ตอนที่ 28 รายรับก้อนโต
เขาใช้หมัดวัชระสะกดอสูรในการป้องกัน และเริ่มโจมตีด้วยหมัดวานร
แม้เฟิงหลินจะไม่เหมือนคล็อตที่สามารถปลดปล่อยพลังงานพันธุกรรมสองชนิดพร้อมกันได้ผ่านวิชายุทธ์ยีน แต่เขาก็ยังสามารถใช้วิธีของเขาในการปลดปล่อยพลังมหาศาลเพราะยีนลิงและยีนหินอันแข็งแกร่งเขา
พลังชี่และกระแสเลือดอุ่นของเขาสูบฉีดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย กำจัดความหนาวเย็นออกไป
ด้วยผิวที่เหมือนหินและกระดูกที่เหมือนเหล็ก ดาบน้ำแข็งที่แหลมคมเหมือนกระบี่จึงแตกกระจายทันที
นิ้วของเขาเหมือนดาบแทงทะลุผ่านอากาศอย่างง่ายดาย
"อะไรกัน?" คล็อตรับรู้ถึงวิกฤตครั้งใหญ่
นี่มันเกินความคาดหมายของเขา
ปกติ เมื่อเขาปลดปล่อยพลังงานพันธุกรรมออกมา ลมหนาว พายุน้ำแข็ง และหิมะที่รุนแรงก็มากเกินพอจะสะกดข่มศัตรูเขา ทำให้พวกเขาไม่อาจขยับและทำได้แค่ยืนรับการโจมตี
อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินกลับไม่ได้รับผลเลย การโจมตีเขาทั้งดุดันและเกรี้ยวกราด
ชี่!
เสียงใบมีดแหลมแตกสลายในอากาศ
หิมะและน้ำค้างแข็งถูกทำลายลงด้วยนิ้วดาบคู่หนึ่ง
คล็อตหลบตามสัญชาตญาณ แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกเจ็บที่แก้มเมื่อเลือดไหลออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเขาพลันบิดเบี้ยว
เขาค่อยๆลูบจับหน้าตัวเอง และจ้องมองเลือดที่นิ้ว เขากรีดร้องด้วยความโกรธ "แกกล้าดียังไง!"
สำหรับผู้บ่มเพาะ ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุด ทำไมถึงต้องใช้ความหล่อด้วย?
เฟิงหลินส่ายหัว แม้ว่าค่าสถานะพลังของคล็อตนั้นจะสูงมาก แต่จริงๆแล้วเขาไม่สามารถมองผ่านสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างรูปร่างภายนอกได้
เพียงแค่จุดนี้จุดเดียว เฟิงหลินย่อมไม่ถือว่าคล็อตเป็นศัตรูเขา
ลมหนาวเย็นยะเยือกปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งและหิมะก็พลันตกลงมาเต็มท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินดูจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นเหมือนเดิม
เพราะขาดสารอาหาร ค่าสถานะพลังของเขาจึงไม่สามารถเทียบกับคู่ต่อสู้ได้ แต่ถ้าพูดถึงการใช้พลังงานทางพันธุกรรมและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีนที่ปลุกขึ้นมา เฟิงหลินย่อมไม่แพ้ใครในกลุ่มคนที่อายุเท่าเขา
ยีนสองชนิดของเขาแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัด มันหมายความว่าในบรรดาคนที่ปลุกยีนพื้นฐานสองชนิดขึ้นมา มีไม่กี่คนที่เทียบกับเขาได้
แม้แต่ยีนน้ำแข็งและยีนลมหนาวของคล็อตก็ยังไร้ประโยชน์
เฟิงหลินก้าวยาวไปข้างหน้า เหยียบย่ำน้ำแข็งและหิมะบนพื้น
"อะไรกัน?" คล็อตหรี่ตาจนเหลือเท่าเข็ม
เฟิงหลินจัดท่าทางเขา เขาจะยอมแพ้ในโอกาสดีๆเช่นนี้ได้ยังไง? เขาพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งเหมือนเสือโหยที่กำลังจะล่าแกะด้วยความเร็วเท่ากับสายฟ้า
คล็อตหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว สีหน้าโหดเหี้ยมพลันฉายผ่านดวงตาเขา“ฆ่า”
นิ้วมือเขาขดงอเป็นกรงเล็บ ปราณน้ำแข็งพลันบีบอัดบนฝ่ามือเขา ทำให้หอกน้ำแข็งสามเล่มก่อตัวขึ้น ระเบิดไปข้างหน้า
หากมนุษย์ธรรมดาโดนเข้า ร่างกายจะต้องพรุนอย่างแน่นอน
ปัง ปัง ปัง!
หมัดของเฟิงหลินเสียงดังเหมือนเสียงฟ้าร้อง หมัดแกร่งกร้าวเขาเหมือนเหล็กที่บดขยี้หอกน้ำแข็ง
คล็อตใช้เทคนิคโจมตีอีกครั้งเมื่อความเย็นกระจายตัวออกไป
เฟิงหลินไม่เปลี่ยนท่า เขายกมือขึ้นและต่อยออกไป แผดเสียงดัง "ฮ่าห์!"
หมัดของเขากระแทกใส่หัวคล็อต พลังเสียงคำรามเขาสามารถเขย่าหัวใจได้ทุกผู้คน
ร่างกายของคล็อตแข็งเกร็ง ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ในช่วงเวลาแบบนี้เฟิงหลินไม่มีทางพลาด เฟิงหลินจัดการกรงเล็บของคล็อตได้อย่างง่ายดาย ด้วยการบิดแขน หมัดของเฟิงหลินคล้ายกับมังกรพิษที่พุ่งออกมาจากถ้ำ
เกราะน้ำแข็งที่ปกป้องคล็อตแตกสลายทันที
คล็อตกรีดร้องด้วยความทรมาน ขณะที่ถูกเหวี่ยงไปในอากาศ
เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะตัดสินความแตกต่างระหว่างพวกเขา
คล็อตกระแทกลงกับพื้น ร่างของเขามันไม่ขยับเขยื้อน
ศักยภาพทางพันธุกรรม + 8%!
เฟิงหลินมีเพียงความรู้สึกเบื่อ ศักยภาพทางพันธุกรรมเพิ่มขึ้นแค่8%เท่านั้นเอง เขาต่อสู้กับนักเรียนจำนวนมากเพียงลำพัง ทำให้เสียทั้งเวลาและพลังงาน แต่รางวัลที่ได้รับกลับช่างน่าสมเพช
จากนี้จะเห็นได้ว่าการเอาชนะคนเหล่านี้ไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับเฟิงหลินมากนัก
การต่อสู้ครั้งนี้ง่ายเกินไป!
หากเปรียบเทียบค่าสถานะพลังของคนเหล่านี้ มันไม่ได้แพ้ผู้เชี่ยวชาญในหอเลย แต่ในความเป็นจริงค่าสถานะพลังของพวกเขายังสูงยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนนั้นต่างจากพวกนี้อย่างสิ้นเชิง บุคลิกของคนเหล่านี้อ่อนแอและขี้ขลาด ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาก็ปวกเปียกและไร้พลังเช่นกัน พวกเขาไม่มีทางที่จะปลดปล่อยพลังแท้จริงได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคล็อต ค่าสถานะพลังของเขาสูงถึง2.5 และพลังงานทางพันธุกรรมของเขาก็แข็งแกร่ง แต่เพราะภูมิหลังของเขาดีเกินไป เขาก็เลยเอาแต่ใจตัวเอง ยีนน้ำแข็งและยีนลมหนาวเป็นยีนพื้นฐานคุณภาพสูงสองชนิดที่มีพลังมหาศาล ถึงกระนั้นเขากลับใช้การโจมตีระยะไกลและไม่ได้พัฒนาเทคนิคใดๆสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด เห็นได้ชัดว่าเขากลัวการต่อสู้ต่อหน้า
เป็นไปได้มากที่เขาจะได้รับคะแนนสูงในหอต่อสู้ลวงตาโดยใช้ความสามารถทางพันธุกรรมของยีนทั้งสองและโจมตีจากที่ไกล เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ช้ามากเขาจึงได้รับชัยชนะ
หากเป็นการต่อสู้กับมนุษย์ทั่วไป วิธีการต่อสู้ของเขาย่อมมีข้อบกพร่องมากมาย
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่สามารถเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโรงเรียนอย่างต้วนหยุนหลิวได้
อัจฉริยะที่เติบโตภายใต้การดูแลที่ดีไม่ถือเป็นอัจฉริยะ!
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คล็อตจะไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
นี่คืออัจฉริยะอันดับสองของโรงเรียนจริงๆหรือ ?
เฟิงหลินรู้สึกเบื่อและไม่สนใจ
การต่อสู้ในหอต่อสู้ลวงตาเป็นประสบการณ์ที่พลิกผันเขา เขาเพิกเฉยต่ออันตรายและท้าทายขีดจำกัดในการเอาชนะคู่ต่อสู้ การเพิ่มจุดพันธุกรรมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยีนในช่วงเวลาสำคัญทำให้เขาได้ประสบการณ์การต่อสู้
หากอิงเพียงสัญชาตญาณการต่อสู้ เขาก็ยังอยู่เหนือทุกคนในกลุ่มคนอายุเท่าเขา
ทุกคนในโรงเรียนนอกจากต้วน หยุนหลิวซึ่งเขาไม่เคยเจอมาก่อน มันล้วนไม่มีใครสามารถกดเขาลงได้
นั่นก็หมายความว่าเขาจะขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาขึ้น
โรงเรียนมัธยมโลกเป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมทั่วไปของเมืองฮั่วเซีย เฟิงหลินรู้สึกว่าโรงเรียนนี้เล็กมากจริงๆ
"แกกล้าโจมตีฉัน?!“ คล็อตเต็มไปด้วยความขายขี้หน้า เขาค่อยๆยกหัวขึ้นมา
"แกรับความจริงไม่ได้งั้นหรอ?" เฟิงหลินพูดต่อ "ฉันโจมตีแกแล้วจะทำไมละ?แกจะทำอะไรได้?แกจะไปเรียกตำรวจมาจับฉัน?แกจะให้โรงเรียนไล่ฉันออก?ไม่หรอก แกไม่ทำอย่างนั้นแน่ แกทำได้แค่อดทน ... "
คำพูดของเขาเหมือนมีดที่แทงหัวใจคล็อต เขาตัวสั่นสะท้านเมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น
มันคือเรื่องจริง ความไม่ลงรอยกันระหว่างพวกเขามันใหญ่เกินไป
ถ้าเขาต้องเรียกร้องขอความช่วยเหลือทุกครั้งที่แพ้ มันจะน่าขำแค่ไหน? เขาจะต่างอะไรกับเด็กที่ร้องหาแม่ทุกครั้งที่ทำอมยิ้มหาย?
คล็อตจะทนทำสิ่งน่าอายอย่างนั้นได้ยังไง?
หากเขาทำแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือเขากำลังบอกกับทุกคนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหลิน แม้จะมีลูกน้องมากมาย แต่เฟิงหลินก็ต่อสู้เพียงลำพังและเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้ จากนี้ไปคล็อตจะไม่เป็นอัจฉริยะอันดับสองของโรงเรียนอีกต่อไป
เมื่อเทียบกับความอัปยศถึงเพียงนี้ คล็อตต้องการชื่อเสียงของเขาในการเป็นอัจฉริยะมากขึ้น
หากเขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจะภูมิใจกับการได้มันมาได้ยังไง?
ดังนั้นเขาทำได้เพียงอดทน!
"ฝากไว้ก่อนเถอะเฟิงหลิน มันยังไม่จบหรอก!" คล็อตยืนขึ้น ร่างเขาสั่นเหมือนกำลังระงับอารมณ์ แต่ทว่า เขาไม่อาจต่อต้านเฟิงหลินได้ อย่างน้อย เขาก็ทำได้แค่สาปแช่ง
เพราะหลังการปะทะ มันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงหลินเลย
มันน่าละอายขนาดไหน?
เขารู้สึกโกรธและเสียใจอยู่ข้างใน เขาหันหลังกลับและต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เขาไม่อยากเห็นอะไรอีก ชายคนนี้ทำให้เขาอับอายและรู้สึกอัปยศอย่างมาก
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ" เงาของเฟิงหลินหายวูบ เเขาปรากฏตัวต่อหน้าคล็อต ขวางทางคล็อตเอาไว้
"แกต้องการอะไร" คล็อตถามอย่างระวังตัว
เฟิงหลินยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่คำพูดเขาก็ทำให้คล็อตและเหล่าลูกน้องรู้สึกเหมือนตกนรก "พวกแกจะออกไปอย่างงี้หรอ?พวกแกทุกคนเข้ามาหาฉัน อยากรู้ความลับของฉัน และทำร้ายฉันอีกด้วย ถ้าฉันไม่ได้รับอะไรตอบแทนฉันจะยอมให้พวกแกไปอย่างงั้นหรอ?มันคงจะเป็นสิ่งที่โคตรดีเลยในโลกก! "
"แกกำลังรีดไถพวกฉัน?" ดวงตาของคล็อตและคนอื่นๆเบิกกว้าง ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน
“แกพูดเรื่องอะไร?นี่เหมือนการขู่กรรโชกหรอ?” เฟิงหลินยิ้มอย่างใจเย็น "นี่เป็นเพียงค่าชดเชยให้กับจิตใจแสนบอบบางของฉัน พวกแกทำให้ฉันกลัว และฉันยังต้องจ่ายค่ายาเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของฉันซึ่งได้สูญเสียไปกับการป้องกันการโจมตีของพวกแก!"
คำพูดของเขาทำให้คล็อตและลูกน้องของเขาโกรธจนเกือบจะกระอักเลือด
"อย่าฝัน!" พวกเขาคำรามด้วยความโกรธ
"โอ้ งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก" เฟิงหลินส่ายหัว เขาเปิดใช้งานไมโครชิพส่วนตัวและฉายภาพในอากาศ
"การระเบิดพรสวรรค์ทำให้แกทำผลงานได้ดีวันนี้ แกต้องพบเจอโชคฟ้าประทานมาใช่ไหม?หากแกบอกความลับฉัน ฉันจะให้แกหมื่นเหรียญดารา!พวกจนอย่างแกคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหมละ?”ในฉาก รูปร่างและเสียงคุ้นเคยดังออกมา คล็อตและลูกน้องตาแทบเด้งออกจากเบ้า พวกเขามีสีหน้าขาวซีด
เฟิงหลินบันทึกการกดขี่ที่พวกเขาพูดเอาไว้ทั้งหมด เป็นไปได้ไหมว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้?
“ไม่มีทางเลือก พวกแกทำร้ายฉัน ฉันต้องได้รับค่าเสียหายสำหรับเรื่องนี้ นี่เป็นคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าพวกแกปฏิเสธที่จะจ่าย ฉันจะเอาบันทึกนี้ไปที่โรงเรียน และบอกพวกเขาให้เผยแพร่ภาพในเว็บระหว่างดวงดาว ถึงตอนนั้นทุกคนในยุคสมัยดวงดาวจะชื่นชมว่าพวกแกเป็นคนกล้าหาญ รวมตัวกันเพื่อรังแกนักเรียนคนเดียวอย่างฉัน ...”เฟิงหลินยิ้มอย่างมีชัย
“แก!”คล็อตและลูกน้องกระอักเลือด
พวกเขาพยายามจะลักไก่ แต่จบลงด้วยการเสียท่าให้กับเหยื่อที่ไปล่อ! ตอนแรกพวกเขาต้องการรีดไถเฟิงหลินเอาความลับ แต่ตอนนี้กลับถูกรีดไถแทน พวกเขาทำได้แค่เพียงยอมจ่ายเท่านั้น
หากบันทึกนี้ถูกเผยแพร่ ชื่อเสียงของพวกเขาจะจบลง ชื่อเสียงในโรงเรียนจะเสื่อมเสียไปตลอดกาล
"ฉันจะให้แก1,000 เหรียญดาราแลกกับการทำลายบันทึกนั่น!" คล็อตจ้องเฟิงหลินด้วยสีหน้ารังเกียจ
"แกทำเหมือนฉันเป็นขอทานอย่างงั้นหรอ?" เฟิงหลินส่ายหัว เขาไม่อยากคุยกับคนพวกนี้มากไปกว่านี้ และตัดสินใจเดินมาข้างหน้า
"แกจะทำอะไร?!"
"เอาเงินฉันมา!"
"แกกล้าขโมยสารอาหารคุณภาพสูงของฉันเลย?"
.....
เฟิงหลินไม่สนใจการคัดค้าน เขายึดเอาของมีค่าทั้งหมดมาอย่างไร้ความปราณีทั้งจากคล็อตและลูกน้อง
คนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่มือของเฟิงหลิน และเขายังมีบันทึกที่สามารถใช้ขู่คนพวกนี้ได้ พวกเขาทำได้เพียงส่งเสียงขัดขืน แต่ไม่กล้าต่อต้าน
โดยรวมแล้ว ของทั้งหมดที่ได้มามีค่ากว่าแสนเหรียญดารา สารอาหารเหลวระดับกลางยี่สิบขวด, ยาสารอาหารเทพเขียวประเภท3สองขวด ซุปเปอร์โปรตีนอีกสามขวด ของเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากคล็อต
ช่างเป็นคนดี! เฟิงหลินพอใจมาก
หลังจากได้ของทั้งหมดมา เขาก็ไม่ให้ความสนใจคนเหล่านี้อีกต่อไป และออกไปที่นี่ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า เขาไม่กลัวเลยว่าคนเหล่านี้จะสร้างความปั่นป่วน
คล็อตและลูกน้องยืนยู่ที่เดิม ใบหน้าของพวกเขาแดงเพราะความโกรธ ร่างกายสั่นอย่างแรงจากอารมณ์ที่พยายามระงับเอาไว้
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขามียีนในตำนานและมีค่าสถานะพลังที่สูง พวกเขาคงจะไม่โกรธจนเหมือนจะกระอักเลือดเช่นนี้ ...