บทที่ 14 ผู้จัดการคนใหม่
ตอนที่14 ผู้จัดการคนใหม่
คิดไปคิดมาแล้วปกติเธอเป็นคนห่วงศักดิ์ศรีตัวเองมาก เธอไม่ยอมขอร้องคนอื่น แต่กลับขอร้องให้ช่วยในเรื่องนี้ซึ่งเป็นปัญหาของเขา และที่สำคัญคนที่สามารถช่วยเธอได้นอกจากลูกสาวคนโตเท่านั้นส่วนที่เหลือก็ไม่ค่อยจะช่วยอะไรได้
เพื่อนร่วมงานของเธอเขาไม่เคยเจอ แต่ที่รู้ก็คือไม่มีคนในพื้นที่เลย พวกคนในพื้นที่ที่จะช่วยได้ก็คงมาแต่คนที่ตามจีบเธอ เธอเป็นผู้หญิงอ่อนหวานมีสง่าและก็รักษาภาพพจน์ตนเองดีมาตลอด เมื่อก่อนไม่เคยแม้แต่จะเสวนากับคนที่ตามจีบเลยและไม่เคยเข้าหาด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับไปขอร้องคนพวกนั้นเพื่อเขา
และอีกอย่างครอบครัวของเธอก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ถึงแม้จะดีกว่าเขานิดหนึ่งก็ตาม เงินหนึ่งหมื่นถึงมันจะไม่มาก แต่ก็คงพอให้เธอใช้เป็นเดือนๆได้ และไม่รู้ว่าที่หามาให้เขาได้เนี่ย ต้องประหยัดเงินมาขนาดไหน แต่เธอก็ยินดีเอาให้เขาโดยไม่คิดเลย มันทำให้หัวใจของเจียงป๋ายอบอุ่นมาก
"วางใจได้นะ เรื่องนั้นเพื่อนของพี่จัดการแล้ว มันจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องผู้จัดการที่เราพูดถึงนั้น ตอนนี้ยังไงพี่ก็ไม่ได้ทำงาน พี่จะไปลองดู!เรื่องเงินเราเก็บเอาไว้เลย พี่ยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง พอกินพอใช้แล้ว"
ความจริงใจของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ทำให้เจียงไบ่ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่ต้องทำอะไร ตอนแรกเขาคิดว่าจะใช้เวลาสักพักชาร์จแบตให้ตัวเองหน่อย ไปทำงานห้องสมุดอันดับต้นๆของประเทศซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยเทียนตู มันไม่มีที่ไหนจะดีกว่านี้แล้ว
"จัดการแล้ว?"
คำพูดของเจียงป๋ายทำให้หลินหวานหยูแปลกใจ
เธอขอร้องเพื่อนที่เป็นคนในพื้นที่ ฐานะทางบ้านดีและพ่อแม่ก็ทำงานชั้นสูง ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่ได้ข่าวว่ามีเส้นสายเยอะ ตอนที่ไปขอร้องเพื่อนคนนั้นก็อึ้งๆอ้ำๆ เขาใช้เวลาตั้งสองวันกว่าจะตอบเธอ แต่สุดท้ายก็บอกว่ามันจัดการยากมาก เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วตอนนี้เจียงป๋ายบอกว่าจัดการแล้วเนี่ยนะ?
หรือว่าคนคนนั้นไม่ได้ช่วย?
แต่ว่า มันก็เป็นไปไม่ได้นี่!
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ช่วยแต่ก็น่าจะหาเหตุผลอื่นนี่ ทำไมต้องบอกว่าช่วยไม่ได้ด้วย?
เมื่อก่อนตานั่นเอาแต่ตามจีบไม่หยุด แถมยังพูดว่าครอบครัวตัวเองดีแค่ไหนเก่งแค่ไหน แต่หลังจากครั้งนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย หรือว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องโกหก
เพื่อนของเจียงป๋าย?
เพื่อนคนไหนของเจียงป๋ายกันนะ ที่สามารถจัดการได้?
หลินหวานหยูไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เธอรู้สึกว่าเจียงป๋ายกำลังโกหกเธอ
แต่ถึงยังไงเธอเองก็หาคนมาช่วยแล้ว เขายังบอกอีกว่าจะจัดการให้เรียบแล้ว ไม่ว่าเจียงป๋ายจะโกหกเธอเพื่อให้เธอสบายใจก็ตาม แต่มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
เขาแค่เขาไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับพวกอันธพาลพวกนั้น ตั้งใจไปทำงานที่ห้องสมุด เพราะชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเทียนตูแล้ว คงไม่มีใครกล้าเข้าไปมีเรื่องด้วย และมันจะทำให้เธอมีเวลาไปจัดการกับปัญหา
พอคิดได้แบบนี้ สีหน้าของหลินหวานหยูก็ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิ้ม แต่เธอก็พยักหน้านิดหน่อย "พรุ่งนี้นายมาหาฉันนะ ช่วงเช้าฉันไม่มีเรียน ตอนเก้าโมงฉันสามารถพานายไปฝ่ายทะเบียนได้"
ไม่ได้ชวนเจียงป๋ายกินข้าว หลินหวานหยูบอกบางอย่างก่อน เธอพูดถึงที่อยู่ของเจียงป๋ายหลังจากที่ได้สอบถามแล้ว ทำให้เธอรู้ว่ามีราคาสูงมาก เลยบอกให้เจียงป๋ายย้ายไปอยู่แทนอื่น แต่พอรู้ว่าเขาจ่ายค่าเช่าเรียบร้อยแล้ว ก็กลัดกลุ้มทันที
เธอบ่นว่าเจียงป๋ายใช้เงินเปลือง จากนั้นค่อยกลับไป
"หวานหยูผู้ชายคนนั้นเป็นใครหรอ! มองแวบแรกว่าหล่อแล้ว แต่พอมองดีๆยิ่งหล่อ! ฮ่าๆ บอกฉันมาตามตรงนะว่าเป็นใคร แฟน?" หลินหวันที่กลับมานั่งที่โต๊ะก็โนเพื่อนรัวคำถามใส่ทันที
"เปล่า ลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ไม่ใช่แฟน"
ตอนนี้หลินหวานหยูไม่ได้ดูนิ่งๆเหมือนเมื่อกี้แล้ว หน้าของเธอแดงระเรื่อและร้อนผ่าว ถ้าเจียงป๋ายเห็นหน้าเธอตอนนี้ต้องดีใจจนร้องไห้แน่
"พี่เซี่ยวป๋าย"
ทางด้านเจียงป๋ายเอง พอเดินออกมาเซี่ยวเทียนก็รีบไปเปิดประตูรถ ให้เจียงป๋ายเข้าไปนั่งจากนั้นก็ส่งเขากลับบ้าน
ด้วยความเบื่อหน่าย เจียงป๋ายจึงดูหนังไปหลายเรื่อง ไม่นานก็เผลอหลับไป ในฝันเขาฝันเห็นเหยาเหวยดาราชื่อดังที่สวยมากๆของจีน และจู่ๆก็ฝันถึงลูกพี่ลูกน้องของตนหลินหวานหยู
เช้าวันที่สอง เซี่ยวเทียนส่งเขามาที่มหาวิทยาลัยโดยจอดรถห่างจากประตูทางเข้าหกร้อยเมตร เจียงป๋ายค่อยๆเดินเข้ามหาวิทยาลัย
เขามองดูนาฬิกา ตอนนี้พึ่งแปดโมงครึ่ง เด็กคนนี้มายืนทำอะไรที่นี่?
ขณะที่เขากำลังเตรียมจะโทรหาหลินหวานหยู จู่ๆเธอก็โผล่ามาจากไหนไม่รู้ แต่ยืนรอที่หน้าประตูแล้ว ในมือยังถือขนมปังกับนมด้วย คงเป็นอาหารเช้าของเธอแน่
ตอนที่เจียงป๋ายเห็นหลินหวานหยูเธอก็เห็นเขาเข้าพอดี หลินหวานหยูโบกมือเรียกเจียงไบ่ให้เดินเข้าไป พี่กินข้าวรึยัง ฉันมีอาหารเช้าด้วย แต่ว่าฉันไม่หิว พี่กินเถอะ
เธอไม่ทันให้เจียงป๋ายปฏิเสธ ก็ยัดขนมปังกับนมใส่มือเขา เจียงป๋ายรู้สึกอบอุ่นมาก เด็กคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเตรียมมาให้เขานั่นเอง แต่แค่ไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น
ในเมื่อเธอทำขนาดนี้แล้ว เจียงป๋ายเองก็รีบรับมาแล้วกินจนหมดจากนั้นเช็ดที่มุมปาก หลินหวานหยูอมยิ้มเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะแปปเดียว แต่สำหรับเจียงป๋ายแล้วมองแวบเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง
เขาเดินตามหลินหวานหยูไปทักทายฝ่ายทะเบียน ตอนนี้เขากลายเป็นผู้จัดการห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆอย่างเทียนตู และร่วมดูแลห้องสมุดกับสมาชิกคนอื่นๆด้วย
ทางด้านหลินหวานหยูก็รีบไปเข้าเรียน ส่วนตัวเจียงป๋ายนั้นก็เริ่มทำงานของตนอย่างบ้าคลั่ง
จนคนรอบข้างทำสีหน้าแปลกๆ แต่เขาก็เลือกที่จะเอาหนังสือหนาๆกว่าสามสิบเล่มใส่เข้าชั้น เขาใช้เวลาในช่วงเช้าจัดการจัดหนังสือจนเรียบร้อย แล้วเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ คนเถื่อน
ผ่านไปหนึ่งวัน จูเซียน หนังสือเกี่ยวกับเทพก็ทำให้เจียงป๋ายพัฒนาตนเองมากขึ้น ตอนนี้เขามีมากถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยวิว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย เพราะก่อนหน้านี้เจียงป๋ายเคยค้นดูแล้ว เคล็ดลับการเรียนรู้ขั้นสูง มีเพียงหนึ่งพันห้าร้อยวิวเท่านั้น
ปรมาจารย์แปดหมัด มียอดสูงถึงแปดพันวิว ซึ่งห่างกว่าของเจียงป๋ายมาก แต่ว่าหนึ่งพันแปดร้อยวิวนั้น ก็ทำให้เจียงป๋ายทำอะไรได้มากมายแล้ว
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งยุ่งและยอดคลิกเลือกดูยังน้อยอยู่ เขาเลยไม่ได้ให้ความสนใจตนเอง แต่ตอนนี้เริ่มมีเวลาพักผ่อน เขาเลยเริ่มหาสิ่งที่เหมาะกับตนเอง
เขาจัดการให้ระบบรันตารางออกมา เจียงป๋ายถึงกับอึ้งไปเลย
เพราะสิ่งที่สามารถซื้อได้มีเยอะมาก เกือบหนึ่งแสนอย่าง รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางด้านอุตสาหกรรม ด้านศิลปกรรม และด้านการศึกษา
แค่วิธีใช้หมัด ใช้ขา ใช้ไม้กระบอง ใช้มีดต่างๆก็เยอะมากแล้ว ประมาณเกือบหมื่นอย่างได้ เจียงป๋ายค่อยๆดูไปทีละอย่างและค่อยๆเลือกไปทีละอย่าง ยังไม่ทันดูหมดก็เหนื่อยแล้ว