ตอนที่ 166 การต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน
***ปล.ดาบสีแดงเลือดของเสวี่ยหยุนขอเปลี่ยนเป็นมีดนะครับ น่าจะเหมาะกับนักฆ่ามากกว่า
นักรบเหล่านั้นยังคงมึนงงเมื่อได้ยินเสียงที่เกือบจะทำให้แก้วหูแตก จากนั้นทุกคนก็มองไปที่ต้นเสียงทันที
ดาบยาวนั้นปะทะเข้าอย่างรุนแรงกับมีดสีแดงเลือด ทำให้ทั้งบริเวณสั่นสะเทือน คลื่นพลังแพร่กระจายออกมายังบริเวณโดยรอบ
บึ้ม~~~ ทุกอย่างถูกพัดพาเพราะแรงระเบิด แม้แต่ฝุ่นยังคงถูกทำให้ปลิวคลุ้ง
สำหรับนักรบที่อยู่ห่างจากเทือกเขาเมฆาคราม พวกเขารู้สึกว่ามีลมแรงพัดผ่านพวกเขา ในขณะที่นักรบที่มีการบ่มเพาะที่อ่อนด้อยก็ถูกทำให้ปลิวด้วยแรงลม
ที่รอบนอกของเทือกเขาเมฆาครามนั้นอยู่ห่างจากสถานที่ต่อราวสองลี้ แต่แรงปะทะจากพลังที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาบางคนล้มลงจากระยะห่างที่ไกลเช่นนี้
หากพวกเขาอยู่ในระยะร้อยเมตรหรือใกล้กว่านี้ พวกเขาจะเป็นอย่างไร?
ในสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ขึ้น เจียงวู่เฉิงนั้นดูเย็นชาและแก่นแท้แห่งดาบของเขาก็ทะยานขึ้นไป ในเวลาเดียวเพลงดาบของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่
ชึบ!ชึบ!ชึบ!ชึบ!
เงาของดาบนั้นมีพลังยิ่งใหญ่จากแก่นแท้แห่งไฟ,ลมและน้ำที่ผสานกันอยู่ทุกเงาดาบ ภายในเวลาไม่นานเจียงวู่เฉิงได้ฟันดาบออกไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
แสงดาบแต่ละดาบสามารถฆ่านักรบในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพีได้อย่างง่ายดาย
"หืม?"
เสวี่ยหยุนรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเจียงวู่เฉิงนั้นมากขึ้น ในขณะที่เขาต้องเผชิญเงาดาบอย่างต่อเนื่อง เขามีความระมัดระวังอย่างมา
เคล้ง!เคล้ง!เคล้ง!เคล้ง!เคล้ง!
เสียงของการปะทะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสวี่ยหยุนถูกบังคับให้ถอยหลังกลับมาสิบเมตร ด้วยสายตาที่จริงจังอย่างฉับพลันเจียงของเจียงวู่เฉิง พลังของดาบสะบั้นชีพก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและดาบอีกอันก็พุ่งออกมา
เสวี่ยหยุนขมวดคิ้วและร่างของเขาก็ขยับไปด้านข้างเพื่อหลบดาบในทันที
แสงดาบอันยิ่งใหญ่พลาดเป้าต่อเสวี่ยหยุน และพลังยังคงปะทุต่อไปและกวาดไปยังภูเขาที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร
ชึบ!
แสงดาบที่รุนแรงพุ่งเข้าหาด้านข้างของภูเขา สร้างเสียงที่ดังเหมือนฟ้าร้องทันที ทันใดนั้่นรอยดาบปรากฏออกมาจากด้านบนของภูเขาและภูเขาก็ค่อยๆพังทลายลง
ตูม!
ภูเขาครึ่งหนึ่งพังทลายลงมาสู่พื้นในทันที ทั่วบริเวณทั้งหมดสั่นสะเทือน
ผู้คนที่เห็นฉากนี้ล้วนงงงวย
พวกเขาเห็นอะไร?
ภูเขาขนาดใหญ่ถูกตัดออกอย่างง่ายดาย ด้วยเพลงดาบกระบวนท่าเดียว?
กระบวนดาบผ่าภูเขา?
เสวี่ยหยุนที่เห็นฉากนี้และนัยน์ตาของเขาก็หกลง
"ภายในเวลาไม่กี่วัน เจ้าก้าวหน้าไปมากขนาดนี้?"เสวี่ยหยุนแสดงความคิดเห็นในขณะที่ยังยิ้มอยู่
"ถ้าข้าไม่มีความแข็งแกร่งพอ ข้าคงเป็นคนโง่ที่มาสู้กับเจ้า"เจียงวู่เฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
"ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจมาก เช่นนั้นลองรับมีดของข้าดู"เสวี่ยหยุนยิ้ม แต่ร่างของเขาก็กลายเป็นหมอกควันและพุ่งออกไปข้างหน้า
"ความมืดมิดที่ร่วงหล่น!"
เสวี่ยหยุนตะโกน พร้อมกับพุ่งออกมาด้วยมีดในมือ
ทันใดนั้นทั้งโลกก็ตกอยู่ในความมืดมิด
ด้วยพลังของแก่นแท้แห่งดาบทั้งสามชนิด เจียงวู่เฉิงฟันดาบสะบั้นชีพออกไป
เคล้ง!
ใบมีดสีแดงเลือดปะทะเข้ากับดาบสะบั้นชีพ ตูม~~ พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ฝุ่นบริเวณโดยรอยปลิวไสว ภายในเวลาไม่นานหลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าร้อยเมตรก็ปรากฏขึ้นที่ที่ทั้งสองคนยืนอยู่ หลุมนี้มีความลึกมากกว่าสามเมตร
เจียงวู่เฉิงและเสวี่ยหยุนยืนอยู่ตรงกลางหลุมยักษ์
เมื่อเห็นหลุมขนาดใหญ่นี้ ทุกคนที่เฝ้ามองการต่อสู้ก็แทบจะหายใจไม่ได้
เมื่อไม่นานมานี้มีการฟันภูเขาขนาดใหญ่
ตอนนี้พลังของการปะทะสร้างหลุมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางร้อยเมตรและลึกมากกว่าสามเมตร
ความแข็งแกร่งของพวกเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
"พวกเขาอยู่ในอาณาแก่นทองคำจริงหรือ?"
นักรบหลายคนพูดคุยกันเสียงเบา
การปลดปล่อยพลังที่หวาดกลัว การโจมตีที่่ดุเดือดและฉากการต่อสู้ของพวกเขานั้นเกิดจากคนทั้งสองที่อยู่ในอาณาแก่นทองคำจริงหรือ?
"สัตว์ประหลาด พวกเขาทั้งคู่เป็นสัตว์ประหลาด!"
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นระเบิดหยินหยางที่เฝ้าดูอย่บนอากาศก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อพวกเขาเห็นการต่อสู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในหมู่พวกเขา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีการบ่มเพาะอยู่ในขั้นระเบิดหยาง ส่วนใหญ่อยู่เพียงขั้นระเบิดหยินและไม่กี่คนที่มาถึงระเบิดหยินขั้นสูง
จากมุมมองของพวกเขา การต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นเหนืออาณาแก่นทองคำแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงขั้นอาณาแก่นทองคำเท่านั้น แม้แต่ในขั้นระเบิดหยิน หากผู้เชี่ยวชาญสองคนที่มีการบ่มเพาะระเบิดหยินขั้นกลางต่อสู้กัน พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างพลังทำลายล้างได้ขนาดนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถึงแม้ว่าเจียงวู่เฉิงและเสวี่ยหยุนจะมีการบ่มเพาะอยู่เพียงขั้นอาณาแก่นทองคำเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระเบิดหยินขั้นกลาง
พวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนมากที่มารวมตัวกันที่แห่งนี้!
จุดที่ต่อสู้ การต่อสู้ที่ดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
พลังลมปราณยังคงต่อเนื่องเปล่งประกายจากดาบสะบั้นชีพ ทันใดนั้นพลังก็พุ่งออกไปพร้อมกับพลังอันแรงกล้าที่จะต่อสู้กับใบมีดสีแดงเลือก แต่ใบหน้าของเจียงวู่เฉิงเปลี่ยนไปทันที
"แก่นแท้นี้..."
เจียงวู่เฉิงสังเกตเห็นว่าแก่นแท้ของเสวี่ยหยุนนั้นมีความเข้าใจที่พิเศษมาก
แก่นแท้ที่พิเศษสามารถที่จะกลืนกินแก่นแท้ดาบชนิดอื่นๆได้ทั้งหมด และมันไม่ได้เป็นแก่นแท้ปกติทั่วไปอย่างลม,ปฐพี,ไฟและน้ำ
แก่นแท้แห่งดาบที่ยากจะอธิบายนี้ ดังนั้นในปัจจุบันมันถูกเรียกว่าแก่นแท้ทมิฬ(ความมืด)
"อืม มันมีความรู้สึกที่เหมือนถูกกลืนกินโดยความมืดมิดไร้ขอบเขต"เจียงวู่เฉิงจ้องมอง
ภายในสุสานดาบ มีรอยดาบนับพันราวกับแม่น้ำดาบที่บรรจุแก่นแท้แตกต่างกันมากมาย ในบรรดาแก่นแท้แห่งดาบเหล่านั้น เจียงวู่เฉิงตระหนักว่ามากกว่าแก่นแท้แห่งดาบทั้งสี่ชนิด นอกจากนี้ยังแก่นแท้แห่งดาบแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แก่นแท้ของดาบเหล่านั้นมีทั้งเอกลักษณ์และทรงพลัง
ในเวลานั้นเจียงวู่เฉิงคิดว่าในโลกนี้มีเพียงลม,ปฐพี,ไฟและน้ำ
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ายังมีแก่นแท้แห่งดาบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่
ปัจจุบันเสวี่ยหยุนได้เข้าใจแก่นแท้ที่มีเอกลักษณ์นั่นคือแก่นแท้ทมิฬ
ไม่เพียงแต่จะสามารถกลืนกินทุกสิ่ง มันยังไร้ขอบเขตและทรงพลังอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเสวี่ยหยุนไม่เพียงแต่เข้าใจแก่นแท้ทมิฬเท่านั้น เขายังเข้าใจแก่นแท้แห่งลมและผสานแก่นแท้ทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
"เขาผสานแก่นแท้แห่งลมและทมิฬเข้าด้วยกันด้วยระดับความเข้าใจสูงมาก ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะแข็งแกร่งมาก"เจียงวู่เฉิงรู้สึกตกใจ
ในที่สุดตอนนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเสวี่ยหยุนถึงน่าหวาดกลัว
โชคดีที่เขาประสบความสำเร็จและผสานแก่นแท้ทั้งสามชนิดเข้าด้วยกันในการคัดเลือกครั้งนี้ ถ้าหากไม่ใช่ ด้วยความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของเขา เขาจะต้องใช้ทักษะลับผลาญวิญญาณเพื่อที่จะให้มีโอกาสชนะ
...