ตอนที่แล้วGE242 ดวงจิตที่สอง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE244 ครองทะเลตะวันออก เอาชัยทะเลเหนือ [ฟรี]

GE243 แผ่นหลังของบรรพบุรุษอสูร [ฟรี]


เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 5 หนิงฝานนำเซียวหวนไปนั่งริมหน้าต่าง ในแต่ละชั้นของร้านอาหารจะมีข่ายอาคมที่สร้างแรงกดันสำหรับพลังในระดับต่างๆ เพื่อคอยป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีระดับพลังไม่ถึงขั้นขึ้นไปชั้นสูง

แรงกดดันเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอะไรหนิงฝานได้ แต่สำหรับเซียวหวน มันคือภัยคุกคามถึงชีวิต

แต่หนิงฝานทำหน้าที่เหมือนร่มเงาให้นาง ป้องกันแรงกดดันที่จะเป็นอันตรายกับนาง

แขกในร้านอาหารมีทั้งอสูรแก่นทองคำและอสูรดวงจิตแรกเริ่มมากมาย แต่ในหมู่พวกมัน ไม่มีใครกล้ายั่วยุหนิงฝาน

ฮั่วเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสจากจู่โจมของหนิงฝาน กระอักโลหิตอย่างรุนแรง

อสูรตนนี้แข็งแกร่ง!

หากอสูรตนนี้เป็นเพียงทหารอสูร สมควรไม่มีทางทำเช่นนี้ได้

“อ็อค!! เจ้า… คือลู่เป่ยงั้นเหรอ?”

ฮั่วเฉินกระอักโลหิต ใบหน้าซีดขาว แววตาเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา

แต่ที่ยิ่งกว่าความอิจฉาก็คือ คาดไม่ถึง!

ฮั่วเฉินคือผู้เยาว์ที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายทางเหนือ แต่ยามนี้ ลู่เป่ยกลับแตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก

ฮั่วเฉินเป็นผู้ชอบใช้อำนาจ บิดาของมันรับหน้าที่เป็นเหมือนนักบวช ที่คอยปลุกโลหิตอสูรอยู่ภายในเมืองแห่งนี้ ทำให้บิดาของมันค่อนข้างมีชื่อเสียง

แต่ยามนี้ ลู่เป่ยกลับกล้าทำร้ายอสูรแก่นทองคำ ทาสรับใช้ของมัน

หากเป็นเมื่อก่อน ลู่เป่ยที่เห็นมันจะต้องป้องมือคารวะอย่างนอบน้อมทันที

ลู่เป่ยในวันนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กระทั่งกล้าทำร้ายมัน!

สิ่งที่คาดไม่ถึงมากที่สุด คือลูเป่ยที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ทหารอสูร กลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เพียงสัมผัสเทพและแรงกดดันก็ทำให้มันบาดเจ็บได้

แม้ทั้งหมดจะน่าเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง

นี่เหรอลู่เป่ยแห่งเผ่าลั่วหยุนที่อ่อนแอที่สุด?

ผู้เชี่ยวชาญในร้านอาหารทั้งหมดสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

โดยเฉพาะกับอสูรดวงจิตแรกเริ่ม มิน่าพวกมันถึงได้คุ้นว่าเคยเจอหนิงฝานที่ไหน เพราะหนิงฝานคือลู่เป่ย

เมื่อเดือนที่แล้ว มีข่าวลือว่าลู่เป่ยลอบออกจากเผ่า บุกเข้าเขตแดนเผ่ารอยแยกพิภพ สังหารอสูรฝั่งนั้นไปกว่า 71 ตน ข่าวนี้ไม่มีใครเชื่อ

แต่ยามนี้ ดูเหมือนข่าวที่ว่าจะกล่าวน้อยกว่าความเป็นจริง เพราะแม้ระดับพลังของลู่เป่ยจะอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่แรงกดดันกลับเทียบได้กับอสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด!

หรือว่า ลู่เป่ยอาจเก็บซ่อนความจริงที่ตนเป็นอสูรที่ทรงพลัง!

“ลู่เป่ย!?”

บริเวณที่โต๊ะกลางชั้น 5 เสียงของสตรีที่ไพเราะนางหนึ่งดังมา หนิงฝานชำเลืองมอง พบสตรีที่งดงามนางหนึ่ง

“มีอะไร?”

แต่หนิงฝานเพียงแค่ชำเลืองมองก่อนหันหน้าหนีราวกับไม่ได้สนใจในตัวนาง

สตรีนางนั้นสวมอาภรณ์ม่วง หน้าอกอวบอิ่มสมบูรณ์ เอวคอดกิ่วได้รูป ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ น่ารักน่าเอ็นดู

นางกำลังจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาเกี้ยวพา ดูราวกับนางจะต้องตาลู่เป่ย แต่จากความทรงจำที่ได้หนิงฝานได้มา มีข้อมูลของสตรีนางนี้อยู่ไม่มากนัก หนิงฝานเองก็ไม่อยากรู้

สิ่งที่พอจะรู้คือนางเป็นบุตรสาวของเจ้าเมือง ‘ลู่เฉิง’ นามว่า ‘ลู่ว่านเอ๋อร์’

นางคืออสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง อายุกระดูก 900 ปี นับเป็นสตรีที่มากพรสวรรค์ แต่หนิงฝานไม่เห็นนางอยู่ในสายตา

แม้อสูรตัดวิญญาณขั้นต้นอย่างลู่เฉิง เขาก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเช่นเดียวกัน

เดิมทีนางกำลังรอให้ลู่เป่ยเกี้ยวพา แต่กลับกลายเป็นว่า ลู่เป่ยกลับไม่สนใจนาง

นั่นหมายความว่าลู่เป่ยปฏิเสธนาง และไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย

เป็นไปได้ยังไง?

นางประหลาดใจมาก ในอดีตลู่เป่ยมักจะมองนางด้วยสายตาที่แฝงด้วยตัณหา และพูดจาส่อสื่อเกี้ยวพา

แต่วันนี้มันกลับไม่สนใจนาง ไม่แม้แต่จะมอง

และนั่นไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ

หากเสแสร้งนางย่อมมองออก เพราะนางเคยเห็นผู้คนมากมายทำเช่นนั้น วันนี้ ลู่เป่ยดูเหมือนไม่ใช่คนเดิม

“มะ...ไม่มีอะไร… ร้านอาหารนี้เป็นของพี่ชายข้า เมื่อครู่ฮั่วเฉินเสียมารยาทก่อน นายน้อยลู่สั่งสอนย่อมสมควร... ถือว่าเห็นแก่หน้าข้า โปรดรับคำขอโทษจากข้าและร่วมดื่มกับข้าสักจอก”

“ข้าไม่อยากดื่ม… ข้าไม่ติดเอาความเรื่องของลั่วเฉิน แต่ข้าหวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนข้าอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าเลือดเย็น… ที่ข้ามาก็เพียงเพื่อทานอาหารกับคนของข้าเท่านั้น”

หนิงฝานไม่ได้สนใจลู่ว่าเอ๋อร์ เขาสนใจเพียงสตรีที่อยู่ตรงหน้า

คำกล่าวที่เรียบเฉยของหนิงฝาน แฝงด้วยความเย็นชาจนหนาวเหน็บ

ลู่ว่าเอ๋อร์สั่นสะท้านและตกใจ

หากเป็นลู่เป่ยในอดีต มันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอ่อยปากชวนดื่ม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

แต่ลู่เป่ยในวันนี้ผิดแผกไปมาก

“ในเมื่อท่านไม่ต้องการดื่ม ข้าขอดื่มหนึ่งจอกเพื่อเป็นการขอโทษท่าน...”

นางยืนขึ้นนยกจอกสุราดื่มให้หนิงฝาน ก่อนจะนั่งลงที่เดิม ฮั่วเฉินที่ได้รับบาดเจ็บเร่งกินโลหิตสะกดอาการบาดเจ็บ และเดินกลับไปนั่งที่ของตน

ชั้น 5 ของร้านอาหารเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดกล้าพูดคุย ฮั่วเฉินและคนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะ ต่างมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว

หนิงฝานจ้องมองเซียวหวน ยามนี้ท้องของนางเริ่มร้องแล้ว

“คงหิวสิท่า?” หนิงฝานหัวเราะ

“อืม...” นางก้มหน้าด้วยความเขินอาย เพราะเมื่อครู่ ท้องของนางร้องเพราะหิว

เด็กเสริฟในร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาบริการ ไม่นาน บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยของอร่อย

เซียวหวนกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไร้ซึ่งความเขินอาย เหมือนกับมู่เหว่ยเหลียงและศพนางสวรรค์มาก

หนิงฝานเฝ้ามอง

แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านางคือดวงจิตที่ 2 ของศพนางสวรรค์ แต่การจะให้สังหารนางเพื่อดึงเอาดวงจิต ก็เป็นเรื่องที่เขาทำไม่ได้

ยามนี้นางอายุได้เพียง 10 ปีเท่านั้น

“เห้อ...”

หนิงฝานลูบหัวนางเบาๆ นางเร่งเช็ดคราบอาหารที่ปาก เงยหน้ามองหนิงฝานด้วยความมึนงง

“เซียวหวนทำอะไรผิดเหรอ?”

“เปล่า… กินต่อเถอะ” หนิงฝานยิ้ม

ข้ากำลังคิดว่าจะสังหารเจ้าดีหรือเปล่า...

แม้เจ้าจะชื่อเซียวหวน แต่เจ้ามีแซ่มู่ สมควรเป็นมู่เซียวหวน

และนาง… ก็ดูคล้ายจื่อเฮ่อมาก

แสงตะวันส่องผ่านหน้าต่าง ฉายเมืองทะเลทรายตอนเหนือ ทำให้เมืองกลายเป็นทิวทัศน์ระยิบระยับงดงาม

นางยังคงกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย หนิงฝานก็นั่งมองนางเงียบๆ ความรู้สึกอบอุ่นปรากฏขึ้นในใจ

“อาจารย์กล่าวว่า หากอยากได้สิ่งใดต้องไขว่คว้า… แต่ข้ายามนี้...”

หัวใจของหนิงฝานเริ่มจมไปกับความรู้สึกที่ปรากฏ และค่อยๆยกระดับกระทั่งบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดโดยไม่รู้ตัว

เมื่อจิตใจของหนิงฝานบกระดับ มันกลับใสกระจ่างมากขึ้น

ยามนี้ไม่มีผู้ใดใส่ใจหนิงฝาน และไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุ

มีเพียงลู่ว่านเอ๋อร์ที่คอยเฝ้ามองเงียบๆ

นางอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อ แม้คนรอบข้างพูดคุย แต่นางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

“แม้อยู่บนโต๊ะอาหาร จิตใจยังยกระดับได้!”

นางตกตะลึงอย่างที่สุด เพราะนางมองออกว่า จิตใจของหนิงฝานบกระดับเป็นขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ ปราณยังทรงพลังกว่าอสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดคนอื่นๆ

เพียงแต่ ระดับพลังยังอยู่เพียงดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น

แม้ปราณจะบรรลุถึงขอบเขตที่สูงชั้น แต่การที่ระดับพลังไม่เพิ่มตาม เป็นเพราะยังไม่ได้ปลุกโลหิตครั้งที่สอง

นางเคยเห็นผู้คนมากมายปลุกโลหิตและแข็งแกร่งขึ้น นางจึงมองออกว่าหนิงฝานจำเป็นต้องปลุกโลหิต

“หรือท่านพ่อกับฮั่วเฉินจะขัดขวางการปลุกโลหิตของลู่เป่ย?”

ด้วยพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากได้ลงแช่สระโลหิตอสูร เหตุใดลู่เป่ยจะปลุกโลหิตไม่สำเร็จ

เมื่อคิดเห็นเช่นนั้น นางจึงหันมองฮั่วเฉินด้วยแววตาไม่พอใจ

บิดาและฮั่วเฉินไม่พอใจลู่เป่ย คงกับใช้ความบาดหมางส่วนตัว ตัดโอกาสผู้มีพรสวรรค์

ซ้ำยังปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงของลู่เป่ย

บางที ในอดีตที่ลู่เป่ยปลุกโลหิตล้มเหลว อาจเป็นเพราะถูกขัดขวาง ในเมื่อไม่แข็งแกร่งก็ไม่อาจเอ่ยปากตำหนิผู้ใด แม้จะต้องแบกรับชื่อเสียงของดวงจิตแรกเริ่มที่อ่อนแอที่สุด แต่มันก็อดทนรอ ยกระดับปราณให้เพิ่มพูน เพื่อให้วันหนึ่ง วันจะกลายเป็นอสูรดวงจิตแรกเริ่มที่ทรงพลัง และปลุกโลหิตได้สำเร็จ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลู่ว่านเอ๋อร์ก็ไม่สงสัยว่าเหตุใดลู่เป่ยในยามนี้ถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ลู่เป่ยที่เกี้ยวพานางในวันนั้นเป็นเพียงด้านหนึ่ง แต่ในวันนี้ ตัวตนอีกด้านหนึ่งก็ปรากฏ

สีหน้านางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

ลั่วเฉินที่อยู่ใกล้ๆสังเกตุเห็น แต่มันไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้นางโกรธเข้า

แต่หารู้ไม่ว่าที่นางโกรธมัน เป็นนางเข้าใขผิดคิดไปเอง

“แม่นางว่านเอ๋อร์ ข้าพูดอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า?” ฮั่วเฉินยิ้ม วันนี้โชคร้ายอย่างที่สุด มันทำให้ลู่เป่ยที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวโกรธ ทั้งยังทำให้ว่านเอ๋อร์ไม่พอใจ แต่มันมั่นใจว่ามันไม่ได้พูดอะไรผิด เหตุใดนางถึงไม่พอใจขนาดนั้น

“ขออภัย… ว่านเอ๋อร์สับสน นายน้อยโปรดอภัย...”

นางนำผ้ามาเช็ดปาก ลุกยืน และเดินตรงเข้าหาหนิงฝานช้าๆ

“ท่านคงกำลังเตรียมตัวปลุกโลหิต!”

“ทำไมเจ้าถึงรู้...” หนิงฝานประหลาดใจ นางไม่สมควรมองวิชาลับสัมผัสลวงของเขาออก

“เหตุใดท่านถึงยังไม่ไปปลุกโลหิต หรือท่านกลัวผู้ประสงค์ร้าย!”

“ผู้ประสงค์ร้าย?”

หนิงฝานหันมองฮั่วเฉิน เห็นมันกำลังมองเขาด้วยแววตาเกลียดชัง

ผู้ประสงค์ร้ายที่นางพูดถึงคงเป็นฮั่วเฉิน… ลู่ว่านเอ๋อร์ช่างน่าสนใจ ตนเองทำร้านลั่วเฉิน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่า นางมองว่าฮั่วเฉินเป็นผู้ประสงค์ร้ายกับเขา

ตามความทรงจำของลู่เป่ย บิดาของฮั่วเฉินคืออสูรดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด เป็นนักบวชของเมืองที่ทำหน้าที่ปลุกโลหิต

วันนี้เขาทำร้ายฮั่วเฉิน บิดาของมันสมควรไม่พอใจ

หนิงฝานไม่เห็นบิดาของฮั่วเฉินอยู่ในสายตา เพราะเมื่อยามที่อยู่แดนหนึ่ง เขาใช้เวลาเพียง 1 เดือน สังหารอสูรตัดวิญญาณเทียมไป 300 ตน

“ข้าไม่กลัว… เพราะมันไม่มีค่าพอ” หนิงฝานส่ายหน้า

“นั่นทำให้ท่านไม่สนใจที่จะปลุกโลหิต...”

“แต้มข้ามีไม่พอ!”

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย แต่จู่ๆรอยยิ้มของเขากลับแปรเปลี่ยนเย็นชา

เพราะมีแรงกดดันที่ทรงพลัง ปกคลุมร้านอาหาร!

เมื่อเจ้าของแรงกดดันเข้ามาใกล้ เหล่าอสูรในร้านต่างนั่งไม่ติดที่

แต่เมื่อแรงกดดันแผ่มายังหนิงฝานและเซียวหวน หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ ก่อนที่แรงกดดันของอีกฝ่ายจะถูกหักล้างไป

“ยอดเยี่ยม! อยู่ต่อหน้าแรงกดดันข้าเจ้ายะงสงบใจได้ เดิมทีข้าไม่เชื่อคำกล่าวของเย่าหยวน แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าเหตุใดมันถึงชื่นชมเจ้า… คำถามที่ว่านเอ๋อร์ถามเจ้าไป ข้าเองก็สงสัย เหตุใดเจ้าต้องทนอับยศอดสูกับข่าวลือที่ทำให้เสียชื่อเสียง เหตุใดเจ้าต้องปิดบังตัวตนและพรสวรรค์ และเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปปลุกโลหิตอีกสักครั้ง?”

ผู้เยาว์ในอาภรณ์ดำปรากฏตัวขึ้นด้านหลังลู่ว่านเอ๋อร์

คนผู้นี้คือเจ้าของแรงกดดันที่รุนแรง

นายกองแห่งเมืองทะเลทรายทางเหนือ ลู่เฉิง!

“ถ้าเจ้ามีแต้มไม่พอ ข้าจะให้โอกาส! หากเจ้าทนแรงกดดันที่ชั้น 10 ได้ ข้าจะให้ 5 หมื่นแต้ม! และในอีก 10 วันให้หลัง หากเจ้าสังหารคนผู้หนึ่งได้ ข้าจะให้เจ้าอีก 5 หมื่นแต้ม… คราวนี้เจ้าก็จะมีแต้มมากพอให้ปลุกโลหิต เจ้ากล้ารับคำท้าหรือเปล่า?”

ผู้เยาว์คนนั้นแววตาเปล่งประกาย ผู้ที่ทำให้มันสนใจได้ มีเพียงนายกองอสูรเท่านั้น!

การที่มันมอบโอกาสให้หนิงฝาน ก็เพื่ออยากจะทดสอบความแข็งแกร่ง

1 แสนแต้ม หากเป็นทหารอสูรทั่วไป แม้จะผ่านสงครามร่วมร้อยครั้ง ก็ใช่ว่าจะได้แต้มระดับนั้น

ลู่เฉิงยอมหยิบยื่นโอกาสให้ เพื่อดูว่าหนิงฝานจะกล้ารับหรือไม่

“ลู่เป่ย… ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้!”

“ข้าทำไม่ได้!” หนิงฝานกล่าวตอบ

“ทำไม!” ลู่เฉิงเผยแววตาผิดหวัง หรือมันจะคาดหวังลู่เป่ยสูงเกินไป

“เพราะถ้าข้าขึ้นไปถึงชั้น 10 ที่นี่จะพังทะลาย!”

แววตาลู่เฉิงเป็นประกาย

แววตาของลู่เป่ย เป็นแววตาที่ไม่ธรรมดา

ร้านอาหารแห่งนี้มีข่ายอาคมที่ไม่ธรรมดาอยู่ ที่ชั้น 1 - 9 จะเป็นข่ายอาคมแรงกดดันทั่วไป แต่ชั้น 10 จะมัข่ายอาคมที่ไม่ธรรมดา หากผู้ที่ไม่ใช่อสูรตัดวิญญาณเข้าไป ร้านอาหารจะพังทะลายทันที

การที่หนิงฝานมองออก แสดงว่ามีความรู้ด้านข่ายอาคมที่ลึกล้ำ

“ช่างเป็นเด็กที่เย่อหยิ่งดี! ร้านอาหารแห่งนี้สร้างขึ้นจากผลึกของโลกอสูร ถึงแม้มันจะพังแต่มันก็จะก่อตัวขึ้นใหม่ได้ ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล! ตั้งแต่สร้างมันขึ้นมา มันเคยพังมาแล้ว 3 ครั้ง หากเจ้าทำให้มันพังได้เป็นครั้งที่ 4 เจ้าไปเอาเลย 5 หมื่นแต้ม!”

“เช่นนั้นข้ารับคำท้า… เซียวหวน เจ้าหยุดกินก่อน ข้าจะพาเจ้าไปกินอาหารที่ชั้น 10”

หนิงฝานกุมมือน้อยๆของนางเดินตรงไปยังบันได

สีหน้าลู่เฉิงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันเร่งกล่าวเตือน

“แรงกดดันของที่นี่ไม่ธรรมดา การที่เจ้านำอสูรธรรมดาเข้าไปจะทำให้นางเป็นอันตรายถึงชีวิต แค่แรงกดดันชั้น 9 เจ้าก็น่าจะทนไม่ไหวแล้ว… เจ้าจะพานางไปด้วยจริงๆเหรอ?”

“อืม… หากไม่ให้เซียวหวนอยู่ข้างกาย ข้าไม่สบายใจ”

หนิงฝานก้าวขึ้นบันได แต่ละก้าวทำให้ร้านสั่นสะเทือนราวกับมันกำลังหวาดกลัว

ในยามนี้ ระฆังทะเลตะวันออกได้เปล่งเสียง แผ่นหลังของหนิงฝานปรากฏบางสิ่งที่แผ่ปราณอสูรที่ทรงพลังออกมา

เมื่อลู่เฉิงเห็น จิตใจของมันสั่นสะท้าน

“แผ่นหลังนั่น… เหมือนกับ...”

มันรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

มันย้อนนึกถึงยามที่มันปลุกโลหิตครั้งที่ 3 มันสักการะบรรพบุรุษอสูร พึ่งพาสิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งการฟื้นฟูจนปลุกโลหิตได้สำเร็จ

และยามนี้ มันรู้สัมผัสความรู้สึกในวันนั้นได้จากหนิงฝาน

“บรรพบุรุษอสูร!”

ลู่เฉิงดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด