บทที่ 242 - แกน่ะตายไปแล้ว (5) [06-12-2019]
บทที่ 242 - แกน่ะตายไปแล้ว (5)”
จิตใจของเทลาก้าในตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวายอย่างมาก ทั้งๆที่เขาได้ไปทั่วทั้งทวีปดาเรย์พร้อมกองทัพมังกรทั้ง 5,000 แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาได้เจอกลับมีแต่การปะทะกับสวนอาทิตย์อัสดงเท่านั้น และเขายังจเอกับพวกกองทัพสวรรค์และกองทัพจรัสแสงที่กำลังเข้ามาอีกด้วย
เขากระทั่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สร้างเรื่องวุ่นวายนี่เป็นใคร แต่ว่าจากการที่ฝ่ายสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสี่ฝ่ายมารวมกันที่นี่แล้วทำให้ในมุมมองของเทลาก้าก็ยังต้องถอนหายใจ
[มันเป็นไปได้ด้วยงั้นหรอที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะซ่อนตัวตนได้ดีแบบนี้? หรือว่าบางทีเจ้านั่นอาจจะตายไปในระหว่างสู้กับสวนอาทิตย์อัสดงไปแล้ว...?]
[ท่านเทลาก้า ทำไมเราไม่ขยายขอบเขตการค้นหากันล่ะ]
[ไม่ พวกนายต้องอย่างแยกกัน แค่ทูตสวรรค์ เทวดาตกสวรรค์ หรือผู้เฝ้าประตูของสวนอาทิตย์อัสดงแม้แต่แค่คนเดียวก็มากพอจะฆ่าพวกนายทั้งหมดแล้ว จำเรื่องนี้เอาไว้ด้วย]
[ขะ เข้าใจแล้วครับ]
ระหว่างทางเทลาก้าก็ยังได้รับการติดต่อมาจากค่ายของกองทัพปีศาจวิบัติอีกด้วย แต่แน่นอนว่าเขาไม่สนใจ พวกนั้นคงจะมาประจบเขาหลังจากเสียใจที่สร้างความขัดแย้งกับเทลาก้า แต่ว่าพวกพันธมิตรที่ไรประโยชน์มันอันตรายยิ่งกว่าศัตรูซะอีก เขาไม่อยากจะไปร่วมมือกับพวกนั้นอีกแล้ว
ยังไงก็ตามถ้าพวกระดับสูงรู้เรื่องนี้พวกนั้นคงจะโกรธแน่ และเพื่อป้องกันเรื่องนี้เขาก็จะต้องกันไม่ให้มีการติดต่อใดๆไปให้กับสำนักงานใหญ่ที่อยู่กำแพงแห่งความโกลาหล ตอนนี้พวกนั้นคงจะเจ็บปวดมากๆสินะ เขารู้สึกดีขึ้นนิดๆแล้วสิ
[ฮึ่ม นี่แหละคือสิ่งที่ต้องชดใช้สำหรับพวกงี่เง่านั่น]
แน่นอนว่าในตอนนี้ 'พวกงี่เง่า' นั่นได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่ว่าเทลาก้าไม่เคยจะคิดถึงเรื่องแบบนี้เลย โดยเฉพาะที่ว่ามีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่เขากำลังค้นหาอยู่กล้าบุกเข้าไปในค่ายที่มีแต่สิ่งมีชีวิตชั้นสูง
[ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าหมอนี่มันใช้วิธีไหนซ่อน แต่ว่านี่มันแทบจะซ่อนตัวได้สมบูรณ์แบบแล้ว ฉันไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด แต่ว่าฉันก็ทำได้แต่ต้องเฝ้าระวังในสถานการณ์นี้... ไม่สิ]
เทลาก้าได้คิดนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น
[นับจากนี้ไปเราจะไปโจมตีกองทัพสวรรค์ตรงๆ]
มังกรที่เหนื่อยเล็กน้อยจากการค้นหามาตลอด ได้แต่กระพริบตาสับสนกับคำประกาศก้าวของเทลาก้า
[ไม่ใช่ว่าท่านเพิ่งจะบอกว่าเราต้องเฝ้าระวังในสถานการณ์นี้หรอกหรอ?]
[ถ้าในโลกนี้มีแค่เรางั้นจะช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หยุดไปคิดถึงพวกหลบซ่อนได้แล้ว ถึงพวกนายจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย แต่ว่าพวกนายก็ได้แต่ต้องก้าวไปต่อในเมื่อก้าวเท้าออกมาแล้ว]
อย่างน้อยที่สุดเทลาก้าก็ได้ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด ในโลกที่หยุดพัฒนาลง เขาได้ดิ้นรนกระเสือกกระสนจนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ยิ่งหลังจากเขากลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ความฝันของเขาก็ยิ่งกว้างไกลยิ่งขึ้นไปอีก เขาได้เอาตัวเองเข้าไปในสนามรบแล้วสนามรบครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่จะไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีกเขาก็แทบจะตายไปหลายครั้งแล้ว แต่ว่านี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในคลาส 6 ในเวลาไม่กี่ปีอีกด้วย
แน่นอนว่าการทำอะไรด้วยความเสี่ยงมันก็ไม่ดีเช่นกัน ดังนั้นเทลาก้าจึงอธิบายเหตุผลที่ทำไมเขาถึงไปโจมตีทูตสวรรค์ออกมา
[ภายนอกพวกเราในตอนนี้คือกำลังเป็นพันธมิตรกับกองทัพจรัสแสง ดังนั้นการไปเป็นศัตรูกับพวกนั้นจึงไม่เป็นเรื่องดีเลย การถูกพวกระดับสูงพวกกดลงมามันไม่ดีเลยสักนิด นอกไปจากนี้สวนอาทิตย์อัสดงก็น่าจะเคร็งเครียดจากการถูกโจมตีอยู่แล้วเช่นกัน ดังนั้นการไปยั่วยุพวกนั้นก็ไม่ได้อะไร ส่วนอีกด้านทางฝั่งกองทัพสวรรค์ที่เพิ่งมาถึงโลกใบนี้ทำให้พวกมันยังไม่ได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของที่ดาเรย์ดีนะ นี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วที่จะเข้าโจมตี แต่แน่นอนว่าฉันไม่ได้คิดที่จะไปสู้แบบเอาถึงตาย หลังจากที่การซุ่มโจมตีได้ผลแล้วเราจะถอยกันทันที]
[ทูตสวรรค์... เข้าใจแล้วครับ พวกเราจะไปเตรียมพร้อม]
[ถ้าเป็นเวทย์รวมพลังเวทย์ของเราทั้งหมด ต่อให้จะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็จะ...]
หลังจากได้ยินว่าพวกเขาจะต้องไปซุ่มโจมตีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงพวกเขาต่างก็ตึงเครียดขึ้นมา ในระหว่างเทลาก้ากำลังเปิดใช้งานเวทย์ค้นหามานาของทูตสวรรค์ที่เขาสัมผัสได้เมื่อครั้งล่าสุด พวกมังกรคนอื่นๆต่างก็ปลอบตัวเอง
แต่ก็แน่นอนว่ามีเวทย์แทรกแซงที่กองทัพสวรรค์ได้ร่ายเอาไว้ทั่วทั้งโลกเพื่อลบร่องรอย แต่เทลาก้าคือสิ่งมีชีวิตคลาส 6 และยังมีสายเลือดของมังกรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์เป็นพิเศษอีก ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะหาได้เจอแน่นอน
[ดีล่ะ เจอแล้ว]
ริมฝีปากของเทลาก้าได้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มออกมา ในตอนนี้เขารู้ถึงที่อยู่ที่ทูตสวรรค์รวมกันอยู่แล้ว
[รวมเวทย์ทุกคนด้วยกันแล้วร่ายเวทย์ต้านการจดจำกับฉัน ฉันจะไปซุ่มโจมตีพวกมันทำให้เกิดความวุ่นวายก่อนแล้วพวกนายค่อยตามมา ไม่ว่าพวกนายจะอ่อนแอแค่ไหนแต่หากอยู่รวมกันอย่างน้อยก็จะต้องฆ่าได้สักสิบคน ยิ่งเราสู้ด้วยเอาชีวีตเข้าแลกพวกนายก็จะแกร่งขึ้น]
[เข้าใจแล้วครับ!]
[พวกเราจะเอาชีวิตไปทิ้งกัน!]
แม้ว่าจะมีคนไม่ชอบกับวิธีการของเทลาก้า แต่ว่าก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา พวกเขาได้แต่ทำตามเท่านั้นเอง
เทลาก้าก็รู้ดีว่ามีคนที่ไม่ได้ภักดีกับเขามากขนาดนั้น แต่่ว่าเขาก็ไม่สนใจเลย ก็แค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทำไมเขาต้องไปสนใจด้วย
[พวกเรากำลังจะไปลบทุกๆอย่างกัน]
กองทัพมังกรได้เคลื่อนพลกันแล้ว การฆ่าทูตสวรรค์สักคนมันก็เพียงพจะยกระดับต่ำแหน่งในกองทัพปีศาจวิบัติให้เขาแล้ว! แต่ว่าเทลาก้าไม่ได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคพวกของเขาเลย เขาในตอนนี้กำลังฝันหวานอยู่
ในขณะเดียวกันยูอิลฮานที่เป็นผู้ทำลายฝันของเทลาก้าได้พาคนที่เหลือทั้งหมดเข้ามาในป้อมปราการทั้งสองพร้อมทั้งได้รับการติดต่อมาจากเอิลต้าและเผยตำแหน่งของเขาให้กับทูตสวรรค์รู้
[ไม่เจอกันนานเลยนะยูอิลฮาน]
โชคชะตามันช่างเล่นตลกอะไรกันนะ? คนที่มาหาเขาก็คือทูตสวรรค์ที่เป็นหนึ่งในคนที่ทำพันธสัญญากับเขา สเปียร่า
[นายแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ เอาเถอะ ในเมื่อนายทนผ่านสภาพแวดล้อมของโลกที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาได้นี่มันก็เป็นเรื่องธรรมแล้วล่ะเนอะ]
"ไม่เจอกันนานเลย สเปัยร่า"
ยูอิลฮานไม่มั่นใจในเรื่องการซ่อนสีหน้าของเขาเลย แต่จากการที่เห็นรอยยิ้มจากสเปียร่ามันก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำสำเร็จ
[คนที่รู้ที่ที่นายอยู่มีแค่เอิลต้ากับฉันเท่านั้น ฉันเป็นคนที่อยากจะมาที่นี่และเอิลต้าก็ให้โอกาสนี้กับฉัน]
ใช่ จริงๆนั่นแหละ เขาได้คิดทั้งวันว่าจะจัดการกับเธอยังไง แต่ยังไงก็ตามสเปียร่าก็ดูจะไม่รู้เลย เธอแค่หยักหน้าด้วยความอึดอัดใจเท่านั้นเอง
[ถึงฉันจะไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย แต่นายก็ได้เรียนรู้การหนีออกมาจากโลกนั่นด้วยตัวเองแล้ว นี่มันน่าทึ่งมากๆเลยนะ มันเป็นพลังที่ได้มาใหม่จากคลาสรองงั้นหรอ?]
"ใช่แล้ว"
[งั้นเอิลต้าก็พูดถูกสินะ นายน่ะอยู่เหนือกว่าที่ฉันคิดเสมอเลย... ฉันยินดีมากเลยจริงๆนะที่ได้มาเจอนายอีกครั้งแบบนี้]
"...อืม ฉันก็ด้วย"
ยูอิลฮานได้คิดว่าจิตใจของคนนั้นลึกลับมากๆ นี่มันเพราะว่าเขาไม่คิดว่าสเปียร่าจะโกหกเลย ในตอนนี้เธอรู้สึกยินดีจริงๆที่ได้มาเจอกับเขา และได้เห็นเขาปลอดภัย
ยูอิลฮานไม่รู้ว่าเธอมีบทบาทอย่างไรในการเจรจาระหว่างกองทัพสวรรค์กับฝ่ายอื่นๆ แต่ว่าจากการที่เห็นเธอเกลียดพวกทรยศมาก เขาก็พอจะเดาได้ว่าหากเป็นฝ่ายอื่นๆเธอคงไม่แสดงทัศนคติในแง่บวกแบบนี้แน่
แต่ถึงแบบนั้นการที่กองทัพสวรรค์ทอดทิ้งโลกของเขามันก็ยังเป็นเรื่องจริงด้วย และยังมีการที่พวกกองทัพสวรรค์ทอดทิ้งเด็กๆไร้เดียงสาโดยไม่แยแสเลยแม้แต่นิดอีกด้วย
แม้ว่าตัวสเปียร่าจะไม่ใช่คนที่จิตใจชั่วร้าย แต่เธอก็เห็นด้วยกับทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์กับองค์กรของเธอ นี่มันไม่ใช่ว่าเธอเป็นเหมือนพวกคลั่งศาสนางั้นหรอ? หรือว่าเพราะความเห็นของเธอคนเดียวมันไร้ความหมายในสังคมแบบนั้นกันนะ? ยูอิลฮานได้เริ่มกลัวกับกองทัพสวรรค์ เขายังกลัวว่ากองทัพของเขาเองก็จะเป็นแบบนั้นด้วย แต่ว่าพอคิดแบบนั้นแล้ว พวกเขาก็เป็นแบบนั้นไปแล้วเหมือนกัน
ระหว่างที่ยูอิลฮานกำลังคิดถึงทิศทางที่เขาจะนำกองทัพของเขาไปต่อในอนาคต สายตาของสเปียร่าก็คมกริบขึ้นมา
[แล้วนายได้เรียนหอกสะบั้นจักรวาลไหม?]
"ไม่ ฉันยังไม่ได้เรียน"
[นายยังมีพื้นที่ในการพัฒนาอีกมาก แต่ว่าทำไมนายถึงไม่เรียนหอกสะบั้นจักรวาลล่ะ! นายรู้ไหมว่าฉันจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะสอนเทคนิคนั่นให้กับนาย!]
ไม่หรอก บางทีในใจของเธอยูอิลฮานอาจจะเป็นคนที่มากกว่าคนที่เรียนเทคนิคของเธอไป ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมา เขาคิดว่าเธอคนนี้ก็แทบจะเหมือนกับเลียร่าเลย
[ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะสอนนายไม่ได้เพราะมีสงครามอยู่ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำให้สงครามเป็นชัยชนะของเราได้เมื่อไหร่ ตอนนั้นฉันก็จะสอนให้นายจริงๆจังๆได้ แล้วก็นะ... ใช่แล้ว ไปที่โลกนายก็ด้วย ฉันจะเป็นส่วนหนึ่งในพลังของนาย]
"ใช่แล้ว ไปที่โลกฉันด้วยกัน"
ยูอิลฮานได้หยักหน้ายอมรับคำพูดของเธอและยื่นมือออกไปจับมือเธอ
"ฝากตัวด้วยนะสเปียร่า"
[ฉันก็ฝากตัวด้วยยูอิลฮาน ฉันเริ่มจะชอบนายแล้วสิ ฉันจะรอวันที่นายจะเข้ามาในกองทัพสวรรค์นะ]
ทั้งสองคนต่างก็จับมือกันด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน การเป็นพันธมิตรแค่เพียงเปลือกนอกได้เกิดขึ้นมาแล้ว
[แล้วนายจะมารวมกับเราไหม?]
"ไม่หรอก เธอก็รู้นี่ว่าพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันก็คือการซ่อนตัว ฉันจะให้ความร่วมมือกับพวกเธอ แต่ว่าฉันจะรักษาระยะห่างระหว่างเรากับค่ายหลักของกองทัพสวรรค์"
[...นี่นายกำลังจะบอกว่านายจะซ่อนป้อมปราการขนาดใหญ่สองอันนี่จากสายตาของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง?]
ยูอิลฮานได้เปิดช่องเก็บของเขาเล็กๆ เมื่อได้เห็นภูเขาซากศพภายในได้ทำให้สเปียร่าหมดคำพูดไป
[นี่มัน...]
"เพราะแบบนี้กองทัพปีศาจวิบัติก็น่าจะอ่อนแอลงไปแล้ว มังกรคลาส 6 ก็น่าอันตรายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามมันก็ดีกว่าการเข้าไปโจมตีสวนอาทิตย์อัสดงแหละนะ"
[ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบการต่อสู้หรอกนะ แต่ว่าฉันตามการบุกของนายไม่ทันเลยจริงๆ... ฉันเข้าใจจุดยืนของนายแล้ว ทำตามนายต้องการเถอะ ไม่สิ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้การที่นายซ่อนตัวในเงามืดมันก็คงดีกับฉันมากกว่าซะอีก]
"แน่นอนสิ"
สเปียร่าได้ส่ายหัวออกมาและลงมายืนบนป้อมปราการ ทันใดนั้นเองเธอก็เอียงหัวออกมา
[นี่... เลียร่าอยู่ที่นี่?]
"เธอกำลังหลับอยู่ ฉันได้ยืมมือเธอสร้างผลลัพธ์ที่เธอเพิ่งเห็นไปนี่แหละเลยทำให้เลียร่าเหนื่อยมาก"
[...เธอกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแล้ว?]
"ใช่แล้ว"
[แล้วเธอก็ได้นายไปแล้ว?]
"ใช่แล้ว"
รอยยิ้มบนริมฝีปากของสเปียร่าได้ขมขื่นขึ้นมา ยังไงก็ตามในเวลาต่อมาเธอก็หยักหน้ายิ้มเจิดจ้าให้กับยูอิลฮานอย่างไม่เคยมีมาก่อน
[ดีจังเลยนะ มันถึงเวลาเธอได้ปลดปล่อยแล้ว เธอแคร์นายมากยูอิลฮาน ถ้าเป็นนายในอนาคต... นายจะต้องปกป้องเธอได้แน่]
"เธอไม่ขอให้เลียร่ากลับไปที่กองทัพสวรรค์งั้นหรอ?"
[ตอนนี้ฉันเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่แล้ว เธออาจจะวางความคาดหวังที่เป็นไปได้ยากเอาไว้ แต่ว่านายกลับน่าทึ่งจนทำให้ความคาดหวังของเธอล้นจน 120% ไปแล้ว แต่ว่านะ... ฟุฟุ]
ยูอิลฮานมั่นใจเลยว่าในเวลานี้เขาได้เห็นสีหน้าของสเปียร่าคล้ายกับสีหน้าของคนที่เกลียดชังในตัวเอง
[ถ้านายเข้ามาในกองทัพสวรรค์ ถ้างั้นเลียร่าก็จะกลับมาเอง ฉันมั่นใจว่าเธอคงจะพูดอะไรอย่างการแต่งงานในสวรรค์แน่ ดังนั้นฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูดกับเลียร่าแล้วล่ะ]
หลังจากพูดจบสเปียร่าก็หยิบหอกออกมายืนข้างๆยูอิลฮาน
[ไปกันเถอะยูอิลฮาน ฉันเคยคิดไว้ว่าจะได้สู้เคียงข้างนายก็ต่อเมื่อนายกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แต่ว่าฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้]
"เธอพูดถูก ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันแบบนี้จะมาถึง"
ชีวิตคือเรื่องตลก ในตอนที่ยูอิลฮานถูกทิ้งเอาไว้เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายมาเป็นคนที่มีพลังมากขนาดนี้จนมามีส่วนร่วมในสงครามใหญ่ๆได้เพียงแค่เพื่อต้องการเอาชีวิตรอด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขายังจะต้องมาปิดบังความตั้งใจจริงต่อสเปียร่าอีกด้วย
"มันตลกจริงๆเลยเนอะ"
[ก็จริงแหละนะ]
ทั้งสองคนได้ยิ้มให้กันสั้นๆและมองออกไปด้านหน้า ยูอิลฮานได้ทำให้ป้อมปราการทั้งสองเข้าสู่การปกปิดตัวตนและเปิดใช้งานวงเวทย์โดยไม่ลังเลใจ
ในสถานที่ที่พวกเขาได้ไปคือที่ที่มังกรกับทูตสวรรค์กำลังทำสงครามกันอยู่