ตอนที่แล้วตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 ผู้เล่น PK

ตอนที่ 2 ยูมีร์และไฮน์โดะ


เมื่อผมคืนสติผมพบว่าตัวเองในสถานที่ที่ดูเหมือนทางเข้า

 

 

ในขณะที่ผมกำลังมองไปรอบๆอยู่นั้นจู่ๆก็มีหน้าต่างเด้งขึ้นมาข้างหน้าผม พร้อมกับให้ผมป้อนข้อมูลส่วนตัวลงไป

 

 

ดูเหมือนว่าสิ่งแรกที่ปรากฏคือหน้าต่างเข้าสู่ระบบ

 

 

ผมป้อน ID และรหัสผ่านที่ผมทำเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาและไปยังขั้นตอนถัดไป

 

 

「ดำเนินการสแกนข้อมูลทางร่างกาย」

 

 

เสียงของระบบดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง

 

 

ทันใดนั้นสัมผัสทางด้านร่างกายค่อยๆกลับมา

 

 

นี้มันเหมือนในความฝันมากแต่มันก็ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเช่นกัน

 

 

โอ้…ไม่มีคำพูดใดที่จะบรรยายความรู้สึกแบบนี้

 

 

ผมเริ่มขยับมือและขาเหมือนที่เสียงระบบบอก ก่อนที่ผมจะถามคำถาม2-3คำถามกับระบบ

 

 

ไม่รู้สึกแตกต่างจากการเคลื่อนไหวจากร่างกายจริง

 

 

หลังจากพูด「ตกลง」ที่หน้าต่างการตรวจสอบล่าสุดมันเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป

 

 

「การปรับเสร็จสมบูรณ์ เราจะทำการตั้งค่าร่างอวตาร」

 

 

มีหน้าต่างปรากฏขึ้นต่อหน้าผมอีกครั้ง

 

 

ดูเหมือนว่าครั้งนี้คือการปรับแต่งรูปร่างและหน้าตา

 

หน้าต่างของระบบตรงหน้า ปรากฎรูปร่างและหน้าตาของผมขึ้น เส้นผมสีดำสนิทที่ยาวจนปิดบังตาผมบางส่วน ใบหน้าที่ขาวสะอาดไม่อ้วนและไม่ผอมจนเกินไป ผมก็ไม่ได้ชมตัวเองว่าดูดีหรอกนะแต่ก็ไม่ได้แย่

 

 

ในหน้าต่างมีตัวเลือกที่ผมสามารถคลิกได้

 

 

ผมเลยลองกดคลิกและเลื่อนๆดูปรากฎว่ามันสามารถแก้ไขบ้างอย่างของร่างอวตารเราได้

 

 

แม้ว่าสิ่งเดียวที่ผมสามารถเปลี่ยนได้คือสีผิว สีผมและรอยสักก็ตาม

 

 

「มีตัวเลือกไม่มาก…อืม แต่มันก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น」

 

 

ดูเหมือนว่าเพื่อทำให้มีความสมจริง ระบบเลยไม่มียุ่งเกี่ยวกับร่างกายและโครงสร้างของผู้เล่นในการออกแบบร่างอวตาร

 

 

ตัวอย่างเช่นหากคุณต้องการออกแบบร่างอวตารที่แตกต่างจากร่างกายจริงๆของตัวเองมากจนเกินไป เมื่อคุณกลับสู่ความเป็นจริงคุณจะมีปัญหาในการขยับร่างกายอย่างถูกต้อง

 

 

อีกตัวอย่างหนึ่งคือในระหว่างการทดลอง ผู้ทดลองกำลังทำการเคลื่อนไหวที่เป็นไปไม่ได้ทางร่างกายสำหรับมนุษย์และหลังการทดลองเส้นใยกล้ามเนื้อในแขนของเขาก็บิดจนผิดรูปและ「 ตูม! 」 มันระเบิด ... ซึ่งมันน่ากลัวมาก

 

 

ดังนั้นนี้คงเป็นเหตุผลที่การออกแบบร่างอวตารในเกมมีความจำกัดและเปลี่ยนแปลงได้ไม่กี่อย่างและไม่ส่งผลต่อร่างกายในโลกความเป็นจริง

 

โดยทั่วไปถ้าคุณต้องการสร้างอวตารของตัวเอง คุณควรที่จะสร้างให้ใกล้เคียงหรือเหมือนกันกับลักษณะทางกายภาพของคุณในโลกแห่งความเป็นจริง

 

 

…ในสมัยก่อนมันคงเป็นปัญหาถ้าข้อมูลเรื่องรูปร่างหรือหน้าตาของตัวเองถูกเผยแพร่ออกไป

 

 

แม้ว่าเพียงแค่เปลี่ยนสีผม มันก็สามารถเอาไปทำอะไรได้มากมายบนโลกอินเตอร์เน็ต

 

 

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันเปอร์เซ็นต์ของอาชญากรในโลกอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น

 

 

ว่ากันว่าอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตนั้นง่ายต่อการหลบหนี

 

 

ตามหน้าข่าวก็มีการแจ้งเตือนน้อยมากเกี่ยวกับอาชญากรรมและการพูดจาโผงผางต่อการหมิ่นประมาทบนโลกอินเตอร์เน็ต

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ข้อมูลส่วนตัวของเราควรที่จะเก็บรักษาอย่างดี นั้นรวมถึงข้อมูลต่างๆที่อยู่ในเกมด้วย

 

 

แต่ไม่ต้องห่วงไปทั้งผมและยูมิได้ลงทะเบียนในระบบเครื่อง VR เรียบร้อยแล้วและปัญหาเหล่านั้นจะไม่มีทางหลุดออกไปสู่โลกอินเตอร์เน็ตอย่างแน่นอน「มั่นใจได้เลย! 」

「ฮืม?」

 

 

ถ้ามันก็น่าจะสนุกดีนะถ้าผมได้ลองปรับแต่งร่างกายของตัวเองในแบบที่เราอยากจะเป็น แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะเกม VR ที่สมจริงขนาดนี้คงไม่ได้มีออกมาบ่อยๆ

 

 

ผมไม่คิดว่าผมจำเป็นต้องการเปลี่ยนสีผมหรือสีผิวของตัวเอง ... แถมพวกรอยสักก็คงดูไม่ดีสำหรับผมเท่าไหร่นักผมทำการกดยืนยันโดยที่ไม่ได้มีการปรับแต่งร่างอวตารใดๆเลยหรือก็คือร่างอวตารในเกมนั้นก็จะเหมือนตัวผมในโลกจริงทุกระเบียบนิ้วเลยทีเดียว

 

 

หลังจากยืนยันร่างอวตาร ถัดมาก็เป็นเครื่องแต่งกาย แน่นอนสิจะให้ผมเริ่มเล่นเกมโดยไม่แต่งตัวด้ยังไง ชุดที่ผมเลือกคือเสื้อคุมแบบเต็มตัวและหน้ากากที่สามารถปกปิดใบหน้า ... สำหรับตอนนี้ผมคิดว่าแค่นี้ก็โอเคแล้ว

 

 

จากนั้นผมก็กดตกลงก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในขั้นตอนนี้

 

 

ในท้ายที่สุดผมต้องป้อนชื่อในเกม ... ผมยืนคิดสักพักก่อนที่จะตัดสินใจพิมพ์ชื่อลงไป

 

 

「ท่านได้ตั้งค่าเริ่มต้นทั้งหมดแล้ว ยินดีต้อนรับสู่ Trailblazer! 」

 

 

ด้วยคำพูดสุดท้ายจากระบบ ดวงตาของผมก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงอีกครั้ง

 

อย่างที่ผมคิดไว้ ... หมู่บ้านในชนบทปรากฏต่อหน้าต่อตาผม

 

 

เมื่อผมมองไปรอบ ๆ ผมเห็นคนที่ดูเหมือนผู้เล่นทำสิ่งเดียวกันกับผมและเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้าพร้อมยืนยันสภาพแวดล้อมของพวกเขา

 

 

อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันเปิดตัวเกมวันแรก ทำให้มีผู้เล่นมากมาย ณ จุดเกิดของเกม

 

 

ผมถอดเสื้อคลุมและหน้ากากออกเพราะอยู่ในระหว่างทางและใส่ไว้ในช่องเก็บของซึ่งอยู่ในรูปแบบของกระเป๋าคาดเอว เสื้อคลุมและหน้ากากกลายเป็นแสงและถูกดูดซับเข้าไป

 

 

แต่ที่สำคัญ ตอนนี้ยูมือยู่ที่ไหน

 

 

「 เอ๋? ทำไมอยู่คนอยู่เต็มไปหมดเลยละ 」

 

 

ถ้ำกลางผู้เล่นมากมายที่ล๊อคอินเข้ามา มีหญิงสาวผมสีเกาลัดล้มลงอยู่ที่พื้น

 

 

ทำไมไม่มีใครช่วยเธอ

ผมเดินเบียดเสียดผ่านผู้เล่นมากมายก่อนที่จะไปถึงเธอ

 

 

 

「เธอโอเคไหม?」ผมถามหญิงสาวที่ล้มลงที่พื้นก่อนที่จะช่วยพยุงเธอขึ้นมา

 

 

「ขอบคุณ - …คุณดูแตกต่างจากผู้มาเยือนคนอื่น ๆนะคะ 」

 

 

「ผู้มาเยือนงั้นหรอ」

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอผมสังเกตเห็นบางอย่าง

 

 

เหนือศีรษะของหญิงสาวตรงหน้าปรากฎชื่อ แคริส ถูกแสดงด้วยตัวอักษรสีขาว

 

 

ในขณะที่ชื่อของผู้เล่นคนอื่น ๆ แสดงเป็นตัวอักษรสีน้ำเงิน

 

 

อย่างที่คาดไว้เธอคนนี้…คือ NPC

 

 

แต่ความจริงที่ว่าเธอลุกขึ้นยืนเมื่อผมให้ความช่วยเหลือเธอและที่ทำให้ผมรู้สึกตกใจก็คือผมสามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอที่มันเหมือนมนุษย์จริงๆนั้นเอง

 

 

「เราเรียกคนที่ออกมาจากประตูนั่นว่า ผู้มาเยือนค่ะ มันเป็นตำนานในเทืองของเรา」

 

 

「 …ขอโทษนะครับ แต่ผมขอถามคำถามได้รึเปล่าว่าตำนานที่เธอพูดถึงมันคืออะไร」

 

「เมื่อท้องฟ้าทางใต้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มประตูจากอีกโลกจะเปิดออก ผู้มาเยือนจากต่างโลกจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ... ตำนานดังกล่าวมีอยู่ในประเทศนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าประตูจะปรากฏในหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้」

 

 

「เป็นแบบนั้นเองหรอครับ…」

 

 

ดูเหมือนว่าผู้เล่นจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากอีกโลกหนึ่ง

 

 

เมื่อผมมองไปข้างหลัง ผมเห็นประตูที่เปล่งแสงสีแดงเข้มลึกลับในอากาศ

 

 

หลังจากลงทะเบียนเข้าเกมเรียบร้อยแล้วเมื่อกี้เราเองก็คงออกมาจากประตูนั้นสินะ ... หากระบบเกมกำหนดมาแบบนี้ งั้นก็แสดงว่ามันคงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดสำหรับเหล่า NPC อย่างแน่นอน

 

 

จู่ๆก็มีคนจำนวนมากออกมาแบบนี้ พวกเธอคงตกใจไม่น้อย

 

 

แคริสเธอคงเป็นคนมาตรวจสอบที่ประตู แต่จู่ๆผู้คนจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นและเธอก็ไม่สามารถออกไปได้อย่างนั้นสินะ

 

 

หลังจากนั้นผมถามแคริสอีกนิดหน่อยก่อนที่จะกล่าวขอบคุณเธอและเดินออกมา

 

 

ดูเหมือนว่าหมู่บ้านนี้จะเรียกว่า 「หมู่บ้าน Altrowa」 และเธอก็เป็นเจ้าของร้านเครื่องมือและอุปกรณ์ภายในหมู่บ้าน

 

และที่สำคัญเธอแสดงความขอบคุณกับผมด้วยส่วนลดในร้านของเธอและเธอยินดีตอนรับผมเสมอถ้ามีโอกาศ

 

 

ในตอนที่ผมได้พูดคุยกับเธอนั้น ถึงผมจะรู้ว่าเธอเป็น NPC ซึ่งไม่ใช่คนจริงๆแต่ในระหว่างที่คุยกับเธอผมกับรู้สึกว่าเธอแทบจะไม่แตกต่างกับคนจริงๆเลยแม้แต่น้อย…นี้มันน่าทึงมากๆกับเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน

 

 

「เฮ้!」

 

 

ในขณะที่ผมกำลังประทับใจกับตัวเกมอยู่นั้น จู๋ๆก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น ผมหันไปทางต้นเสียงก่อนที่จะเห็นหญิงสาวผมสีเงินยาวเธอมีผิวคล้ำ กำลังโบกมือให้ผมอยู๋ซึ่งผมจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคนที่มีรูปลักษณ์แบบนี้แน่นอนในความทรงจำของผมตั้งแต่เกิดมา

เธอบโบกมือให้ใครกันนะ

ผมเพียงแค่เหลือบมองเพียงอย่างเดียว แต่นั้นก็ไม่ทำให้ผมมองเห็นความสวยของเธอน้อยลงเลย มันคงจะดีมาเลยถ้าเธอเป็นคนรู้จักของผมชั่งหน้าอิจฉาเพื่อนของเธอจริงๆ

 

 

「เฮ้ วาารุใช่ไหม ทำไมนายต้องเมินใส่ฉันด้วยละ」

 

 

จู๋หญิงสาวผมเงินผิวสีคล้ำก็มาคว้าแขน…ซึ่งนั้นก็คือผมเอง!

 

 

ผมมองเธอด้วยความตกใจ เพราะผมมั่นใจมากว่าไม่รู้จักเธอแต่ขณะที่ผมกำลังสังเกตุเธออย่างรอบครอบอยู่นั้น

 

 

「เอ๋? หน้านี้…และเสียงแบบนี้…!」

 

 

「นั้นเธอหรอมยูมิ แล้วนี้เธอทำอะไรกับสีผมกับสีผิวของเธอเนี่ย! ตอนที่ฉันเห็นเธอจากไกลๆฉันจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเป็นใคร」

 

 

「 หื้ม ก็นานๆจะมีโอกาศได้ปรับแต่งร่างกายฉันก็เลยลองดูหน่ะ ฉันดูเป็นยังไงบ้าง เหมาะกับฉันไหม!? 」ยูมิถามด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะหมุนตัวโชว์

 

 

「เฮ้อ เธอเนี่ยละน้า ... 」วาตารุถอนหายใจด้วยความเอือมระอา

 

 

รูปร่างของเธอจริงๆแล้วเธอเป็นคนขาวผมดำ ด้วยรูปลักษณ์และรูปร่างของเธอผมสามารถพูดได้ว่าในหมู่คนญี่ปุ่นเธอถือว่าเป็นคนสวยคนนึงเลยก็ว่าได้

 

 

แต่ตอนนี้เธอกับ ... แต่ก็นั้นและความยูมิก็คือยูมิอยู่วันยังค่ำ

 

 

และที่สำคัญรูปร่างของเธอดูคล้ายกับเผ่าพันธุ์นึงในพวกโลกแฟนตาซี

 

 

「เธอดูคล้ายดาร์คเอลฟ์เหมือนกันนะ」

 

 

「ฉันก็คิดแบบนั้น มันน่ามีอุปกรณ์ที่ทำให้หูของฉันยาวขึ้นเหมือนกับเอลฟ์นะถ้ามีละก็ฉันจะใช้มัน」ยูมิพูดขึ้นพร้อมกับนึกภาพหูของตัวเองเหมือนเอลฟ์

 

 

「อ้า…ฉันรู้แล้ว…」

 

 

แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับเธอจริงๆเพราะหน้าตาเธอนั้นเป็นแบบคนญี่ปุ่น... แต่ผมคิดว่าถ้าเธอมีหูเอลฟ์จริงๆเธอก็คงสวยเหมือนเดิม

 

 

ในกรณีของผมอุปกรณ์เริ่มต้นดูเหมือนเสื้อผ้าแสงสไตล์ตะวันตกและมันไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไรห่

 

 

มันทำให้ผมดูเหมือนชาวนายังไงก็ไม่รู้

 

 

「เออนี่ ยูมิ- 」ขณะที่วาตารุกำลังพูดขึ้นนั้นก็ถูกหยุดโดยยูมิที่พูดแซกขึ้นมา

 

 

「 หยุดเลย! ห้ามเรียกชื่อนั้น」

 

 

「ทำไมละ.. 」

 

 

「ห้ามเรียกฉันด้วยชื่อจริงของฉันภายในเกมเด็ดขาด นายไม่รู้หริอไงว่ามันคือมารยาทในเกมที่พวกเราควรปฎิบัติ! 」ยูมิกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเองเออเอง

 

 

แต่เมื่อครู่เป็นเธอเองไม่ใช่หรอที่เรียกชื่อจริงของผมในเกม ผมละเชื่อเธอเลยจริงๆ

 

 

แต่ผมก็เข้าใจว่ามันคือมารยาทในเกมจริงๆ ที่ผู้เล่นควรจะทำกัน

 

 

「ฉันเข้าใจแล้ว แล้วชื่อในเกมของเธอคืออะไร ฉันจะได้เรียกถูก」

 

 

「ยูมีร์ 」ยูมิตอบด้วยความภาพภูมิใจในการตั้งชื่อของเธอ

 

 

「เดี๋ยวนะ นั้นเธอตั้งชื่อในเกมแล้วงั้นหรอ เธอแค่เติม "ร์" เองนะ……」

 

 

「นายรู้ได้ไงกัน」

 

 

ผมจะหมายความว่ามันง่ายเกินไป ... นี้เธอตั้งชื่อได้แค่นี้จริงๆหรอ

 

 

แต่ชื่อของเธอมันก็คล้ายกับชื่อของยักษ์ในตำนานนอร์ส แต่ผมคิดว่าเธอไม่น่าจะคิดได้ถึงชื่อยักษ์ในตำนานอะไรแบบนี้ได้ ...

 

 

ผมไม่คิดว่ามันแปลกสำหรับเธอที่จะตั้งชื่อแบบนี้

 

 

「ถ้างั้นเธอก็เรียกฉันว่า ไฮน์โดะ ละกัน 」

 

 

「ไฮน์โดะ? ที่ภาษารัสเซียหมายถึง เฮ... 」

 

 

「ไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์นั่น!  ความหมายของชื่อคือ ด้านหลัง ตั้งหาก」

 

 

「เอ๋ อย่าบอบนะว่า...」

 

 

「ใช่ ตามที่เธอคิดนั้นแหละ」

 

「เอออออ๋!」

 

 

จากที่ผมเห็น...เธอดูไม่พอใจกับชื่อของผมเท่าไหร่รวมถึงอาชีพที่ผมจะเล่นด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามการตั้งชื่อนั้นจะตั้งได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นและไม่สามารถเปลี่ยนได้...ดังนั้นยูมืเลยต้องยินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก

 

 

เนื่องจากมีผู้เล่นอยู่ออกมาประตูมากเกินไปพวกเราทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินออกมาจากที่นั่น

 

 

ระหว่างทางยูมีร์ที่ดูเหมือนจะทำใจได้เลยเธอดึงผมไปยังสถานที่ที่ดูเหมือนทางออกของหมู่บ้าน

 

 

「ไฮน์โดะ ตามฉันมาเร็วสิ 」

 

 

「รอก่อน เราจะไปที่ไหนกัน」

 

 

「ก็ออกนอกเขตหมู่บ้านไง ฉันต้องการที่จะออกไปลองสู้กับมอนสเตอร์」

 

 

「แล้วเธอจะไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ」

 

「อ..อาวุธอะไรไม่เห็นจำเป็นเลย ตอนนี้พวกเราอยู่ในเกมไม่ใช่โลกจริงสักหน่อย」

 

 

ด้วยความมั่นใจของยูมีร์พวกเราทั้งคู่ก็ตัดสินใจออกนอกเขตหมู่บ้านเพื่อไปลองสู้กับมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ โดยที่ไม่มีอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมา

 

 

ในเขตที่ถูกเรียกว่า 「ป่าDondery」ด้วยความห้าวของพวกเราทั้งคู่ HP ที่พวกเรามีอยู่น้อยนิดก็หมดลงอย่างรวดเร็ว

 

 

มอนสเตอร์ที่พวกเราทั้งคู่เจอนั้น มีลักษร์คล้ายผึ้งแต่มันตัวหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับผึ้งในโลกจริง

 

พวกเราทั้งคู่ตายด้วยความห้าวหาญและกลับมาเกิดใหม่ในหมู่บ้าน

 

 

ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ในการตายครั้งแรกในเกมที่...คงไม่ต้องพูดหรอกเนอะ

 

 

「เห็นไมละยูมีร์ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าพวกเราไม่ควรออกไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่า 」ทันทีที่ไฮน์โดะเกิดมาเขารีบหันไปพูดกับยูมีร์ทันที

 

 

「น..นั้นสินะ เราควรที่จะมีอาวุธก่อนที่จะออกไปสู้กับมอนสเตอร์... 」

 

 

ทั้งที่เธอเองก็รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังจะห้าวออกไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่า

 

 

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะบ่นยูมีร์อยู่นั้น ก็มีหน้าต่างของระบบเด้งขึ้นมาตรงหน้าของผม

 

 

「ในช่วงเริ่มแรกของผู้เล่นใหม่จะไม่ได้รับบทลงโทษสำหรับการตาย」 ... อ้า ผมค่อนข้างดีใจที่ระบบยังมีความเมตตาต่อผู้เล่นใหม่

 

 

อย่างไรก็ตามนี่หมายความว่าจะมีบทลงโทษหลังจากที่ตายในอนาคต…โอ้ เพราะถ้าไม่มีบทลงดทษเกมคงหมดสนุกกันพอดี

 

 

หลังจากอ่านข้อความของระบบ ผมก็ลากยูมีร์มาที่สวนตรงใกล้จุดเกิดเพราะเห็นว่ามันมีที่นั่งเหลืออยู่มากมาย ก่อนที่จะเริ่มศึกษาระบบต่างๆในเกม

 

 

เราทั้งคู่ค่อยๆตรวจสอบระบบต่าง ๆ ก่อนืั้ผมจะสามารถเรียกเมนูของเกมขึ้นมาดูได้ซึ่งนั้นก็สามารถเรียกหน้าต่างข้อมูลค่าสถานะออกมาดูได้เช่นกันรวมถึงยังมีคู่มือพื้นฐานในเกมนี้อยู่ด้วย

 

 

ปกติแล้วเราควรที่จะทำสิ่งนี้ก่อน เมื่อเข้ามาในเกมที่ไม่เคยเล่น... คงมีแต่คนโง่เท่านั้นและที่รีบวิ่งออกไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่า และดูแล้วทั้งเกมของมีแค่ผมกับยูมีร์สองคนเท่านั้นแหละที่เป็นแบบนั้น

 

 

และด้วยการที่พึ่งมาศึกษาระบบทีหลังทำให้ผมเห็นว่าระบบได้มอบไอเทมพื้นฐานเมื่อเริ่มเล่นเกม

 

 

และในระบบยังอธิบายถึงการเปลี่ยนอาชีพในเกมนี้อีกด้วยโดยก่อนที่จะถึงเลเวล 10 นั้นผู้เล่นมีอิสระที่จะเลือกอาวุธและวิธีการเล่นได้อย่างอิสระ แต่เมื่อผู้เล่นมาถึงเลเวล 10 แล้วนั้นผู้เล่นจะต้องทำการเลือกอาชีพที่ตนเองต้องการ

 

 

หลังจากอ่านคู่มือจบพวกเราทั้งคู่ต่างก็คร่ำครวญกับอาชีพมากมายที่มีอยู่เต็มไปหมด ก่อนที่พวกเราทั้งคู่จะนั่งไล่อ่านไปที่ละอาชีพและนในที่สุด

 

 

「…เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะเป็นอัศวิน! 」

 

 

「ขอฉันดูสเตตัสหน่อย…สายสมดุลในแง่ของพลังโจมตีและการป้องกันเมื่อระดับสูงขึ้นสามารถใช้สกิลดาบและการเคาน์เตอร์ได้ นี่มันเหมือนกับผู้กล้าในจากเกมเก่า ๆเลยนะ มันทำให้ฉันนึกถึง RPG ออฟไลน์เหล่านั้น」

 

 

「เท่ห์ใช่มั้ยละ! 」

 

 

「ก็ดีแล้วนี้」

 

 

แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าด้วยรูปร่างของเธอที่คล้ายดาร์คเอลฟ์ เธฮควรจะใช้พวกพลังทางด้านมืดอะไรแบบนี้มากกว่าที่จะมาเป็นอัศวิน

 

 

ด้วยนิสัยของยูมีร์เธอชอบความท้าทาย ซึ่งอาชีพอัศวินที่ต้องสู้ในระยะประชิดก็ดูเข้ากับนิสัยของเธอดี

 

 

แต่นั้นไม่ค่อยเหมาะกับผมซักเท่าไหร่

 

 

แล้วมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้…ถ้าเป็นอย่างนั้นอาชีพของผมก็ควรที่จะเป็นอาชีพนี้...

 

 

「ถ้าเธอเป็นอัศวิน... งั้นฉันเป็นนักบวชเอง」

 

 

「อะไรนะ นายจะไม่ต่อสู้อยู่ข้างๆฉันหรอและแบบนั้นนายยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าผู้ชายได้อีกรึไง!? 」

 

 

「มันก็ไม่มีกฎนี้ว่าห้ามผู้ชายเล่นอาชีพนักบวช」

 

 

「ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…ค..คือ..เราอาจจะต่อสู้ร่วมกัน หรือใช้สกิลคอมโบด้วยกัน...นั้นและคือความหมายที่ฉันพูดถึง 」

 

 

「เธอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายประเภทสู้ตายบ้าพลังอะไรแบบนั้น ยอมแพ้ซะเถอะ..เธอเปลี่ยนใจฉันไม่ได้หรอก"

 

 

「ม..ม่ายยยยย...」

 

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ฮิฮิฮิ

 

 

ไม่ใช่ว่าผมมั่นใจถึงได้พูดแบบนั้นออกไป แต่ผมคิดว่าการตอบสนองของผมไม่ได้ดีขนาดนั้น

 

 

เมื่อคิดเกี่ยวกับเกม VR หากคุณต้องการเป็นผู้เล่นแนวหน้า ผมตัดสินว่าหากการไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองของคุณไม่ดีพอ นั้นหมายถึงการเคลื่อนหวการตอบสนองต่างๆก็จะแย่และนั้นหมายความว่าคุณเล่นเป็นแนวหน้าไม่ได้

 

 

ที่จริงแล้วเมื่อตอนที่พวกเราทั้งคู่ต่อสู้กับผึ้งยักษ์นั้น ผมเป็นคนที่ถูกแทงและตายก่อนที่ยูมีร์ซะอีก

 

 

แม้ว่าค่าสถานะของเราจะไม่แตกต่างกัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างอย่างมากในการหลบหลีกและการป้องกันซึ่งมันก็คือปฏิกิริยาการตอบสนอง

 

 

ในกรณีนี้ผมจึงเลือกอาชีพนักบวชเพื่อคอยสนับสนุนยูมิร์เมื่อเธอต้องไปต่อสู้กับมอนสเตอร์

 

 

「มาดูอาวุธเริ่มต้นกันได้แล้ว ดูเหมือนว่าทางระบบจะมอบไอเทมบางอย่างให้กับเราพร้อมกับอุปกรณ์」

 

 

「อืม นายคุณพูดถูก ทั้งหมดนี้เป็นของพื้นฐานที่เราจะ..」

 

 

「ดังนั้นทั้งหมดนี้สามารถใช้ได้จนถึงเลเวล 10 ใช่มั้ย…ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วหมายความว่าเราควรใช้ของเหล่านี้จนถึงเลเวล 10」

 

 

ผมที่พึ่งเปิดช่องเก็บของขึ้นมาดูภายในเป็นช่องมากมายพร้อมกับมีไอเทมอยู่ในนั้นพร้อมกับคำอธิบายว่ามันคืออะไร สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ น้ำยาอะไรซักอย่างซึ่งมันมีคำอธิบายไว้ว่า 「น้ำยาเพิ่มค่าประสบการณ์ ระยะเวลา 1 วัน」สิ่งนี้เป็นของที่ระบบได้มอบให้สำหรับผู้เล่นใหม่

 

 

ถัดมาสิ่งที่ปรากฏในช่องเก็บของของผมมีอีกชิ้นนึงที่ระบบมอบมาให้เช่นกัน

 

 

ผมหยิบมันออกมาจากช่องเก็บของ

 

 

นี้มันอะไรกัน....!

 

 

นี้ระบบทำการสุ่มของให้กับผู้เล่นใหม่รึเปล่าเนี่ย

 

 

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าระบบแจกแท่งไม้ให้กับผู้เล่นใหม่

 

 

ผมสังเกตุว่าไม้ที่ทางระบบแจกมาให้นั้นมันมีอะไรพิเศษรึเปล่าแต่เมื่อพลิกไปมาและดูจนทั่วแล้วสิ่งที่ผมเห็นว่าพิเศษอยู่อย่าง้เียวก็คือ ... ที่ปลายด้านนึงมีใบไม้ติดอยู่...

 

 

ผมพยายามคิดในแง่ดี นี้อาจจะเป็นกื่งไม้ที่มาจากต้นไม้ในตำนานก็ได้ เช่น กิ่งจากต้นไม้โลกอะไรแบบนั้น

 

 

「ไฮน์โดะ..」เสียงยูมีร์ดังขึ้น

 

 

「นายเองก็ได้แท่งไม้โง่ๆนี่เหมือนกันหรอ…」ยูมีร์ชูแท่งไม้ในมือของเธอขึ้นมาให้ดู

 

 

「นี่ไม่ใช่อาวุธสำหรับอัศวิน ... มันเหมือนกับว่าฉันถือแท่งไม้เป็นเด็กเล่นอยู่เลย ... 」เธอกล่าวต่อพร้อมกับแกว่งแท่งไม้ไปมา

 

 

ในกรณีของยูมีร์ที่เธอเลือกอาชีพอัศวินทำให้แท่งไม้ของเธอดูหนา ๆ และความยาวเท่ากับดาบ แต่ภาพลักษณ์ของมันนั้นหลอกลวงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

…และเมื่อกดตรวจสอบไอเทม มันมีข้อความเด้งขึ้นมาและอธิบายเกี่ยวกัยอาวุธ 「อาวุธเริ่มต้นมีความคงทนที่ไร้ขีดจำกัด」 นั้นหมายความว่าไม้นี้อาจจะทำจากวัสดุลึกลับบางอย่างที่มีความคงทนอย่างแน่นอน

 

 

ต่อมาเราดูเรื่องสเตตัสของอาวุธทางด้านของไม้เท้า พลังโจมตี 5 และดาบพลังโจมตี 10

 

 

แต่อาวุธทั้งสองก็มีความแต่ต่างกันอยู่ เพราะไม้เท้ามีบวกพลังโจมตีเวทย์มนตร์ 5 ซึ่งดาบไม่มีนั้นอธิบายได้ว่าทำไมพลังโจมตีของไม้เท้าถึงมีแค่ 5

 

 

และเมื่อเปรียบเทียบกับมือเปล่า เลเวล 1 นั้นสามารถทำความเสียหายได้ แค่ 1 เท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้ดาบและไม้เท่าดูเป็นอาวุธขึ้นมาทันที (แท่งไม้โง่ๆ)

 

 

ในเมื่อได้รับอาวุธที่เหมาะสมมันก็ให้พวกเราทั้งคู่รู้สึกอยากจะออกไปลองอาวุธอยู่ไม่น้อย

 

 

โดยส่วนตัวผมคิดว่าพวกเราทั้งคู่ดูดีขึ้นมากว่าตอนแรกที่เข้าไปพลาดท่า(ตายโง่)ในป่าตั้งเยอะ

 

 

「 นายพร้อมแล้วใช่ไหม  ไปกันเถอะ! 」ยูมีร์ตะโกนด้วยความดีใจ

 

 

「เดี๋ยวก่อนยูมีร์ พวกเราจะไม่หาปาร์ตี้กันก่อนหรอ」

 

 

「ฉันไม่สนใจ เราไปด้วยกันแค่สองคนก็พอแล้ว 」

 

「อ๊ะ เดี๋ยวก่อนยูมีร์! 」

 

 

ยูมิร์เริ่มวิ่งด้วยความเร็วเต็มพิกัด

 

 

เมื่อผมเห็นยูมีร์วิ่งออกไปแบบนั้นผมก็รีบวิ่งตามเธอไปแต่ดูเหมือนยูมีร์จะลืมผมไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด