บทที่ 5 สาวงามเป็นเหตุ
บทที่ 5 สาวงามเป็นเหตุ
เจียงป๋ายไม่ใช่คนประเภทที่เจอผู้หญิงแล้วกลัวถึงกับไปไม่เป็น ถึงแม้ว่าต่อหน้าเขาจะเป็นผู้หญิงที่สวยสุดๆ แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามท่าทางไม่ค่อยจะดี เจียงป๋ายก็ไม่มีนิสัยกระตือรือร้นจะไปคุยกับคนที่ไม่สนใจเขา
เห็นสาวสวยแล้วกระตือรือร้น แม้แต่หน้าเขาเองยังไม่อยากที่จะมอง ยักไหล่และไม่สนใจเขา หมุนตัวกลับไปกดลิฟท์
ท่าทางแบบนี้กลับทำให้สาวสวยในชุดสีชมพูชะงัก หลังจากนั้นก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก
หล่อนลุกขึ้น เดินบิดไปบิดมาเข้ามาหาเจียงป๋าย ยกมือขาวเนียนมาวางไว้บนบ่าเจียงป๋าย พ่นไอร้อนจากริมฝีปากที่เข้ามาใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวนอยู่ข้างหูเจียงป๋ายว่า "พ่อหนุ่มรูปหล่อ เธอย้ายมาใหม่เหรอ? ฉันชื่อเหยาหลาน เธอล่ะ? เหมือนจะอยู่มาสักพักหนึ่งแล้ว ทำไมถึงไม่เคยเจอเธอ?"
"เจียงป๋าย"
เจียงไป๋ขมวดคิ้วอยู่ในใจ มองไปยังเหยาหลานที่อยู่ตรงหน้า กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเจตนาดี
"ทำงานอะไร" เหยาหลานถามอีกครั้ง
"ไม่ได้ทำงาน"
"เธอกำลังจะไปไหน? ไปดื่มกับพี่สาวสักแก้วไหม? ฉันพักอยู่ห้องตรงข้ามเธอ ส่วนห้องตรงกลางก็ไม่รู้จักเป็นใครก็ไม่รู้ลึกลับ ปกติมาไม่บ่อย ทั้งชั้น 17 ก็มีแค่เราสองคนเพื่อนบ้าน ต่อจากนี้เราก็มาสนิทกันเถอะ "
เหยาหลานเอ่ยออกไปอีกครั้ง เพียงแต่คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเสน่ห์เย้ายวน
ทำให้เจียงป๋ายไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่เพิ่งเจอหน้าครั้งแรกคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่
ต้องพูดว่า.....เราสองคนก็ไม่ได้สนิทกัน!
อีกทั้งเหยาหลานตรงหน้าอายุ 25-26 ปี กำลังเป็นสาวเต็มตัว รูปร่างหน้าตาถือว่าระดับดีมาก ไม่น่าขาดแคลนผู้ชาย ไม่น่าจะต้องล่อลวงคนที่ตัวเองเพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบนี้
ผู้หญิงคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่?
"กินข้าว! ส่วนเรื่องดื่มเหล้ากับคุณ ผมว่าช่างมันเถอะ ดึกมากแล้วมันไม่ค่อยดี" เจียงป๋ายปฏิเสธข้อเสนอของเหยาหลาน
ที่จริงหากเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเพราะความเต็มใจ แต่ไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันไม่น่าจะง่ายดายแบบนั้น
"ไม่มีงานทำ? ฉันแนะนำงานให้เอาไหม? เงินเดือนไม่จัดว่าสูง แต่อนาคตสดใสแน่นอน ฉันเห็นว่าเดือนนึงเธอไม่เคยออกจากห้องเลยหรือว่าเป็นผู้ชายติดบ้าน? เป็นผู้ชายก็ต้องออกไปทำธุระบ้างจริงไหม ส่วนเธอจะกินข้าว.......ฉันก็หิวพอดี เลี้ยงข้าวพี่สาวสักมื้อเป็นยังไง ไม่ก็......ฉันเลี้ยงเธอเอง? "
ต่อหน้าคำปฏิเสธของเจียงป๋าย เหยาหลานกลับไม่ย่อท้อ พยายามเดินบิดร่างอรชรของตนเข้ามาใกล้ๆ ประตูลิฟท์เปิดออกก็เดินตรงเข้ามาแบบไม่พูดไม่จา
เดินเข้าไป ยืนอยู่ในลิฟที่มีแสงระยิบระยับ และยังกระดิกนิ้วมือยั่วยวนเจียงป๋าย กระพริบดวงตาโตราวไข่มุก เห็นขนตาเป็นแพปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
"เชี่ย!"
ในใจเจียงไป๋ราวกับมีม้าหมื่นตัววิ่งทะยานอยู่ ม้าหนึ่งหมื่นตัวกำลังกระโดดในทุ่งหญ้า
ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร?
หรือว่าวันนี้ตัวเองจะเจอแบบพวกที่ดรคจิตชอบตามติด
ดูจากรูปร่างหน้าตา การแต่งตัว กระเป๋าที่สะพาย ก็เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น นาฬิกายี่ห้อคาร์เทียรุ่นลิมิเต็ดที่สวมอยู่บนข้อมือก็มีราคาสูงกว่าปกติทั่วไป มองยังไงก็ดูไม่ออกว่าจะเป็นแบบนี้
"หรือว่าเป็นพวกชนชั้นสูง"
เจียงป๋ายเดินเข้าลิฟท์ในเวลาเดียวกัน ในใจอดที่จะบ่นไม่ได้ สมองคิดคำควณราคาของที่สวมใส่อยู่บนตัวเธอ
ได้ยินมาว่าสินค้าแบรนด์เนมราคาไม่เบา ส่วนใหญ่เป็นหมื่น ตอนนี้ตัวเองก็มีเงินแค่น้อยนิด แต่วันนี้หามาได้ไม่กี่หมื่น หากหน้าใหญ่จ่ายเงินแล้วภายหลังล่ะ ต้องรอเดือนหน้าเลย ถึงจะมีแต่ไม่รู้ว่าจะพอไหม.....
ไม่ได้สนใจเสียงบ่นในใจของเจียงป๋าย ที่จริงเหยาหลานก็ไม่มีทางได้รู้อยู่แล้ว หลังจากเข้าลิฟท์ ยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกไปกดลิฟท์ หลังจากนั้นทั้งสองคนที่อยู่ในลิฟท์แคบๆแต่ก็ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมา เหยาหลานไม่ได้แสดงท่าทีอะไร สองมือกอดอก ร่างกายสูงยืนชิดริมผนัง พูดอะไรไม่ออก
"ดื่มเหล้าแล้วไม่ขับ ใกล้ๆแถวนี้ฉันรู้จักอยู่ร้านหนึ่ง เดินไปใกล้มาก รสชาติก็ไม่เลว ไปกับฉันเถอะ"
พออกจากลิฟท์ เหยาหลานโอบแขนขวาของเจียงป๋ายอย่างไม่เกรงใจ แนบตัวเข้ามาเกาะอยู่ข้างกายเจียงป๋าย ทำให้เจียงป๋ายสะดุ้งไปทั้งตัว ถึงแม้อยากสะบัดออก แต่ก็อดเสียดายความสุขจากการถูกกระทำแบบนี้ไม่ได้
สองคนราวกับคู่รักที่เดินออกมาด้วยกันเป็นธรรมดา ทำให้ยามข้างล่างตึกต้องตะลึกอ้าปากกว้างมองเหยาหลานกับเจียงป๋ายอย่างไม่เชื่อสายตา
แววตาที่ตกตะลึงและสับสนของเขา ไม่ยากที่จะเห็นคนที่รู้จักกับเหยาหลานเช่นกัน คิดไปก็ใช่ สาวสวยขนาดนี้พักอยู่ที่นี่ เป็นผู้ชายจะไม่รู้จักได้ยังไง?
ต่อหน้าสายตาที่อิจฉา ตกตะลึง สงสัยและริษยา เจียงป๋ายพูดไม่ออกว่านี่เป็นเรื่องโกหก ยังไม่ทันได้ซึมซับความรู้สึกดีแบบนี้ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโมโหเสียงหนึ่ง
"เหยาหลาน เขาเป็นใคร"
ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทดำ อายุประมาณ 30 ว่า เดินออกมาจากเงาของต้นไม้ใหญ่ ชี้มาที่เจียงป๋ายแล้วถามอย่างโมโห
"แฟนของฉัน"
ประโยคนั้นทำให้เจียงป๋ายอดกลอกสายตาไปมาไม่ได้ ตอนนี้ในใจเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
มิน่าล่ะทำไมเหยาหลานถึงได้กระตือรือร้นแบบนี้ เจอหน้ากันครั้งแรกก็แสดงออกแบบนี้ เมื่อพบตัวเขาที่กำลังจะลงจากตึกในใจก็มีแผนการขึ้นมานั่นเอง
เพราะต้องการใช้ตัวเขาเป็นโล่กำบัง! หรือเรียกง่ายๆว่าไม้กันหมานั่นเอง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไรกับเหยาหลาน แฟน? หรือว่าเป็นแมลงวันที่คอยมาตอม?
ว่ากันตามจริง ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่เลว อายุ 30 ขึ้นไปแต่งตัวดูดี ผิวพรรณขาวเนียน ใส่เสื้อผ้าราคาแพงไม่เบา ดูหน้าตาท่าทางเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่มีความอมทุกข์ฉายอยู่บนหน้าผากนั่น ทำให้คนรู้สึกอึดอัดเวลาที่มอง ถ้าบอกว่าเหยาหลานไม่ชอบและกลัวก็พออภัยให้ได้
"แฟน? เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่! ทำไมฉันไม่รู้! เจ้าหนุ่ม เธอชื่ออะไร?"
ชายคนนั้นได้ฟังคำพูดโกรธเกี้ยวนั้นยิ่งรู้สึกโมโห พูดจบประโยคก็ชี้ตรงไปยังเจียงป๋าย แค่ฟังคำพูดที่เอ่ยออกมาก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้เห็นเจียงป๋ายอยู่ในสายตาและค่อนข้างจะดูแคลนเขา
เมื่อจบคำพูด ชายร่างใหญ่สวมชุดสูทดำ 4-5 คนก็เดินลงมาจากรถตู้สีเทา วิ่งมายืนอยู่ข้างหลังชายสวมชุดสูทคนนี้ แต่ละคนจ้องเขม็งมาที่เจียงป๋าย ราวกับว่าจะบอกเจียงป๋ายว่าจะได้เห็นดีกัน
เดิมทีเจียงป๋ายอยากจะบอกว่าไม่เคยรู้จักเหยาหลานมาก่อน แต่น้ำเสียงและการกระทำของคนพวกนี้ทำให้เจียงป๋ายนึกโกรธขึ้นมาในใจ
เดิมทีเจียงป๋ายเป็นคนที่ต้องพูดจาเพราะ ถึงจะยอมทำให้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เขายิ่งไม่กลัว เป็นปรมาจารย์หมัดมวยแปดท่าผู้สง่างาม ไม่เคยเลยที่จะกลัวว่าสู้คนไม่กี่คนไม่ได้?
"เธอคิดจะทำอะไร? อู๋เทียน ฉันบอกไว้ก่อน ฉันไม่ชอบคุณ พวกเราก็ไม่สนิทกัน ฉันจะมีหรือไม่มีแฟนมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ขอให้คุณพาคนของคุณกลับไป! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ"
ไม่ต้องรอให้เจียงป๋ายทำอะไร เหยาหลานก็เป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน
ดูออกว่าชายร่างใหญ่ที่ปรากฏกายออกมานั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเธอ ด้วยจิตใต้สำนึกของเธอได้ดึงเจียงป๋ายมาไว้ด้านหลังตนเอง ไม่อยากให้การกระทำของเธอทำให้เจียงป๋ายเดือดร้อน
"เหยาหลาน!"
อู๋เทียนได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา ใบหน้าหล่อเหลายิ่งแสดงอาการโกรธ จ้องเขม็งมายังเจียงไป๋ราวกับจะกลืนกินเลือดกินเนื้อ
ยังดีที่เขายังพอสะกดกลั้นความโกรธไว้ ไม่ได้สั่งการให้คนรุมทำร้ายเขา เพียงแค่สายตามองเขม็งมาที่เจียงป๋าย เห็นเหยาหลานไม่ได้โต้ตอบอะไรก็กระทืบเท้าแล้วหมุนตัวเดินจากไป
"เหยาหลาน ที่เทียนตูนี่ฉันอู๋เทียนยังไงก็เป็นคนมีชื่อเสียง ฉันมีผู้หญิงมากมาย หลายปีมานี้เธอคนเดียวที่ทำให้ใจฉันเต้น ฉันจะไม่ยอมแพ้ เธอใจเย็นๆก่อน เด็กหนุ่มแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอ"
อู๋เทียนพูดเช่นนี้ก่อนเดินจากไป
มองจากหัวจรดเท้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับเจียงไปอายก เพียงแต่ตอนจากไปหันมามองเจียงไป๋ด้วยสายตาอำมหิต ทำให้เจียงป๋ายรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆแน่
ท่าทางของเขาแบบนี้ ทำให้คิ้วของเจียงป๋ายกระตุกจนอยากจะลงมือซะ คิดอีกทีก็ช่างมันเถอะ อยู่ในที่สาธารณะมันคงไม่เหมาะ