GE236 สลักชื่อบนจารึก ก้าวเป็นอันดับหนึ่ง [ฟรี]
หลายวันต่อมา ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด 17 คนของทะเลส่วนนอก และผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดของทะเลส่วนใน 74 คน มารวมตัวกันยังยอดเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อหนิงฝานมาถึง สู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อพยักหน้ารับ นำเหล่าผู้เชี่ยวชาญมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ศพนางสวรรค์อยู่ในแหวนพร้อม ชุ่ยหลิงและเย่หลิงเดินทางไปกับหนิงฝาน
ดินแดนโลกล่มสลายไม่อนุญาติให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเข้าไป ดังนั้นศพนางสวรรค์จึงต้องรออยู่ในแหวน
หากเป็นอดีต ศพนางสวรรค์คงไม่ยอมห่างหนิงฝานแม้เพียงครึ่งก้าว แต่ยามนี้ ความรู้สึกที่นางมีต่อหนิงฝานเพิ่มพูน นางจึงยอมฟังคำสั่งมากขึ้น
แม้นางจะไม่ชอบใจนัก แต่นางก็นั่งรออย่างอดทน ชมบุบผาและสายน้ำเพียงลำพัง
หวนนึกถึงใบหน้าหนิงฝานไม่ห่าง
“แสง...ใจร้าย...” นางบ่นกล่าว
หนิงฝานต้องเข้าสู่ดินแดนโลกล่มสลายเป็นเวลา 5 เดือน แม้เวลาเพียงเท่านี้จะไม่นานสำหรับผู้ฝึกตน แต่นางก็ยังไม่พอใจนัก
ดินแดนโลกล่มสลายอยู่ใต้ก้นทะเลลึกในแถบมหาสมุทรของนิกายปีศาจสำราญ
สถานที่แห่งนั้นอุดมไปด้วยแร่หลายชนิด มีพลังแม่เหล็กที่รุนแรง ขวางกั้นน้ำทะเลออกไปจนเหลือเพียงพื้นดินว่างเปล่าเป็นเนื้อที่กว่าหมื่นลี้
ทั้งพลังมิติและพลังแม่เหล็กในสถานที่แห่งนี้ไม่เสถียร อาจพังลงได้เมื่อถึงเวลา
เบื้องหน้าทางเข้าดินแดน มีหมู่ปะการังผลึกใสงดงามประดับประดา เหล่าสัตว์อสูรและนางเงือกหลีกทางถอยห่าง
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยสู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อ มุ่งลงสู่พื้นทรายที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งน้ำทะเล แล้วมุ่งตรงไปยังประตู 7 สีที่มีผู้เชี่ยวชาญของนิกายปีศาจสำราญ 14 คนคุ้มกัน
ประตูบานนั้นสูงราว 3 จ้าง ยามนี้ยังคงไม่ถึงเวลาเปิดของมัน ซึ่งกำหนดการเปิดคืออีก 3 วันข้างหน้า
ไม่ไกลจากประตูนัก มีจารึกขนาดยักษ์ที่สลักชื่อของผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก บางชื่อสลักด้วยสีดำ บางชื่อสลักด้วยสีเทา
สู่ลู่ฉานหันมองหนิงฝาน แววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ก่อนจะเข้าสู่ดินแดนนั้น สู่ลู่ฉานต้องบอกกล่าวบางสิ่งกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ
“พวกเจ้าคงรู้กันดีว่า ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ แม้พวกเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด แต่ไม่อาจประมาทดินแดนแห่งนี้ ในนั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย… ไม่ใช่พวกเจ้าทุกคนที่จะได้เข้าไป พวกเจ้ามีกันทั้งหมด 92 คน แต่เข้าดินแดนได้เพียง 40 คน ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าไปจึงต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง… ผู้ที่เข้าไปภายในจะได้นมมารดาใต้พิภพ แต่หากสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้ สามารถนำแก่นอสูรมาแลกนมมารดาใต้พิภพได้… นมมารดาใต้พิภพ 2 หยดให้ปราณได้เทียบเท่าผลไท้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่ม หากพวกเจ้าหาแก่นสัตว์อสูรมาแลกได้ ข้าก็ยินดีแลก!”
คำกล่าวของสู่ลู่ฉานทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญฮึกเหิม
เมื่อบรรลุระดับขั้นที่สูงขึ้น การจะยกระดับปราณหนึ่งเกราะถือเป็นเรื่องยากยิ่ง นมมารดาใต้พิภพหนึ่งหยดได้ปราณสิบเกราะ เทียบเท่าผลไม้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่ม... สิ่งยั่วเย้าเพียงเท่านี้ก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญยอมทุ่มสุดตัวแล้ว
แม้จะเข้าสู่ดินแดนโลกล่มสลายและไม่สามารถสังหารสัตว์อสูรได้ การหาที่ซ่อนตัวเพียงครึ่งปีก็ทำให้ได้น้ำนมมารดาใต้พิภพมาแล้ว
หรือหากสังหารสัตว์อสูรได้ 1 หรือ 2 ตัว แค่นี้ก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย
ผู้เชี่ยวชาญที่มาทั้งหมดมีด้วยกัน 92 คน แต่ผู้ที่จะเข้าสู่ดินแดนได้นั้น มีเพียง 40 คน หมายความว่า 52 คนต้องถูกคัดออก
หากเทียบผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนนอกและในแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนในจะทรงพลังกว่าผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนนอก นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนในบางคน เป็นผู้ศิษย์ของผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 6 และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ดังนั้น การคัดเลือกผู้ที่จะเข้าสู่ดินแดนคงไม่ง่าย
“ผู้เชี่ยวชาญ 40 คนที่ว่า… ท่านจะเลือกยังไง?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวถาม
“เราจะใช้จารึกตรงนั้นเป็นผู้เลือก… จากรึกแผ่นนั้นมีนามว่า ‘จารึกสังหาร’ ชื่อที่เห็นอยู่บนนั้น เป็นชื่อที่ผู้เชี่ยวชาญในอดีตสลักไว้ก่อนจะเข้าไปในดินแดน ซึ่งมันจะช่วยจัดลำดับผู้ที่แข็งแกร่งและผู้ที่อ่อนแอ”
ผู้คนหันมองจารึกขนาดยักษ์ หนิงฝานเองก็เช่นกัน
รายชื่อนับพันถูกสลักไว้บนจารึก บางรายชื่อดูเก่าแก่ บางรายชื่อดูยังใหม่ บางรายชื่อเป็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในทะเลส่วนนอก
ในอดีต มีผู้เชี่ยวชาญผู้หนึ่งสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้ 11 ตัว ชื่อของคนผู้นั้นเคลื่อนมายังลำดับที่ 47
บนจารึกนั้นมีชื่อของสู่ลู่ฉานเช่นกัน มันถูกสลักไว้ลำดับที่ 13… เมื่อพันปีที่แล้ว ชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญดงวจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
รายชื่อ 12 อันดับแรกเป็นของผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนใน ยามนี้คนเหล่านั้นได้บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ และกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงไปแล้ว
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจ้องมองจารึกด้วยความตื่นเต้น
“ผู้อาวุโสสู่ลู่ฉานก็เคยเข้าดินแดนโลกล่มสลาย… ทั้งยังได้อันดับที่ 13...”
“ดูนั่น ลำดับที่ 7… ประมุขนิกายคนจร ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง ‘ต้วนฉงหยุน’”
“ลำดับที่ 4… รองผู้นำตระกูลซัว… ‘ซัวเหว่ย’ จากรอยสลักสมควรสลักชื่อไว้เมื่อ 3 พันปีที่แล้ว ยามนี้ท่านบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงแล้ว”
“อันดับที่ 1.. ชวี่หยาน สุดยอดจริงๆ แต่ชื่อฟังดูไม่คุ้นหู อีกอย่าง ชื่อของคนผู้นี้ก็เป็นสีแดงเพียงคนเดียว”
“เจ้าโง่! ชวี่หยานคือบิดาของท่านชวี่ เป็นประมุขเผ่าปีศาจยักษ์รุ่นก่อนที่บรรลุกึ่งไร้ดัดแปลง!”
เมื่อได้อ่านรายชื่อ เหล่าผู้เชี่ยวก็อยากทดสอบว่าตนเองจะถูกจัดในลำดับที่เท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้น หากสังเกตุรายชื่อ บางชื่อจะเป็นสีดำ บางชื่อจะเป็นสีเทา
“ผู้อาวุโสสู่… เหตุใดบางชื่อเป็นสีเทา บางชื่อเป็นสีดำ และบางชื่อเป็นสีแดง...”
“ถึงเจ้าไม่ถามข้าก็กำลังจะบอกอยู่พอดี… ผู้ที่มีชื่อเป็นสีดำ คือผู้ที่รอดกลับมาจากดินแดนโลกล่มสลาย ส่วนสีเทาคือผู้ที่ตายอยู่ในนั้น”
คำกล่าวของชายชราทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายตกตะลุง
เพราะในหมู่รายชื่อทั้งหมด มีชื่อที่เป็นสีเทาอยู่ราว 4 ใน 10 ส่วน นั่นหมายความว่า อัตราส่วนของผู้ที่รอดและตายคือ 6 ต่อ 4
ผู้ที่ตายส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางและสูง แม้จะเป็นเช่นนั้น ยังถือได้ว่าดินแดนแห่งนี้อันตรายเป็นอย่างมาก
“แล้วสีแดง...” หนิงฝานที่เงียบมานานกล่าวถามขั้น
ผู้นำเผ่าปีศาจยักษ์รุ่นก่อน ชวี่หยาน… เป็นเพียงผู้เดียวที่มีชื่อเป็นสีแดง
“ผู้ที่มีชื่อเป็นสีแดงคือ ผู้ที่สังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้มากกว่า 100 ตัว! ข้าหวังว่าจะได้เห็นชื่อของสหายเต๋าซัวหมิงเป็นสีแดงเหมือนกัน”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดแสดงท่าทางนับถือต่อชื่อของชวี่หยาน
เมื่อยามนั้น ชวี่หยานใช้เวลาเพียง 1 ปี สังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมไป 100 ตัว คนผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่จะได้เป็นผู้นำเผ่าปีศาจยักษ์
เมื่อยามที่ชวี่หยานโลดแล่นอยู่ในโลก ผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มนี้บางคนยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
“สีแดง...” ดวงตาหนิงฝานดเป็นประกาย เขาอยากรู้ว่าความแข็งแกร่งของตนจะอยู่ในระดับไหน
“เช่นนั้นเชิญพวกเจ้าทุกคนมาทาบฝ่ามือลงบนจารึก จากนั้นถ่ายพลังของตนเข้าไป มันจะช่วยจัดลำดับให้พวกเจ้าเอง”
“ข้าขอก่อน!”
“ข้าคนที่สอง!”
แล้วการทดสอบก็ดำเนินไปถึง 3 วัน
ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนทยอยทาบฝ่ามือ ถ่ายพลังเพื่อสลักชื่อของตนลงไปบนจารึก หลายคนเลื่อนอันดับติดหนึ่งในพัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญทยอยสลักชื่อไปมากกว่าครึ่ง ผู้ที่ได้อันดับดีที่สุดก็ปรากฏ เป็นผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนใน ได้อันดับที่ 247!
การที่ไต่อันดับขึ้นไปได้ขนาดนั้น นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว!
“ขอข้าลองบ้าง!”
บุรุษในชุดคลุมแดงก้าวเข้ามา เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญเห็น ต่างส่งเสียงโห่ร้อง
คนผู้นี้คือผู้อาวุโส 6 แห่งนิกายผนึกอสูร ‘ฉู่เก้อ’
เมื่อมันทาบฝ่ามือ ชื่อของมันปรากฏยังอันดับที่ 174!
คนผู้นี้มีปราณ 9000 เกราะ เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งตัดวิญญาณ!
มันคือพี่ชายหยิงเก้อ ผู้อาวุโส 7 ของนิกายผนึกอสูรที่ถูกหนิงฝานสังหาร
“นั่นมันฉู่เก้อ 7 ชีวิต! คนผู้เป็นตำนาน ผู้ที่ใช้วิชาลับของนิกาย ผสานร่างกายตนกับศพอสูรแมว ทำให้มันกลายเป็นคนผู้มี 10 ชีวิต… ครั้งหนึ่งมันทุ่ม 3 ชีวิตเพื่อสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น ยามนี้จึงเหลืออยู่ 7 ชีวิต… ชื่อเสียงมันโด่งดัง ความแข็งแกร่งทำให้มันติดอันดับ 1 ใน 100 ของทะเลส่วนใน”
“ไอ้พวกโง่! ท่านหมิงใช้เพียงดรรชนีเดียวสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ จนกลายเป็นที่ยอมรับของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแห่งทะเลส่วนใน ฉู่เก้อไม่กล้ายั่วยุท่านหมิงแน่”
คำกล่าวนินทาของผู้คนทำให้ ฉู่เก้อสีหน้าแปรเปลี่ยนเย็นชา มันหันมองหนิงฝานด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ซัวหมิงทรงพลังจริง แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนด้อยขนาดนั้น… ท่านซือกู่สั่งไว้ว่า หากเข้าไปในดินแดนโลกล่มสลาย สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือนำแก่นสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมกลับมาให้ได้ 12 แก่น เพื่อนำมาบูชายัญให้กับสัตว์อสูรโบราณ… แต่เจ้าซัวหมิงสังหารหยิงเก้อ งานที่มันได้รบมอบหมายคงสำเร็จลุล่วง และมันก็ไม่ต้องมาตายแบบนี้… แม้ซัวหมิงจะอ่านความทรงจำของหยิงเก้อครั้งนั้น แต่มันไม่สมควรล่วงรู้ถึงความลับ”
แม้ฉู่เก้อจะเผยเจตสังหารเพียงชั่วพริบตากระทั่งยากจะสัมผัสถึง แต่หนิงฝานที่ผ่านการเข่นฆ่าสังหารมานับไม่ถ้วน ย่อมสัมผัสถึงเจตนาสังหารนั่นได้
มันถึงกับกล้าคิดร้ายตน ต่อให้มันมี 70 ชีวิต มันก็ต้องตาย!
ไม่นานนัก เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็ทดสอบไปเกือบจะทั้งหมด เหลือเพียงหนิงฝานลำพัง
เหล่าผู้เชี่ยวชาญรู้ว่าหนิงฝานสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ ลำดับชื่อย่อมเหนือกว่าฉู่เก้อ
“ไม่รู้ว่าลำดับท่านซัวจะติดหนึ่งในร้อยหรือเปล่า...”
“ข้าพนันว่าท่านซัวจะติด 1 ใน 50?”
“ข้าว่ายาก… น่าจะ 1 ใน 80”
“ฮึ่ม!”
ในขณะที่ผู้คนเดิมพันกันอย่างสนุกสนาน ฉู่เก้อก็แค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ
แม้มันจะมีหลายชีวิต แต่มันก็ไม่กล้ายั่วยุหนิงฝาน เพราะยามนี้ แรงกดดันของหนิงฝานทำให้มันยากจะต้านทาน
ตัวมันได้ลำดับ 174 แต่กลับมีคนคิดว่าหนิงฝานจะติด 1 ใน 50
“ข้าขอเดิมพันว่าอันดับของมันไม่ถึง 200! ยังไงซะ มันก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง!”
ฉู่เก้อกล่าวขัดและยุติบทสนมนาของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
ความแข็งแกร่งของหนิงฝาน ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะรู้ หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ไม่มีผู้ใดมองออกว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดไหน จะรู้แค่เพียงหนิงฝานคือผู้เชี่ยวดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆแอบหัวเราะฉู่เก้อในใจ เพราะมันไม่เชื่อว่าหนิงฝานเคยสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ในดรรชนีเดียว
ที่ฉู่เก้อเป็นเช่นนี้เพราะมีนอิจฉาหนิงฝาน
ก่อนหน้านี้ท่านซ่งกู่ได้กล่าวไว้ห้ามไม่ให้หนิงฝานทำร้ายคนของนิกายผนึกอสูร ดังนั้นหนิงฝานย่อมไม่กล้าทำร้ายมัน แต่หากจะลงมือ มันที่เคยสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ใน 3 ชีวิต สมควรสังหารหนิงฝานได้ใน 3 ชีวิตเช่นกัน
การที่มันไม่ยั่วยุหนิงฝาน ไม่ใช่เพราะมันไม่กล้าเป็นศัตรู
สู่ลู่ฉานหลี่ตา เหยียนซ่อสื่อแทบอยากจะตะโกนด่าทอ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หนิงฝานจะไม่ติดอันดับ 1 ใน 200!
ดรรชนีของหนิงฝานในวันนั้น แม้เป็นเหยียนซ่งสื่อและสู่ลู่ฉานก็ไม่อาจรับได้ อย่าว่าแต่ติดอันดับ 1 ใน 200… บางทีอาจติด 1 ใน 10 เลยก็เป็นได้
สู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อหันมองหนิงฝาน เป็นเชิงเร่งเร้าให้ไปวัดระดับ
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญที่มา ตงสู่พาสู่ฉุ่ยหลิงมาด้วย
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าว่าเขาจะได้อันดับที่เท่าไหร่...” ตงสู่ยิ้มพลางกล่าวถาม
“อันดับ 1!” นางกล่าวอย่างมั่นใจ
“หืม? เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกัน เจ้ากลับมองว่าบุรุษของเจ้าแข็งแกร่งที่สุดเสียแล้ว! ข้าว่า อย่างมากมันก้ได้แค่อันดับ 9 เท่านั้นแหละ...”
“ทำไม? นายน้อยซัวออกจะแข็งแกร่งมาก...” นางกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่รู้อะไร เผ่าปีศาจยักษ์ค้นพบดินแดนแห่งนี้เป็นคนแรก ในครั้งแรกที่ดินแดนแห่งนี้ถูกเปิดออก ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณสามารถเข้าไปภายในได้... ในอดีตยามที่ผู้นำเผ่าปีศาจยักษ์เข้าสู่ดินแดน มันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ยามนั้นข้าเป็นเพียงผู้เยาว์ในขอบเขตแก่นทองคำ… หลังจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเข้าไปในดินแดนหลายครั้ง สังหารสัตว์อสูรไปมากมาย จนทำให้ดินแดนเสียสมดุล กระทั่งผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่สามารถเข้าได้อีก… หากจะพูดง่ายๆ อันดับ 1 ถึง 8 สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้งหมด”
“แต่ข้าเชื่อเขา! นายน้อยซัวต้องได้อันดับหนึ่ง” นางยิ้มพลางกล่าว
“เห้อ… ทำไมเจ้าถึงมั่นใจขนาดนั้น… มันเป็นคนลึกลับจนข้าเองก็ไม่อาจเข้าใจ แต่ถ้าจะให้ติด 1 ใน 10 ก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี”
“เขาสามารถชี้แนะให้ท่านบรรลุไร้แบ่งแยกได้ ท่านคิดว่าใครจะเทียบเขาได้อีก?”
นางยิ้ม นางมั่นใจในตัวหนิงฝานอย่างบอกไม่ถูก
หนิงฝานเดินเข้าหาจารึก แววตาสงบเรียบเฉย
แต่เมื่อหยุดยืนหน้าจารึก แรงกดดันที่รุนแรงราวกับไม่เกรงกลัวอำนาจสวรรค์ก็ปะทุ
แรงกดดันราวกับสามารถสังหารทุกสรรพสิ่งได้ในฝ่ามือเดียว
“ข้าจะเป็นอันดับ 1!”
ชื่อซัวหมิงค่อยๆปรากฏบนจารึกอย่างช้าๆ… ในตำแหน่งที่เหนือกว่าชวี่หยาน!
อันดับ 1!
ชื่อซัวหมิงปรากฏยังอันดับ 1
ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดทายถูก
จารึกสังหารนี้ไม่ได้ตัดสินผู้เชี่ยวชาญที่ระดับพลัง
หนิงฝานหันมองฉู่เก้อด้วยสายตาเย็นชา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลัง ราวกับตนเองเป็นอสูรโบราณที่กำลังจับจ้องเหยื่อ จนทำให้ฉู่เก้อสั่นสะท้าน ผงะถอยไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัง เหงื่อกายไหลรินทั่วร่าง
ไม่รอด… มันไม่รอดแน่
หากมันยั่วยุคนผู้นี้ แม้มันจะชีวิตมากมายขนาดไหน มันก็ไม่อาจหนีพ้นความตาย!
“ชวี่หยานแล้วยังไง? ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแล้วยังไง? สถานที่ของข้าคือแดนสวรรค์ เหตุใดข้าจะพ่ายให้กับชวี่หยาน!”
ทันใดนั้นเอง ประตูดินแดนโลกล่มสลายที่ปิด ก็ถึงเวลาที่จะเปิด เจตนาแห่งการต่อสู้ของหนิงฝานปะทุ เมื่อประตูเปล่งแสง หนิงฝานก็ทะยานเข้าไปภายในทันที
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆยังไม่กล้าตามหนิงฝานไป พวกมันยังตกตะลึงไม่หาย
สู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อก็เช่นกัน แต่สู่ฉุ่ยหลิงกลับเผยรอยยิ้มที่งดงาม มีนางผู้เดียวที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของหนิงฝาน
“อาจารย์… หลิงเอ๋อร์พูดถูก!”
“เอ่อ… อา...ข้ายอมเจ้า เจ้ารู้ว่าซัวหมิงแข็งแกร่งยิ่งกว่าชวี่หยานงั้นเหรอ?”
“หลิงเอ๋อร์ไม่รู้หรอก… แต่หลิงเอ๋อร์เชื่อในตัวนายน้อยซัว ไม่ว่าจะในทะเลไร้สิ้นสุด วิหารพิรุณ โลกมนุษย์ทั้ง 9 หรือกระทั่งแดนสวรรค์ทั้ง 4… หลิงเอ๋อร์เชื่อว่าไม่มีผู้ใดเอาชนะนายน้อยซัวได้”
“เจ้าช่างหลับหูหลับตาเชื่อ”
“แต่การจะเชื่อใจใครสักคนอย่างสุดหัวใจก็ไม่ใช่เรื่องผิด!”....