เล่ม 1 ตอนที่ 74 มรดกของซิลเวอร์มูน ตอนที่ 2
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
ริชาร์ดนึกถึงอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเอ่ยถามขึ้น “มาสเตอร์ไม่ได้บังเอิญทิ้งบาดแผลไว้ให้กับท่านใช่หรือไม่ ?”
“หึ ! แน่นอนว่าไม่ !” กาตอนตอบเสียงแข็งและผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณของเขา แต่เมื่อเขารู้ตัวก็รีบนั่งลงอย่างรวดเร็วจนทำให้หลุมฝังศพที่อยู่ด้านล่างเกิดเสียงดังกึกกักขึ้นราวกับว่ามันพร้อมที่จะแตกหักได้ตลอดเวลา
ภายใต้แรงกดดันที่เกิดขึ้นจากสายตาที่กำลังสงสัยของริชาร์ดทำให้กาตอนหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็พูดต่อไป “โอเค อันที่จริงมันก็มีบาดแผลที่ทิ้งไว้นั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก ! มันก็แค่เรื่องของเงินไม่ใช่รึไง !? ข้าเป็นถึงผู้นำที่เก่งกาจ ถ้าข้าสามารถยึดเพลนได้มากขึ้นในอีก 180 ปีข้างหน้า ข้าก็มั่นใจว่าข้าสามารถคืนหนี้ทั้งหมดให้นางได้แน่ !”
สิ้นคำพูดของกาตอน ริชาร์ดแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ทันทีที่ได้ยินเขาก็แทบอยากจะเปิดปากถามกาตอนเสียเหลือเกินว่า 180 ปีที่เขาพูดเมื่อครู่เป็นเวลาของเพลนหรือของนัวแลนด์กันแน่ ทว่าเขาก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นคำถามที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักจึงเลือกที่จะไม่ถามออกไปเช่นนั้น
การที่ทั้งชารอนและเม้าเทนซีเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขามีอิทธิพลต่อนิสัยของเขาอย่างมาก ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มไปในทางที่ไม่ค่อยดีด้วย
แต่ก่อนที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป สัญชาตญาณที่เฉียบคมของกาตอนก็บอกเขาว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมาต้องเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน กาตอนจึงแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เอาล่ะ เจ้าหนู ! เลิกสนใจเรื่องพวกนั้นแล้วก็ลืมเรื่องไร้สาระที่เจ้าได้เรียนรู้มาในดีพบลูไปซะ ข้าจะสอนสกิลของจริงให้กับเจ้า มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เจ้าสามารถใช้พลังทางสายเลือดของเจ้าได้”
กาตอนลุกขึ้นและมองไปยังบุตรชายซึ่งกำลังแสดงท่าทีที่คาดเดาได้ยาก เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ไม่ต้องรีบปฏิเสธข้าหรอก ข้าไม่ได้จะสอนวิชาของอาเครอนให้กับเจ้า สิ่งที่ข้าจะสอนมันเป็นสิ่งที่แม่ของเจ้าควรจะสอนเจ้า แต่ดูเหมือนว่านางยังไม่ได้สอน อืม... ก็ช่างเถอะเพราะในตอนนี้ข้าจะเป็นคนสอนมันให้กับเจ้าเอง”
“ท่านแม่รึ ?” ริชาร์ดเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ เพราะสำหรับเขา เขารู้เพียงว่ามารดาของเขาเป็นแค่อโคไลท์เท่านั้น และแม้ว่าในตอนที่เขาเล่าเรียนอยู่ภายในดีพบลูเขาจะตระหนักขึ้นมาได้ว่าเอเลน่าไม่ได้เป็นแค่อโคไลท์ แต่เขาก็ไม่คิดว่านางจะอยู่ในระดับเกรทเมจ
กาตอนพยักหน้า “ครั้งหนึ่งแม่ของเจ้าเคยเป็นราชวงศ์อยู่ในปราสาทซิลเวอร์มูน ในตอนนั้นนางเป็นชาแมนแห่งอลูเซียซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ นี่จึงทำให้เจ้ามีสายเลือดของเอลฟ์ซิลเวอร์มูน และสิ่งที่ข้าจะสอนให้กับเจ้านี้เป็นสกิลลับที่สืบทอดต่อ ๆ กันมา”
กาตอนสะบัดข้อมือตัวเองและในมือของเขาก็ปรากฏอาวุธขึ้น อาวุธในมือเขานั้นยาวประมาณ 1 เมตร และมีใบมีดกว้าง 4 เซนติเมตร รูปทรงของมันเรียบตรงอย่างสมบูรณ์แบบทว่าความแหลมคมของใบมีดมีความบางมากกว่าที่จะเป็นดาบธรรมดา ทันทีที่กาตอนสะบัดดาบในมือก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องขึ้นมา
“ดูให้ดี นี่เป็นสกิลลับของดาบซิลเวอร์มูนที่เรียกว่า —— แอนนิฮิเลชั่น” กาตอนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนยกอาวุธในมือของเขายื่นไปข้างหน้า
จันทร์สีฟ้าครึ่งเสี้ยวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของกาตอนอย่างฉับพลัน แสงจันทร์สาดลงมาที่ตัวเขาราวกับแสงสะท้อนของผิวน้ำ ปลายของอาวุธเปล่งประกายด้วยสีน้ำเงินสะดุดตา และพลังลึกลับบางอย่างก็ทำให้อาวุธในมือพุ่งไปด้านหน้าในทันทีขณะที่ร่างของกาตอนก็พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน เขาพุ่งไปไกลกว่า 10 เมตรโดยไม่มีสัญญาณเตือน
การเคลื่อนไหวนี้เป็นไปอย่างสวยงามแต่ก็มีความอ้างว้างแฝงอยู่ เกิดแสงสีฟ้าทิ้งไว้ตามทางในขณะที่กาตอนเคลื่อนที่ออกไปราวกับเขาเป็นภาพในความฝัน ในดาบนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังของดวงจันทร์อันดับที่ 4 บลูมูน (จันทราสีฟ้า) ซึ่งดูเหมือนว่ามีพลังมากพอที่จะทะลุร่างของมังกรขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
กาตอนปรากฏตัวด้านหน้าริชาร์ดอีกครั้งอย่างไร้ซึ่งสัญญาณเตือนและเขาก็เก็บดาบไว้ดังเดิม อย่างไรก็ตาม แสงสีฟ้ายังคงหลงเหลืออยู่ตามทางที่เขาผ่านมาโดยมันยังคงลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาด้วย แสงของมันส่องออกไปในรัศมี 10 เมตร และในเวลาเดียวกันมันก็ส่องแสงจันทร์ที่เย็นยะเยือกมายังร่างของริชาร์ด
กาตอนลูบดาบยาวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “นี่เป็นท่าที่แม่ของเจ้าเคยใช้ครั้งหนึ่งในอดีต ข้าเลยจำมันได้อย่างชัดเจน ส่วนท่าอื่น ๆ ข้าคิดมันออกมาด้วยตัวของข้าเองในตอนที่ข้ามีเวลาว่าง ซึ่งข้าก็ได้พยายามมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่อาจเป็นเพราะข้าไม่ได้มีสายเลือดของซิลเวอร์มูน ข้าจึงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าทำถูกต้องหรือไม่ เจ้าใช้สิ่งที่ข้าแสดงให้เจ้าดูเป็นพื้นฐานแล้วเอาไปลองทำดู แต่ในส่วนของการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์นั้น เจ้าอาจจะต้องศึกษามันด้วยตัวของเจ้าเองเมื่อเจ้ามีโอกาส”
ทันใดนั้นเสี้ยวที่อยู่ด้านบนศีรษะของกาตอนแปรเปลี่ยนจากสีฟ้ากลายเป็นสีแดงก่อนที่มันจะเปลี่ยนจาก ดวงจันทร์อันดับที่ 4 กลายมาเป็นดวงจันทร์อันดับที่ 1 และพลังของกาตอนก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง และในครั้งนี้ดาบของเขาที่ย้อมไปด้วยแสงจันทร์สีแดงก็ฟันผ่านอากาศไปอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เข้าก้าวไปด้านหน้า
การเคลื่อนไหวแรกเปรียบเสมือนนักรบที่กล้าหาญและเหมือนกับกองกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้ จันทร์เสี้ยวที่อยู่บนอากาศก่อนหน้านี้ได้จางหายไปตามวิถีของดาบ และในตอนนี้มันดูเหมือนกับคริสตัลสีแดงอ่อนที่ถูกผสมผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวที่สง่างามของกาตอนราวกับกำลังเกิดดวงจันทร์ดวงใหม่ขึ้น นี่เป็นสกิลลับที่สอดคล้องกับสกาเล็ตมูน (จันทราสีแดงเพลิง) ซึ่งเรียกว่า —— บีเฮดดิ้ง นิวมูน
หลังจากนั้นไม่นานนัก ดวงจันทร์อันดับที่ 2 เอ็มเบอร์มูน (จันทราเหลืออำพัน) ก็ตามมา ซึ่งเป็นการโจมตีที่กินพื้นที่รอบ ๆ ตัวของเขา ส่วนไวโอเลตมูน (จันทราสีม่วง) ซึ่งเป็นดวงจันทร์อันดับที่ 5 นั้นมีความรวดเร็วอย่างมากจนสามารถที่จะโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้ในชั่วพริบตา ในขณะที่ดวงจันทร์อันดับที่ 6 ซิลเวอร์มูน (จันทราสีเงิน) สร้างเกลียวขึ้นมาเพื่อโจมตีไปยังศัตรูอย่างไม่สิ้นสุด
เมื่อเสี้ยวพระจันทร์บนศีรษะของกาตอนกลายเป็นสีเขียวมรกตแล้ว เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันก่อนที่จะยืดตัวขึ้น แสงจันทร์สีเขียวสาดส่องมาที่ไหล่ของเขาราวกับการไหลของสารปรอท ซึ่งทันทีที่มันสัมผัสกับพื้น มันก็กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นแห่งชีวิตกระจายออกไปทั่วทุกพื้นที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง แม้แต่หินภูเขาไฟที่เป็นสีดำสนิทก็ยังเปลี่ยนเป็นสีเขียวในชั่วพริบตาเดียว หินนี้ไม่เคยเคลื่อนที่แม้กระทั่งในตอนที่ลาวาปะทุออกมาทว่าท่ามกลางรอยแยกของมันในตอนนี้กลับมีต้นอ่อนที่กำลังเติบโตผุดขึ้นมา !
นี่เป็นสกิลดาบลับของดวงจันทร์ที่ 3 ซึ่งเรียกว่า —— เดเวาท์ เพรเยอร์ มันสามารถฟื้นฟูชีวิตได้
เมื่อพระจันทร์สีเขียวค่อย ๆ จางหายไป กลิ่นแห่งชีวิตก็กลับไปเป็นกลิ่นกำมะถันเดือดที่คุ้นชิน ส่วนต้นอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นก็พลันเหี่ยวเฉาลง และทุกอย่างก็กลับกลายเป็นสีดำหม่นอีกครั้ง ในตอนนี้ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงภาพลวงตาของดวงจันทร์ทั้ง 6 ที่ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
“มันน่าจะมีสกิลที่ผสมผสานพระจันทร์ทั้ง 7 เข้าด้วยกัน แต่ในตอนนี้ข้ายังไม่ค้นพบวิธีการเหล่านั้น” กาตอนยื่นดาบยาวให้ริชาร์ด “เอาล่ะ ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว ! ก่อนหน้านี้ข้าได้ดาบมาจากอาณาจักรเอลฟ์ที่อยู่ในเพลนแห่งหนึ่ง เจ้าจะตั้งชื่อให้กับมันหลังจากนี้ด้วยตัวเจ้าเองก็ได้”
ริชาร์ดรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาได้ดาบเล่มนี้มาครอบครอง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ภายในใบมีดนี้ยังมีพลังแห่งดวงจันทร์อีก 6 ดวงที่ยังคงซ่อนอยู่ และทันทีที่เขาครอบครองมัน ร่างกายของเขาก็เกิดการสั่นไหวเบา ๆ ตามแรงที่เกิดจากดาบเล่มนี้ ในบรรดาดวงจันทร์ทั้ง 7 โกลด์มูน (จันทราสีทอง) มีความมืดมนมากที่สุด และใน 1 ปีมันจะปรากฏขึ้นเพียง 2–3 วันเท่านั้น สีสันของมันที่ไม่ได้สะดุดตาเท่าไหร่นักทำให้มันถูกเพิกเฉยและไม่ได้รับความสนใจ ทว่าพลังของมันกลับมีความลึกลับซับซ้อนและยากที่จะค้นพบได้
‘ดาบเล่มนี้ไร้ฝัก’ เขาคิดในใจก่อนใช้มือลูบไปที่ใบมีดเบา ๆ ทว่ามันแหลมคมมากจนทำให้มันบาดนิ้วของเขาในทันที ในความเป็นจริงเลือดของเขาควรจะเปื้อนบนใบมีด แต่มันกลับไหลลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งคราบเลือดไว้บนใบมีดแม้แต่นิดเดียว
เขาจับด้ามจับด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวังก่อนชี้มันไปด้านหน้า ใบมีดสั่นเล็กน้อยตามแรงแกว่งก่อนจะปรากฏสีน้ำเงินจาง ๆ ตรงบริเวณปลายมีด เขารับรู้ถึงความแปลกประหลาดของบางอย่างตั้งแต่ที่เริ่มขยับกาย และเขาก็รู้สึกถึงพลังของดวงจันทร์ดวงที่ 4 อย่างแรงกล้า
‘บางทีอาจเป็นเพราะข้าเคยเห็นการเคลื่อนไหวและกระบวนท่าจากท่านแม่มาก่อนหน้านี้ ข้าจึงสามารถเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ได้มากกว่าคนอื่น’ ริชาร์ดนึก ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้เลยคือสาเหตุที่กาตอนรู้สกิลพวกนี้ ที่กาตอนรู้ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งมันเคยแทงเข้ามาที่หัวใจของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ริชาร์ดตื่นเต้นมากเกินไปจนลืมสงสัยไปว่า เหตุใดกาตอนจึงสามารถใช้วิชาดาบของเอลฟ์ที่เป็นมรดกตกทอดกันมาภายในปราสาทซิลเวอร์มูนได้ ?
กาตอนนั่งลงบนหลุมฝังศพขณะที่สีหน้าของเขายังคงปกติ เขาเลื่อนสายตาไปมองบุตรชาย “เอาล่ะ ไหนเจ้าลองบอกข้ามาซิว่าหลังจากนี้เจ้าจะทำยังไงต่อไป ? อันที่จริงแล้วเจ้าสามารถอยู่ที่นี่เพื่อสร้างรูนของเจ้าต่อไปก็ได้หรือเจ้าจะเข้ามายังดินแดนของข้าพร้อมทั้งสร้างกองทัพของเจ้าเองไปด้วยก็ได้ ข้าจะหาคนมาสร้างกองทัพให้กับเจ้า 10 คน และเจ้าก็สามารถร่วมต่อสู้ไปกับกองทัพของข้าได้เช่นกัน นี่เป็นธรรมเนียมของอาเครอนที่จะเริ่มฝึกฝนโดยการเป็นหัวหน้ากองทัพธรรมดาในตอนเริ่มแรก แต่เมื่อเจ้ากลายเป็นรูนมาสเตอร์แล้ว เจ้าสามารถสร้างกองทัพเมจของเจ้าได้ด้วยตัวเอง และเจ้าก็จะมีรูนไนท์ที่จะคอยป้องกันอันตรายให้กับเจ้าด้วย เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าเองก็คงสร้างห้องทดลองเวทมนตร์ของเจ้าได้ตามที่เจ้าต้องการ”
ในตอนนี้ริชาร์ดรู้เป้าหมายในอนาคตของตัวเองแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนตอบกลับไป “ข้าต้องการมีส่วนร่วมในสงครามเพลน”
“เพียงลำพัง ?” กาตอนถามอย่างตกตะลึงก่อนนึกสงสัยในการตัดสินใจของบุตรชาย
“ใช่ เพียงลำพัง ข้าต้องการออกไปค้นหาความลับของเพลนด้วยตัวของข้าเอง และข้าก็อยากจะพิชิตเพลนเหล่านั้นสัก 2–3 เพลนในระหว่างที่ข้าเดินทางผ่านมันด้วย ข้าไม่อยากตามท่านรวมถึงกองทัพใหญ่ของท่าน” ริชาร์ดตอบด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและตั้งใจ
กาตอนหัวเราะทันที “หึ ๆ ไม่เลวนี่ ! แต่สงครามที่เจ้าพูดถึงมันไม่ใช่แค่การผจญภัยสามัญ เจ้าควรจะรู้ไว้ ทุกการผจญภัยต่างก็ต้องการผู้ร่วมเดินทางเพราะสงครามไม่ใช่เกม ซึ่งนั่นหมายความว่าในบางครั้ง เจ้าจะไม่สามารถพิชิตเพลนได้ด้วยตัวเจ้าเองเพียงคนเดียว !”
ริชาร์ดขมวดคิ้วก่อนตอบกลับ “ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นรูนมาสเตอร์แล้ว ภายใน 2–3 ปีนี้ ข้าจะสามารถสร้างกองทัพจำนวน 10 คนได้ถึง 2 กองทัพ ข้าจะให้รูนไนท์กับท่าน 10 คนด้วย ส่วนตัวข้าจะนำกำลังส่วนที่เหลือสร้างเป็นกองทัพของข้าเพื่อออกไปต่อสู้ยังเพลนอื่น ๆ จากที่ข้าเคยศึกษามา รูนไนท์ 10 คนถือว่าเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับการเข้าพิชิตเพลนระดับต่ำได้ แน่นอนว่าสำหรับวอริเออร์ 10 คนที่ข้าให้กับท่านถือเป็นการชำระหนี้สินที่ตระกูลได้ลงทุนให้กับข้าไป ข้ารู้ดีว่ามันยังไม่เพียงพอตามจำนวนที่ลงทุนไปทั้งหมด แต่ข้าต้องการที่จะออกสำรวจเพลนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
สายตาของกาตอนจับจ้องไปยังบุตรชายขณะตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดก่อนถามคำถามออกไป “เจ้าบอกว่าเจ้าจะสามารถสร้างรูนไนท์ 20 คนได้ภายในระยะเวลา 3 ปีงั้นรึ ?”
ริชาร์ดพยักหน้า “แน่นอน และจะเป็นรูนไนท์ที่ยอดเยี่ยมด้วย”
กาตอนหัวเราะออกมาอีกครั้ง เขาตบไหล่ของริชาร์ดจนเกือบทำให้ริชาร์ดหน้าคะมำลงกับพื้น “ฮ่า ๆ ดี นั่นก็เพียงพอแล้ว ! ข้าไม่คาดหวังว่าเจ้าจะมีความสามารถเช่นนั้นแต่ดูเหมือนว่าบางทีเจ้าอาจจะพิชิตเพลนไร้ขอบเขตได้ก่อนที่ข้าจะทำมันได้สำเร็จด้วยซ้ำ”
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**