บทที่ 1 ระบบมหานครคนเถื่อน การเกิดใหม่ของเจียงป๋าย
ตอนที่1 ระบบมหานครคนเถื่อน การเกิดใหม่ของเจียงป๋าย
ในเดือนมีนาคม ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำ ลมกระโชกพัดผ่านทำให้ใบไม้ปลิวไสว พร้อมกับแสงฟ้าแลบที่รอดผ่านช่องเขาเป็นระยะ สายฝนตกโปรยปรายไปทั่วพื้นที่
บรรยากาศที่มืดครึ้มส่งผลให้จิตใจของผู้คนรู้สึกเศร้าหมองตามบรรยากาศไปด้วย
เจียงป๋ายได้แต่นั่งรอที่หน้าประตูห้องเช่า ตอนนี้อารมณ์ภายในของเขาเสมือนกับสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมา
" นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย ! ที่นี่ที่ไหน? ดวงดาวสุ่ยหลาน?ที่ที่เป็นคู่ขนานกับโลกหรือเปล่า ? ไม่นะฉันข้ามไปอีกโลกหรือเนี่ย เอ๊ะ!! หรือว่าฉันแค่ฝันไป ? "
เจียงป๋ายเดินทางมาสู่อีกโลกหนึ่ง เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ความสับสนและหลากหลายคำถามที่พุ่งทะยานเข้ามาสู่หัวของเขา เขาใช้มืออ่อนนุ่มของเขาหยิกไปที่แก้มอย่างซึ่งไร้ความปราณี เขาทำแบบเดิมซ้ำ ๆเพื่อยืนยันว่านี่เป็นเรื่องจริง และเขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
เอาหละในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้แล้วจะมัวเสียเวลาทำไมหล่ะ ! เจียงป๋าย มองดูตัวเองในกระจอกหน้าต่างของอาคาร เขากลับพบว่าในเงานั้นไม่ใช่เขาแต่เป็นใครไม่รู้ จากนั้นเขาเริ่มขยับแขนขา ชูมือ กระโดด แล้วทำหน้าบึ้งตึง เห่ย!! เขาอุทานดังๆ นี้มันไม่จริง เอาหละในเมื่อฉันต้องบังคับร่างใครสักคนที่ทั้งเยาว์วัยและหน้าตาน่าเอ็ดดูของเด็กหนุ่มผู้ชายคนนี้แล้วหละก็นะ ฉันคงต้องจำยอม เอาเป็นว่าฉันคงได้เกิดบนโลกใบใหม่แต่จิตวิญญาณยังคงเดิม ไม่นะ ฉัน ฉะ ฉะ ฉัน เป็นใครกันแน่ เจียงป๋าย ร้องดังลั่นอีกครั้ง
" ดาวสุ่ยหลานคือดวงดาวคู่ขนานของโลก เหตุการณ์ต่าง ๆบนดาวดวงนี้ไม่ต่างอะไรจากโลก นอกจากรายละเอียดบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆที่ไม่เหมือนกัน คุณสามารถรู้สึกได้ว่าที่นี่คือเมื่อ10ปีที่แล้วของโลก ยังไงหยั่งงั้นเลย แต่ก็เอาเถอะ คิดว่าได้เกิดใหม่เป็นพอ "
ในหัวของเขาตอนนี้เหมือนรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง มันเริ่มดังขึ้นในหัว เสียงนั้นรบกวนส่วนประสาทของเขาอย่างค่อย ๆ มันเริ่มดังเหมือนเสียงเวลาที่เราเพิ่มเสียงลำโพง
" เจ้าคือใคร ? "
เจียงป๋ายรู้สึกงงและแปลกใจ ราวกับ ไม่ใช่เสียงในหัวของเขาแต่เสียงนั้นราวกับว่ามันซ่อนเร้น อยู่รอบ ๆ ตัวเขา
นี่ฉันเจอผีเข้าให้แล้วซินะ !!
" ข้าคือใครนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรับรู้หรอกเจ้ามนุษย์ เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าเยาว์วัยลง ใช่ ใช่ เจ้านั้นมีโชค เพราะฉะนั้นข้าถึงพาเจ้ามายังที่นี่ยังไงเล่า ที่นี่เจ้าจะมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มากนัก เอาเป็นว่าข้าจะนำสารมาส่งให้แก่เจ้าเป็นระยะ ระยะ แบบไม่มีที่สิ้นสุด ! "
เจียงป๋าย ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในหัวว่า เสียงนั้นไม่ได้ตอบปัญหาของข้าเลยแม้แต่น้อย ได้แต่พูดอะไรก็ไม่รู้ อีกทั้งยังพูดเองเออเอง
" ว่าแต่ มันคืออะไรกัน ? "
เจียงป๋ายรู้สึกมึนงง เขารู้สึกว่าสมองของเขากลับไปกลับมาไม่ไหวแล้ว จากนั้นเขาจึงล้มตัวนอนกับพื้นหญ้าเตียน ๆ มีเสียงของนกที่บินเล่นลม และกลิ่นของต้นหญ้าจนเคลิ้มหลับไป
เอาอีกแล้ว !! เสียงนั้น ดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง ข้อความต่าง ๆ ดังขึ้นบอกเขาเป็นระยะ ๆ ทำให้เจียงป๋าย ต้องทนรับฟังกับอะไรไม่รู้ซึ่งเจียงป๋าย เองก็เริ่มที่จะรับฟังโดยที่ไม่ได้ตั้งใจรับฟังมากนัก เขาทนฟังและเริ่มที่จะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของระบบเกียรติยศและเรื่องระบบชื่อเสียง
พูดง่าย ๆ มันช่างเหมือนกับเป็นเกมส์เกมส์หนึ่ง
" เจียงป๋าย แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ! เมื่อวานแกทำเรื่องอะไรไว้บ้าง "
เสียงเรียกจากระเบียงหน้าห้องดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังเสียงในหัวของเขาก็เริ่มหายไป จากนั้นเจียงป๋าย เริ่มยืดแขนยืดขา และลุกจากพื้นหญ้าและสะบัดเอาเศษหญ้าที่ติดตามกางเกงและเสื้อออก
ภายใต้ละอองฝน เสียงนกหวีดเริ่มดังขึ้น 3-4 ครั้ง เจียงป๋าย เงยหน้าขึ้นไปมองบนอาคารแห่งหนึ่ง ห้องเช่าชั้นสาม หน้าห้องแขวนไว้ด้วยกระดิ่ง เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเสียงกระดิ่งก็ดังกังวาน
มีเสียงเรียกดังมาจากบนระเบียงชั้น 3 ซึ่งเป็นเสียงการตะโกนเรียกเจียงป๋าย เสียงนั้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น เขารีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวด
" แฮ่ก ๆ ...." เสียงหอบดังขึ้น
เจียงป๋าย พอขึ้นมาถึงหน้าระเบียงก็เอามือกุมเข่า พร้อมกับนึกถึงเจ้าของเสียงนั้น
เด็กผมสีเหลืองทองที่ยืนตรงกลางระเบียงชื่อ หลิวปิน เป็นเด็กลูกครึ่งที่เขารู้จัก แต่ไม่สนิทมาก
อันที่จริง ๆ แล้วอุปนิสัยของ เจียงป๋าย ก่อนที่จะมายังโลกแห่งนี่ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างที่จะสันโดษ และรักความสงบ และเขาเองนั้นก็ไม่ชอบที่จะมีเรื่องมีราวกับใครนัก
น้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั้นมันช่างผิดสังเกตุ มันราวกับน้ำเสียงของคนที่ต้องการความช่วยเหลือเสียมากกว่า
ทันใดนั้นเอง อยู่ดี ๆ ก็เกิดมีกลุ่มคนมาปิดล้อมเขาไว้ เป็นวงกลม เจียงป๋าย ทำอะไรไม่ได้นอกจากดูเชิงไปก่อน
หลังจากดูเชิงของคู่ต่อสู้ไม่นาน เจียงป๋าย ก็ถูกมือดีทุบที่ระหว่างท้ายทอยจนหมดสติไป
หลังจากที่เจียงป๋าย ได้สติ กลับพบว่าเขานั้นถูกจับขังไว้ จากนั้นเขายังถูกตบหน้าเพื่อให้เจียงป๋าย แนะนำสุ่ยหลิง น้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องให้กับพวกมันรู้จัก คนพวกนี้แต่งตัวมิดชิดและปกปิดใบหน้าหากขืนบอกไปต้องเป็นอันตรายแน่
เจียงป๋าย ยอมทนที่จะไม่พูดออกไปว่าสุ่ยหลินคือใคร
เจียงป๋าย พูดขึ้นมาว่า ใครจะยอมให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองมาลงนรก กันเล่า
เจียงป๋าย รู้สึกเหมือนมีอไรแข็ง ๆ อยู่ไกล้ ๆ เท้าของเขา
ทันใดนั้นเอง เขาใช้แรงที่ข้อเท้าของเขา ตวัด เศษอิฐขึ้นมาและ เตะมันใส่กลุ่มชุดดำ จากนั้นเขาก็วิ่งเอาหลังที่ถูกตรึงไว้ด้วยเก้าอีกไม้เก่าๆ กระแทกไปยังกำแพงจนเก้าอี้แตกเป็นเสี่ยงๆ และหลุดพ้นจากการกักขัง และรีบมองหาทางออกไปจากตรงนี้
จากนั้นเขาเห็นประตูบานหนึ่ง เขารีบเปิดมันออก และวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต จนพบกับบันไดทาออก เขาเดินลงบันไดไปเรื่อย ๆ
เจียงป๋าย ตะลึงในความกล้าของตนเอง ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้ว
จากนั้นก็เริ่มมีเสียงตามทางเดินของอุโมงค์ ราวกับเหมือนเขากำลังดูทุกการเคลื่อนไหวของเจียงป๋าย อยู่
พอเจียงป๋ายลงจากบันไดมาจุดสุดทางก็มีคนสามคนมายืนบังประตูทางออก คนพวกนั้นผลักเจียงป๋าย ออกแล้วเดินออกมา หลังจากนั้นก็มีหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ออกมาจากเสียงตามสาย บริเวณ ทางเดิน
" ถ้าแกเลือกอยู่ที่นี่ ฉันสัญญาว่าจะไม่มีใครกล้าทำร้ายแกอีก......"
นายผมเหลืองหลิวปินเห็นเจียงป๋ายแบบนี้ก็นึกว่าเขากลัว จากนั้นเขาก็เริ่มปรากฏตัวจากเงามึดของอุโมงค์ทางเดิน เขามองด้วยสีหน้าที่ดูถูกพร้อมรอยยิ้ม ค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้เจียงป๋ายแล้วหัวเราะใส่ หลังจากนั้นก็ตบไหล่เจียงป๋ายและพูดว่า หลังจากนี้ฉันจะเป็นคนควบคุมนายเอง
" พูดบ้าอะไร!ของแก "
" ตุบ " เจียงป๋าย หยิบก้อนอิฐขึ้นมาและฟาดเข้ากับหัวของหลิวปิน เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากหัวของหลิวปิน
เขาใช้ก้อนอิฐตีเข้ากับหัวของหลิวปินอีกเจ็ดครั้ง คราวนี้หลิวปินคิดจะขยับยังขยับไม่ได้
เสื้อผ้าของเจียงป๋าย เปื้อนไปด้วยเลือด" ทำไม? พวกแกยังไม่พาลูกพี่ของพวกแกไปอีกหรอ อ้อ ฝากบอกลูกพี่แกด้วยนะว่าถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาฉันได้ทุกเมื่อ !! ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ "
" เอ่อ.........."
ความรู้สึกของเจียงป๋าย ตอนนี้คือความรู้สึกเหมือนอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลก ที่ที่มีท้องถนนมากมาย สับสนไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
ลูกน้องสองคนของหลิวปิน ก็ได้แต่หวาดกลัว ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่อ้าปากก็ไม่มีเสียง ได้แต่รีบพาหลิวปินหนีไปอย่างรวดเร็วดั่งกับกระต่ายตัวน้อย ต่างก็ไม่กล้าที่จะพูดมากเหมือนตอนแรก
" หู่ว!"
หลังจากที่พวกนั้นเดินจากไป เจียงป๋าย ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเป็นละลอก ๆ
คิดๆไปแล้วร่างกายนี้ก็มีค่าจริง ๆ หลังจากถอนหายใจสักสองสามครั้งเขาก็รู้สึกว่าการเป็นคนสองคนในร่างเดียวมันช่างอึดอัดจริง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีอยู่เลย วันนี้ถือว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ ที่สามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่เจียงป๋าย ทำเลือดเปื้อนมือครั้งนี้เขารู้สึกหดหู่กับเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เขานึกภาพที่เลือดค่อยๆซึมออกจากหัวของอีกฝ่ายจนได้แต่กล่าวหสตัวเองว่าไม่ต่างจากผู้ร้าย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลิวปิน ต้องเดินทางไป แจ้งตำรวจ ครั้งนี้เจีบงป๋าย ต้องซวยแน่ ๆ
" ไม่ได้การหล่ะ เราคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว "
เจียงป๋าย พูดกับตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงดังขึ้น
" ตื้อดึด ๆ (เสียงข้อความ) ภารกิจแรกสำเร็จ ยินดีด้วยคุณได้รับคะแนนเกียรติยศเพิ่มขึ้นห้าดาว!"
เสียงข้อความในเกมส์นิ เจียงป๋าย นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาพึ่งมาถึงโลกคู่ขนานนั้นได้มีเสียงประหลาดดังอยู่ในหัวและอธิบายเกี่ยวกับ เรื่องพวกนี้ เขาเริ่มคิดแล้วว่ามันต้องเป็นเกมส์ของโลกนี้แน่ ๆ
เพียงแค่นึกถึงคำพูด เจียงป๋ายก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มันระบบ อะไรกันเนี่ย
อีกอย่างทำไมถึงได้คะแนนเกียรติยศตั้ง ห้าดาว
คนที่อยู่ตรงหน้าสามคน คะแนนเกียรติยศห้าดาว ทั้งหมดนี้มันมาจากไหนกันนะ
ไม่นานเจียงป๋าย ก็เข้าใจเกี่ยวกับการได้รับคะแนนเกียรติยศ แต่กระนั้นเข้าก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก
ตอนนี้เขามองดูผู้คนรอบ ๆ เพราะเขากำลังคิดว่าผู้คนเหล่านี้นั้นที่จริงอาจจะเป็นเพียงตัวละครในเกมส์ เกมส์นี้เท่านั้น หรือถ้าเรียกกันตามแบบฉบับของคอเกมส์ คนที่เล่นเกมส์ส่วนใหญ่จะเรียกพวกนี้ว่า เป็น npc
Npc ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้อำนวยความสะดวก บอกเล่าเนื้อเรื่องของเกมส์ต่าง ๆ บางครั้งการเล่นเกมส์ สักเกมส์นึงอาจต้องอาศัย เหล่า npc พวกนี้เป็น ไกด์ นำทาง
ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดแล้วหละก็ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงบททดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นได้ จากการที่เขาเคยมีประสบการณ์ในการเล่นเกมมานั้น เขาจำเป็นต้องค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น จึงจะสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนแต่ละด่านได้ แต่ก็เอาเถอะ หากเป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ เหตุการณ์ ที่ทำให้เขาหดหู่ใจ จะถือเสียว่ามันเป็นเพียงแค่เนื้อเรื่องภายในเกมส์เท่านั้น เมื่อเขาคิดได้อย่างนี้แล้ว เขาก็เหมือนจะปล่อยวางกับเหตุการณ์นั้นได้
" ได้รับรางวัล ? " มีหมายเหตุซะด้วยซิ อ้า ในหมายเหตุบอกว่า หากสะสมคะแนนเกียรติยศครบ 1000 คะแนน จะสามารถนำไปแลกโบนัส คูณสองได้ด้วย แจ่มชะมัด
เจียงป๋าย ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างหล่นลงมา
เขาหันไปมองด้านหลังของเขาซึ่งตอนแรกเป็นเพียง ทางเดินเท้าไม่มีอะไรเลยมีเพียงป้ายบอกทาง แต่ตอนนี้มันมีเครื่องอะไรสักอย่างหน้าตาแปลก ๆ ตั้งอยู่ ด้วยความสงสัยเขายืนมองมัน จากนั้นก็มีเหรีนญสีเงินอยู่ในมือเขาราวกับมันถูกเสกอกมา ใช่เขาไม่รอช้า เจียงป๋าย หยอดเหรียญนั้นลงไปใช่ช่องใส่เหรียญ
" มันเริ่มเขย่าแล้ว " เขามองตู้นั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ตอนนี้ระบบของเครื่องได้สั่งให้เขานั้นเลือกรายการใด รายการหนึ่ง ซึ่ง มันมีหลากหลายรายการจนเขานั้นเลือกไม่ถูก
แต่ละรายการนั้นมีสีที่แตกต่างกันออกไปซึ่ง เขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเลือกสีไหนดี
สีดำมีทั้งหมด 3 แถบ สีเหลือง 6 แถบ สีขาวอีก 3 แถบ สีน้ำเงิน 1 แถบ สีม่วง 2 แถบ
เขาอ่านรายละเอียดของแต่ละสีว่ามีอะไรบ้าง เริ่มจาก แถบสีข่าวแบ่งออกเป็น รางวัลหนึ่งแสนหยวน คะแนนเกียรติยศ 10 คะแนน และ เล่นใหม่อีกครั้ง
ต่อมาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งรางวัลของมันก็คือ การต่อสู้ขึ้นสูง หรือการเลื่อนระดับของการต่อสู้นั่นเอง ซึ่งเขาก็มีความอยากได้รางวัลนี้ไม่น้อย
ถึงแม้ว่าจะดูเป็นรางวัลธรรมดา นอกจากเงินจำนวนหนึ่งแสนหยวนที่ทำให้เจียงป๋ายตาลุกวาวแล้ว อีกสองรางวัลที่เหลือเจียงป๋าย ไม่ได้สนใจรางวัลพวกนั้นมากนัก
เมื่อเจียงป๋าย มองไปที่แถบสีม่วง เขาเปลี่ยนความคิดทันทีจาก เดิมทีเขาหวังว่าจะได้เงิน 1 แสนหยวน หรือไม่ก็เป็นการเพิ่มระดับการต่อสู้
เขามองแถบสีม่วงพร้อมกับภาวนาให้มันไปตกตรงแถบสีม่วง ซึ่งรางวัลของแถบสีม่วงคือ คุณจะได้รับรางวัลทุกอย่างที่กำหนดให้
เมื่อเห็นว่าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เงิน คะแนนเกียรติยศเพิ่ม 10 คะแนน และ เพิ่มระดับการต่อสู้ เขาจะได้ทั้งหมด หาก เสี่ยงดวง แล้วไปลงที่แถบสีม่วงนั่นเอง