บทที่ 23 การ์ดเทพสงครามแห่งโลกมนุษย์
ตอนที่ 23 การ์ดเทพสงครามแห่งโลกมนุษย์
พอแยกจากหลินหวานหยูแล้ว พวกเจียงป๋ายก็มุ่งตรงไปยังโรงงานร้างทรุดโทรมแห่งหนึ่งแถบชานเมือง
บนถนนเจียงป๋ายไม่หยุดพักระหว่างทาง เขาพบว่าตัวเองตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ เห็นได้ชัดว่าจางฉางเกิงถูกกระตุ้นให้โกรธ มองจากท่าทางของซูเจี๋ยก็ดูออก
ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ ความผิดปกติที่รุนแรงนี้ พูดได้ว่าเป็นเครื่องจักรมนุษย์ ได้มาถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว เรียกได้ว่าในที่สุดก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีข้อจำกัด ปีนั้นปรมาจารย์ตายด้วยปืนไม่ใช่เหรอ?
สัญลักษณ์แห่งฟ้าดินตามคัมภีร์อี้จิง รูปแปดเหลี่ยมแทนทิศทั้งแปด เชื่อว่าช่วยสะท้อนสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี
เจียงป๋ายเป็นที่ยอมรับว่าร้ายกาจ แต่จางฉางเกิงก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ คนที่สามารถถ่วงดุลอำนาจในเทียนตูได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
โดยเฉพาะจางฉางเกิงที่มีความกล้าหาญเป็นพิเศษเช่นนี้
พูดอย่างตรงไปตรงมานอกเหนือจากทักษะฝีมือแล้ว ไม่ว่าจะเลือกมองจากด้านไหน เจียงป๋ายเมื่ออยู่ต่อหน้าจางฉางเกิงก็ดูอ่อนแอ เว้นแต่ว่าเจียงป๋ายจะเตรียมตัวสู้จนมุมเหมือนปลาติดอวนจนตาย รีบออกมาลอบฆ่าเขาจนเลือดไหลราวกับสายน้ำ ตัวเองกลับฆ่าไม่ได้ง่ายๆ หากไม่รีบตัดสินใจเรื่องนี้ให้เร็ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจียงป๋ายต้องจับจางเทียนอั๋งไว้
อีกด้านหนึ่งก็พูดได้ว่า จางเทียนอั๋งเป็นคนที่เย่อหยิ่งและไร้ยางอายแต่กลับมีต้นทุนชีวิตดีกว่า
"ต้องหาวิธี"
ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ร้ายกาจมาก แต่ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน แต่ก่อนมีศัตรูเป็นร้อยปกติก็เอาชีวิตไม่รอดแล้ว ถ้าเอามาสองร้อยล่ะ? สามร้อยล่ะ?
สองถึงสามร้อยคนยืนอยู่ตรงนั้นให้เจียงป๋ายต่อยตี ล้วนทำให้เจียงป๋ายเหนื่อยจนตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีปืนอีก!
ระหว่างอยู่บนท้องถนนเจียงป๋ายขบคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ตลอดทาง ในที่สุดก็คิดหาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้ เขาพบว่าคงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วนอกจากต้องสู้เท่านั้น
"ครั้งที่แล้วมีคะแนนเกียรติยศเจ็ดร้อยกว่าคะแนนที่ยังไม่ได้ใช้ ครึ่งเดือนนี้มีคะแนนสะสมมากกว่าหนึ่งพันแต้ม รวบรวมไว้พอถึงสองพัน กวาดรางวัลขั้นต้นได้สองครั้ง เดิมทีอยากจะเก็บไว้ ตอนนี้เก็บไม่ได้แล้ว"
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เจียงป๋ายวางใจได้ก็คือระบบ แม้ว่ารางวัลขั้นต้นจะไม่น่าไว้วางใจมาก แต่ว่ามันก็ดีกว่าซื้อด้วยคะแนนชื่อเสียง สิ่งของที่ใช้คะแนนเกียรติยศสองพันแต้มที่จะช่วยเหลือเจียงายป๋ได้ในเวลานี้มีจำกัด ต้องขึ้นอยู่กับโชคแล้ว
"หมุน!"
พอสิ้นเสียง ค่อยๆปรากฏ*สล็อตแมชชีนตรงหน้าแล้วเริ่มหมุน....
*เครื่องเล่นพนันที่ประกอบด้วยวงล้อจำนวน 3 วง หรือมากกว่า วงล้อนี้จะหมุนเมื่อผู้เล่นหยอดเหรียญ แล้วกดปุ่ม หรือโยกคันโยก จากนั้นจะคิดคะแนนจากสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าเมื่อวงล้อหยุดหมุน
หมุนอยู่สิบวินาทีก็หยุดลง มันหยุดอยู่ที่สี่เหลี่ยมสีดำ ทำให้เจียงป๋ายทำหน้าอึดอัดใจชั่วขณะ สี่เหลี่ยมสีดำบ่งบอกว่าไม่มีรางวัล โชคไม่เข้าข้างเขาเลย!
"คำพูดของคนแก่พูดถูก โชคดีไม่มาคู่แต่โชคร้ายจะมาทีละอย่าง ดูท่าวันนี้ฉันจะอับโชคจริงๆ"
หัวเราะอย่างขมขื่น เจียงป๋ายหมุนสล็อตแมชชีนต่อไป
เมื่อทำอะไรแล้วต้องทำต่อไปอย่าให้ค้างคา ตอนนี้ในเวลาอย่างนี้ได้แต่ก้มหัวลงและหมุนอีกครั้ง ก็ยังไม่มีรางวัลสีม่วงตามที่เจียงป๋ายคาดหวัง รางวัลสูงสุดก็ยังได้แค่สีฟ้า
"ซ่าซ่าซ่า......."
สล็อตแมชชีนหมุนอย่างรุนแรงอยู่ในสายตาทั้งคู่ของเจียงป๋าย จากนั้นความเร็วค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนไม่รู้ตัวว่าตกที่สี่เหลี่ยมสีฟ้า หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป
"ขอแสดงความยินดี ได้รับการ์ดเทพสงครามแห่งโลกมนุษย์ใบหนึ่ง เปิดใช้สกิลของเทพสงครามได้30วินาที ใน30วินาทีนี้ติดสถานะอยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า น้ำและไฟคุกคามไม่ได้ รวดเร็วดังสายลม รุนแรงราวกับสายฟ้า พละกำลังโดดเด่นควบคุมภูเขาแม่น้ำอากาศ ไร้เทียมทานหาที่เปรียบไม่ได้! หลังจากออกตัวอัตโนมัติ30วินาที ก็ไม่มีผลข้างเคียงอื่นๆเลย"
เสียงระบบแจ้งเตือนในหัวของเจียงป๋ายดังขึ้นมา ทำให้เจียงป๋ายตาเป็นประกาย
ระบบนี้ดีอย่างแน่นอน เพียงคำแนะนำสั้นๆนี้ทำให้นัยน์ตาเจียงป๋ายเป็นประกายสดใสขึ้น โดยเฉพาะประโยคนั้น "พละกำลังโดดเด่นควบคุมภูเขาแม่น้ำอากาศ ไร้เทียมทานหาที่เปรียบไม่ได้!" ทำให้เขามีความเชื่อมั่นเล็กน้อยและระเบิดมันออกมาทันที
"โทรศัพท์หาจางฉางเกิง ให้ส่งลูกน้องมา อย่าได้บอกตำรวจ ฉันจะรอเขาที่นี่ เขาจะพาลูกน้องมากี่คนก็ตามใจ ถ้าหากว่าวันนี้เขาให้ความเป็นธรรมกับฉันได้ ฉันจะปล่อยมันไป"
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงป๋ายและพรรคพวกมาถึงที่นัดหมาย พอลงรถก็พูดคุยกับซูเจี๋ย
"นี่......."
ซูเจี๋ยเบิกตากว้างมองเจียงป๋ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ระหว่างที่เขาอยู่บนถนนก็คิดหาความเป็นไปได้มากมาย แต่ว่าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าจะทำเช่นนี้ นั่นก็คือโทรศัพท์หาจางฉางเกิงให้เขาเข้ามา? ยังจะให้พาคนมาเท่าไหร่ก็ได้อีก?
ลูกพี่ แค่วิธีการก็ผิดแล้ว!
ไม่ใช่ว่าควรจะเอาชีวิตเจ้าเด็กจางเทียนอั๋งไปบีบบังคับจางฉางเกิง จับเขาไว้คนเดียวเมื่อจะทำแล้วต้องทำให้ถึงที่สุดมันส่งผลต่อสองพ่อลูกนั่นโดยตรง จากนั้นก็ปล่อยนกเข้าป่าปล่อยปลาคืนน้ำ ไม่เท่ากับว่าปล่อยให้หลุดมือไปหรอกหรอ?
ใช้ไม่ได้ที่สุด ควรจะใช้ประโยชน์จากคนที่อยู่ในมือ เชิญผู้มีอิทธิพลมาก็ต้องปรับตัวกันบ้าง เรื่องนี้เมื่อจัดการชดใช้แล้วก็จะปล่อยข่าวออกไป ตอนอยู่ระหว่างทางซูเจี๋ยคิดไว้ดีแล้ว มันขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะเจรจาอย่างไร พวกเขาจะต้องอยู่ชดใช้ที่นี่ก็ถูกแล้ว
หรือทั้งสองจะต่อสู้กันโดยตรง ต่างห้ำหั่นอีกฝ่ายจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน ให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงเลยก็ดี....
เขาคิดถึงความเป็นไปได้ไว้มากมาย แต่ว่าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเจียงป๋ายจะให้เขาทำเช่นนี้!
นี่.....นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายเหรอ?
แม้ว่าซูเจี๋ยจะไม่กลัวตาย แม้ว่าซูเจี๋ยจะมีความกล้าหาญ แต่ว่า....เรื่องนี้เหมือนกับไปตายเปล่า เขาไม่อยากทำเลย
"พี่ใหญ่....." ซูเจี๋ยลังเลเล็กน้อย
"ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีแล้ว! "
คำพูดของซูเจี๋ยถูกขัดจังหวะ เจียงไป๋จึงพูดเบาๆ ทำให้ซูเจี๋ยที่ยังกังวลบางอย่างไร้คำพูด รับคำสั่งและทำตามคำแนะนำของเจียงป๋าย เมื่อให้คนข้างๆโทรศัพท์หาจางฉางเกิงแล้ว ก็วางใจจริงๆแล้วเจียงป๋ายไม่ได้อยากยั่วโทสะใคร เขาแค่อยากจะประลองฝีมือกับจางฉางเกิงสักครั้ง ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงงานร้างทรุดโทรมในแถบชานเมืองนั้นแล้ว เขาให้จางฉางเกิงเรียกคนมาเพื่อต่อสู้สักตั้ง
ที่จริงแล้วอะไรคือการที่ไม่อยากยั่วโทสะใคร เจียงป๋ายก็เป็นพลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎหมายในความคิดของเขา จากจุดเริ่มต้นก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับระบบกลไกของรัฐบาล
เขาอยากต่อสู้กับคนอื่นอย่างตัวต่อตัว ปัญหาก็คือเจียงป๋ายในตอนนี้ไม่ใช่ไม่มีทักษะมากมายขนาดนั้น จึงโทรศัพท์ไปหาใช้วิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายทำให้จางฉางเกิงอ่อนข้อลงทันที จะเกิดอะไรขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับความผิดพลาดในการลงมือของเขางั้นหรือ?
ในทางกลับกันทางจางฉางเกิง อีกไม่กี่นาทีเจียงป๋ายก็จะเรียกค่าไถ่ได้แล้ว นี่จึงทำให้เจียงป๋ายไม่ทำตามแผนไม่ได้แล้ว
ซูเจี๋ยเองก็เป็นอันธพาล ในเมื่อตัดสินใจประลองกับจางฉางเกิงแล้ว งั้นก็ทำให้ยิ่งใหญ่ระดับพลิกฟ้าพลิกปฐพีไปเลย
หาคนแจ้งจางฉางเกิงให้ทราบล่วงหน้า ทุกคนหาสายลับที่มีชื่อเสียงในเทียนตู แล้วพูดกระจายข่าวไปเป็นวงกว้าง
ดังนั้นถึงตอนที่ข่าวไปถึงจางฉางเกิง คนที่มีหน้ามีตาในเทียนตูล้วนล่วงรู้เรื่องนี้ ทุกคนในเทียนตูที่อยู่อย่างมีความสุขราวกับทะเลสาบที่เงียบสงบก็จะวุ่นวายราวกับน้ำมันเดือดในกระทะที่จะระเบิดในที่สุด
จางฉางเกิงเป็นใคร?
ผู้มีอิทธิพลแห่งเทียนตู!
ทุกคนในเทียนตูจะกล้างัดข้อกับเขา ขาวดำรวมกันมันก็มีแค่สิบนิ้ว นั่นไม่ใช่เหรอคนที่กล้สเหยียบเท้าเจ้าพ่อเทียนตูแล้วจะกลัวจนตัวสั่น?
หลายปีมานี้ไม่มีใครกล้าแข่งขันกับเขา จำได้ว่าสองสามปีก่อน "มกุฎราชกุมาร" ของทางเหนืออยากประลองกับจางฉางเกิง แต่ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากและได้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันไป
พวกอันธพาลที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจในช่วงหลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าไม่มี ท้ายที่สุดไม่หายสาบสูญก็กลายเป็นศพ?
ตอนนี้เพิ่งโผล่ออกมาคนนึง แต่ก่อนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจียงป๋ายเป็นคนยังไง คาดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่กับจางฉางเกิงจะทำเช่นนี้?
และการที่จับลูกชายของจางฉางเกิงมา จะปล่อยข่าวลือเรื่องการประลองกับจางฉางเกิงดีไหม?
หรือจะให้เขาเรียกคนมาตามใจ?
นี่.....เวลานี้ทุกคนในเทียนตูล้วนรู้สึกว่าใช้ชีวิตยุ่งเหยิงไปกันใหญ่แล้ว
เจ้านี่คือเจ้าเด็กเจียงป๋ายกับเจ้านั่นอันธพาลซูเจี๋ย คิดยังไงกันแน่? สมองเลอะเลือนไปแล้วเหรอ?
หลายปีมานี้จางฉางเกิงเลี้ยงลูกน้องมากี่คน?
ในมือมีธุรกิจใต้ดินที่หลบซ่อนอีกตั้งเท่าไหร่?
ทุกคนในเทียนตู เช่นเดียวกับรอบๆตัวเมืองมีคนเข้าร่วมกับเขานับพันคน ในจำนวนนั้นมียอดฝีมือที่แท้จริง คาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าปล่อยข่าวลือเช่นนี้?
ถ้าไม่ประสาทแล้วจะเป็นอะไร?