บทที่ 259 - ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (1) [09-01-2020]
บทที่ 259 - ฉันจะไปที่ไหนก็ได้ (1)”
"โอ้ ทูตสวรรค์ก็ไม่ใช่ทูตสวรรค์อีกต่อไปแล้วด้วย"
"และหนูก็ได้มาเป็นลูกสาวของคุณแม่แทน"
"อ๊ะ"
เลียร่าได้เข้ามากอดแขนยูอิลฮานเอาไว้และประกาศกับคิมเยซอลที่ตาเป็นประกาย
"แม่ก็สังหรณ์ไว้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมาถึง"
"ชิ งั้นแม่น่าจะบอกผมก่อนนะ"
ยูอิลฮานได้บ่นออกมา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สลัดเลียร่าออกไป รอยยิ้มของคิมเยซอลได้ยิ่งกว้างขึ้นมา
"ถ้างั้นเร็วๆนี้แม่ก็หวังหลานชายคนที่สองได้แล้วสิ"
"หนูจะพยายามค่ะ!"
เลียร่าได้ทุบหน้าอกของเธอราวกับจะบอกว่าไว้ใจได้เลย จากความอายจากเรื่องนี้ทำให้ยูอิลฮานได้รีบเปลื่ยนเรื่องในทันที
"แล้วแม่ครับ ผมของถามแม่ได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
"ได้สิลูกแม่ แล้วก็นะ... ลูกก็จะบอกเรื่องของลูกให้แม่ฟังด้วยใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้าง?"
"ครับผม"
ในตอนนี้เขาไม่ต้องซ่อนอะไรอีกต่อไปแล้ว คิงเยซอลได้มองมาที่ดวงตาที่แน่นอนของลูกเธอและยิ้มอ่อนๆก่อนพูดขึ้น
"ได้เลย ถ้างั้น... แม่คงจะต้องเริ่มเล่าจากในตอนแรกที่แม่มาที่โลกนี้สินะ"
"แม่ได้มาที่นี่ในตอนที่ผู้คนบนโลกได้ถูกส่งไปในโลกต่างๆเพื่อเตรียมตัวสำหรับมหาภัยพิบัติใช่ไหมครับ?"
"ใช่แล้ว แม่เรียกที่นี่ว่า 'สวนจำลอง'"
"แล้วแม่มาที่นี่คนเดียวหรอครับ?"
"ใช่ แม่มาคนเดียว"
คิมเยซอลได้ชี้ไปที่วัตถุที่รอยอยู่รอบๆตัวเธอและพูดออกมา
"ลูกรู้ไหมว่าแม่ตกใจมากแค่ไหน? แม่มองไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แม่ไม่รู้อีกด้วยว่าที่นี่คือที่ไหน แม่บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแม่นั่ง ยืนหรือว่านอนอยู่กันแน่ ตอนที่แม่ถูกเอามาทิ้งไว้ในโลกใบนี้ก็มีมอนสเตอร์น่ากลัวอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีมอนสเตอร์พวกนั้นแล้วก็เถอะนะ มอนสเตอร์พวกนั้นทำร้ายอะไรแม่ของลูกไม่ได้สักนิดเดียว"
มันเหมือนกับว่าผู้คนกับมอนสเตอร์ที่เป็นเจ้าของโลกนั้นจะไม่อาจทำร้ายคนจากโลกของเขาได้เพราะพันธสัญญากับกองทัพสวรรค์
แต่ยังไงก็ตามที่นี่ไม่ใช่ในกรณีแบบนั้น ที่โลกใบนี้ ที่ 'สวนจำลอง' นี่ไม่ได้มีเศษเสี้ยงร่องรอยของกองทัพสวรรค์เลยแม้แต่นิด กลับกันเขารู้สึกได้ถึงออร่าของสวนอาทิตย์อัสดง หรือให้พูดชัดๆเลยก็คือสวนจำลองนี่คือโลกที่อยู่ภายใต้การปกครองของสวนอาทิตย์อัสดง
"ที่แม่ทำได้มีแค่หายใจเท่านั้น ยังดีนะที่แม่ไม่ได้รู้สึกหิวไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน และเมื่อเวลายิ่งผ่านไปนานมากขึ้น... โอ้ ลูกก็คงจะได้เจอภูติพวกนั้นแล้วใช่ไหม?"
"เจอแล้วครับ"
"นั่นแหละ ภูติพวกนั้นเป็นเพื่อนของแม่ พวกภูติเป็นคนที่ทำให้แม่สัมผัสได้ถึงมานา"
หลังจากที่เธอรูสึกได้ถึงมานาและใช้มันได้ คิมเยซอลก็ไม่สนใจนับวันเวลาที่ผ่านไปอีกแล้ว เธอเอาแต่ฝึกการใช้มานาเพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในที่แห่งนี้
เธอไม่ได้มีคนสอนเวทย์เลย เพราะแบบนี้ทำให้สิ่งที่เธอทำได้มีแต่ปล่อยมานาออกมาและปล่อยมันลอยวนไปในมิตินี้ เพราะแบบนี้เองทำให้เธอได้เริ่มเรียนรู้เรื่องเวทย์ที่เกี่ยวข้องกับมิติเวลา
"นั่นหมายความว่า..."
"โอ้ ลูกรู้แล้วสินะ?"
คิมเยซอลได้ชี้ไปที่ผิวน้ำก่อนหน้านี้ ฟองอากาศก่อนหน้านี้ที่เธอใช้มานาควบคุมอยู่ ฟองมานาที่ควรจะตกลงไปในน้ำและายไปยังคงมีรูปร่างเดิมอยู่ราวกับว่ามันเป็นของแข็ง และมันกำลังกลิ้งไปมาบนผิวน้ำ
"ทุกอย่างในสวนจำลองแห่งนี้ถูกทำให้หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือมิติก็ตาม การพยายามใช้มานาภายในที่แห่งนี้ทำให้แม่ได้พัฒนาการใช้เวทย์มิติเวลาขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ"
"นั่นดูจะไม่ง่ายเหมือนที่แม่พูดเลยนะครับ แม่ต้องมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งมากๆแน่"
"ฟุฟุ เรื่องนั้นแม่ก็ไม่มั่นใจหรอกนะ แต่ว่าก็เพราะแบบนี้แหละทำให้แม่ได้เรียนรู้เวทย์"
สิ่งที่แม่ของเขาเจอก็คล้ายๆกันกับยูอิลฮานที่อยู่ในโลกที่เวลาหยุดลงเช่นกันแต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะฝึกใช้มานาได้เลยสักนิดเดียว ยูอิลฮานได้เลียริมฝีปากเพื่อที่จะหาเรื่องมาพูดอีก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
คิมเยซอลได้ยิ้มขึ้นมานิดๆราวกับว่าเธอเข้าใจเขาและพูดต่อ
"มันนานแค่ไหนกันนะนับตั้งแต่แม่ได้เริ่มฝึกเวทย์น่ะ? ยังไงก็ตามพอแม่ได้ฝึกเวทย์ได้แม่ก็เริ่มมั่นใจว่าสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ในสวนจำลองได้ ในตอนนี้เองภูติก็ได้ขอให้แม่ตามพวกเขาไปเป็นครั้งแรกและแม่ก็ได้จัดการพวกมอนสเตอร์พร้อมกับพวกภูตินี่แหละ การต่อสู้นี่มันยาวนานมากๆจนเหมือนกับไม่มีวันจบเลย แต่ว่าพวกนั้นก็ไม่ได้ทำอันตรายแม่หรอกนะ แม่ชนะพวกนั้นมาได้ตลอดเลย"
"แล้วนี่คือวิธีที่แม่เพิ่มเลเวลขึ้นมาสินะครับ"
ทั้งสามคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็มีเลเวล 299 กันทั้งนั้น แต่ว่ายูอิลฮานได้มาถึงระดับนี้จากการที่เขาได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปจนนับไม่ถ้วนถึงขนาดที่เขายังคิดว่าเขาฆ่าเยอะเกินไปแล้วด้วยซ้ำ ส่วนเลียร่าเธอได้ข้ามผ่านขีดจำกัดนี่ไปนานแล้วจากระยะเวลาการฝึกที่ยาวนานของเธอ ยังไงก็ตามเขาคงจะยอมรับคำพูดของแม่เขาด้วยคำที่ว่า 'โอ้ เป็นแบบนี้นี่เอง' ไม่ได้หรอกนะ
"แม่ฆ่าพวกนั้นไปเยอะเลย เยอะมากๆเลยนะ แล้วก็ตัวสุดท้ายก็ทำให้แม่ไปถึงเลเวล 299"
"แม่ฆ่าไปมากแค่ไหนกัน?"
"ก็อย่างที่แม่บอกไปไง แม่ไม่สนใจนับจำนวนพวกที่ฆ่าไปเหมือนกับที่แม่ไม่สนใจนับวันเวลานั่นแหละ แค่นึกถึงก็ทำให้แม่เศร้าแล้วสิ"
และในท้ายที่สุด
"พวกภูติก็ได้ให้ของขวัญกับแม่ ลูกคงจะเคยได้ยินเรื่องของสวนอาทิตย์อัสดงแล้วใช่ไหมล่ะ?"
"ใช่คัรบ"
"ของขวัญที่แม่ได้คืออาร์ติแฟคที่ทำให้แม่ติดต่อไปหาพวกนั้นแล้วก็ไปในโลกที่มีคนของโลกเราคนอื่นอยู่ได้ แม่ได้ใช้อาร์ติแฟคนี่แหละในการไปที่ยาอุมิน และตอนนั้นแหละที่แม่ได้เจอกับคนอื่นๆ"
คิมเยซอลได้หนีไปจากสวนจำนองและไปถึงยาอุมินในขณะที่คนอื่นๆจากโลกเขาเพิ่งจะมาถึงยาอุมินเท่านั้น สวนจำลองที่แม่เขาอยู่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับชั้นบาเรียที่สร้างขึ้นมาจากนาฬิการทรายแห่งกาลเวลาที่จะทำให้เวลาข้างนอกไม่ได้ผ่านไปเลย
แม้ว่ามันจะต่างกันมากอยู่ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันคล้ายๆกับตอนที่ยูอิลฮานกับยูมิลได้เจอตอนที่พวกเขาถูกแยกกัน และสิ่งนี่ก็มาเกิดกับแม่เขาเช่นกัน เขาไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าในตอนที่แม่ของเขาได้รู้ว่าช่วงเวลานับไม่ถ้วนที่เธอใช้มาหลายต่อหลายปีได้กลายมาเป็นพริบตาเดียว เธอจะรู้สึกยังไง
ยังไงก็ตามเสียงของแม่เขาก็สงบมากๆ
"หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นอีกแล้ว แม่ได้ใช้เวทย์ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ และเพราะแบบนี้แม่ก็ได้ซ่อนตัวตนจริงๆเอาไว้แล้วก็ใช้ชีวิต 10 ปีที่นี่ หลังจากนั้นแม่ก็ได้กลับไปที่โลก"
"แล้วเรื่องบันทึกนภาในตัวแม่ก็ถูกลบไปด้วยใช่ไหมครับ?"
"บันทึกได้ถูกลบไปแค่ในตอนที่แม่ใช้ชีวิตอยู่ในยาอุมินเท่านั้นแหละ"
นั่นมันก็หมายความว่าคิมเยซอลมีเลเวล 299 แม้ว่าเธอจะกลับไปที่โลกเดิม ตลอดมาในระหว่างมหาภัยพิบัติแล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นไม่ใช่ยูอิลฮาน แต่เป็นแม่ของเขา!
ยูอิลฮานได้ตกตะลึงอย่างมาก เนื่องจากว่าในตอนนั้นเขายังใช้ไม่ได้แม้แต่มานาทำให้เขาไม่ได้รู้ตัวมาก่อนเลยสักนิด
"เฮ้ คุณอดีตทูตสวรรค์"
"ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้เลยจริงๆนะ! ฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว!? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกับว่าทำไมฉันถึงไม่รู้ตัว แต่ว่าฉันก็ไม่รู้จริงๆนะ!"
ดูจากสายตาของเลียร่าแล้วเหมือนกับว่าเธอจะไม่รู้เลยจริงๆ และนี่ก็ไม่น่าจะใช่แค่เลียร่าเท่านั้น แต่ว่าทูตสวรรค์คนอื่นๆทุกคนที่มาที่โลกก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกัน ยูอิลฮานได้คิดขึ้นมาอีกครั้งว่ากองทัพสวรรค์คือองค์กรที่เชื่อถือไม่ได้เลยถึงแม้ว่าเขาจะหมดศรัทธาในกองทัพสวรรค์ไปนานแล้วก็ตาม
เรื่องราวของคิมเยซอลยังมีเหลืออยู่อีกนิด
"แล้วก็ในระหว่างแม่เดินทางไปกลับที่ยาอุมินอย่างนั้น สวนอาทิตย์อัสดงก็ได้ติดต่อเข้ามาหาแม่อีกครั้งหนึ่ง"
"พวกนั้นเสมอให้แม่เป็นคลาส 5 ภายใต้กองกำลังของพวกนั้นงั้นหรอครับ?"
"ไม่หรอก เป็นเรื่องวงเวทย์น่ะ วงเวทย์ที่เป็นแผนของกองทัพปีศาจวิบัติกับกองทัพจรัสแสงนั่นแหละ พวกเขาได้ให้ข้อมูลพวกนี้กับแม่มา"
"งั้นพวกนั้นก็รู้เห็นด้วยสินะ..."
"พวกนั้นได้บอกแม่ว่าแม่ควรจะเปิดบาเรียแล้วก็ซ่อนตัวโดยที่ไม่ไปยุ่งอะไรกับวงเวทย์พวกนั้น"
"หืม?"
ยูอิลฮานได้เอียงหัวสงสัยขึ้นมาเป็นครั้งแรก ริมฝีปากของคิมเยซอลได้ยิ้มแห้งๆออกมา
"ในตอนนี้แม่ได้เริ่มสงสัยในตัวสวนอาทิตย์อัสดง ถ้าทุกอย่างมันเป็นไปตามปกติ แม่ก็คงจะต้องอยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนอื่นๆในดาเรย์ แต่ว่าเพราะอะไรบางอย่างได้ทำให้มีแต่แม่เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในสวนจำลองนี่ นอกไปจากนี้แม่ยังได้ยินว่ามาที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลของสวนอาทิตย์อัสดง ดังนั้นมันไม่แปลกเลยที่แม่จะคิดว่าทุกๆอย่างที่แม่เจอเป็นเพราะสวนอาทิตย์อัสดสง จริงไหมล่ะ?"
ยูอิลฮานก็คิดแบบเดียวกันกับเธอ
แน่นอนว่ายูอิลฮานไม่รู้ว่าพวกนั้นลักพาตัวคิมเยซอลมาทิ้งไว้ในสวนจำลองได้ยังไง เขายังไม่รู้ด้วยว่าทำไมพวกนั้นถึงมีคิมเยซอลเป็นเป้าหมาย บางทียูอิลฮานกับคิมเยซอลอาจจะมีพรสวรรค์ซ่อนยู่ก็ได้ และหลังจากรู้เรื่องพรสวรรค์พวกนี้สวนอาทิตย์อัสดงก็เลยวางแผนจะดึงตัวพวกเขางั้นสิ
ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ความเป็นไปได้ที่คิมเยซอลถูกทิ้งในสวนจำนองเพระาเหตุผลที่เหมือนกับที่ยูอิลฮานถูกทิ้งไวบนโลกแค่เพราะเหตุผลบ้าๆอย่าง 'เทพเจ้าหาเขาไม่เจอ' จะมีน้อยมากๆ ไม่สิ จริงๆแล้วยูอิลฮานยังสงสัยเรื่อง 'ความผิดพลาด' ที่เขาถูกทิ้งเอาไว้ในตอนแรกอีกด้วย
"เพราะแบบนี้แม่ก็เลยทำตรงกันข้ามกับที่พวกนั้นบอก แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่เฉยๆ แม่ได้ไปหามิเรย์ ยูนา มิล แล้วเราก็เริ่มการลบวงเวทย์พวกนั้นทิ้งไป ยังไงก็ตามผลมันก็กลายมาเป็นแบบนี้นี่แหละ นอกไปจากนี้ตอนนี้แม่ก็ถูกส่งกลับมาที่สวนจำลองไม่ใช่ที่ยาอุมินแล้ว เพราะงั้น.. พวกนั้นได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่แม่มา"
ยูอิลฮานไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าสวนอาทิตย์อัสดงกำลังคิดอะไรกันอยู่ ยูอิลฮานได้หยุดคิดเรื่องที่ว่าพวกนั้นต้องการอะไรจากแม่เขาเอาไว้ก่อนเพราะในตอนนี้มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก
"...แล้วถ้างั้น แม่ใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?"
แม่ได้บอกเขาว่าที่นี่เวลาไม่ได้ขยับไปแม้ว่าเธอจะใช้เวลามาหลายต่อหลายปี ถ้างั้นตอนนี้เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี และยูอิลฮานกับเลียร่าได้มาที่นี่ แม่ของเขาได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไปนานแค่ไหนกัน? ตัวตนที่เธออยู่ที่นี่ใช่ตัวจริงหรือป่าว?
คิมเยซอลได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
"3 ปี"
"...หา?"
"3 ปีไงลูกแม่ ตอนนี้มีมั่นใจในความสามารถการนับวันเวลาแล้วนะ เท่าที่แม่นับมาคือสามปีแน่นอน"
เขารู้สึกเหมือนกับหมดแรงลงไป ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ หลังจากที่ยูอิลฮานถูกทิ้งมาเป็นพันปีเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับในเรื่องเวลาไปแล้ว บางทีนี่มันก็ธรรมดามากๆ
แต่ยังไงก็ตามนี่มันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมสุดๆไปเลยที่เขาหาแม่เจอได้แบบนี้ มันดีมากๆที่เขาไม่ได้ปล่อยให้แม่เขาต้องรอนาน
"เอาล่ะ ถางั้นตอนนี้ถึงเวลาลูกเล่าแล้วนะ แม่มั่นใจมากเลยว่าไม่ว่าลูกจะเล่าอะไรมาแม่จะไม่ตกใจแล้ว"
"เมื่อเทียบกับแม่แล้ว ผมรู้สึกว่าเรื่องที่ผมเจอเป็นเรื่องเล็กๆไปเลย แต่ก็... เอาเถอะนะ ผมจะเล่าให้ฟังเอง"
ขณะพูดแบบนี้ยูอิลฮานก็คิดบางอย่างขึ้นมา เขาได้เล่าย้อนไปตั้งแต่ตอนที่เขาถูกทิ้งไว้เป็นพันปี และมันแปลกมากๆที่แม่ของเขากลับยังดูเหมือนคนอายุยี่สิบกลางๆ... เขาได้ยิ้มออกมาแห้งๆ
"ลูกไม่ได้ถูกส่งไปในที่แปลกๆ แต่ลูกกลับถูกทิ้งเอาไว้บนโลกคนเดียว..."
ยูอิลฮานได้เล่าเรื่องออกมาให้กระชับที่สุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเขาเขียนหนังสือขึ้นมาก็คงเขียนได้อยู่หลายบท ยังไงก็ตามนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะให้คิมเยซอลได้เข้าใจในเรื่องราวของเขา ในท้ายที่สุดประสบการณ์ที่ทั้งคู่ได้เจอก็คล้ายๆกัน
"เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่เอง ลูกแม่ ลูกลำบากมาเลยสินะ"
ยูอิลฮานคิดว่าเรื่องที่แม่ของเขาเจอโหดร้ายกว่าเขามาก แต่ว่าคิมเยซอลคิดตรงกันข้ามกับเขา ยูอิลฮานได้มองไปที่ตาของคิมเยซอลที่เริ่มจะแดงและเริ่มพูดออกมา
"ผมเคยบอกไปก่อนแล้วนะ ผมไม่ได้ตัวคนเดียวซะหน่อย ลิต้าไง... เลียร่าอยู่ที่นั่นกับผม"
"ลูกรัก... ลูกลำบากมากเลยนี่ลูกแม่"
เนื่องจากว่าเธอได้รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดของยูอิลฮาน ทำให้เธอรู้แล้วว่าเขาได้ใช้ชีวิตมาแล้วเป็นพันปี ยังไงก็ตามคิมเยซอลไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เธอได้เข้ามากอดเขาเอาไว้
"แม่..."
แม้ว่าภายนอกภาพนี้มันจะแปลกมากๆ แต่ยูอิลฮานรู้สึกเหมือนกับภาระที่หนักอึ้งของเขาได้ถูกยกออกไปเมื่อได้รับอ้อมกอดจากแม่เขา
"ครับ... มันหนักมากเลย"
"ดีมากลูกแม่"
ยูอิลฮานได้อยู่ในอ้อมกอดของคิมเยซอลต่อไป เขานั้นทั้งหัวเราะและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียว
"นี่ หนูก็มานี่ด้วยสิลูกแม่อีกคน"
"อ๊า หนูหรอ? แต่ว่าหนู..."
"มานี่สิ"
"ค่ะ"
สุดท้ายแล้วแม้แต่เลียร่าก็ได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกคน นับตั้งแต่เธอได้กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตเธอได้ลืมถึงคำว่าแม่ไปนานแค่ไหนกันนะ? เลียร่ารับรู้ถึงความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจากความรักของแม่อีกครั้งหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ตอนนี้เธอได้เผลอผ่อนคลายไปอย่างไม่รู้ตัว
ในโลกที่มิติและเวลาต่างก็หยุดนิ่ง พวกเขาทั้งคนได้กอดกันแบบนี้ไปอยู่อีกพักใหญ่ๆ