ตอนที่ 369 การเตรียมการหลอมเหล็ก
ในช่วงสามวันนี้เฟิงหยูเฮงไม่ได้ออกจากคฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑล นางยังไม่รับแขกอีกด้วย นางขลุกตัวในห้องเก็บยาและเข้าไปในมิติร้านขายยา นางทำรายการสินค้าในมิติก่อนที่จะหยิบยาพิเศษบางอย่างที่สามารถบรรเทาผลกระทบของการติดยาเสพติดพร้อมกับเข็มฉีดยาออกมา
นางวางสิ่งเหล่านี้ไว้ในเคาน์เตอร์ที่มองเห็นได้มากที่สุดเพื่อให้พวกมันสามารถนำออกมาได้ในทันทีที่ต้องการ
การไปที่ค่ายทหารในครั้งนี้ เฟิงหยูเฮงเข้าใจว่าภารกิจที่สำคัญที่สุดของนางนอกจากการฝึกฝนกองทัพเจตจำนงค์แห่งสวรรค์ก็คือการหลอมเหล็กกล้า การหลอมเหล็กนั้นแตกต่างจากการผลิตเหล็ก คนของราชวงศ์ต้าชุนไม่เคยสัมผัสกับเทคโนโลยีนี้ และนางเองไม่ใช่ช่างตีเหล็กมืออาชีพ สิ่งที่นางมีคือความรู้เกี่ยวกับทฤษฎี แต่นางขาดประสบการณ์ นางต้องเลือกช่างตีเหล็กที่เหมาะสมเพื่อฝึกฝน นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีผู้ฝึกหัดที่จะเลือกอย่างระมัดระวัง ไม่เพียงแต่คนที่ฝึกฝนเพื่อหลอมเหล็กเท่านั้นที่จะต้องฉลาดและขยัน แต่พวกเขาก็ต้องอดทนต่อความยากลำบากด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องมีคุณธรรมและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า และพวกเขาจะต้องภักดีต่อราชวงศ์ต้าชุน
นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะในบริเวณที่พักผ่อน กระดาษแผ่นหนึ่งหล่นลงมานางเดินผ่านขั้นตอนการหลอมเหล็กในหัวของนาง จากนั้นนางก็หยิบปากกาออกมาและเขียนขั้นตอนหลอมเหล็กตั้งแต่การหลอมแร่เพื่อเติมคาร์บอนลงไปในเหล็ก ซึ่งมีทั้งหมด 20 ขั้นตอนถูกเขียนลงไป ในขณะเดียวกันนางก็เขียนวิธีการสำหรับแต่ละขั้นตอนพร้อมกับสิ่งที่ต้องสนใจเพิ่มเติม
นี่เทียบเท่ากับการให้บทเรียนตัวเองอย่างรวดเร็ว การพูดถึงความรู้นี้เป็นสิ่งที่นางเรียนรู้จากการเป็นทหารในกองทัพ คนผู้นั้นค่อนข้างแปลก ในศตวรรษที่ 21 มีทุกอย่างพร้อมใช้งาน แต่เขาก็ชอบที่จะทำทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น เขาทำทุกอย่างตั้งแต่การเป็นช่างตีเหล็กจนถึงทำเหล็ก อาวุธทั้งหมดที่เขาทำมีความหนาแน่นและแข็งแกร่งกว่าอาวุธอื่นๆ
ในขณะที่เขากำลังหลอมเหล็ก นางมีความอยากรู้อยากเห็นและดูตลอด แต่นางไม่เคยทำมันเอง กระบวนการนี้เป็นสิ่งที่นางจำได้ แต่ทฤษฎีก็เป็นเพียงทฤษฎี เฟิงหยูเฮงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ทุกอย่างยังคงต้องวิเคราะห์
นางยังคงอยู่ในมิติเป็นเวลา 1 วันและ 1 คืน ออกมากลางวันเพื่อทานอาหาร นอกจากนั้นนางไม่ได้ออกมาแม้แต่ครั้งเดียว นางเตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อหลอมเหล็ก นอกจากนี้นางยังหาพิมพ์เขียวสำหรับอาวุธบางอย่างที่นางออกแบบมาโดยหยิบเอาแบบที่เรียบง่ายและใช้งานได้จริงมาใช้ นี่จะเป็นการปรับปรุงอาวุธทหารของราชวงศ์ต้าชุนซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน
ในที่สุดเมื่อนางทำการบ้านเสร็จและออกจากมิติของนาง ฉิงหยูยืนอยู่ข้างนอกประตูพร้อมกับบัญชีจำนวนหนึ่ง เมื่อเห็นนางออกมานางพูดอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นรายงานสำหรับร้านค้าหลังจากสิ้นปี คุณหนูกำลังจะไปที่ค่ายทหาร ดังนั้นโปรดตรวจสอบก่อนออกเดินทางเจ้าค่ะ”
เมื่อเฟิงหยูเฮงเห็นรายงานนางรู้สึกว่าหัวสมองพองโต เมื่อนึกถึงตอนที่นางทำงานร้านขายยา นางมีพนักงานจัดการบัญชีทำให้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสรุปเท่านั้น นางเพียงแต่เซ็นต์ชื่อของนางเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจทั้งหมดของนางทำออนไลน์แล้วทำให้นางอ่านง่าย แม้ว่าจะมีความต้องการให้นางตรวจสอบบัญชี นางก็ยังต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์อัตโนมัติสำหรับธุรกิจ ทุกครั้งที่ฉิงหยูนำกองบัญชีมาให้นางดู นางรู้สึกว่าหัวสมองพองโต แม้ว่านางจะสามารถเอามันเข้าไปในมิติของนางเพื่อคำนวณสิ่งเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ นางก็ยังคงรำคาญอยู่
เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงรู้สึกหงุดหงิด ไม่มีอะไรที่ฉิงหยูจะทำได้ “ข้ารู้ว่าคุณหนูไม่ชอบที่จะเห็นสิ่งเหล่านี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าค่ะ ข้าจึงนำเรื่องนี้มาให้ตรวจก่อนเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วพูดกับนางว่า “ข้าก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน คราวนี้การไปค่ายทหารเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องภายในเมืองหลวงไม่สามารถเพิกเฉยได้ ข้าไม่สนใจร้านสมบัติที่ยอดเยี่ยมและร้านหงส์เพลิงมากเกินไป พวกมันเป็นเพียงธุรกิจที่มีรายได้อยู่ แต่ร้านห้องโถงสมุนไพรเป็นธุรกิจที่สำคัญ ฉิงหยู ทุกสิ้นเดือนไปที่ค่ายทหาร ข้าจะทิ้งผู้คุ้มกันลับไว้ให้เจ้า 2 คน เมื่อเจ้ามานำทหารองครักษ์สองสามคนมาจากคฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑล เจ้าต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเจ้าเอง”
ฉิงหยูพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ฉิงหยูเข้าใจดี”
เฟิงหยูเฮงได้รับบัญชีจากนั้นกล่าวว่า “ข้าจะตรวจเป็นครั้งสุดท้าย ในอนาคตเจ้าจะต้องจัดการ ในอนาคตเจ้าจะต้องบอกข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านห้องโถงสมุนไพร สำหรับร้านอื่น ๆ หากมีกำไรให้เก็บไว้ในคลังขององค์หญิงแห่งมณฑลโดยตรง”
นางใช้เวลาช่วงบ่ายตรวจบัญชี
ใจของเฟิงหยูเฮงไม่ได้อยู่ในบัญชีเลย นางรู้ว่าด้วยฉิงหยูอยู่ที่นี่จะไม่มีข้อผิดพลาดในบัญชีแน่นอน ไม่จำเป็นสำหรับนางที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของนาง มันเป็นเรื่องคฤหาสน์เฟิงที่นางต้องจัดการ มีหลายสิ่งที่นางกลัวว่านางจะไม่มีเวลาจัดการ นางสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ทีละขั้นตอนเท่านั้น
คืนนั้นเฟิงหยูเฮงยังคงเตรียมตัวเดินทางต่อไป นางได้ตัดสินใจที่จะเก็บองครักษ์เงาที่ส่งมาจากพระราชวังไว้ในคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล จะมีผู้คุ้มกันลับอยู่อีก 3 คนคอยปกป้องฉิงหยู และที่เหลือก็จะไปกับนาง เหยาซื่อจะไปกับนางด้วย ฉิงหลานมักจะดูแลนางก็จะไปเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีหวงซวนและวังซวน… นับเช่นนี้จะมีไม่กี่คนที่จะไป
นางนอนหลับไม่นาน ในช่วงเช้าของวันถัดมา นางนำหวงซวนและมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์เฟิงเพื่อคารวะฮูหยินผู้เฒ่า
ในเรื่องที่เกี่ยวกับการมาถึงของเฟิงหยูเฮง ฮูหยินผู้เฒ่าก็แปลกใจเล็กน้อย และกังวลเล็กน้อย นางไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับเฟิงหยูเฮงในไม่ช้า ซักพักนางไม่รู้ว่านางควรพูดอะไร
เฟิงหยูเฮงผู้ริเริ่มที่จะสนทนา นางบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “หลานจะออกจากเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ ไปค่ายทหารเพื่อหลอมเหล็ก การเดินทางครั้งนี้จะต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งหรือมากกว่านั้น อย่างน้อยที่สุดมันยังคงต้องใช้เวลาหลายเดือน ในช่วงนี้ข้าจะกลับมาได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ข้าจะไม่อยู่นาน วันนี้ข้าเพื่อบอกท่านย่า ท่านย่ามีอะไรจะแนะนำข้าหรือไม่เจ้าคะ”
คำพูดของเฟิงหยูเฮงทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ทุกคนรู้ว่านางจะหลอมเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุนไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เหยาซื่อถูกทำร้ายอย่างลับ ๆ และนางเพิ่งจะทำร้ายองค์ชายสาม ผู้คนในคฤหาสน์ต่างก็ตกตะลึง แม้แต่เฟิงจินหยวนก็ได้รับบาดเจ็บที่ขาหลังจากที่คุกเข่าเป็นเวลานาน ทุกคนรู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงควรจะอยู่ที่คฤหาสน์นานกว่านี้ในสถานการณ์แบบนี้ ในท้ายที่สุดนางบอกว่านางจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีทันใด
ฮูหยินผู้เฒ่าถาม “ทำไมเจ้าถึงไปอย่างกะทันหัน ?”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม และกล่าวว่า “มันไม่สามารถพิจารณาได้ในทันที จากการเฉลิมฉลองปีใหม่จนถึงตอนนี้ หากไม่ใช่เพราท่านพ่อแต่งงาน ตอนนี้ข้าอาจอยู่ในค่ายทหารแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีอะไรจะพูด อย่างไรก็ตามนางคิดกับตัวเองว่าการจากไปของนางนั้นดีเช่นกัน หลังจากที่เฟิงหยูเฮงจากไป ในที่สุดนางก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่จำเป็นที่นางจะต้องกังวลตลอดเวลาที่นางจะมาตรวจสอบ
ในความเป็นจริงหลายคนคิดแบบนี้ พวกเขากลัวที่จะถูกสอบสวน แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดตนเองจากการทำชั่ว
เฟิงหยูเฮงมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วมองไปที่คังอี้ซึ่งอยู่ข้างนาง นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวว่า “เนื่องจากท่านย่าไม่มีคำแนะนำมากมาย ท่านแม่มีหรือไม่เจ้าคะ ?”
คังอี้เป็นคนที่พูดจาได้ดีมาก เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงพูดกับนาง นางก็พูดทันที “เจ้ามีความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ข้าข้าให้เจ้าใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการหลอมเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุน นี่เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับครอบครัว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะดูแลท่านย่าและท่านพ่อของเจ้าเอง”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องดี สำหรับองค์หญิงรุ่ยเจีย ข้าได้มอบวิธีการรักษาให้กับหมอหลวงแล้ว ข้าบอกเสด็จพ่อเพื่อขออนุญาตให้ท่านแม่เข้าไปในพระราชวังทุกครึ่งเดือนเพื่อเยี่ยมนาง”
คังอี้ดีใจและขอบคุณนาง มันเป็นเพียงว่านางพร่ำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งเป็นเรื่องน่าขันมากที่คนของคฤหาสน์เฟิง เฟิงเฟินไดอยากจะบอกว่าเฟิงหยูเฮงเป็นคนเฆี่ยนบุตรสาวของนางจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ แต่ตอนนี้เจ้ายังจะขอบคุณนางอีกหรือ ? อย่างไรก็ตามเมื่อนางจำได้ว่าฮันชิได้กล่าวว่านางจะต้องไม่ล่วงเกินพี่รองของนาง เฟิงหยูเฮงยังกล้าที่จะฆ่าองค์ชาย ดังนั้นนับประสาอะไรกับนาง ? ดังนั้นคำพูดที่มาถึงปากของนางจึงถูกกลืนลงไป
จะต้องมีการกล่าวว่าการคารวะที่เรือนซูหยาเคยมีชีวิตชีวามาก ไม่ว่าจะเป็นเฟิงเฉินหยูหรือเฟิงเฟินไดรวมถึงเฉินซื่อ พวกเขาทุกคนต่างก็ต่อสู้เพื่อประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากนั้นก็มีจินเฉินที่คอยนวดขาและไหล่ของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มเพลิดเพลินกับการประจบเหล่านี้น้อยลง เช่นวันนี้หลังจากเฟิงหยูเฮงพูดจบ ห้องโถงก็เงียบ บางครั้งเสียงของถ้วยน้ำชาที่ถูกวางลงจะสามารถได้ยินพร้อมกับเสียงของทุกคนที่หายใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มรู้สึกเบื่อและตัดสินใจโบกมืออย่างแรงโดยไล่ทุกคน “เอาล่ะ ถ้ามีไม่อะไรแล้ว ทุกคนก็ออกไปได้”
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนการนิรโทษกรรมเพราะทุกคนถอนหายใจยาว เมื่อยืนขึ้นพวกเขาก็ทักทายกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ามองดูผู้คนที่จากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รู้สึกถึงความหน้าซื่อใจคดของโลก เมื่อมองดูคังอี้ที่อยู่ข้างหลัง นางเริ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย นางพูดกับคังอี้ “ไม่ว่าในกรณีใด การอนุญาตให้เจ้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเยี่ยมรุ่ยเจียนั้นค่อนข้างดี”
คังอี้ถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากรุ่ยเจีย ท่านแม่ไม่ต้องกังวล คังอี้จะไม่โกรธใครเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ถูกต้อง หากนางสามารถหลอมเหล็กได้ บางทีราชวงศ์ต้าชุนอาจตามใจนางทุกอย่างก็ได้”
คังอี้อยากจะบอกว่าเฟิงหยูเฮงทำตามที่นางพอใจในตอนนี้ ! แต่คำเหล่านี้พูดได้ในใจนางเท่านั้น พวกเขาจะพูดออกมาดัง ๆ ได้อย่างไร ? ยิ่งกว่านั้นในเวลานี้นางต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอื่นที่มีความสำคัญมากกว่าเฟิงหยูเฮงที่กำลังจะไปหลอมเหล็ก
เฉียนโจวและราชวงศ์ต้าชุนนั้นเปลือกนอกคงดูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่สถานการณ์ที่แท้จริงนั้นมีคลื่นใต้น้ำแอบแฝงอยู่ แต่เดิมเฉียนโจวกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถในการหลอมเหล็ก น่าเสียดายที่ก่อนที่พวกเขาจะได้รับมันก็ล้าสมัยไปแล้วโดยเหล็กของเฟิงหยูเฮง เมื่อได้ยินว่าองค์ชายแห่งซงซุยเข้ากันได้ดีกับองค์ชายหยู วิกฤตของเฉียนโจวก็มากยิ่งขึ้น
นางหลับตา นางไม่สามารถอนุญาตให้เฟิงหยูเฮงประสบความสำเร็จในการหลอมเหล็กได้ นางทำไม่ได้อย่างแน่นอน !
ประตูเล็กในเรือนศจีที่เชื่อมต่อคฤหาสน์เฟิงถูกปิดตายโดยเฟิงหยูเฮง เมื่อนางมาถึงคฤหาสน์เฟิง นางเดินผ่านประตูด้านหน้า นั่นคือเหตุผลที่นางต้องเดินไปรอบ ๆ ลานบ้านเมื่อกลับมา
เฟิงเซียงหรูเดินตามเฟิงหยูเฮง หลังจากออกจากเรือนซูหยาแล้วก็ตาม แม้กระทั่งจนถึงทางเข้าของคฤหาสน์เฟิง เฟิงหยูเฮงทำอะไรไม่ถูกและถามว่า “ถ้าเจ้าอยากจะพูดกับข้า เจ้าก็พูดออกมา ถ้าเจ้าเดินตามข้าต่อไป เจ้าจะไปไกลแค่ไหน ? อีกสักครู่ข้าจะเข้าไปในคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล เจ้าจะเข้าไปหรือไม่ ?”
ดวงตาของเฟิงเซียงหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “พี่รอง”
“อย่าร้องไห้” เฟิงหยูเฮงชี้ไปที่องครักษ์หน้าคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล “ข้าบอกไปแล้วว่าหากเจ้ามีปัญหาในอนาคตเพียงไปหาฉิงหยู เมื่อเจ้ามา พวกเขาจะไม่หยุดเจ้า แต่ในขณะที่ข้าไม่อยู่ที่นี่ เจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น อย่ากินอาหารจากฝีมือของคนอื่นในคฤหาสน์นี้”
น้ำตาของเซียงหรูไหลออกมา “พี่รองไม่โทษข้าใช่หรือไม่ ?”
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ถ้าข้าโทษคนอื่นสำหรับทุกสิ่ง ข้าจะไม่มองว่าทุกคนเป็นสัตว์ร้ายในอนาคตหรือ และหลีกเลี่ยงพวกเขาราวกับพวกเขาเป็นโรคระบาดหรอกหรือ ?”
ขณะที่นางพูด อันชิก็ตามพวกเขาออกไปจากคฤหาสน์ เฟิงหยูเฮงแนะนำนางว่า “ถ้าคังอี้ทำให้เจ้าเดือดร้อนในคฤหาสน์เฟิง พี่น้องเฉิงจะช่วยเจ้าได้ หากมีสิ่งใดที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้นให้มาหาฉิงหยู นางจะติดต่อข้า”
อันชิไม่คิดว่าเฟิงหยูเฮงจะเชื่อใจพวกนางมากนัก ชั่วครู่หนึ่งนางรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยิ้มแล้วพูดกับพวกเขาว่า “กลับไปเถอะ ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเตรียม จำไว้ว่ามันดีพอถ้าเจ้าสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถรอจนกว่าข้าจะกลับมาถึงสนทนากัน”
การกล่าวคำอำลากับอันชิและเฟิงเซียงหรู เฟิงหยูเฮงนำหวงซวนกลับไปที่คฤหาสน์องค์หญิงแห่งมณฑล ในขณะที่เดิน นางพูดกับหวงซวน “แจ้งยามเฝ้าประตู ก่อนคืนนี้ถ้าคนจากคฤหาสน์เฟิงจะมาเยี่ยม บอกให้พวกเขาอนุญาตให้พวกเขาเข้ามา พวกเจ้าควรเตรียมตัวด้วย สิ่งแรกในวันพรุ่งนี้เราจะมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารทันที !”