมแก่นโลหิตที่ขาดไป...”

เมื่อหวนคิดว่านางทุ่มเททุกสิ่งเพื่อเพิ่มความสามารถให้แส้สังหารเทพ จนทำให้นางต้องบาดเจ็บ หนิงฝานก็ยิ่งรู้สึกสงสารนาง

ตั้งแต่แรกที่ได้ใกล้ชิด นางไม่เคยเป็นห่วงตนเองแม้แต่ครั้งเดียว นางเป็นห่วงเขาก่อนเสมอ

“ถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้าไม่ใช่ลู่เป่ย… เจ้าจะเสียใจหรือเปล่า...”

หนิงฝานถอนหายใจพลางสัมผัสใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน แต่ในขณะนั้นเอง รถเพลิงทองคำของเขากลับสั่นไหว!

แม้จะสั่นไหวเพียงเล็กน้อย แต่นั่นกลับทำให้แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเย็นชา

อีกไม่ไกลจะถึงเมืองลั่วหยุน แต่ยามนี้กลับมีอสูรตัดวิญญาณถึง 3 ตนไล่ตามา

หนิงฝานคว้าแส้สังหารเทพ ทะยานออกจากวังทองคำของตนอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากสัมผัสแส้ไม่นาน หนิงฝานกลับตกตะลึง เพราะเขาสัมผัสได้ว่า แส้ได้รับการเสริมความสามารถถึง 2 ชนิด

“ดูดซับปราณ… จิตวิญญาณอัสนี!”

หนิงฝานสั่นสะท้าน

“นี่เจ้ายอมทุ่มเวลา ร่างกาย และจิตใจมาตลอด 1 ปีก็เพื่อวิญญาณอัสนี… ที่เจ้ายอมทุ่มเทขนาดนี้ไม่ใช่เพราะต้องการเสริมความสามารถให้แส้เพียงอย่างเดียว เจ้ายังหวังที่จะสลักตัวตนของเจ้าเข้าไปในใจของข้า… และเจ้าทำสำเร็จ”

“ข้าผิดที่ตำหนิเจ้า...”

หนิงฝานหลับตา แรงกดดันเพิ่มพูน

“พวกสารเลว ถึงกลับกล้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของว่านเอ๋อร์...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด