บทที่ 7 ถ้าชนะได้ฉันจะยอมเป็นลูกน้องแก
ตอนที่ 7 ถ้าชนะได้ฉันจะยอมเป็นลูกน้องแก
" ถ้าฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นล่ะ ! " เจียงป๋ายวางแก้วเหล้าลงใบหน้าไร้รอยยิ้ม ได้แต่นั่งนิ่งๆมองหน้าซูเจี๋ยด้วยดวงตาที่จ้องเขม็ง " เหอะๆ งั้นก็เป็นเรื่องง่ายเลยล่ะ ฉันมีลูกน้องอยู่ 20 กว่าคน ถ้าวันนี้แกสามารถจัดการกับพวกมันได้ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ
แน่นอนว่าลูกน้องของฉันฝีมือดีกันทั้งนั้น ถ้าไม่ดีมาเป็นลูกน้องฉันไม่ได้หรอก แกคิดให้ดีๆ ! " ซูเจี๋ยเก็บรอยยิ้มที่อยู่บนหน้า ไม่มีท่าทีอะไร เพียงแต่คำพูดของเขากลับยิ่งเข้มข้นขึ้น
" พี่เจี๋ย ที่นี่คือที่ของเถ้าแก่หม่า พี่ไว้หน้าเขาหน่อยก็ได้ ผม...... " สายตาตรงหน้าทำให้หลี่เฉียงหน้าซีดอีกครั้ง เขารีบพูดแก้ตัวจนถึงกับเอาชื่อเถ้าแก่มาอ้าง
" เถ้าแก่หม่างั้นหรอ ? เหอะๆ คนอื่นกลัวแต่ฉันไม่กลัว ก็แค่เถ้าแก่หม่า ตายง่ายจะตาย ไม่เหมือนกับรุ่นพี่หวางที่อยู่เจียงหลง ตอนนี้แม้แต่ความปลอดภัยของตัวเองยังไม่มี จะเอาคนอื่นมาข้องเกี่ยวด้วยทำไม มันก็ช่วยแกไม่ได้ ! ไอ้หลี ฉันแนะนำให้แกไปยืนอยู่ตรงนู้นไป เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับแก "
คำพูดของซูเจี๋ยช่างหนักแน่นและน่าเกรงขามยิ่งนัก ซึ่งแตกต่างจากไอ้เด็กหลิวปินนั่นมาก คำพูดของซูเจี๋ยนั้น เพียงแค่พูดรอบเดียวก็ทำให้หลี่เฉียงไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย ทำได้เพียงแค่ใช้สายตามองไปที่เจียงป๋ายแล้วเดินไปยืนอยู่อีกที่หนึ่ง
" ถ้าฉันอยากจัดการแกด้วยล่ะ ! " สายตาที่เจียงป๋ายมองไปที่ลูกน้อง 20 กว่าคนนั้น เทียบไม่ได้กับสายตาที่เขามองไปที่ซูเจี๋ย เจียงป๋ายผ่านการเปลี่ยนแปลงของระบบแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นนักกังฟูมือหนึ่ง ทั้งทักษะการต่อสู้ ความเร็วและกำลังวังชาก็ไม่แพ้ใครทั้งนั้น
ได้ยินมาว่าปรมาจารย์เคยมองคนมานับไม่ถ้วน ? ดังนั้นย่อมมองออกว่าลูกน้องที่มาช่วยก็แค่คนธรรมดา ใครหน้าไหนก็ไม่กลัว แต่ผิดกับซูเจี๋ย แค่สายตาที่มองไปยังเจียงป๋ายก็รู้ว่าซูเจี๋ยหน่ะร้ายกาจ อย่างน้อยก็น่าจะมีประสบการณ์มามาก ทักษะแบบนี้ไม่ว่าเป็นใครก็กลัว
" จัดการฉันด้วยงั้นเหรอ ? ถ้าแกสามารถล้มพวกฉันได้จริงๆ หลังจากนี้ฉันจะนับถือแกเป็นรุ่นพี่ ! หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันซูเจี๋ยก็จะยอมเป็นพวกเดียวกับแก ! " ซูเจี๋ยยิ้มหัวเราะและรับรู้ได้ว่าเจียงป๋ายก็แค่พวกขี้โม้ ก่อนเจียงป๋ายมาเขาก็รู้เรื่องราวทั้งหมดของเจียงป๋ายแล้ว แค่คำพูดลมๆแล้งๆของยามหน้าประตู น่าเสียดายจริงๆก็แค่ลมปากที่ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ กลัวที่จะเสียเปรียบ คนแบบนี้ฉันเจอมาเยอะแล้ว
หลังจากคำพูดของซูเจี๋ยจบลง ลูกน้องของเขาก็เริ่มลงมือจัดการกับเจียงป๋าย เจียงป๋ายไม่ทันได้เตรียมตัวก็ถูกลูกน้องของซูเจี๋ยจัดการ ทันใดนั้นเจียงป๋ายก็ถูกตีหัวไปหนึ่งที่ " เพี๊ยะ ! " หลังจากที่เจียงป๋ายตั้งตัวได้ เขาก็จัดการกับลูกน้องของซูเจี๋ยทีละคน เขาใช้ทั้งหมัด เท้า เข่า ศอกจนทำให้ลูกน้องของซูเจี๋ยสู้เขาไม่ไหว
เพียงใช้เวลาไม่นาน นักเลง 20 กว่าคนก็ถูกจัดการราบคาบ แต่ละคนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น จะฝืนลุกก็ลุกไม่ไหว "โช๊ะ ! " ที่จริงซูเจี๋ยเตรียมนั่งลงจิบเหล้าเพื่อดูการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่พอเห็นท่าทางเช่นนี้ ซูเจี๋ยถึงกับหน้าซีดยืนขึ้นมา ได้แต่มองหน้าเจียงป๋าย
" หน้าตาอย่างแกดูไม่น่าสู้คน ไม่น่าเชื่อว่าแกจะเป็นกังฟูขั้นสูง มิน่าล่ะทำไมมีแต่คนดูถูกแก แสดงว่าคนพวกนั้นตาต่ำล่ะสิ " หลังพูดจบ เขาก็ค่อยๆเดินออกมาพร้อมกับกระชากเสื้อลายดอกออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง พร้อมกับรอยสักรูปมังกรทั้งตัว เขาเดินออกมาโดยไม่สนใจลูกน้องของตัวเองที่นอนกองอยู่ที่พื้นเลย เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าเจียงป๋ายพร้อมกับเตรียมยกกำปั้นขึ้นแล้วพูดว่า " เอาท่าสิงอี้ฉวนไปกินซะ ฉันมาสั่งสอนแกแล้ว ! " พอพูดจบเขาก็รีบเดินเข้าไปหาเจียงป๋ายที่ยืนหันข้างอยู่ เท้าข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้ามือซ้ายทำเหมือนคันธนู มือขวาทำเหมือนใบมีดฟาดลงไปที่หน้าอกเจียงป๋ายอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า
หลังจากที่เขาออกลีลาที่ไวดั่งสายลม เจียงป๋ายเห็นซูเจี๋ยท่าทางแบบนี้ เขาจึงหัวเราะออกมา พร้อมกับกระโดดกลับหลังเอื้อมมือไปจับซูเจี๋ยไว้ พร้อมกับมอบกำปั้นให้ซูเจี๋ยจนซูเจี๋ยกระเด็นออกไป ไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง เขายกซูเจี๋ยขึ้นพร้อมต่อยซูเจี๋ยจนกระเด็นอีกครั้ง
" นี่....นี่มันพลังมืดของปรมาจารย์นี่ ! เป็นไปไม่ได้ ! ปรมาจารย์ไม่เคยเผยแพร่กังฟูนี้มานานหลายปีแล้ว ! อีกอย่างแกก็ยังเด็ก ! เป็นไปไม่ได้ ! ไม่มีทาง! " ซูเจี๋ยรีบหนีออกไป เจียงป๋ายเก็บแรงเอาไว้ปล่อยให้เขากระอักเลือด ไม่มีใครฆ่าใคร นี่ถือว่าเป็นบทเรียนไว้ชีวิตให้กับซูเจี๋ย แต่ว่าซูเจี๋ยก็อดที่จะเช็ดเลือดตัวเองไม่ได้ สายตาจ้องมองไปที่หน้าเจียงป๋ายท่าทีเหมือนกับคนเจอผีอย่างไรอย่างนั้น ! จริงๆเจียงป๋ายก็เป็นคนมีของ เป็นเพียงแค่เด็กอายุ 23 ที่มาจากเมืองเล็กๆของเขตกลาง
23 เหรอ! ปรมาจานย์ในร่างอายุ 23เองนะ? ประวัติในโลกนี้ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน! คนแบบนี้ยังจะหาได้อีกไหม? เมื่อก่อนในยุคของซุนลู่ หลี่ชูเหวินก็สู้ไม่ได้! " คนอื่นเขาบอกกันว่านานมาแล้วที่ไม่เคยเห็นวิชากังฟู นี่ฝึกวิชามาแค่ปีเดียวแต่สามารถฆ่าคนได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย น่าเสียดายจริงๆ ท่าต่อยท่านี้แกยังไม่ถึงมืออาชีพ " เจียงป๋ายถึงกับหัวเราะออกมา พูดจบก็เตรียมจะกลับ
"เดี๋ยวๆ! " เจียงป๋ายที่กำลังจะเตรียมกลับถูกซูเจี๋ยเรียกตัวไว้ หนึ่งในนักเลงที่ฉันไว้ชีวิต เขาลุกขึ้นมา " ทำไม? " เจียงป๋ายขมวดคิ้ว เขาก็ยอมไว้ชีวิตแล้ว ซูเจี๋ยยังอยากตายอยู่ใช่ไหม?คิดว่าตัวเองฆ่าเขาไม่ตายงั้นหรือ? หรือว่าไม่กล้าฆ่าเขา? "ฉันบอกไว้แล้ว ถ้าแกชนะพวกฉัน พวกฉันจะยอมเป็นพวกของแก หลังจากนี้แกก็เป็นรุ่นพี่ของฉันแล้ว! พี่ชาย ต่อจากนี้ไปถ้าพี่มีเรื่องอะไรพี่บอกฉันได้ตลอดเลยนะ ฉันซูเจี๋ยคนนี้ขอสัญญา ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็จะไปกับพี่! " ซูเจี๋ยหลังจากที่ได้ลิ้มลองรสมือของเจียงป๋ายแล้วก็ยอมจำนนต่อเขาแต่โดยดี
" พี่ชาย? ขอร้องล่ะ ฉันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร! " เจียงป๋ายอดไม่ไหวที่จะทำท่ามึนงง " เอ่อ.....ฉันก็ไม่ใช่ ถึงฉันจะมีชื่อเสียงที่นี่ ถือว่าเป็นนักเลงหัวไม้ แต่เรื่องการพนันฉันก็ไม่เคยขาด ถึงแม้ว่าเงินที่ได้มาจะไม่ใช่เงินที่สะอาด แต่ฉันก็มีความยับยั้งชั่งใจ
พวกเราก็ไม่ได้มีกันเยอะขนาดนั้น ถือเสียว่ามีลูกน้องเพิ่ม แต่ว่าธุรกิจของฉันนี่สิ ฉันมีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันก็จะเลิกทำแล้ว หลังจากนี้ไปฉันจะตามไปช่วยพี่ทุกเรื่อง! " ซูเจี๋ยหน้าแดงพูดตะกุกตะกัก เมื่อกี้ที่เพิ่งต่อสู้ไป ในใจเขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว ที่มาก็เพราะว่าอยากจะให้เจียงป๋ายยอมแพ้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาคิดว่าเจียงป๋ายที่เด็กขนาดนี้ ฝีมือก็ไม่น่าจะเก่งกาจอะไร แถมเมื่อก่อนยังเคยถูกรังแก แน่นอนว่าสู้เขาไม่ได้แน่ แต่ว่าเจียงป๋ายในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาแล้ว เขาคิดว่าถ้าเขาอยู่กับเจียงป๋ายน่าจะมีประโยชน์มากกว่า เรื่องนี้เขาเป็นคนยินยอมเอง
" เอ่อ เมื่อก่อนฉันทำอะไรไว้บ้างแกก็รู้ พวกแกจะมาเป็นลูกน้องฉันเยอะแยะขนาดนี้ ฉันจะเลี้ยงยังไงไหว? " เจียงป๋ายหัวเราะอย่างทำอะไรไม่ถูก
ล้อเล่นน่า ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเงินอยู่เล็กน้อย แต่ว่าจะให้เลี้ยงคนมากมายขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่อง ! อีกอย่างเขาไม่ได้เป็นนักเลงหัวไม้อะไรขนาดนั้น จะมีลูกน้องไว้เพื่ออะไร? เขาก็ไม่ใช่คนโง่อะไร! คนพวกนี้ที่อยู่กับเขาทุกวันนี้ก็ไร้ประโยชน์ มีเพียงแค่หนังสือจูเซียนเล่มเดียวที่ทำให้เขามีเงินได้ แต่ว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ได้แต่นั่งกินนอนกินไปวันๆ! " ฉันรู้ แต่ท่าทางพี่แบบนี้ทำธุรกิจอะไรสักอย่างไม่ง่ายกว่าเหรอ? อนาคตของฉันเพียงแค่อยากจะมีธุรกิจที่ขาวสะอาด เพียงแค่พี่ยอมลงมือทำทุกอย่างมันต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ๆ! " ซูเจี๋ยเช็ดเลือดที่ปากออก พลางสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วหัวเราะ จากนั้นพูดเบาๆอย่างลึกลับ