บทที่ 248 - แกน่ะตายไปแล้ว (11) [18-12-2019]
บทที่ 248 - แกน่ะตายไปแล้ว (11)”
ระหว่างเอลฟ์ช่างตีเหล็กกำลังยุ่งกับการชำแหละมังกร ยูอิลฮานก็ได้ให้เอลฟ์กับหมาป่าส่วนใหย่ไปพักกัน ในขณะที่แบ่งบางส่วนออกมาเฝ้ายามไว้ จากนั้นเขาก็ไปหายูมิล
เขาได้เข้าไปในป้อมปราการลอยฟ้า และเมื่อเขาเปิดประตูขึ้นมา ยูมิลก็ได้เดินเข้ามากอดเขาอย่างข้าๆ ยูมิลในตอนนี้ดูเหมือนคนอายุ 15 ปี
"พ่อครับ"
"ว่าไง"
"พ่อฆ่าเจ้านั่นใช่ไหมครับ"
"ใช่แล้ว"
"ดีจังเลย"
"นั่นสินะ"
ลูกมังกรที่อยู่ในอ้อมแขนของมังกรได้คิดบางอย่างขึ้นเมื่อได้ยินการตอบกลับแบบนี้และถามออกมา
"พ่อฆ่าเจ้านั่นยังไงหรอครับ?"
"พ่อรอโอกาสที่เจ้านั่นใช้เวทย์วงกว้างที่มีระยะถึงตัวพ่อ และจากนั้นก็พามันไปที่โลกเรา เพราะแบบนี้ทำให้มันระเมิดกฏของกองทัพปีศาจวิบัติจนมันตกลงไปสู่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ มานาของมันได้รั่วไหลออกมาและจากตรงนั้นการจะเอาชนะมันก็ไม่ได้ยากแล้ว"
"อ๊าา ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ผมเอาชนะมันไม่ได้แน่"
ยูมิลที่เข้าใจในทุกๆอย่างที่ยูอิลฮานอธิบายออกมาแบบง่ายๆได้กัดริมฝีปากบ่นออกมา ยูมิลก็ได้ยิ้มขึ้นมาเพื่อเห็นอาการแบบนี้ของลูกเขาและลูบหลังของยูมิล
"เอาเถอะนะ นั่นมันก็แค่ตอนนี้ ถ้าพ่อไม่ได้ใช้วิธีโกงพ่อก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ"
"แต่ว่าในท้ายที่สุด พ่อก็เป็นคนชนะและมังกรนั่นก็ตาย ถ้างั้นพ่อแข็งแกร่ง... แต่ผมกลับอ่อนแอเกินไป"
มาตราฐานในพลังของมังกรนั่นเลือดเย็นและน่ากลัว ยังไงก็ตามคำพูดที่ยูมิลเสริมขึ้นมาได้ทำให้ยูอิลฮานยิ้มขึ้น
"มิลยังมีเวลาเหลืออีกเยอะนะ ในอนาคตลูกยังแกร่งขึ้นได้อีกมาก"
"เหมือนมังกรนั่นหรอครับ?"
"หืมมม... ลูกจำเป็นต้องใช้เวลามากเลยนะ แต่ว่าลูกแกร่งแบบนั้นได้แน่นอน"
"แต่ว่าถ้าผมไม่แกร่งขึ้นในตอนนี้ ผมก็เป็นได้แต่ภาระของพ่อน่ะสิ"
"พ่อไม่ได้จะสู้กับเจ้าตัวแบบนั้นตลอดเวลาหรอกนะ แล้วก็น่าตอนนี้ลูกก็ช่วยพ่อได้เยอะมากแล้ว"
"ผมอยากจะสู้กับพ่อด้วยเหมือนกัน... อ๊า แต่สำหรับการสู้กับมังกรนั่นก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี"
ดูเหมือนว่าหลังจากได้เห็นอิชจาร์แล้วมิลจะช็อคมาก นอกจากนี้ยูอิลฮานยังคิดว่าการปรากฏตัวอิชจาร์ไม่ได้ส่งผลดีกับยูมิลเลย
จากการที่มิลได้แกร่งขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาตลอดทำให้หากมิลมั่นใจในพลังตัวเองก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่แล้วมอนสเตอร์บ้าๆแบบนั้นกลับโผล่มาทำให้ความมั่นใจของมิลเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น! นอกไปจากนี้มันยังเป็นเผ่าพันธ์เดียวกับมิลอีกด้วย! ในตอนนี้มันจะไม่แปลกเลยหากว่ายูมิลคิดว่าพลังของตัวเองนั้นไร้ค่าเมื่อเจอกับตัวตนที่ทรงพลังกว่าแบบนั้น และสูญเสียความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อ
ยูมิลคิดว่าเขาคงจะต้องให้กำลังใจยูมิลอีกครั้งหนึ่ง และนึกย้อนไปถึงเหตุผลที่เขามาหายูมิลตั้งแต่แรกแล้ว
"พ่อเอาเนื้อมังกรมาเยอะเลยนะ ถ้าลูกกินเนื้อพวกนี้ลูกจะแกร่งเร็วขึ้นมากเลยนะ พ่อจะให้เนื้อของเทลาก้ากับอิชจาร์กับลูกด้วยนะ"
"อ๊า ผมได้รับแต่ของจากพ่อตลอดเลย"
โอ้ ดูเหมือนมิลจะอยู่ในวัยต่อต้านแล้วสินะ เนื่องจากยูอิลฮานไม่เคยมีประสบการณ์รับมือกับเด็กเลย ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าจะปลอบมิลในตอนนี้ยังไงดี
"อ่า ย๊าาาา"
ยังไงก็ตามเมื่อมิลได้เห็นพ่อของเขายูอิลฮานกำลังหาทางออกอยู่ ยูมิลก็ได้เห็นกำลังใจตัวเอง
"เพราะแบบนั่นนี่คือเหตุผลที่ผมจะต้องหาสิ่งที่ผมทำได้เพื่อพ่อ"
"ลูกทำเพื่อพ่อมามากแล้ว!"
ยูอิลฮานได้พูดขึ้นเศร้าๆออกมา ยังไงก็ตามยูมิลได้ส่ายหัวออกมาและพูดขึ้นราวกับเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
"ผมจะหาลูกสะใภ้มาให้พ่อ!"
"ไม่ พ่อไม่ต้องการลูกสะใภ้ ลูกยังเด็กเกินไปจะแต่งงาน... แล้วใครกันที่มาพูดแบบนี้กับลูก?"
พอได้เห็นยูอิลฮานบอกว่าเขาไม่ต้องการลูกสะใภ้เลยทำให้ยูมิลถอยหลังไปอย่างตกใจ
"งั้นผมจะทำอะไรให้พ่อได้กันล่ะ?"
"ลูกก็แค่แข็งแกร่งขึ้นก็ได้ เพื่อพ่อแล้วลูกจะต้องกินเนื้อเยอะๆและก็ฝึกด้วยนะ"
"ครับผม"
เพื่อได้ยินคำว่า 'แข็งแกร่งขึ้น' ยูมิลดูจะมีกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม
"ผมจะแข็งแกร่งขึ้น"
"ใช่แล้ว"
"ผมจะกินเยอะๆจะได้แข็งแกร่งมากๆ"
"ใช่เลย ถูกแล้ว"
"ผมจะทำให้ได้"
เยี่ยมยอด ยูมิลได้ก้าวข้ามกำแพงมาแล้ว ยูอิลฮานได้ลูบหัวยูมิลอย่างโลกใจ บางทีอาจจะเพราะความกังวลหายไปแล้วนี่เองทำให้ยูมิลลูกท้องตัวเองและพึมพัมออกมา
"พ่อ ผมหิว"
"โอเค ในเมื่อไม่น่าจะมีการต่อสู้ไปอีกซักพัก งั้นเรามากินข้าวกันก่อน"
"ครับผม!"
นี่มันไม่ใช่แค่ยูมิลเท่านั้น เขาจะจัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อฉลองในการที่เขาได้ศพของมังกรคลาส 6 กับ 7 มา... ไม่ ไม่ ฉันหมายถึงเพื่อเฉลิมฉลองในชัยชนะครั้งแรกกับพันธมิตรต่างหาก
"ดีล่ะ ถ้างั้นไปเรียกพวกที่เหลือมาที่นี่กัน"
"แล้วพวกที่กำลังชำแหละเนื้อมังกรอยู่ตรงนั่นล่ะ"
"เดี๋ยวพวกนั้นก็กินเนื้อที่พวกเขาชำแหละเองนั่นแหละ"
ต่อจากนี้ยูอิลฮานที่จะต้องยุ่งเพราะการทำอาหารจำนวนมากแน่ เขาได้เดินเข้าไปในห้องครัวภายในคฤหาสน์ ยูมิลได้เช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายออกไปจากตาและตามยูอิลฮานไป
ข่าวเรื่องการบุกของกองทัพปีศาจวิบัติที่ถูกกำจัดไป และการตายของอิชจาร์ผู้บัญชาการกองพันที่ 13 ได้แพร่กระจายออกไปยังแต่ล่ะฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ทุกๆคนที่สืบเชื้อสายมาจากอิชจาร์และอิชจาร์เองได้หายไป คงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่รู้เรื่องการตายนี้
[ผู้บัญชาการกองพันที่ 13...? มังกรนั่นตายไปแล้ว? แล้วก็พวกฝูงมังกรในดาเรย์ด้วย?]
[ฉันไม่มั่นใจเรื่องคลาส 6 หรอกนะ แต่ว่าสำหรับการตายของคลาส 7 คนก่อนก็เป็นเมื่อพันปีที่แล้วเลยนะ]
[จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นอีกงั้นหรอ? สงครามแบบนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในกำแพงแห่งความโกลาหลแต่กลับมาเกิดในดาเรย์แทน...]
การตายของผู้บัญชาการกองพันไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน บางทีนี่อาจจะทำให้สมดุลเสียไปก็ได้เช่นนั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่กองทัพปีศาจวิบัติเท่านั้นที่ไม่ยินดีกับมัน ฝ่ายต่างๆก็ไม่ได้ต่างกันมากนักเลย
และข่างที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้เลยก็ไม่ใช่เรื่องการตายของอิชจาร์ แต่เป็นตัวตนของคนที่ฆ่าอิชจาร์ต่างหาก
[แล้ว?]
[ใครเป็นคนทำกัน? คนของฝ่ายกองกำลังไหน?]
[นั่นมัน]
[แน่นอนว่าต้องเป็นคนจากกองทัพสวรรค์แน่ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร]
คนที่รอดชีวิตมาจา"กการต่อสู้กันระหว่างกองทัพสวรรค์กับกองทัพปีศาจวิบัติในครั้งนี้มีแค่ทูตสวรรค์เท่านั้นเอง เพราะแบบนี้ทำให้นอกไปจากกองทัพสวรรค์แล้วฝ่ายอื่นๆยากที่จะหาข้อมูลที่ถูกต้องได้ แบบนี้เองทำให้พวกเขาได้แต่ตัดสินสิ่งต่างๆด้วยเบาะแสที่มีเพียงเล็กน้อย
[สิ่งสุดท้ายที่ฉันเห็นคืออิชจาร์กำลังโจมตีกองทัพสวรรค์ แต่แล้วทำไมจู่ๆเขาถึงได้ตายไปล่ะ... ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย]
[มันชัดเจนว่ามีการเทเลพอตข้ามมิติเกิดขึ้นมา จู่ๆทุกสิ่งรอบๆนั่นก็ถูกดูดให้ข้ามมิติไป... แค่เวทมนต์ทำแบบนี้ไม่ได้แน่ มันจะต้องเกี่ยวข้องกับสกิลด้วยแน่]
[มีทูตสวรรค์คลาส 6 ที่ชื่อว่า... สเปียร่าอยู่ด้วยใช่ไหมนะ เธอคนนั้นคือทูตสวรรค์ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะไปถึงคลาส 7 ได้ในอีกพันปี ยังไงก็ตามสำหรับเธอตอนนี้การจะฆ่าอิชจาร์มันเป็นไปไม่ได้...]
[ฉันไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่]
พวกเขาได้คิดกันได้แค่เท่านี้ทั้งหมด สิ่งที่คิดได้ก็คือกองทัพสวรรค์ป้องกันตัวและเกิดการเทเลพอตข้ามมิติขึ้นมาเท่านั้น มันได้เป็นไปตามที่ยูอิลฮานคาดคิดเอาไว้เลยว่าความสนใจทั้งหมดที่เขาทำขึ้นจะถูกกองทัพสวรรค์ดึงดูดไปแทน
ยังไงก็ตามสำหรับกองทัพปีศาจวิบัตินั้นต่างออกไป แม้ว่าการสื่อสารทุกๆอย่างจะถูกตัดขาดไปในตอนที่อิชจาร์ถูกลากไปที่โลก แต่ว่ายูอิลฮานนั้นเป็นคนที่กองทัพปีศาจวิบัติมากที่สุด และพวกมันก็มีข้อมูลของยูอิลฮานอยู่เป็นจำนวนมาก
[ต้องเป็นมนุษย์ยูอิลฮานแน่นอน ทุกๆคนรู้สึกได้ถึงการที่อิชจาร์เสียคุณสมบัติในฐานะสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติไปได้ใช่ไหมล่ะ? มนุษย์คนนั่นแหละที่ทำให้มันเกิดขึ้น]
เพราะแบบนี้มันจึงไม่ได้ยากเลยที่พวกเขาจะหาว่าใครเป็นคนฆ่าอิชจาร์และฆ่าได้ยังไง
[มนุษย์นั่น? คนที่เทลาก้าจับตามองเอาไว้น่ะหรอ?]
[เทลาก้าได้ถูกสเปียร่าฆ่าไป เจ้าทูตสวรรค์ที่งดงามและกล้าหาญนั่นแหละ!]
[สเปียร่า ผู้หญิงคนนี้จะต้องถูกฉันเหยียยย่ำในสักวัน เธอคนนี้น่ะซื่อบื่อในเรื่องความรัก]
[ทุกๆคนเงียบได้แล้ว ตอนนี้เรากำลังคุยกันเรื่องยูอิลฮานอยู่นะ]
ภายในวิหารขนาดยักษ์ที่มีเสาค้ำยันเพดางสูงกว่า 300 เมตร ได้มีมอนสเตอร์ที่น่าขนลุกนั่งกันอยู่รอบๆโต๊ะที่มีน้ำพุเลือดอยู่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ตัวใดในนี้ต่างก็ทำลายโลกทิ้งไปได้หลายใบทั้งนั้น
[ยูอิลฮาน?]
[ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อนี้เลย]
[เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ]
[สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ!? นี่เรียกฉันมาคุยกันเรื่องสิ่่งมีชีวิตชั้นต่ำเนี้ยนะ? โอ้ น่าสนใจจริงๆเลย]
มีแค่ไม่กี่โลกเท่านั้นที่จะรองรับปีศาจที่น่ากลัวพวกนี้ทั้งหมดเอาไว้ได้
โลกใบนี้ที่ทุกสิ่งมีขนาดใหญ่ยักษ์และเต็มไปด้วยพลังมีชื่อว่าเอลโล่คาทรา นี่คือโลกระดับสูงที่อยู่ภายในฝั่งหนึ่งของกองแพงแห่งความโกลาหล สถานที่ที่เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพสวรรค์กับกองทัพปีศาจวิบัติบ่อยที่สุด และก็ยังเป็นสำนักงานหลักของมอนสเตอร์เหล่านี้อีกด้วย
'มนุษยชาติ' ของโลกใบนี้ได้สูญพันธ์ไปนานแล้วจากหมอกหนาที่เต็มไปด้วยพิษและคำสาป หมอกที่เต็มไปทั่วทั้งทวีปนี้เป็นสิ่งที่คนที่ต่ำกว่าคลาส 4 ลงไปเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสูดมันเข้าไป สภาพแวดล้อมของที่นี่ได้เปลื่ยนไปตามประสงค์ของจ้าวโลก และเพราะแบบนี้ทำให้แม้แต่ต้นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่อาจจะโตขึ้นมาได้เลย
และแบบนี้ทำให้ทุกสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้ต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งและโหดร้าย ซึ่งกองทัพปีศาจก็คือผู้ที่แข็งแกร่งและโหดร้ายที่สุดในโลกใบนี้
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็ทรงพลังในแบบของตัวเองกันทั้งนั้น นี่คือการประชุมของเหล่าผู้บัญชาการกองพันแห่งกองทัพปีศาจวิบัติ นี่คือการพบปะกันของตัวตนที่น่าหวาดหวั่น แม้ว่าผู้บังคับบัญชากองพันจะไม่ได้มากันทุกคน แต่ว่าจำนวนก็ยังมากจนน่ากลัวอยู่ดี
[เรื่องที่เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมันสำคัญด้วยหรอ? สิ่งสำคัญมันก็คือการที่เขาได้ฆ่าอิชจาร์ไปต่างหากล่ะ!]
ลมหายใจราวกับลาวาได้ออกมาจากของผู้บัญชาการกองพันที่ 8 ของกองทัพปีศาจวิบัติ เซนูว่านกยักษ์ที่เกิดมาจากมานาแห่งไฟ
[เสาหลักที่ทรงพลังแห่งกองทัพปีศาจวิบัติได้หายไปแล้ว!]
[ไม่เป็นไรหรอก มานาของอิชจาร์มันอันตรายเกินไป]
[คำสาปของมันก็ยิ่งอันตราย แต่ไม่ใช่ว่านายบอกว่าเจ้านั่นตกไปเป็นสิ่งมีวิตชั้นต่ำงั้นหรอ? ถ้างั้นไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้านั่นมันตายไปแล้วหรอ? นี่มันน่าตกใจจริงๆเลย]
[สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำธรรมดาๆกลับมีพลังในการทำให้ผู้บัญชาการกองพันตกลงมาสู่ระดับเดียวกับมันได้]
[นี่เป็นสิ่งพวกเรามองไม่ออกเลยจริงๆ]
ผู้บัญชาการกองพันที่ 10 เมโลฮินี่ได้หยักหน้าเห็นด้วย เธอคือผู้บัญชาการเพศหญิงที่หาได้ยาก เธอคนนี้มีขนาดส่วนสูงถึง 20 เมตร และแม้ว่าจะใช้มาตราฐานของมนุษย์ปกติเธอก็ยังเป็นหญิงสาวที่งดงามและมีผิวสีขาวหิมะ
เธอได้พูดเสนอข้อตกลงให้กับเซนูว่า
[ถ้างั้นพวกเราไม่ทำให้เขามาเข้าร่วมกองทัพวิบัติไปเลยล่ะ]
[โอ้ นั่นมันดีเลย]
[อะไรนะ!?]
เซนูว่าได้ตะโกนอย่างตกใจ ยังไงก็ตามผู้บัญชาการกองพันส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ต่างก็เห็รด้วยกับข้อเสนอของเธอ
[คนทั้ฆ่าผู้บัญชาการกองพันเนี้ยนะ!?]
[นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงต้องพาเขาเข้ามา ไม่ว่าจะด้วยเล่ห์หรืออะไรก็ตาม แต่ความจริงที่เขาได้ฆ่าอิชจาร์ไปก็คือเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ? ฉันยิ่งไม่อยากจะคิดพัฒนาการในอนาคตของเขาเลย โอ้ พอพูดแบบนี้แล้วฉันชักอยากเห็นน้าเขาแล้วสิ]
[ใช่แล้ว ฉันก็อยากจะให้น่าเขาเหมือนกัน]
[แต่ว่านะเมโลฮินี่ ขนาดปกติมันไม่ทำให้เธอพอใจหรอกนะ]
[ฟุฟุ เงียบปากไป]
[จะให้คนที่ฆ่าคนของกองทัพปีศาจวิบัติเข้ามาเป็นสมาชิกของเราเนี้ยนะ... ไม่]
เซนูว่าที่ได้ฟังควมเห็นจากผู้บัญชาการคนอื่นๆได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ตต่ว่าเขาก็ยังส่ายหัวและพึมพัมออกมา
[นั่นสิเนอะ? นี่มันคือแนวทางของพวกเรา ดูเหมือนว่าเพราะความสงบสุขหลายปีมานี้จะทำให้ฉันลืมตัวไป]
[ฉันได้ยินมาว่ากองทัพสวรรค์ก็หมายตาเขาเหมือนกัน]
[พวกเราก็แค่บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกเขา จากนั้นเขาก็จะไม่มีวันเลือกกองทัพสวรรค์แน่ เอาล่ะงั้นก็รีบไปในระหว่างที่เขาอยู่ในดาเรย์ซะ พวกเราจะไปหาที่โลกได้]
[โลกเขา? กองทัพสวรรค์? มีใครอธิบายให้ฉันฟังได้บ้าง]
หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่มีปีกค้างคาวอยู่บนหลังที่เป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ได้เฮเรียน่าถามออกมา ทำให้ผู้บัญชาการกองพันที่พอจะรู้จักลักษณ์ได้ถ่ายทอดความคิดไปให้คนที่ยังไม่รู้
[โอ้ เป็นชายทีน่าสนใจทีเดียว]
เมื่อได้ยินถึงทุกๆอย่างแล้วทำให้แม้แต่เฮเรียน่าก็ยังเริ่มสนใจในตัวยูอิลฮาน เมโลฮีนี่ที่พอจะเดาบางอย่างได้ก็คำรามออกมา
[เขาเป็นของฉัน]
[หืม เขาจะไม่ชอบฉันมากกว่าหรอ?]
[ฉันไม่สนหรอกนะว่าใครจะเอาเขาไป แต่ว่าสิ่งสำคัญคือต้องพาเขาเข้ามาในกองทัพเขาให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม]
[ได้เลย ฉันเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นอย่างดี]
เฮเรียน่าได้เลียริมฝีปากของเธอด้วยสายตาที่ทรงเสน่ห์
[ไม่มีชายคนไหนปฏิเสธฉันได้ ถึงเขาจะฆ่ามังกร แต่เขาก็ไม่น่าจะเอาชนะในพลังของราชินีซัคคิวบัสได้]
ยูอิลฮานคือชายที่ปฏิเสธได้แม้แต่ทูตสวรรค์คลาส 6 ที่ได้รับพรจากเทพแห่งความรัก และผู้หญิงที่ได้รับพรจากเทพแห่งความงามเขายังเคยปฏิเสธมาแล้ว แต่ว่าเฮเรียน่านั้นมีความมั่นใจในความสามารถตัวเองมากเกินไป จนไม่สนใจข้อมูลสำคัญนี้
ในวันนี้ได้มีผู้บัญชาการกองพันของกองทัพปีศาจวิบัติอีกคนหนึ่งที่มุ่งหน้าไปที่ดาเรย์
สงครามที่ดาเรย์ได้ถูกยกระดับความสำคัญขึ้นไปอีกแล้ว