บทที่ 257 - ด้วยความยินดี (8) [05-01-2020]
บทที่ 257 - ด้วยความยินดี (8)”
ภายในสำนักงานหลักกองทัพปีศาจวิบัติที่เอลโลคาทราได้มีการประชุมครั้งที่สองต่อจากครั้งแรกอย่างรวดเร็วซึ่งจะพบเห็นได้ยากมากๆ ในเวลานี้ทุกๆคนนอกเจากผู้บัญชาการกองพันที่ 1 ต่างก็มาเข้าร่วมกันทั้งนั้น
[คราวนี้แม้แต่เฮเรียน่าก็ยังตายตามอิชจาร์ไปแล้ว ลองดูสภาพของกองทัพปีศาจวิบัติสิ]
[เฮเรียน่ามันโง่ เธอเอาแต่ฝักใฝ่หาอะไรก็ไม่รู้ เทพองค์ที่ห้าอะไรก็ไม่รู้? มันใช่ที่ไหนกันล่ะ เธอจะตายไปก็ไม่แปลกหรอกนะ]
[ฉันไม่สนเรื่องกิ้งก่าหรอกนะ แต่ว่าการตายของเฮเรียน่าก็หมายความว่าเราเสียผู้หญิงไปแล้ว ฉันยังไม่เคยได้ลิ้มลองผู้หญิงคนนั้นเลยนะ]
[อย่ามาตลกหน่อยเลยเบลคาทู ในตอนที่เธอยังไม่ตาย แกยังไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเธอเพราะกลัวจะเสียการควบคุมอยู่เลย]
[พวกนายจะต้องทะเลาะกันในทุกๆครั้งที่เจอหน้ากันเลยงั้นสินะ!]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 8 เซนูว่า ได้ส่ายหัวถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็ปล่อยลมหายใจเพิงออกมาเบาๆเพื่อดึงความสนใจมาที่เขา
[เจ้านั่นเป็นคนอันตราย ทำยังไงก็ได้เพื่อพาเขามาหรือไม่ก็ฆ่าเขา หากเราเสียกองกำลังเรามากไปกว่านี้อีกรากฐานของกองกำลังเราอาจจะสั่นคลอนได้ ฉันเรียกพวกนายทุกคนมาก็เพื่อบอกเรืองนี้แหละ]
[นาเทียกับเคลาทูคก็ตายไปเหมือนกันใช่ไหม?]
[เฮเรียน่าเป็นคนที่ฆ่าพวกนั้น]
[ฉันไม่สนหรอกว่าใครฆ่าพวกนั้น สิ่งสำคัญคือพวกมันตายไปแล้ว]
ดวงตาของผู้บัญชาการกองพันที่ 4 เทลไซเดอร์ได้เป็นประกายขึ้นมา
[ทุกคนก็รู้ดีว่าเจ้าพวกสวนอาทิตย์อัสดงมันมีความสามารถในการหลอกลวง แต่ว่าพวกมันก็ไม่ได้มีคลาส 7 มากนัก นี่คือข่าวดีที่มีหนึ่่งในพวกมันตายไป... ถึงจะน่าเสียดายที่เราก็เสียเฮเรียน่าไปด้วยก็ตาม แต่ว่าเราก็ไม่ได้สูญเสียไปมากขนาดนั้นซะหน่อยนี่]
[ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าพวกกองทัพจรัสแสงก็คงจะกัดฟันกันแล้วล่ะมั้ง นังนาเทียนั่นก็สวยดีเหมือนกัน]
[เบลคาทูหุบปากไป]
[ทุกคนหยุด]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 2 ฮิวลูทูนได้เปิดปากออกมา เขาคือหนึ่งในผู้บัญชาการที่ไม่ได้เข้ามาร่วมประชุมในครั้งแรก แต่ว่าเมื่อเขารู้ถึงการตายของเฮเรียน่าเข้าก็ได้เข้ามาในการประชุมครั้งที่สอง
[แล้วนายจะบอกว่านายจะไม่แก้แค้นให้เฮเรียน่างั้นหรอ?]
[ใช่แล้ว นี่คือคำสั่งของฉันในฐานะที่เป็นประธานในการประชุมครั้งนี่ การทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นจะเกิดอันตรายขึ้นมาได้]
[เซนูว่า นายมัน... ได้ แต่ยังไงก็ตามฉันอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกนะ]
หากพูดตรงๆแล้วนกเพลิงเซนูว่า เพศสภาพของเขาคือตรงกลาง
แต่ยังไงก็ตาม 'ผู้ชาย' ทั้งหมดในกองทัพปีศาจวิบัติต่างก็มีความรู้สึกบางอย่างกับเฮเรียน่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แค่ได้ยินถึงการตายของเธอพวกเขาก็โกรธแล้ว และเซนูว่าก็เข้าใจพวกเขาเหมือนกัน
ยังไงก็ตาม ในตอนนี้เขาต้องชักจูงพวกนี้เอาไว้ก่อน
[ไว้แก้นแค้นทีหลังนะฮิวลูทูน ตอนนี้นายจะไประบายความโกรธที่ไหนก่อนก็ได้]
[ที่ไหนก็ได้งั้นหรอ...? โอ้]
เมื่อเขากำลังตอบกลับไป เขาก็นึกขึ้นได้ กำแพงแห่งความโกลาหลที่ขวางกั้นเอลโลคาทราจากสำนักงานหลักกองทัพสวรรค์
ในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่างช่องว่างของกำแพงกำลังเปิดขึ้นมา
[กองทัพสวรรค์งั้นหรอ...?]
[ใช่แล้ว มีแค่เจ้าพวกกองทัพสวรรค์เท่านั้นที่ไม่ได้สูญเสียคลาส 7 ในสงครามนี้ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย]
เซนูว่าได้ปล่อยไฟออกมาทั่วร่างเพื่อเน้นย้ำถึงคำพูดของเขา
[พวกนั้นจะต้องชดใช้มาด้วยราคาที่สมเหตุสมผลเช่นกัน เรื่องไม่ว่าจะกองทัพจรัสแสงหรือสวนอาทิตย์อัสดงก็น่าจะคิดเหมือนกันกับเรา]
[นายหมายความว่าจะดึงพวกนั้นมาที่สงครามกำแพงแห่งความโกลาหลงั้นหรอ?]
[ในเมื่อที่อื่นเราขาดทุนกันมา งั้นที่นี่พวกเราจะต้องได้กำไรคืนมา ฉันได้รับคำตอบดีๆมาจากพวกนั้นแล้วด้วย]
[เซนูว่า แกมันกล้าจริงๆ... แต่ฉันชอบว่ะ]
[ฉันก็ดู ฉันจะตั้งตารอสงครามครั้งนี้]
แม้ว่าจะมีความกังวลอยู่นิดๆ แต่ผู้บัญชาการกองพันส่วนใหญ่ต่างก็ชอบในสิ่งที่เซนูว่าคิด การข้ามกำแพงแห่งความโกลาหลไปนั่นคือเป้าหมายหลักของกองทัพปีศาจวิบัติ รวมไปถึงมันยังเป็นเหตุผลที่ทำให้มีกองทัพปีศาจวิบัติขึ้นด้วย
[งั้นเรามาลงมติกันดีไหม?]
[ได้สิ ฉันเห็นด้วย ครั้งนี้นายทำได้ดีมากเซนูว่า]
[ช่วยไม่ได้แหะ... ในเมื่อมันเข้าท่าขนาดนี้ ถ้างั้นฉันจะทนเอาไว้ก่อน]
[เยี่ยม ฉันควรจะไปบอก 'เขา' แล้วจะไปเตรียมการทันที]
อุปสรรคสุดท้ายที่ขวางกันกองทัพปีศาจวิบัติอยู่คือกองทัพสวรรค์และกำแพงแห่งความโกลาหล เมื่อไหร่ที่มันพังลง สมดุลทั้งหมดในทุกๆจักรวาลจะบิดเบี้ยวและพังลง พวกเขาได้จบการประชุมด้วยการตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอวันนั้น
เพราะแบบนี้เองทำให้ยูอิลฮานได้หลุดพ้นจากความสนใจของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง กองทัพสวรรค์ได้ยั่วยุกองกำลังต่างๆมาก็เพราะพวกเขาไม่ยอมส่งคลาส 7 ไปและเพราะแบบนี้ทำให้กองทัพสวรรค์กลายเป็นคนรับหน้าความผิดแทนยูอิลฮาน
แต่แน่นอนว่าต่อให้พวกกองทัพสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคิดจะทำอะไรกับยูอิลฮาน พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดี
หลังจากที่กลุ่มของยูอิลฮานได้กลับมาที่โลก พวกเขาต่างก็ไปพักผ่อนเพื่อคลายความเหนื่อยล้าสะสมในทันที พวกเขาได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเงียบสงบไร้เรื่องราวถึง 4 วันเต็ม
ตลอดเวลานั้นยูอิลฮานกับเลียร่าไม่ได้ออกมาข้างนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะแบบนี้เองทำให้คนอื่นๆต่างก็เป็นกังวลเรื่องความเหนื่อยล้าสะสมของยูอิลฮาน
"ทุกๆคน พวกนายคงจะได้พักกันแล้วใช่ไหม?"
"ค่ะนายท่าน เรากำลังเป็นห่วงนายท่านอยู่เลย"
"ฉันเราหลับมาเยอะเลยค่ะท่านจักรพรรดิ! ฉัยก็เป็นห่วงนายท่านเหมือนกัน"
เอริเซีบกับมิไรได้ตอบคำของเขากลับมาแบบสบายๆ แต่ว่าเลียร่าก็ได้มองไปที่พวกเธอด้วยสายตาที่น่ากลัวเหมือนกับว่าพลังของเทพแห่งความรักได้ทำงานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ยูอิลฮานได้ยักไหล่ออกมาและพูดต่อ
"ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดไปแล้วนะ แต่จะขอย้ำอีกครั้งแล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังจะไปหาพ่อกับแม่ของฉัน ถ้าครอบครัวฉันสบายดีอยู่ที่นั่น ฉันก็จะไม่พาครอบครัวฉันมาที่นี่... แต่ยังไงก็ตามนี่คือเรื่องส่วนตัวของฉัน หากว่าพวกนาย..."
"ฉันจะไปด้วย~!"
"ฉันไป"
"ฉันก็จะไปเหมือนกัน!"
"ฉันก็จะไปด้วย!"
ก่อนที่ยูอิลฮานจะพูดได้จบคนอื่นๆก็ตอบกลับมาด้วยสายตาเป็นประกายแล้ว แม้ว่าเขาจะพอเดาได้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ก็เถอะนะ... ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและมองไปที่กลุ่มนี้
"เอิลต้า เธอยังไม่ชินกับร่างใหม่ของเธอใช่ไหม? เธอควรจะตั้งใจกับการสร้างสเถียรภาพแล้วก็ปรับตัวกับร่างกายของเธอนะ"
"แต่ถึงแบบนั้น..."
"มันไม่ใช่ว่าทุกโลกจะเป็นสถานที่อันตรายหรอกนะ แต่ว่าเพราะฉันกังวลว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับที่ดาเรย์ขึ้นมาอีกก็ได้ เราได้เจอเรื่องแบบนี้มาเสมอเลยไม่ใช่หรอกหรอ?"
"อ๊าา ในเมื่อนายพูดแบบนี้..."
เอิลต้าได้ยอมแพ้ไปเป็นคนแรก จากนั้นเขาก็หันไปมองในคนที่อ่อนแอที่สุดอย่างเป็นธรรมชาติ ยูอิลฮานจะไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่นอน
"ยูนา เธอยังไม่ได้คลาส 4 เลยไม่ใช่หรอ?"
"นะ นั่นนนน อ๊าาา มันมีเควสบ้าๆโผล่ขึ้นมาเพราะบันทึกที่ฉันได้มากับตอนที่อยู่กับนายนั่นแหละ... ฉันได้ล่าคลาส 5 ไปแล้วนะ แต่ว่ายังขาดคลาส 4 อยู่อีกนิด"
"ถ้าเธอเลื่อนคลาสสำเร็จก่อนฉันจะกลับมา ฉันจะทำต่างหูสวยๆให้เธอ"
"โอ้! ได้เลย!"
นายูนาได้ถูกล่อด้วยของขวัญและตอบตกลงในทันที และเธอก็รู้ถึงความผิดพลาดของเธอทำให้เธอรีบปิดปากลงไป แต่ว่าคำพูดที่เธอหลุดพูดไปแล้วทำให้เธอไม่อาจจะกลับคำได้
"ทำแหวนให้ฉันก็พอ! แหวนสวยๆ"
"ได้ ฉันจะทำแหวนให้เธอ ถ้างั้นก็เหลือพวกเธอแล้วสินะ"
"อ๊า..."
ส่วนที่เหลือได้รู้ถึงชะตากรรมและสิ้นหวังทันที
"ฉันจะฝึกที่โลก"
"ฉันก็ยังต้อง... แกร่งขึ้นอีกนิด"
"อ๊ากกก การที่ฉันไปรับใช้ท่านจักรพรรดิไม่ได้นี่มัน... ฉันจะต้องไปวิจัยสมุนอันเดต"
ยูอิลฮานได้แต่ลูบหัวลูกน้องเขาแต่ล่ะคน จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเล็กๆเมื่อได้เห็นทุกๆคนต่างสะบัดหัวอย่างผิดหวัง และเขาก็หันไปหาเลียร่ากับยูมิล เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่พาทั้งสองคนนี้ไปด้วย
"เลียร่าบอกแล้วว่าเธอจะมากับฉัน แล้วมิลล่ะลูก?"
ยูมิลก็ดูจะลังเลมากๆ แต่ในที่สุดแล้วยูมิลก็ส่ายหัวออกมา
"ฉันก็อยากจะเจอคุณปู่กับคุณย่านะครับ แต่ว่า... ตอนนี้ผมจะต้องตั้งใจทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น ตอนนี้เลเวลผมยังไม่ถึง 299 เลยครับ"
"โอเค พ่อเข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวพ่อจะทิ้งอ่างแห่งปาฏิหาริย์เอาไว้ให้นะ"
"ครับผม!"
อ่างแห่งปาฏิหาริย์จะมีปฏิกิริยาอย่างมากกับยูอิลฮานและยูมิล ยิ่งยูมิลที่เป็นมังกรโดยกำเนิดยิ่งได้รับผลจากอ่างแห่งปาฏิหาริย์อย่างเต็มที่
"อิลฮานเราจะไปหาใครก่อนล่ะ?"
"พ่อก่อน พ่ออ่อนแอกว่าแม่ ฉันได้ไปคุ้ยข้าวของของพ่อมาจนได้รับบันทึกเกี่ยวกับโลกที่พ่ออยู่มาจนพอแล้ว"
ก่อนหน้านี้เขาได้คิดอย่างใจเย็นว่าควรจะทำอะไรดีมาตลอด แต่ว่าหลังจากได้เจอกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเบร์ย่ากับดาเรย์แล้วทำให้เขารู้สึกเร่งรีบขึ้นมา
แน่นอนว่าจากคำพูดของยูยงฮาน ไฮเชีย โลกที่พ่อเขาอยู่เป็นโลกที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ว่ายูอิลฮานรู้ดีกว่าใครว่าโลกน่ะเปลื่ยนแปลงพัฒนาไปเร็วแค่ไหน
ไม่สิ พ่อไม่น่าจะเป็นอะไร พ่อต้องไม่เป็นอะไร ยูอิลฮานได้พึมพัมแบบนี้กับตัวเองเพื่อทำให้เขาใจเย็นลงมาและสั่งกับมิสทิค
"ดูแลป้อมปราการลอยฟ้าด้วยนะ แล้วก็อย่าลืมกวาดล้างพวกมอนสเตอร์บนโลกด้วย"
[ไว้ใจได้เลย ไม่ต้องห่วงหรอก]
"เยี่ยม ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ"
เขาได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติขึ้นมาในทันที ขอบเขตสกิลคราวนี้มีแค่ตัวเขากับเลียร่า แค่สองคนเท่านั้น และเนื่องจากว่าเขามีบันทึกของปลายทางพอสมควรทำให้สกิลนี้ได้ใช้งานอย่างดี จนทั้งสองคนได้มาถึงที่ไฮเชีย
"ลูเน่ถูกกองทัพออร์คน่ากลัวจัดการไปแล้วใช่ไหม? ต่อไปคงเป็นพวกเราสินะ"
"แต่ไม่ใช่ว่าท่านอัศวินยังอยู่ที่นี่หรอกหรอ? อย่าพึ่งหมดหวังกันสิ"
คำแรกที่เขาได้ยินในทันทีที่มาถึงที่นี่คือคำพูดที่ชวนให้หมดแรง ยูอิลฮานได้หันมองไปรอบๆ และเขาก็รู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขานั้นกำลังยืนอยู่บนทางเดินที่ทำมาจากหิน ส่วนเสียงที่เขาได้ยินนั้นมาจากพ่อค้าขายผลไม้ข้างทาง
"อัศวินงั้นหรอ? ฉันไม่เชื่อใจพวกนั้นหรอกนะ พวกนั้นจะปรากฏตัวแค่ต่อหน้าคนที่จ่ายภาษีแพงๆเท่านั้นแหละ แล้วก็น่ะเมื่อไหร่ที่มีมอนสเตอร์โผล่มารอบๆพวกนั้นก็หายไปกันหมดตลอดแหละ ฉันถึงกับสงสัยเลยว่ามีอัศวินที่อยู่คลาส 3 กันหรือป่าว"
"ไฮช่าจะจบลงแบบนี้งั้นหรอ...? บ้าเอ้ย ฉันยังไม่อยากตายนะ"
ที่ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนยืนอยู่สองคน และยังมีพ่อค้าคนอื่นๆบนถนนรวมไปถึงคนอื่นอีกมาก แต่ว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็พูดกันในเรื่องชวนสิ้นหวังเหมือนสองคนนี้ บนถนนแห่งนี้ไร้ซึ่งชีวิตชีวาไปแล้ว
"มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่กันเนี้ย?"
"จะมีอะไรไปได้อีกล่ะ? ที่นี่กำลังเผชิญหน้ากับการจะถูกทำลายทิ้งยังไงล่ะ"
บางทีเลียร่าอาจจะไม่เคยเห็นที่แบบนี้มาก่อนเลย และเมื่อยูอิลฮานได้ไขข้อสงสัยให้กับเธอ เธอได้รีบเข้ามาคว้าแขนของยูอิลฮานไว้อย่างรวดเร็ว
"นั่นหมายความว่าคุณพ่อกำลังตกอยู่ในอันตรายด้วยสิ! รีบไปช่วยคุณพ่อเร็วเข้า!"
"เพราะงั้นฉันก็เลยกำลังตามรอยบันทึกของพ่ออยู่ไงล่ะ"
"ทำให้มันเร็วๆเหมือนเคยหน่อยสิ"
"แต่ว่าฉันหาพ่อไม่เจอเลย"
หลังจากได้ยินการตอบกลับนี้ของยูอิลฮาน เลียร่าได้สงสัยขึ้นมาทันทีว่าเธอฟังผิดไปหรือป่าว
"..อะไรนะ"
"เธอได้ยินถูกแล้ว ฉันหาบันทึกของพ่อไม่เจอเลยสักนิด"
"...แม้แต่สกิลบันทึกเนี้ยนะ?"
"แม้แต่สกิลบันทึกนั่นแหละ"
ตราบใดที่ยูยงฮานยังอยู่โลกใบนี้มันก็ไม่มีทางที่เขาจะใช้สกิลบันทึกหาร่องรอยไม่ได้ แต่ว่าในตอนนี้เขาหาไม่เจอเลย สกิลบันทึกที่ได้มีส่วนช่วยเขามาอย่างมากได้เริ่มสร้างความปวดหัวให้กับยูอิลฮานเป็นครั้งแรกเลย
เลียร่าก็ยังได้พูดออกมาอย่างสงสัย
"ไม่ใช่ว่าพ่อนายมีความสามารถในการซ่อนตัวที่สุดยอดแบบนายนะ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงใช้สกิลบันทึกหาคุณพ่อไม่เจอ"
"ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่พ่อไม่ได้มีสกิลซ่อนตัว แต่ว่าบางทีฉันอาจจะไม่รู้ตัวเพราะพ่อฉันเชี่ยวชาญในสกิลซ่อนตัวก็ได้ ให้ตายสิ ฉันรู้สึกได้ถึงตัวตนของพ่อเลือนลางมากๆ แต่ว่าฉันกลับหาที่อยู่จริงๆไม่ได้เลย"
"แต่ว่าถ้าคุณพ่อเชี่ยวชาญสกิลก็ไม่ใช่ว่านั่นหมายความว่าคุณพ่อปลอดภัยหรอกหรอ...?"
"นั่นมันคือ 'ถ้าเกิด' ไงล่ะ นอกไปจากนี้ฉันยังไม่เคยเห็นพ่อใช้มานาด้วย..."
ตอนนี้เลียร่ากำลังคิดเรื่องโง่ๆอย่าง 'ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น' เขาได้กางปีกบินขึ้นไปในทันทีโดยที่เลียร่าได้รีบตามเขาไป
"พ่อไปทำอะไรอยู่ไหนกันนะ? ฉันหาร่องรอยบันทึกของพ่อไม่ได้เลย!... งั้นถ้าฉันหาพ่อไม่เจอก็เหลือแค่วิธีเดียวที่ทำได้แล้ว"
เขาไม่รู้เลยว่ายูยงฮานอยู่หรือตาย แต่ว่าหากพ่อเขายังมีชีวิตอยู่ มันก็คงมีแค่วิธีเดียวที่ทำได้เพื่อจะให้พ่อเขาปลอดภัย
"ฉันก็แค่ต้องฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดบนโลกนี้"
"..."
เลียร่าไม่รู้เลยว่าเธอควรจะตอบกลับคำพูดของเขายังไงดี แต่ว่าเมื่อคิดว่านี่มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรก็ทำให้เธอเลือกที่จะเงียบไว้
และในอีก 17 ชั่วโมงต่อมา ยูอิลฮานก็ได้ฆ่ามอนสเตอร์ทุกๆตัวในโลกไฮเชียแห่งนี้
"ปะ เป็นไปได้ยังไงกัน! ฝูงออร์คถูกกำจัดไปแล้ว"
"ฝูงเยติทางภูเขาทิศเหนือก็ถูกกำจัดไปเหมือนกัน!"
"โอ้พระเจ้า ใครเป็นสร้างปาฏิหาริย์นี้ขึ้นมากัน"
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในไฮเชียได้หายไปทั้งแบบนี้ ยังไงก็ตามตลอดการฆ่ามอนสเตอร์ของยูอิลฮานไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่การซ่อนตัวของเขาหายไป เพราะแบบนี้ทำให้ตัวตนของฮีโร่ที่ปกป้องโลกใบนี้จะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอดกาล