บทที่ 256 - ด้วยความยินดี (7) [03-01-2020]
บทที่ 256 - ด้วยความยินดี (7)”
"ถ้านายออกไปจากดาเรย์สกิลนี้จะไม่หายไปหรอ?"
"ไม่หรอก สกิลนี้จะคงอยู่ตราบเท่าที่ฉันต้องการ"
เลียร่าได้ถามออกมาอย่าสงสงสัยกับชั้นบางๆที่คลุมโลกในตอนนี้อยู่ และยูอิลฮานก็ได้ตอบกลับมาตรงๆจนเลียร่าพูดไม่ออก
"โกงมาก!"
"แต่ว่าการเปิดใช้งานมันก็ยากพอกัน"
"ถึงแบบนั้นก็เถอะนะ... เฮ้อ ฉันไม่น่าถามเลย"
สงครามได้จบลง และสกิลที่ป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามาก็ถูกเปิดขึ้นแล้วด้วย แม้ว่าเพราะการที่โลกใบนี้ได้กลายมาเป็นโลกชั้นสูงแล้วทำให้มันยังมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเกิดขึ้นในโลกนี้อยู่ แต่ว่าด้วยตัวพวกเอลฟ์กับหมาป่าในปัจจุบันนี้ พวกเขาสามารถจะรับมือกับมอนสเตอร์พวกนั้นด้วยลำพังพวกเขาเองได้แล้ว
"นายท่าน"
เอริเซียได้เดินเข้ามาหายูอิลฮานกับเลียร่าอย่างระมัดระวัง
"สนามรบถูกเก็บกวาดหมดแล้ว นี่วัตถุดิบทั้งหมด... รวมไปถึงศพด้วยค่ะ"
"ขอบคุณมากเอริเซีย แล้วคนที่จากไปล่ะ?"
"เราได้จัดการเหมาะสมแล้ว ตอนนี้ทุกๆคนกำลังคำสั่งต่อไปของนายท่านอยู่ค่ะ"
ยูอิลฮานได้ลูบหัวของเอริเซียที่ก้มหัวให้เขาเบาๆ เขาได้มองไปที่หูที่กระดิกอยู่ของเธอแล้วยิ้มออกมา
"ถ้างั้นเราจะจัดงานศพกัน"
งานศพที่ยิ่งใหญ่สำหรับฟีเรียที่เป็นคนได้ทำให้เขาได้รู้ถึงภัยที่เกิดขึ้นในดาเรย์ รวมไปถึงงานศพสำหรับเอลฟ์กับหมาป่าคนอื่นๆที่ตายยในสงครามครั้งนี้รวมไปถึงเลอซิดน่าที่เป็นแม่ของยูมิลด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้ยูอิลฮาน ลูกน้องของเขา เอลฟ์ หมาป่า กองทัพมังกรของยูมิล ทุกๆคนได้มารวมตัวกันอยู่ในที่ที่หนึ่ง
"เลอซิดน่าเป็นคนที่ถูกพวกสวนอาทิตย์อัสดงหลอก..."
[แม่]
เมื่อร่างของเลอซิดน่าได้ถูกเอาออกมาจากช่องเก็บของของยูอิลฮานมาสู่ภายนอกก็ถูกแสงอาทิตย์สาดมาสะท้อนกับเกล็ดสีทองของเธอ ยูมิลได้มองนิ่งๆเหมือนกับเขาไม่ได้เศร้าเลย จากนั้นเขาก็ได้เข้าไปกอดร่างของเธอเบาๆทั้งๆที่ยังอยู่ในร่างมังกร
[ผมจะอยู่กับพ่ออย่างเข้มแข็ง เพราะงั้นแม่ไม่ต้องห่วงพวกเรา แล้วก็คราวหน้าก็ขอให้แม่เกิดมาแข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวนะครับ]
"มังกรก็คือมังกรสินะ"
ในระหว่างยูอิลฮานพูดไม่ออกกับคำพูดของยูมิล เด็กๆจากกองทัพมังกรของยูอิลฮานก็ได้เศร้าขึ้นมาเพราะอะไรซักอย่างเมื่อได้มองดูยูมิลกอดร่างของเลอซิดน่า
"นั่นแม่ของฮีโร่หรอ?"
"ฉันรู้สึกแปลกๆ ฉันไม่ได้เจ็บอะไรนะ แต่ฉันกลับกำลังร้องไห้"
"ฉันหวังว่านี่จะทำให้ฮีโร่มีความสุขมากขึ้นนะ"
"ฉันจะทำให้ฮีโร่มีความสุข"
ตอนนี้เด็กๆที่เข้าใจกันว่าการฆ่าคือสิ่งจำเป็นเพื่อเอาชีวิตรอด ได้รับรู้กันแล้วว่าการระลึกถึงคนที่ตายไปแล้วเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจมากแค่ไหน และยูอิลฮานก็ยังคาดหวังให้เด็กๆเข้าใจว่าการตายเป็นเรื่องน่าเศร้าอีกด้วย
สำหรับเด็กๆแล้วยูมิลคือทุกๆอย่างของพวกเขา เพราะแบบนี้หลังจากได้เห็นยูมิลส่งแม่เขาไป เด็กๆก็น่าจะพอเข้าใจอะไรได้บ้างแล้ว
ถึงแม้ว่านี่อาจจะทำให้เด็กๆลังเลที่จะสู้กับศัตรูก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เด็กๆจะเย็นชากับความตายของพวกพ้องแน่นอน
"ทุกๆคนพยายามกันได้ดีมาก เลือดของพวกนายทุกหยดที่หลั่งไหลออกมาจะกลายเป็นรากฐานให้กับดาเรย์"
"แล้วก็ด้วยน้ำตาของเรา พวกคนที่จากไปก็จะได้พักผ่อนอย่างสงบ..."
เหล่าเอลฟ์ได้กอดคอกันร้องไห้ออกมาเป็นเวลานานจากการสูญเสีย แต่แล้วในที่สุดพวกเขาก็ตั้งสติกลับมาได้ แมว่าพวกเราจะเก็บซากศพของฟีเรียมาไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยในจิตใจของพวกเขาก็ได้ปล่อยให้เธอไปสงบแล้ว
"ฟีเรีย..."
"ฉันจะปกป้องท่านจักรพรรดิแทนเธอด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะเป็นฝ่ายถูกปกป้องอยู่ก็ตาม แต่ในสักวันฉันจะต้องแข็งแกร่งพอแน่!"
"ขอบคุณนะฟีเรีย ฉันจะไม่มีวันลืมเธอเลย"
ในเวลาเดียวกันบรรยากาศของทางฝั่งหมาป่าต่างออกไปเล็กน้อย พวกเขาได้รับการยืนยันอีกครั้งหนึ่งแล้วว่าหมาป่าแสงจันทร์เอริเซียได้เลือกคนถูก ยูอิลฮานคือชาติที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน พวกเขาได้ยินดีกับการที่ได้รับชัยชนะในสงครามขนาดใหญ่นี้ถึงแม้ว่าจะมีพรรคพวกที่จากไปหลายคนก็ตาม แต่คนเหล่านั้นได้จากไปอย่างมีเกียรติ เหล่าหมาป่าต่างส่งคนตายจากไปด้วยความยินดี
"หลังจากที่ไคโรได้หมดอนาคตไปแล้ว สิ่งที่รอเราอยู่มีแต่การถดถอยและความตาย ยังไงก็ตามเราได้มาเจอเข้ากับท่านยูอิลฮาน และในที่สุดก็ได้มีอนาคตอีกครั้งหนึ่ง ดูพวกเราตอนนี้สิ! พวกเราอาจจะมีกันแค่ไม่กี่คน แต่ว่าพวกเราแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้จนเทียบกันไม่ติดเลย แล้วก็ในอนาคตเราจะยิ่งแกร่งกว่านี้กันอีก"
"บรู๊วววววววววววว!"
"จดจำคนที่ตายไปในสงครามนี้เอาไว! เราจะแกร่งมากยิ่ง แกร่งมากจนพอที่จะทำหน้าที่ทดแทนพวกเขาให้ได้มากยิ่งขึ้น"
"เราจะตามท่านไปตลอดกาล ท่านหญิงเอริเซีย"
"ท่านยูอิลฮาน!"
ทุกๆคนต่างก็ระลึกถึงคนที่จากไปในแบบของตัวเอง ยูอิลฮานได้ยืนเฝ้ามองเงียบๆจนกว่าที่ทุกๆคนจะส่งพวกพ้องที่จากไปจนเสร็จ เมื่อถึงเวลาแล้วเขาก็ได้ยกมือขึ้นทำให้มีเพลิงสีส้มอันอบอุ่นห้อมรอบคนที่จากไปเอาไว้
"สวยจัง"
"ยูอิลฮาน... สมแล้วที่นายได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง แค่มองเพลิงนี่ก็กระตุ้นอารมณ์ของเราได้แล้ว"
"นี่มันเหมือนกับว่าเพลิงกำลังระบำส่งศพอยู่เลย"
ทุกๆอย่างที่พวกเขาพูดออกมาคือเรื่องจริง เพลิงทั้งหมดได้อยู่เหนือศพจากการควบคุมของเพลิงนิรันดร์ และระบำเพื่อทำให้คนที่จากไปได้หลับอย่างสงบๆ
ยูอิลฮานได้ยิ้มขึ้นมาอย่างยินดี
ยังไงก็ตามงานศพที่ดูเหมือนจะจบไปแล้วยังของขวัญเซอร์ไพรส์เขาอยู่
"พ่อครับ"
"ว่าไง?"
ยูมิลที่ได้กลับมาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มแล้วได้ดึงเสื้อยูอิลฮานและพูดขึ้น
"มีบางอย่างอยู่ตรงศพแม่ครับ"
"ลูกหมายความว่าอะ... หืม?"
เนื่องจากยูอิลฮานไม่อยากจะให้มีอะไรเหลืออยู่อีกทำให้เขาคิดจะเร่งอุณหภูมิของไฟให้แรงขึ้นอีก แต่...
ยูอิลฮานได้มองไปตามที่มิลบอกอย่างสับสน และเมื่อเขามองไปตรงที่ที่ศพของเลอซิดน่ากำลังถูกเผาอยู่ก็ได้วัตถุทรงวงรีอยู่แทน เมื่อเห็นแบบนี้เขาเหงื่อแตกออกมาทันที
"...วัตถุแบบรูปทรงแบบนี้มันทำให้ฉันแผลเก่าฉันเจ็บมาแล้วสิ"
"ไม่ใช่ไข่ครับพ่อ นี่คือเวทย์ที่มังกรจะใช้เพื่อปกป้องไอเทมให้ปลอดภัย นี่คือเกล็ดของแม่"
"ถ้าเป็นเกล็ดก็คงไม่มีปัญหา"
เลอซิดน่าเธอน่าจะเก็บเกล็ดที่แข็งที่สุดเอาไว้และใช้เวทย์ของเธอเสริมพลังให้เกล็ดนั่นก่อนจะเก็บไว้ในร่างเพื่อทำแบบนี้
"เอาล่ะถ้างั้นก็"
ยูอิลฮานได้เดินเข้าไปจับเกล็ดนั่น เกล็ดที่ยื่นมานี้ได้แทงเข้าที่นิ้วของยูอิลฮานทันที ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เจ็บอะไรเลยแต่ว่าเขาก็ไม่คิดจะแตะอีกต่อไปเพราะว่าเขารู้สึกว่าหากแตะอีกมันจะยิ่งแสดงปฏิกิริยาตอบกลับมากกว่านี้
"มันมีกลไกป้องกันอยู่... มิล ลูกมาลองแตะดูไหม?"
"ได้ครับ"
เมื่อยูอิลฮานได้แตะที่ด้านบนเกล็ด เกล็ดลึกลับนี่ก็ได้ยุบลงไปทันทีและเผยให้เห็นของที่อยู่ด้านใน
และของด้านในก็คือ
"จดหมายกับโลหะอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็"
เกล็ดที่ปกป้องของข้างในได้หลอมละลายรวมกันเป็นเกล็ดชิ้นใหญ่ เมื่่อยูอิลฮานได้ลองเคาะดูก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่ามันแข็งมากจนเขาสงสัยว่านี่มันคือเกล็ดของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแน่หรอ
พลังเวทย์ที่ไหลอยู่ภายในเกล็ดก็ยังพิเศษมากๆ และมันให้ความรู้สึกเหมือนกับตัวเลอซิดน่าได้หลอมรวมเข้ากับเกล็ดยักษ์นี่
"ดูเหมือนจดหมายนี่จะเขียนไว้ให้ผม"
"ลูกอ่านออกไหม?"
"ครับ ผมเรียนมาจากเอลฟ์แล้ว"
ยูมิลได้อ่านจดหมายด้วยสายตาเป็นประกาย และเมื่ออ่านจบเขาก็ส่งชิ้นโลหะกับจดหมายมาให้ยูอิลฮาน
"ชัดเจนเลยว่านี่คืออาร์ติแฟคที่จะทำให้พ่อสามารถติดต่อกับสมาชิกสวนอาทิตย์อัสดงได้"
"งั้นแสดงว่าเธอถึงขนาดจะลากลูกเข้าสวนอาทิตย์อัสดงไปด้วย ชู่ววว เธอดูหมดหวังจริงๆเลยนะ... หืมมม?"
ชิ้นส่วนโลหะนี่จะต้องเป็นเครื่องรับส่งสัญญาณแน่ แม้ว่ามันจะถูกสร้างมาด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อน แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรคนใดก็สามารถจะตีความและใช้งานอาร์ติแฟคนี่ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากว่าเหล่ามังกรคือผู้เชี่ยวชาญในการใช้มานา
แต่ว่ามันมีปัญหาอยู่ เครื่องรับส่งสัญญาณนี่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ส่งสัญญาณไปหาสมาชิกสวนอัสดงที่อยู่ในโลกอื่น และมันจะทำการเปิดใช้งานฟังก์ชั่นที่สองเมื่อได้รับการตอบกลับมา ฟังก์ชั่นนั้นก็คือการสร้างประตูมิติที่เชื่อมระหว่างสองโลก
อาร์ติแฟคนี้จะทำให้คนอื่นไปโลกอื่นได้! ยูอิลฮานได้คิดขึ้นทันทีว่าถ้าหากว่ากองทัพสวรรค์มีอาร์ติแฟคแบบนี้ ยูอิลฮานก็จะไม่มีวันต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวเป็นพันปีแน่!
"ดูเหมือนด้วยอาร์ติแฟคนี่จะทำให้เราทำลายฐานของสวนอาทิตย์อัสดงได้มากเลยนะ"
"พ่อยังคิดจะไปทำลายพวกนั้นอีกหรอครับ?"
ยูมิลได้ถามมาด้วยสายตาเป็นประกาย การได้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจำนวนมากจะทำให้เขาแกร่งยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่ามันจะไม่ดีกับเลอซิดน่า แต่ว่ายูมิลก็อยากที่จะต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นสู้กับสวนอาทิตย์อัสดงหรือกองทัพปีศาจวิบัติก็ตาม ยังไงก็ตามในเวลาเร็วๆนี้ยูอิลฮานยังไม่อยากจะสู้อะไรอีกทำให้เขาส่ายหัวออกมา
"ไม่หรอก พ่ออยากจะจบสิ่งที่เกิดขึ้นในดาเรย์เอาไว้แค่นี้ ถ้าหากพ่อยังอยากจะให้พวกนั้นชดใช้อีก การต่อสู้ก็คงไม่มีวันจบสิ้นแล้วล่ะ แถมพ่อก็ยังไม่อาจจะทนได้นานขนาดนั้นด้วย"
แน่นอนว่าหากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาก็จะไม่มีวันปล่อยพวกมันไปเช่นกัน ยูอิลฮานได้เก็บอาร์ติแฟคลงไปในช่องเก็บของและมองดูที่เกล็ดข้างๆ
"แล้วนี่ล่ะมิล... พ่อจะทำยังไงกับเกล็ดนี่ดี?"
"ผมชอบสร้อยครับ เป็นสร้อยล็อคเก็ตก็ได้ครับ ผมจะได้เก็บจดหมายเอาไว้ได้"
"โอเค เดี๋ยวพ่อจะทำให้นะ"
"ครับผม"
เมื่อเห็นยูมิลส่งเกล็ดเลอซิดน่ามาให้เขาแบบง่ายๆทำให้ยูอิลฮานคิดว่ายูมิลไม่ได้รักเธอเลย และนี่มันก็น่าจะเป็นเพราะว่าตัวยูอิลฮานเองที่ไม่เคยคิดเรื่องแม่ของยูมิลเลย ยูอิลฮานได้กอดยูมิลที่เก็บจดหมายไว้ที่หน้าอกแน่นๆก่อนที่จะหันไปทางอื่น ยูอิลฮานได้คิดที่จะสร้างสร้อยคอที่สวยที่สุดให้กับยูอิลฮานเพื่อเป็นความทรงจำให้ยูมิลกับเลอซิสน่า แต่แน่นอนว่าสร้อยนี่ก็จะต้องมีฟังก์ชั่นที่ยอดเยี่ยมใส่ไว้ด้วยเช่นกัน
และงานศพก็ได้จบลงไป ในตอนนี้เนื่องจากพวกเขาได้ส่งกองกำลังอื่นๆออกไปแล้วทำให้มันถึงเวลาให้เขากลับไปใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตปกติเขาแล้ว
"ท่านจักรพรรดิ ท่านจะไปแล้วหรอค่อ?"
เมื่อยูอิลฮานกำลังเตรียมป้อมปราการทั้งสองแห่ง มิลฟาร์ก็ได้ถามเขาด้วยน้ำเสียงตกใจ เขาไม่อาจจะเมินสายตาอ้อนวอนของเธอที่มองมาที่เขาได้เลยทำให้เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป
"ขอโทษนะ ฉันพาพวกเธอทุกคนไปที่โลกไม่ได้... ตอนที่ฉันต้องการพลังของพวกเธอฉันจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นช่วยสู้ต่อไปจนกว่าจะถึงตอนนั้นด้วยนะ ฉันกำลังเฝ้ารอให้พวกเธอทุกคนแกร่งขึ้นอยู่"
"แต่ว่า..."
"มิลฟาร์ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะปกป้องจักรพรรดิเอง"
จิลได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจให้แก่มิลฟาร์ที่ไม่อาจจะปล่อยวางได้
มิไร จิล และพีท ทุกๆคนนี้ได้เตรียมตัวเดินทางและมาอยู่ข้างหลังยูอิลฮาน
"จิล นายมันซื่อบื่อ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะพูดหรอกนะ"
"ฉันก็อยากจะรับใช้ท่านข้างๆ..."
ความรู้สึกที่เอลฟ์มีต่อยูอิลฮานเป็นเรื่องที่แน่ชัด ยูอิลฮานพบว่านี่มันน่าอึดอัดแต่ว่าก็น่ารักมากเหมือนกัน เขาได้แต่ลูบผมปลอบเธอเบาๆ
"ต่อให้ฉันไม่มีอะไรให้พวกเธอช่วย ฉันก็จะแวะมาเล่นด้วยนะ ตอนนี้การจะมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันแล้ว"
"..ค่ะท่านจักรพรรดิ! เราจะรอการกลับมาของท่าน!"
ในที่สุดแล้วมิลฟาร์ก็ได้ยิ้มกลับมา เธอได้หยักหน้าด้วยใบหน้าสีแดงหลายต่อหลายครั้ง และนี่ก็เป็นเวลาที่เลียร่าหันมาจ้องเขม็งเช่นกัน
พูดตามจริงแล้วเอลฟ์เพศหญิงมากกว่าครึ่งต่างก็ชอบยูอิลฮาน ทำให้เลียร่าจะผ่อนคลายกับเหล่าเอลฟ์ไม่ได้เลย! เธอจะต้องพาเขาไปจากที่ดาเรย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เราจะรอการกลับมาขององค์หญิงนะครับ"
"พวกเราจะแกร่งขึ้นแน่นอน"
"ใช่แล้ว ก้าวต่อไปนะ อยู่กับนายท่านฉันก็จะแกร่งขึ้นเช่นกัน
หัวหน้าของหมาป่า หมาป่าแสงจันทร์เอริเซีย รวมไปถึงหัวหน้าแม่ทัพของหมาป่า เฟมิลก็จะไปกับยูอิลฮานด้วย
ทุกๆคนได้ขึ้นไปบนป้อมปราการลอยฟ้า เนื่องจากว่าป้อมปราการผู้พิทักษ์ถูกสร้างขึ้นมาไว้ให้เอลฟ์กับหมาป่าอยู่ แต่เมื่อพวกนั้นอยู่ที่ดาเรย์ทำให้หน้าที่ของป้อมปราการผู้พิทักษ์เหลือแค่ปกป้องป้อมปราการลอยฟ้าเท่านั้น
ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานสกิลข้ามมิติทันที เนื่องด้วยจำนวนคนที่มากทำให้เป็นธรรมดาที่จะต้องใช้เวลานาน แต่ว่าด้วยพลังนักท่องมิติทำให้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็พอแล้ว
แต่แล้วเมื่อเขากำลังจะเริ่มทำการข้ามมิติ นายูนาก็ได้มาจับชายเสื้อเขาและมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย
"อิลฮาน ฉันอยากจะเจอมิเรย์อะ~"
"เธอควรจะรีบบอกเร็วกว่านี้นะ ยังไงก็เถอะ ฉันก็อยากจะเจอมิเรย์เหมือนกัน พ่อก็ด้วย... แล้วก็ครอบครัวของฉันด้วย" (คังฮาจิน)
"โอ้ ฉันคิดจะไปหาพ่อกับแม่ของฉันก่อน หลังจากนั้นก็เป็นมิเรย์.... หลังจากนั้นก็ไปในที่ๆพวกนายอยากจะไปกัน" (ยูอิลฮาน)
"พะ พ่อ แล้วก็แม่!?"
นายูนาได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจและรีบหวีผมของเธอ เลียร่ากับเอิลต้าก็ยังเป็นกังวลกันขึ้น นี่มันชัดเจนมากว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรกันอยู่ทำให้ยูอิลฮานอดไม่ได้ที่จะไปเขกหัวพวกเธอทีละคน
"โลกอื่นคงไม่ได้วุ่นวายเหมือนที่ดาเรย์หรอกนะ เพราะแบบนี้เราจะไปกันช้าๆนะ แล้วก็กว่าโลกของเราจะไปเป็นโลกระดับสูงก็คงจะใช้เวลาสักระยะ.... แถมพวกเรายังต้องพักกันด้วย"
"แล้วนายก็ยังต้องเอาของที่ได้ไปสร้างอุปกรณ์ด้วย"
"ฉันบอกว่าอย่าอ่านใจฉันไงล่ะ"
ยูอิลฮานดูจะจะเขกหัวเลียร่าอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆเขาก็เปลื่ยนการกระทำไปโอบเอวเธอเอาไว้ ตอนนี้เองทำให้นายูนากับเอิลต้าเหมือนถูกเวทย์อัมพาตร่ายใส่
"ถ้างั้นไปนอนกันเถอะนะ"
"...โอเค"
เลียร่าได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับเป็นคนล่ะคน นายูนากับเอิลต้าได้แต่กัดฟันมองตามหลังยูอิลฮานไปก่อนที่พวกเธอจะยื่นมือมาจับกัน
"เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่"
"ฉันก็เหมือนกัน"
และจากนั้นเสียงทั้งสองเสียงก็ได้ประสานกัน
""นับจากนี้ไปเราจะร่วมมือกัน""
"บ้าอะไรเนี้ย? พวกผู้หญิงพวกนี้ น่ากลัว..."
มีแต่ฮาจินเท่านั้นที่รู้สึกได้ว่าความหลงใหลของหญิงสาวนั้นน่ากลัว มันน่ากลัวมากจนทำให้เขาถึงกับตัวสั่น