SGS บทที่ 91 – สิ่งมีชีวิตระดับSมาแล้ว!
ขณะที่นักรบเริ่มใช้วิชา นักเวทย์ที่อยู่แนวหลังก็ไม่มีเหตุผลต้องยั้งมืออีก พวกเขาต่างหยุดเวทมนต์กำลังร่าย แล้วเริ่มร่ายเวทบทใหม่ที่มีคาถายาวกว่าดูเหมือนว่าจะพยายามร่าบเวทย์บทใหญ่
พลังของวิชานักรบแรงค์7แน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แมงมุมศิลาทมิฬก็ไม่ใช่กระจอก ถึงพวกมันจะไม่มีวิชาหรือท่าโจมตีแรงๆอะไร แต่มันก็ทดแทนได้ด้วยร่างกายที่แข็งแรงทนทานดุจหินภา ถึงแม้ปากมันจะกรีดร้อง ทว่าบนร่างกายมันกลับไม่มีบาดแผลเลย
แมงมุมศิลาทมิฬเจ็บปวดจนคลุ้มคลั่ง พวกมันไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้เพราะ มีนักเวทย์คอยโจมตีไม่หยุด ดังนั้นพวกแมงมุมจึงทำได้แค่อ้าปากพ่นแท่งหินสีดำใส่
แท่งหินรอบนี้มันเทียบไม่ได้กับพวกแมงมุมกลุ่มเมื่อกี้เลย มันทั้งใหญ่กว่า และพลังมันก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าวิชาของพวกนักรบหรือเวทมนตร์ของนักเวทย์เลย!
นักเวทย์แรงค์7 แน่นอนว่าย่อมไม่อ่อนแออย่างพวกนักเวทย์กลุ่มเมื่อกี้ ที่โดนแท่งหินเสียบตาย ถึงแม้แท่งหินมันออกจะมาแบบไม่ให้ทันตั้งตัวไปหน่อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ร้อนลนอะไร ทำแค่ยกไม้เท้าขึ้นก็มีบาเรียโผล่ออกมาป้องกันแท่งหินจนหมด
ถ้าถามว่า แท่งหินของแมงมุมศิลาทมิฬมันจะอ่อนแอขนาดนั้นเลย? คำตอบแน่นอนคือไม่ใช่!
ถึงแม้นักเวทย์แรงค์7จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ทว่าตัวโล่เองก็สามารถทนแท่งหินได้แค่สองสามครั้งมันก็แตกละเอียด จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าแท่งหินมันมีพลังขนาดไหน เพราะยังไงซะนี่ก็คือท่าโจมตีระยะไกลเพียงหนึ่งเดียวของพวกแมงมุม
เมื่อเห็นว่าแมงมุมศิลาทมิฬยังคิดจะพ่นแท่งหินต่อ นักรบหลายคนก็พุ่งเข้าแมงมุมตัวที่ใกล้ที่สุดในทิศทางที่แตกต่างกัน บนอาวุธเคลือบไว้ด้วยพลังปราณ ก่อนจะหวดใส่ร่างกายของมัน
พวกแมงมุมถึงจะไม่ฉลาด แต่อย่างน้อยมันก็ยังรู้ว่าวิธีการหลบ ดังนั้นเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ มันจึงทำได้แค่ปิดปากลง และเริ่มการต่อสู้ระยะประชิดกับนักรบใหม่อีกครั้ง
เวลานี้เอง เหล่านักเวทย์ก็ร่ายคาถาเสร็จ พวกเขาชูคทาขึ้น จากนั้นบรรยากาศรอบๆก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะมีคลื่นเปลวเพลิงขนาดมหึมาพุ่งเข้าไปหาแมงมุมศิลาทมิฬ
ขณะเดียวกัน เหล่านักรบก็ถอนหันออกมาอย่างรู้งาน แล้วไปรวมกลุ่มกับนักเวทย์ แมงมุมศิลาทมิฬคิดจะไล่ตามแต่ก็เจอคลื่นเปลวเพิลงดันหน้า พวกมันจึงทำได้แค่พ่นแท่งหินเข้าใส่คลื่นไฟพร้อมๆกัน
เมื่อพวกมันทำลายคลื่นไฟได้แล้ว และกำลังจะตามเข้าไปหาพวกนักรบ ทว่าก็มีนักเวทย์อีกจำนวนหนึ่งที่ท่องคาถาเสร็จแล้วปล่อยเวทมนต์ออกมา ทันใดนั้นพื้นที่พวกแมงมุมอยู่ก็สั่นสะเทือน แมงมุมศิลาทมิฬราวกับรับรู้ถึงอันตรายได้ พวกมันต่างก็กรีดร้องออกมา
แต่ทว่านี่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น จู่ๆก็มีหนามแหลมคมทะลวงขึ้นมาจากใต้พื้นดินทะลวงขาข้างหนึ่งของแมงมุมไป และวินาทีถัดมาก็มีหนามจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงพื้นขึ้นมา จากนั้นมันก็ม้วนตัวเข้าไปหาพวกแมงมุมด้วยความเร็วสูง!
แมงมุมศิลาทมิฬกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จุดที่พวกมันโดนแทง ต่างก็มีเลือดสีเขียวไหลทะลักออกมา มันเป็นอะไรที่แปลกมาก เพราะพวกแมงมุมก่อนหน้านี้มันไม่ยักกะมีเลือดสักตัว
ตรงจุดที่พวกแมงมุมศิลาทมิฬอยู่ ในเวลาไม่นานก็เต็มไปด้วยหนามแหลมคม พวกมันที่บาดเจ็บต่างก็คลุ้มคลั่ง
แต่ทว่าพวกมันก็ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรไปกว่านี้ นักเวทย์อีกส่วนก็ร่ายเวทย์เสร็จพร้อมกัน จากนั้นก็มีสายฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏออกมาทั่วทุกทิศทาง ก่อนจะผ่าเข้าไปใส่จุดที่พวกแมงมุมอยู่!
หลังจากเสียงระเบิดจบไป ก็เผยให้พวกแมงมุมศิลาทมิฬที่ต่างก็บาดเจ็บสาหัสจากการร่วมมือกันของผู้เชี่ยวชาญแรงค์7ทั้งสิบห้าคน ภายใต้การโจมตีจากสายฟ้าและเส้นหนาม เลือดสีเขียวได้เปรอะเปื้อนไปทุกที่ แมงมุมบางส่วนก็ขาขาด บางส่วนก็โดนอย่างจนเกรียม บางก็คำรามออกมาไม่หยุดราวกับว่ากำลังพยายามเปล่งเสียงสุดท้ายก่อนจะตายจากโลกนี้ไป.......
เห็นภาพนี้ พวกเขาก็รู้ว่านี้โอกาสชั้นยอดในการฆ่าพวกมัน พวกนักรบหยิบยุทธภัณฑ์หลักออกมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปหาด้วยความเร็วดุจลูกศรถูกปล่อยจากคันธนู เมื่อมาถึงพวกเขาก็เริ่มปลดปล่อยวิชา
หลังจากโจมตีไม่หยุด พวกแมงมุมศิลาทมิฬต่างก็ล้มตัวตายกันไปตัวแล้วตัวเล่า...จนหมด......
“โอ้!!!”
ทีมล่าสมบัติที่ถอยหนีไป เมื่อเห็นฝั่งตัวเองชนะพวกเขาต่างก็โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจทันที บางคนก็ชูอาวุธขึ้นฟ้า บางคนก็กระโดดโลดเต้น แสดงให้เห็นว่าตนองมีความสุขขนาดไหน
ณ ตอนนี้ พลังใจของพวกเขาเรียกได้ว่าเต็มเปี่ยม!
วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ที่มองดูตั้งแต่ต้นจนจบ ต่างก็หันมามองหน้ากันและกัน จากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
วู่หยานพูดทำลายความเงียบว่า “ไอ้แรงค์7สิบห้าคนนั้นไม่อ่อนแอเลย ถึงกลับสามารถฆ่าแมงมุมศิลาทมิฬที่ระดับเท่ากันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แถึงแม้มันจะเป็นเพราะว่ามีจำนวนคนมากกว่า และมีอาวุธที่ดีกว่าบวกกับปัจจัยอื่นๆอีกก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า ถ้าพวกเขากลายมาเป็นศัตรู พวกเราเองก็คงยากที่จะจัดการได้.....”
เขาอดไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ จากนิสัยเลือดเย็นที่สามารถยืนดูพวกเดียวกันถูกฆ่าได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ถ้างั้นตอนเจอสมบัติ พวกมันคงไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าพวกเขา!
ถึงแม้วู่หยานจะมีไอเท็มช่วยชีวิตที่สามารถพาตนเองกับสาวๆออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้อยากใช้เลย สาเหตุคือถ้าต้องใช้จริงๆมันก็แสดงว่าพวกเขากำลังเจอวิกฤตถึงชีวิตอยู่นะสิ!
ฮินางิคุ กับ มิโคโตะ พยักหน้าเห็นด้วย โดยเฉพาะมิโคโตะแม้แต่ตัวเธอเองที่เก่งกว่าแรงค์7ทุกคนในที่นี้ แต่ถ้าเธอโดนลุมและไม่มีไอเท็มอะไรช่วยเลย เธอก็ต้องยอมรับว่าชะตากรรมตัวเองคงไม่ได้ดีไปกว่าพวกแมงมุมตรงหน้าเท่าไหร่นัก.....
“มาสเตอร์.....”
ได้ยินเสียงมิโคโตะ พวกเขาทั้งสามคนก็พร้อมใจกันหันไปมองอิคารอส ด้วยนิสัยของเธอ การที่ตนเองถูกจ้องมองด้วยดวงตาหลายคู่แบบนี้มันแทบไม่ส่งผลอะไรต่อตัวเธอเลย
“อิคารอส เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ที่เขาวู่หยานถามนับว่าเข้าใจได้ เพราะปกติถ้าไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้น อิคารอสก็มักจะอยู่เงียบๆดุจองครักษ์อันแสนซื่อสัตย์ของเขา
“ใช่ค่ะ...” อิคารอสพูดด้วยนำเสียงเรียบเฉย “กำลังมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากใกล้เข้ามา.....”
“สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมาก?” ในเมื่อเธอพูดขึ้นแบบนี้ แสดงว่าต้องใช้พวกโรงประมูลที่ซ่อนตัวอยู่อีกด้าน งั้นก็แสดงว่า......
นัยน์ตาสีแดงของอิคารอสเรืองแสงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “จำนวนคือสาม ระดับคุกคาม มีระดับAอยู่สองจุดและ...ระดับSหนึ่งจุดค่ะ!”
“S!” วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ พูดออกมาด้วยความช็อคสุดๆ
ต้องรู้ก่อนว่า ระดับคุกคามAคือระดับเดียวกับอิคารอส เป็นสิ่งที่อิคารอสคิดว่าสามารถสร้างดาเมจให้กับจนเองได้ นั้นคือระดับA!
แต่ระดับS คือระดับที่อิคารอสคิดว่าสามารถเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตแก่เธอได้!
ตัวตนระดับนั้นกำลังใกล้เข้ามางั้นเหรอ?
แล้วแบบนี้ ยังจะไม่ให้พวกเขาทั้งสามคนช็อคได้ยังไงล่ะ?
แน่นอนว่าถึงพวกวู่หยานจะรู้ แต่ผู้คนด้านหน้านั้นไม่ได้รู้ด้วย พวกเขาต่างก็ตะโกนร้องดีใจกันใหญ่ โดยไม่รู้ตัวว่านาทีสุดท้ายของชีวิตตนเอง กำลังใกล้เข้ามาถึงแล้ว......
พวกแรงค์7ทั้งสิบห้าคน จากเดิมที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าไม่แยแส แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าความตายที่มากล้นจนปกคลุมผืนฝ้า ตัวพวกเขาก็สั่น ใบหน้าเปลี่ยนสีทันที
“วิ่ง!!”
หนึ่งในแรงค์7ไม่สามารถอดทนถึงความรู้สึกที่ตนสามารถตายได้ทุกเวลา เขาถอยหลังสองก้าว ก่อนจะตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความหวาดกลัว
นี่ทำให้ทีมล่าสมยัติที่กำลังโห่ร้องช็อค และยังทำให้แรงค์7คนอื่นตัวสั่นอีกรอบ ในใจพยายามดิ้นรน
เหตุผลที่ดิ้นรนนั้นง่ายมาก ทิ้งสมบัติแล้วหนีไปเพื่อชีวิต หรือจะเสี่ยงสู้ด้วยจำนวนที่มีอยู่อาจจะพอมีความหวังในการชนะอีกฝ่าย
แต่ทว่าไม่นานนัก พวกเขาทั้งหมดต่างก็สูญเสียความหวังที่จะมีรอดชีวิตกลับไป......